เครียดจริงๆ
- Unstablemind
- Verified User
- โพสต์: 405
- ผู้ติดตาม: 0
เครียดจริงๆ
โพสต์ที่ 1
คือว่าผมเรียนจบแล้วใหม่ๆสดๆและจบBiomedical Science ของมหิดลอินเตอร์
แต่ปัญหาคือไม่อยากทำงานด้านวิทย์เลยฮ้าๆไม่รู้ว่าพี่ๆเคยเป็นยังงี้หรือเปล่า
เครียดตรงที่ว่าผมอยากทำงานด้านcapital markets แต่ผมไปดูงานนานาๆต่างต้องการตรีด้าน economics, finance, accounting, business, ไอผมก็โง่นึกอยากจะเรียนวิทย์แต่ก็ลงทุนในตลาดหุ้นตอนเริ่มปี2ก็ช่วงปี2010 แล้วผมก็ลงทุนอย่างมีความสุขวิเคราะห์หุ้นในห้องตัวเองอ่านannual report ต่างๆ(แอบไปศึกษาtechnical analysisด้วย)
แล้วเด็กวิทย์มันจะเข้าไปทำงานใน financial sector เช่นใด?
เครียด...ก็เลยอ่านgmatเตรียมไปเรียนโทที่NIDAและสอบ CFA.
แต่ปัญหาคือต้องออกไปหางานแล้วไม่อยากทำงานในแล็บจริงๆ
มันมีวิธีที่เด็กเรียนวิทย์ไปทำงานด้านfinancial sector เปล่า
หรือว่าผมต้องแหวกแนวเส้นวีไอและมาtrain เป็น prop traderหรือเปล่า?
ไม่รู้ว่าพี่ๆเห็นไงบ้างว่าจะมีอาชีพในวงการcapital marketsที่จะรับเด็กinternสายวิทย์
....หรือว่าผมต้องสมัครงานแบบทำให้ฟรีถึงเขาจะรับ เซ็งผมน่าจะเลือกเปลี่ยนmajorตั้งแต่ปีสอง
แต่ปัญหาคือไม่อยากทำงานด้านวิทย์เลยฮ้าๆไม่รู้ว่าพี่ๆเคยเป็นยังงี้หรือเปล่า
เครียดตรงที่ว่าผมอยากทำงานด้านcapital markets แต่ผมไปดูงานนานาๆต่างต้องการตรีด้าน economics, finance, accounting, business, ไอผมก็โง่นึกอยากจะเรียนวิทย์แต่ก็ลงทุนในตลาดหุ้นตอนเริ่มปี2ก็ช่วงปี2010 แล้วผมก็ลงทุนอย่างมีความสุขวิเคราะห์หุ้นในห้องตัวเองอ่านannual report ต่างๆ(แอบไปศึกษาtechnical analysisด้วย)
แล้วเด็กวิทย์มันจะเข้าไปทำงานใน financial sector เช่นใด?
เครียด...ก็เลยอ่านgmatเตรียมไปเรียนโทที่NIDAและสอบ CFA.
แต่ปัญหาคือต้องออกไปหางานแล้วไม่อยากทำงานในแล็บจริงๆ
มันมีวิธีที่เด็กเรียนวิทย์ไปทำงานด้านfinancial sector เปล่า
หรือว่าผมต้องแหวกแนวเส้นวีไอและมาtrain เป็น prop traderหรือเปล่า?
ไม่รู้ว่าพี่ๆเห็นไงบ้างว่าจะมีอาชีพในวงการcapital marketsที่จะรับเด็กinternสายวิทย์
....หรือว่าผมต้องสมัครงานแบบทำให้ฟรีถึงเขาจะรับ เซ็งผมน่าจะเลือกเปลี่ยนmajorตั้งแต่ปีสอง
Its all about getting alpha.
