>>> รายย่อยเล็งฟ้องแพ่งโบรกฯคันทรี่10ล.อ้างเหตุลวงซื้อPAO

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
syj
Verified User
โพสต์: 4241
ผู้ติดตาม: 0

>>> รายย่อยเล็งฟ้องแพ่งโบรกฯคันทรี่10ล.อ้างเหตุลวงซื้อPAO

โพสต์ที่ 1

โพสต์

รายย่อยเล็งฟ้องแพ่งโบรกฯคันทรี่10ล.อ้างเหตุลวงซื้อPAO
updated: 14 ต.ค. 2556 เวลา 10:19:48 น.

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

โบรกฯคันทรี่ฯถูก "ปภาวิชญ์" เตรียมฟ้องแพ่งเฉียด 10 ล้านบาท เหตุถูกลวงให้ซื้อหุ้น PAO นอกตลาด โดยการรับประกันราคาหลังกลับเข้ามาเทรดใหม่พุ่งแตะ 3 บาท และแนะให้ซื้อถัวเฉลี่ยเมื่อราคาไม่เป็นตามคาด ส่งผลขาดทุน ด้าน "เสี่ยไมค์" ชี้ปล่อยให้คนที่เกี่ยวข้องไปดูแลกันเอง

นายปภาวิชญ์ โนบุ นักลงทุนรายย่อยที่ได้รับความเสียหายจากการลงทุนในหุ้นของ บมจ.อั่งเปา แอสเสท หรือ PAO (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น บมจ.ณุศาศิริ หรือ NUSA) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาตนได้เปิดบัญชีซื้อขายกับบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) คันทรี่ กรุ๊ป (CGS) และได้รับความเสียหายจากการลงทุนอย่างมาก

เนื่องจากเจ้าหน้าที่การตลาดของคันทรี่ฯได้ชักชวนให้ซื้อหุ้น PAO ซึ่งในขณะนั้นเป็นหุ้นที่ยังอยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ฯ และรับประกันว่าในวันที่ 9 ก.ย. 2554 หุ้นดังกล่าวจะกลับเข้ามาซื้อขายอีกครั้ง ในราคาที่ 2-3 บาทอย่างแน่นอน ทำให้ตนตกลงใจซื้อ 3 แสนหุ้น ราคาหุ้นละ1.50 บาท รวมเป็นเงิน 4.5 แสนบาท

อย่างไรก็ตาม เมื่อราคาที่ซื้อขายไม่เป็นไปตามคาด เจ้าหน้าที่การตลาดรายเดิมได้แนะนำตนให้ซื้อถัวเฉลี่ยต่อ และรับประกันว่าราคาหุ้นจะขึ้นอย่างแน่นอน ตนจึงซื้อหุ้นเพิ่มอีก 2.5 ล้านหุ้น เป็นเงิน 2.23 ล้านบาท จนขาดทุนอย่างหนักอีกครั้ง

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ฯว่า เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2554 ราคาหุ้น PAO เปิดซื้อขายที่หุ้นละ 1.15 บาท โดยขึ้นสูงสุดที่ 1.25 บาท และลงต่ำสุดที่ 0.68 บาท ก่อนจะมาปิดที่ 0.73 บาท และนับจากวันดังกล่าวจนถึงปัจจุบัน (10 ต.ค.) พบว่าราคาหุ้นเคยขึ้นไปสูงสุดที่ 1.45 บาท เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2556

นายปภาวิชญ์กล่าวอีกว่า จากกรณีที่เกิดขึ้นตนจึงได้ยื่นฟ้องต่อศาลอาญากรณีที่ถูกนายกฤศณสรรค์ ธีรพรอมรรัตน์ และนางสาวอุไรวรรณ ปานะสุทธะ เจ้าหน้าที่การตลาด CGS กรณีลวงให้ซื้อหุ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยในวันที่ 16 ต.ค.นี้ศาลจะนัดสืบพยาน ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้มีหนังสือออกคำสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้ไปทั้งสิ้น 8 ราย

"การสืบพยานวันที่ 16 ต.ค.นี้ แม้จะผมอาจจะชนะคดี แต่ไม่ได้หมายความว่าจะได้รับเงินชดเชยค่าเสียหาย เพราะต้องไปฟ้องในคดีแพ่งก่อน ดังนั้นหลังตัดสินเรื่องนี้จบ ผมก็คงจะฟ้องคดีอาญากับอีก 6 คนที่เหลือ รวมถึงฟ้องแพ่งกับทั้งบุคคลและตัวบริษัท เพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ว่าผมจะไม่ยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุน แต่เพราะผมถูกลวงมาตั้งแต่แรก ผมถึงยอมรับไม่ได้" นายปภาวิชญ์กล่าว

นายอาทร ดำคง ทนายความฝ่ายผู้ลงทุน กล่าวว่า เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้ประมาณ 10 ล้านบาท

นายสดาวุธ เตชะอุบล หรือเสี่ยไมค์ ประธานกรรมการบริหาร บล.คันทรี่ กรุ๊ป กล่าวว่า กรณีนี้ตนยังไม่ได้เข้าไปดูรายละเอียดล่าสุด ขณะนี้จึงไม่สามารถให้คำตอบได้ แต่เคยได้ชี้แจงไปแล้วเบื้องต้น ดังนั้นต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ และให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ดูแลเอง

ทั้งนี้ ก.ล.ต.ได้ลงโทษผู้บริหารและเจ้าหน้าที่การตลาด CGS รวม 8 ราย โดยห้ามการปฏิบัติหน้าที่ของ 2 ผู้บริหาร ได้แก่ นายวีระชัย ครองสามสี รองกรรมการผู้จัดการสายตราสารทุน (ตำแหน่งเดิม) และนางสาวปัทมาวดี วรรณวุฒิพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายตราสารทุน พร้อมเพิกถอนการให้ความเห็นชอบการเป็นผู้แนะนำการลงทุนของนายวีรพงศ์ สิริสัมฤทธิ์, นายกฤศณสรรค์

ธีรพรอมรรัตน์, นายธรรมวิทย์ ไต่วัลย์, นายพงศกร แจงตระกูล, นายณัฐพล ตันติศักดิ์ชัยชาญ และพักการปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้แนะนำการลงทุนของนางสาวอุไรวรรณ ปานะสุทธะ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2556

http://www.prachachat.net/news_detail.p ... 1381720563
// Stay Hungry, Stay Foolish.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.
โพสต์โพสต์