อะไรคือคุณสมบัติหลักของหุ้นเติบโต?

[Blue planet]

แง่ตัวเลข
1.EPS > 15% ติดต่อกัน 3-4 ปี
2.ROE > 20% เกิน 3 ปี
3.Profit magin > 20% เกิน 4 ปี
4.Maket cap. < 3,000 Ml.฿
5.ยอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง > 3-4 ปี
6.บ.เปลี่ยนนโยบายทางบัญชี
มีอีกมั้ย??

แง่คุณภาพ
1.บ.มีโครงการใหม่ๆที่เป็นรูปธรรมชัดเจน
2.บ.มีการขยายสาขาอย่างเป็นไปได้ ไม่เกินจริง
3.บ.มีการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง
มีอีกมั้ย??

[saichon]

คุณสมบัติคงมีหลายข้อแต่...
ผมชอบบริษัทฯที่มีความสามารถทางการแข่งขันและจะเป็นผู้ชนะในระยะยาว

[koh]

ความสามารถ ในการแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดทั้งในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตและไม่เติบโต ดูตัวเลขน่าจะที่GP margin% ที่สูงกว่า การเติบเฉลี่ยของอุตสาหกรร นั้นๆ

[todsapon]

บริษัทที่แข่งแกร่งและท้ายสุดจะเป็นผู้ชนะ

[Blue planet]

ความสามารถ ในการแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดทั้งในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตและไม่เติบโต ดูตัวเลขน่าจะที่GP margin% ที่สูงกว่า การเติบเฉลี่ยของอุตสาหกรร นั้นๆ

กดไลค์!!

[pao9]

เอาคาถาของ ดร.นิเวศน์ ไปเลยครับ.." รายได้เพิ่ม กำไรเพิ่ม ปันผลเพิ่ม " นั้นล่ะหุ้นเติบโต..

[pao9]

เอาคาถาของ ดร.นิเวศน์ ไปเลยครับ.." รายได้เพิ่ม กำไรเพิ่ม ปันผลเพิ่ม " นั้นล่ะหุ้นเติบโต..

[koh]

ในหนังสือเล่มนี้ มีการพูดถึง การใช้ตัวเลขprice to sale(ซึ่งบ้านเราไม่ค่อยใช้กัน) มาดูเพื่อหาจังหวะการเข้าซื้อ โดยมีเหตุผลว่า
ธรรมชาติ ของการเติบโตของทุกๆธุรกิจ มักมีช่วงที่จะสะดุดของกำไร ซึ่งอาจเกิดจากหลายๆสาเหตุ เช่น การเปลี่ยนตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มาทดแทนของเดิมที่ล้าสมัยฯลฯ ซึ่งจะทำให้ช่วงต้นๆของการเปลี่ยนนั้น กำไรอาจจะถดถอยจากต้นทุนใหม่ที่ยังไม่สัมพันธ์กับยอดขาย เป็นต้น ซึ่งเรียกว่า Growth Glitch
ซึ่งหากใช้แต่กำไรในการดูการเติบโต อาจทำให้พลาดโอกาสดีๆในการเข้าซื้อ
แต่ในแง่ของการดูการเติบโตของยอดขายนั้น จะSmoothกว่า
โดยมีเงื่อนไขว่า การเข้าซื้อที่ P/Sที่ต่ำกว่า 0.75 นั้นจะสร้างโอกาสในการทำไรสูงกว่า
แต่ทั้งนี้ต้องดูปัจจัยด้านคุณภาพมาก่อนด้วยครับ

ถ้าจำไม่ผิด เค็นเน็ต ฟิตเชอร์ ผู้แต่งคนนี้เป็นลูกชายของ ฟิลลิป ฟิสเชอร์ (ผิดถูกยังไงรบกวนผู้รู้ แนะนำด้วยครับ)
เป็นหนังสือดีที่ภาษาอ่านง่ายเล่มนึงครับ

[Nevercry.boy]

ผมชอบมองจากสิ่งที่ ผู้บริหารคิด ลงมือทำ และผลลัพธ์ที่ได้

อย่างแรก ผู้บริหารต้องคิดก่อนว่าจะโตด้วยอะไร - เราวิเคราะห์ขั้นหนึ่ง อาจเจอคนโม้ พูดเก่งกล่อมลิงหลับ หุ้นขึ้นไปก่อนด้วยความหวังเฟ้อ

