มีเรื่องแปลกมาเล่าให้ฟัง ลองฟังว่าแปลกหรือเปล่า
-
- Verified User
- โพสต์: 6853
- ผู้ติดตาม: 0
มีเรื่องแปลกมาเล่าให้ฟัง ลองฟังว่าแปลกหรือเปล่า
โพสต์ที่ 1
ขอเล่าเลยคับ
พอดีวันนี้แวะไปซื้อหนังสืออ่านเล่นในร้านse-ed
เหลือบไปเห็นหนังสือ
รวยด้วยหุ้น
ของ
ท่านดร. นิเศน์
ในเนื้อหามีตอนหนึ่ง
ที่ผมว่าน่าจะใช้ได้กับสถานะการ์ณตอนนี้มาก
และที่ผมแปลกใจที่เห็นหัวข้อนี้
ความโลภ และความกลัว
ในขณะที่คนส่วนใหญ่กำลังโลภ เราต้องพยายามกลัว
และในขณะที่คนทั่วไปกำลังรู้สึกกลัว เราต้องพยายามโลภ
ผมอ่านแล้วกำลังคิดว่า
เราควร โลภได้หรือยังคับ
พอดีวันนี้แวะไปซื้อหนังสืออ่านเล่นในร้านse-ed
เหลือบไปเห็นหนังสือ
รวยด้วยหุ้น
ของ
ท่านดร. นิเศน์
ในเนื้อหามีตอนหนึ่ง
ที่ผมว่าน่าจะใช้ได้กับสถานะการ์ณตอนนี้มาก
และที่ผมแปลกใจที่เห็นหัวข้อนี้
ความโลภ และความกลัว
ในขณะที่คนส่วนใหญ่กำลังโลภ เราต้องพยายามกลัว
และในขณะที่คนทั่วไปกำลังรู้สึกกลัว เราต้องพยายามโลภ
ผมอ่านแล้วกำลังคิดว่า
เราควร โลภได้หรือยังคับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
มีเรื่องแปลกมาเล่าให้ฟัง ลองฟังว่าแปลกหรือเปล่า
โพสต์ที่ 2
อยากจะโลภ แต่ ก็ยังกลัวๆอยู่ครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
มีเรื่องแปลกมาเล่าให้ฟัง ลองฟังว่าแปลกหรือเปล่า
โพสต์ที่ 4
แต่ผมกลับคิดว่า อุปสรรคสำคัญที่สุดของการเล่นหุ้นคือ
"ความโลภ" และ "ความกลัว" ครับ
ที่สำคัญคือการวางแผนและการดำเนินตามแผนโดยไม่ใช้
อารมณ์และการ "คาดเดา" ว่าหุ้นจะขึ้นหรือลง แต่ตัดสินใจ
บน "ความจริง" ที่เกิดขึ้น
"ความโลภ" และ "ความกลัว" ครับ
ที่สำคัญคือการวางแผนและการดำเนินตามแผนโดยไม่ใช้
อารมณ์และการ "คาดเดา" ว่าหุ้นจะขึ้นหรือลง แต่ตัดสินใจ
บน "ความจริง" ที่เกิดขึ้น
- HI.ผมเอง
- Verified User
- โพสต์: 811
- ผู้ติดตาม: 0
มีเรื่องแปลกมาเล่าให้ฟัง ลองฟังว่าแปลกหรือเปล่า
โพสต์ที่ 5
ตอนนี้ไม่น่าจะใช่เวลาที่คนส่วนใหญ่กลัว
แต่คงเป็นเวลาที่คนส่วนใหญ่ รอ
เพราะอารมณ์ส่วนใหญ่เฝ้ารอคอยคลื่นที่ห้า ที่ระดับ พันจุดขึ้นไป
เพียงแต่รอว่าจะกลับเข้าตลาดเมื่อไหร่
ผมว่าคนส่วนใหญ่ยังไม่กลัวและท้อแท้เท่าไหร่ และคงถือเงินสดบางส่วน รอการกลับตัวของตลาด
โดยส่วนตัวเลยคิดว่าตอนนี้ยังไม่ควรโลภเท่าไหร่ควรเผื่อใจไว้ด้วย
ให้ดูราคาหุ้นvalueยอดนิยมต่างๆดูว่า มันลดลงในระดับที่น่าตกใจหรือไม่
ผมว่าแต่ละตัวยังสูงๆอยู่เลย
หุ้นปั่นน่ะ ราคาลงไปเละแล้ว
ส่วนใหญ่คนที่ขาดทุนหุ้นปั่นตอนนี้ยังมีความหวังว่าจะลงทุนแบบ vi
เพื่อชดเชยขาดทุน
ผมเคยสงสัยในเรื่องที่ดร นิเวศน์ท่านพูดไว้ตอนอบรม พูดเรื่องกฎ 80 20
ว่า vi เป็นพวก 20
ยิ่งน้อยยิ่งดี
แต่ตอนนี้ ผมว่าใครๆก็อยากเป็น vi
สังเกตุจากยอดหนังสือหุ้นที่ขายดีกลับเป็นหนังสือแนวvi