อย่างสอง ผู้บริหารลงมือทำ - ทำแล้วจะรู้ว่ายากกว่าคิด ตรงนี้จะเป็นจุดที่ให้เราแยกคนเป็นสองประเภท ประเภทแรกลงมือทำแล้วบอกว่าเจอปัญหาอะไรและแก้ได้อย่างไร แก้ไม่ได้อย่างไร ถ้าแก้ได้และเราชอบไอเดียวแรกเราก็พิจารณาอยู่ต่อ แต่ถ้าแก้ไม่ได้แสดงว่าไอเดียดีแต่ปฏิบัติไม่ได้ เราควรเลี่ยง กับคนประเภทสอง คือ ยังอิดออด ชักแม่น้ำทั้งห้า ไอ้นั่นก็ไม่ดี ไอ้นี่ก็ไม่ได้ แต่ไม่ใช่ความผิดของผมนะ คนประเภทนี้ ให้กาทิ้งเลย ห้ามไปยุ่ง!

อย่างสาม ผลลัพธ์ ก็คืองบการเงินและตัวเลข แต่ให้ระวังบางครั้งไอเดียที่ดีที่บ่มเพาะ ไตรมาสสองไตรมาสอาจยังไม่เห็นผล ใครที่ใจร้อน น้องบางคนที่ไม่เคยทำธุรกิจจริงอาจจะใจเร็วด่วนได้ ธุรกิจจริงใช้เวลาหลักปี อันนี้ก็ต้องใจเย็น

อย่างที่สุดท้าย แค่ซื้อหุ้นและหุ้นขึ้น ไม่ได้แปลว่าธุรกิจโต ในมุมกลับก็เช่นเดียวกัน อย่าให้ราคามาชี้นำหากเราจะเป็นวีไอ

ขอบคุณครับ

[Nevercry.boy]

ถ้าจำไม่ผิด เค็นเน็ต ฟิตเชอร์ ผู้แต่งคนนี้เป็นลูกชายของ ฟิลลิป ฟิสเชอร์ (ผิดถูกยังไงรบกวนผู้รู้ แนะนำด้วยครับ)
เป็นหนังสือดีที่ภาษาอ่านง่ายเล่มนึงครับ

ใช่ครับผม อย่างไรก็ดีให้ตามไปอ่านงานหลัง ๆ ของ อาจารย์เคน ด้วยนะครับ เพราะท่านเขียนถึงข้อบกพร่องของหนังสือเล่มนี้ไว้

[pat4310]

ตลาดมีช่องให้โตได้อีกเยอะ
คู่แข่งยังไม่มาก ยังไม่เกิดสงครามราคา
ผู้บริหารมีแผนกลยุทธชัดเจน
เติบโตแล้ว มีทั้งกำไรบัญชี และกำไรเงินสด (บางบริษัทโตเรื่อยๆ แต่หนี้โตตาม หรือไม่ก็เงินไปจมกับสินทรัพย์ที่ต้องลงทุนเพิ่ม)

และถือไปเรื่อยๆจนกระทั้ง
ตลาดเริ่มตัน
คู่แข่งใหม่มาเรื่อยๆ เริ่มตัดราคากัน หรือไม่ก็โปรโมชั่นลดแลกแจกแถมกระจุย ปล่อยเครดิตการค้านานขึ้น
กำไรเริ่มถอยลง

[koh]

ถ้าจำไม่ผิด เค็นเน็ต ฟิตเชอร์ ผู้แต่งคนนี้เป็นลูกชายของ ฟิลลิป ฟิสเชอร์ (ผิดถูกยังไงรบกวนผู้รู้ แนะนำด้วยครับ)
เป็นหนังสือดีที่ภาษาอ่านง่ายเล่มนึงครับ

ใช่ครับผม อย่างไรก็ดีให้ตามไปอ่านงานหลัง ๆ ของ อาจารย์เคน ด้วยนะครับ เพราะท่านเขียนถึงข้อบกพร่องของหนังสือเล่มนี้ไว้

ขอบคุณครับ จะลองsearchหาดู

[prichar s.]

หุ้นเติบโตอย่างในตำราฝรั่งมันเป็นเรื่องของยุคสมัย
ยุคคิดค้นวัสดุแบบใหม่ สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ นวัตกรรมใหม่ (r&d)
จำหน่ายสินค้าใหม่ เปิดตลาดใหม่ แย่งกันครอบครองส่วนแบ่งตลาด
บริษัทใดประสบความสำเร็จรอบด้าน ก็กลายเป็นบริษัทเติบโตต่อเนื่องยาวนาน

ในไทย บริษัทที่เรียก ๆ กันว่าหุ้นเติบโต เป็นบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก
ที่เพิ่งเข้าตลาด หรืออยู่ในตลาดนานแล้วแต่เพิ่งเปิดยุทธการแย่งส่วนแบ่งตลาดจากรายเก่า ๆ
บุกแบบดุดัน ทำให้โตแบบดุเดือด สักพักมักชนกำแพง ต้องหยุดหรือถอย
กลายเป็นเติบโตชั่วคราว

โต ๆ อยู่ดี ๆ จู่ ๆ หยุดโตซะงั้น เงิบกันมานักต่อนักแล้ว


...................................................................................
แนวคิด มุมมอง
https://www.facebook.com/pages/Prichar- ... 0152437577

[nut776]

fcf มากขึ้นเรื่อยๆ

ถ้าให้เลือกข้อเดียว ก็เอาอันนี้
สรุปแทนได้ทุกอย่าง
เหมือนกระจกสะท้อนได้หมด

[miracle]

ติด SP แล้วปลดเครื่องหมาย

[kongkiti]

ติด SP แล้วปลดเครื่องหมาย

เป็น หุ้นเร่งโต มากกว่า หุ้นเติบโต รึเปล่าคร้บ ฮิๆๆๆ

[kongkiti]

ผมชอบมองจากสิ่งที่ ผู้บริหารคิด ลงมือทำ และผลลัพธ์ที่ได้

อย่างแรก ผู้บริหารต้องคิดก่อนว่าจะโตด้วยอะไร - เราวิเคราะห์ขั้นหนึ่ง อาจเจอคนโม้ พูดเก่งกล่อมลิงหลับ หุ้นขึ้นไปก่อนด้วยความหวังเฟ้อ

อย่างสอง ผู้บริหารลงมือทำ - ทำแล้วจะรู้ว่ายากกว่าคิด ตรงนี้จะเป็นจุดที่ให้เราแยกคนเป็นสองประเภท ประเภทแรกลงมือทำแล้วบอกว่าเจอปัญหาอะไรและแก้ได้อย่างไร แก้ไม่ได้อย่างไร ถ้าแก้ได้และเราชอบไอเดียวแรกเราก็พิจารณาอยู่ต่อ แต่ถ้าแก้ไม่ได้แสดงว่าไอเดียดีแต่ปฏิบัติไม่ได้ เราควรเลี่ยง กับคนประเภทสอง คือ ยังอิดออด ชักแม่น้ำทั้งห้า ไอ้นั่นก็ไม่ดี ไอ้นี่ก็ไม่ได้ แต่ไม่ใช่ความผิดของผมนะ คนประเภทนี้ ให้กาทิ้งเลย ห้ามไปยุ่ง!

อย่างสาม ผลลัพธ์ ก็คืองบการเงินและตัวเลข แต่ให้ระวังบางครั้งไอเดียที่ดีที่บ่มเพาะ ไตรมาสสองไตรมาสอาจยังไม่เห็นผล ใครที่ใจร้อน น้องบางคนที่ไม่เคยทำธุรกิจจริงอาจจะใจเร็วด่วนได้ ธุรกิจจริงใช้เวลาหลักปี อันนี้ก็ต้องใจเย็น

อย่างที่สุดท้าย แค่ซื้อหุ้นและหุ้นขึ้น ไม่ได้แปลว่าธุรกิจโต ในมุมกลับก็เช่นเดียวกัน อย่าให้ราคามาชี้นำหากเราจะเป็นวีไอ

ขอบคุณครับ

สุดยอดครับพี่ ชาบูๆ

จากการ PPA ตัวเอง ผมพบว่า หากเริ่มจากศึกษา ผบห. + ทีมงาน ก่อน
จะลดข้อผิดพลาด ลงไปได้เยอะมาก

ผบห. ไม่ดี ต่อให้บริษัทเทพ แค่ไหนก็ไปไม่รอด
สักวันคู่แข่งต้องตามทัน

IR ดีๆ ก็ช่วยได้เยอะนะครับ ^^