เลยไม่แน่ใจซักเท่าไหร่
มีซักกี่คนที่จะแน่วแน่ในแนวทางvi ทั้งๆที่ถือหุ้นในแนวvi (ซึ่งมาซื้อในตอนที่ตลาดกำลังเป็นกระทิงตอนปลาย)
ตอนแรกก็เคยคิดเหมือนกันว่าช่วงนี้ผู้คนน่าจะกลัวและท้อแท้
แต่เห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังฟันธงว่าตลาดระยะกลางยังเป็น ขาขึ้น
เลยเดาว่า ส่วนใหญ่ยัง รอ อยู่
ระวังว่ามันจะกลายจาก ตลาดขาขึ้น
เป็น ตลาด
ขาขึ้นก่ายหน้าผาก น่ะ ha ha
ควบคุมความโลภให้สมดุลกับความกลัวน่าจะดีกว่า ปลอดภัยกว่า มั๊ง
คาดเดาได้
แต่ไม่ใช้การคาดเดาเป็นเหตุผลของการตัดสินใจ
เพียงแต่ คาดเดาเพื่อเตรียมตัว
เช่น เห็นฟ้าเริ่มมืดมีเมฆมาก ก็เตรียมร่มติดกระเป๋าไว้
มีโอกาสที่ฝนอาจจะตกหรือไม่ก็ได้
แต่ถ้าฝนตก เราคงเปียกน้อยกว่าคนอื่น
แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะกางร่มเดินในช่วงที่ฟ้ามืดเมฆมาก ทั้งที่ฝนยังไม่ตกซักหน่อย ha ha
อ้อผมอ่านหนังสือที่คุณฉัตรชัยแนะนำแล้วครับ
งบกระแสเงินสด งบการเงินรวม ของ ดร วรศักดิ์ ทุมมานนท์
เป็นหนังสือที่ดีมากทีเดียว เสียดายที่ผมมีความรู้พื้นฐานทางบัญชีต่ำมาก ha ha เลยเข้าใจไม่ถึงหกสิบเปอร์เซ็นต์
เอาไว้ต้องอ่านใหม่อีกสักรอบ
เป็นหนังสือที่ดีทีเดียวแต่ภาษาออกวิชาการมากไปหน่อย คนที่ไม่ค่อยมีพื้นฐานเลยอ่านยากต้องค่อยๆอ่าน
อ้อเป็นหนังสือที่หายากมาก แต่เมือวานผมไปที่ซีเอ็ด สาขาสีลมคอมเพล็ก เหลืออยู่แค่เล่มเดียว ใครที่หาอ่านอยู่แต่หายังไม่ได้ลองไปดูนะครับ
แต่คงเป็นเวลาที่คนส่วนใหญ่ รอ
เพราะอารมณ์ส่วนใหญ่เฝ้ารอคอยคลื่นที่ห้า ที่ระดับ พันจุดขึ้นไป
เพียงแต่รอว่าจะกลับเข้าตลาดเมื่อไหร่
ผมว่าคนส่วนใหญ่ยังไม่กลัวและท้อแท้เท่าไหร่ และคงถือเงินสดบางส่วน รอการกลับตัวของตลาด
โดยส่วนตัวเลยคิดว่าตอนนี้ยังไม่ควรโลภเท่าไหร่ควรเผื่อใจไว้ด้วย
ให้ดูราคาหุ้นvalueยอดนิยมต่างๆดูว่า มันลดลงในระดับที่น่าตกใจหรือไม่
ผมว่าแต่ละตัวยังสูงๆอยู่เลย
หุ้นปั่นน่ะ ราคาลงไปเละแล้ว
ส่วนใหญ่คนที่ขาดทุนหุ้นปั่นตอนนี้ยังมีความหวังว่าจะลงทุนแบบ vi
เพื่อชดเชยขาดทุน
ผมเคยสงสัยในเรื่องที่ดร นิเวศน์ท่านพูดไว้ตอนอบรม พูดเรื่องกฎ 80 20
ว่า vi เป็นพวก 20
ยิ่งน้อยยิ่งดี
แต่ตอนนี้ ผมว่าใครๆก็อยากเป็น vi
สังเกตุจากยอดหนังสือหุ้นที่ขายดีกลับเป็นหนังสือแนวvi
เลยไม่แน่ใจซักเท่าไหร่
มีซักกี่คนที่จะแน่วแน่ในแนวทางvi ทั้งๆที่ถือหุ้นในแนวvi (ซึ่งมาซื้อในตอนที่ตลาดกำลังเป็นกระทิงตอนปลาย)
ตอนแรกก็เคยคิดเหมือนกันว่าช่วงนี้ผู้คนน่าจะกลัวและท้อแท้
แต่เห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังฟันธงว่าตลาดระยะกลางยังเป็น ขาขึ้น
เลยเดาว่า ส่วนใหญ่ยัง รอ อยู่
ระวังว่ามันจะกลายจาก ตลาดขาขึ้น
เป็น ตลาด
ขาขึ้นก่ายหน้าผาก น่ะ ha ha
ควบคุมความโลภให้สมดุลกับความกลัวน่าจะดีกว่า ปลอดภัยกว่า มั๊ง
เห็นด้วยครับ ผมว่ารอดู แล้วปรับตัวตามสถานการ น่าจะดีกว่าดาดเดาที่สำคัญคือการวางแผนและการดำเนินตามแผนโดยไม่ใช้
อารมณ์และการ "คาดเดา" ว่าหุ้นจะขึ้นหรือลง แต่ตัดสินใจ
บน "ความจริง" ที่เกิดขึ้น
คาดเดาได้
แต่ไม่ใช้การคาดเดาเป็นเหตุผลของการตัดสินใจ
เพียงแต่ คาดเดาเพื่อเตรียมตัว
เช่น เห็นฟ้าเริ่มมืดมีเมฆมาก ก็เตรียมร่มติดกระเป๋าไว้
มีโอกาสที่ฝนอาจจะตกหรือไม่ก็ได้
แต่ถ้าฝนตก เราคงเปียกน้อยกว่าคนอื่น
แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะกางร่มเดินในช่วงที่ฟ้ามืดเมฆมาก ทั้งที่ฝนยังไม่ตกซักหน่อย ha ha
คิดว่าvi ไม่สนใจสภาพตลาดเสียอีกครับคุณฉัตรชัยผมว่าตอนนี้คนยังกล้าๆกลัวๆอยู่ครับ รอให้คนกลัวและเกลียดหุ้นกันสุดๆก่อนก็ดีครับ
อ้อผมอ่านหนังสือที่คุณฉัตรชัยแนะนำแล้วครับ
งบกระแสเงินสด งบการเงินรวม ของ ดร วรศักดิ์ ทุมมานนท์
เป็นหนังสือที่ดีมากทีเดียว เสียดายที่ผมมีความรู้พื้นฐานทางบัญชีต่ำมาก ha ha เลยเข้าใจไม่ถึงหกสิบเปอร์เซ็นต์
เอาไว้ต้องอ่านใหม่อีกสักรอบ
เป็นหนังสือที่ดีทีเดียวแต่ภาษาออกวิชาการมากไปหน่อย คนที่ไม่ค่อยมีพื้นฐานเลยอ่านยากต้องค่อยๆอ่าน
อ้อเป็นหนังสือที่หายากมาก แต่เมือวานผมไปที่ซีเอ็ด สาขาสีลมคอมเพล็ก เหลืออยู่แค่เล่มเดียว ใครที่หาอ่านอยู่แต่หายังไม่ได้ลองไปดูนะครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
มีเรื่องแปลกมาเล่าให้ฟัง ลองฟังว่าแปลกหรือเปล่า
โพสต์ที่ 6
คุณ ck คงไปได้ไอเดียดีๆมาจากเวป pantip ละมังครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
มีเรื่องแปลกมาเล่าให้ฟัง ลองฟังว่าแปลกหรือเปล่า
โพสต์ที่ 7
สวัสดีครับคุณ one way ticket
ผมศึกษาวิธีการเล่นหุ้น "ระดับเซียน" มาหลายคนครับ ต่างประเทศ
ก็ lynch buffet และ soros ส่วนในไทยก็ดร.นิเวศน์กับหมอยงครับ
สรุปได้อย่างหนึ่งคือ
วิธีการของแต่ละคนจะแตกต่างกันมากถึงมากที่สุด
แต่สิ่งที่เหมือนกัน "ทุกคน" มี 3 อย่างครับ
1. มีความใฝ่ฝันว่าจะต้องชนะตลาดให้ได้
2. มีการวางแผนการหรือยุทธวิธีการเล่นหุ้นอย่างละเอียด
3. มีวินัยในการลงทุนและปฏิบัติตามแผนอย่างเคร่งครัด
โดยไม่เอาอารมณ์ ความโลภ ความกลัวเข้ามาใช้ในการ
ตัดสินใจ
ผมศึกษาวิธีการเล่นหุ้น "ระดับเซียน" มาหลายคนครับ ต่างประเทศ
ก็ lynch buffet และ soros ส่วนในไทยก็ดร.นิเวศน์กับหมอยงครับ
สรุปได้อย่างหนึ่งคือ
วิธีการของแต่ละคนจะแตกต่างกันมากถึงมากที่สุด
แต่สิ่งที่เหมือนกัน "ทุกคน" มี 3 อย่างครับ
1. มีความใฝ่ฝันว่าจะต้องชนะตลาดให้ได้
2. มีการวางแผนการหรือยุทธวิธีการเล่นหุ้นอย่างละเอียด
3. มีวินัยในการลงทุนและปฏิบัติตามแผนอย่างเคร่งครัด
โดยไม่เอาอารมณ์ ความโลภ ความกลัวเข้ามาใช้ในการ
ตัดสินใจ