- Unstablemind
- Verified User
- โพสต์: 405
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เครียดจริงๆ
โพสต์ที่ 3
แปลว่าถ้าสมัครธนาคารนี้สายอื่นๆก็มาสมัครได้อยู่ยังพอมีหวังแหะแปลว่าถ้ามาจากสายอื่นๆไม่มีทางเลือกอื่นแล้วใช่ปะครับขอบคุณครับcharnengi เขียน:ลองสมัครงานธนาคารดูสิครับ พร้อมกับสมัครเรียนโทหรือไม่ ถ้าเก่งก้อสอบ cfa เลยครับ ถ้าได้ lv 2 หรือ 3 มันการันตียิ่งกว่าเรียนมาตรงสายอีกครับ
Its all about getting alpha.
- Unstablemind
- Verified User
- โพสต์: 405
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เครียดจริงๆ
โพสต์ที่ 5
ยังงี้ก็เห็นภาพชัดหน่อย...ขอบคุณครับ ยังงี้ก็มีโอกาสอยู่!จะขยันต่อไป
Its all about getting alpha.
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 737
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เครียดจริงๆ
โพสต์ที่ 6
charnengi เขียน:ผมตรีวิศวะ โทไฟแนนซ์ cfa1 เคยหางานสายนักวิเคราะห์อยู่ 7-8 เดือนอ่ะครับ ไม่มีที่ไหนรับ จะมีรับก็เป็นมาร์ พวก wealth management พวกนี้ไม่จำกัดสายที่เรียนครับ ลองดูครับ
ผมคิดว่ามีนะ แต่จะรับได้กับเงินเดือนหรือเปล่า เริ่มเป็นนักวิแคะใหม่ ๆ เงินเดือนไม่มาก เว้นแต่จะได้ cfa 3
- charnengi
- Verified User
- โพสต์: 2388
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เครียดจริงๆ
โพสต์ที่ 7
คงงั้นแหละครับ ตอนผมไปสมัคร เงินเดือนที่เก่าผมก้อจะ 40k ล่ะ แต่ขอไปแค่ 25k เองครับ 55 ที่จะบอกคือถ้ารู้ตัวชอบว่าชอบอะไร ก้อรีบๆเปลี่ยนครับ จะได้ไม่เสียโอกาสcanon d เขียน:charnengi เขียน:ผมตรีวิศวะ โทไฟแนนซ์ cfa1 เคยหางานสายนักวิเคราะห์อยู่ 7-8 เดือนอ่ะครับ ไม่มีที่ไหนรับ จะมีรับก็เป็นมาร์ พวก wealth management พวกนี้ไม่จำกัดสายที่เรียนครับ ลองดูครับ
ผมคิดว่ามีนะ แต่จะรับได้กับเงินเดือนหรือเปล่า เริ่มเป็นนักวิแคะใหม่ ๆ เงินเดือนไม่มาก เว้นแต่จะได้ cfa 3
low PROFILE but HIGH PROFITS
-
- Verified User
- โพสต์: 223
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เครียดจริงๆ
โพสต์ที่ 8
ผมจบสายวิทย์เหมือนกันครับ ไปทำงานพวกแนว Operational risk กะ พวก Process improvement ใน Bank แห่งหนึ่ง
ระหว่างนั้นก็เตรียมสอบ CFA ไปเรื่อยๆครับ ตอนนี้ได้ CFAIII แล้ว ทำงาน IB อยู่แถวสีลมครับ
ปล. มาสายนี้ อย่าคิดว่าจะได้เงินเดือนเยอะๆ ตั้งแต่ start นะครับ ไม่เหมือนกับพวกวิศวะในโรงงาน house ใหญ่ๆ ที่ start กัน 30k+
ยังไงก็เอาใจช่วยครับ สู้ๆครับ
ระหว่างนั้นก็เตรียมสอบ CFA ไปเรื่อยๆครับ ตอนนี้ได้ CFAIII แล้ว ทำงาน IB อยู่แถวสีลมครับ
ปล. มาสายนี้ อย่าคิดว่าจะได้เงินเดือนเยอะๆ ตั้งแต่ start นะครับ ไม่เหมือนกับพวกวิศวะในโรงงาน house ใหญ่ๆ ที่ start กัน 30k+
ยังไงก็เอาใจช่วยครับ สู้ๆครับ
- Unstablemind
- Verified User
- โพสต์: 405
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เครียดจริงๆ
โพสต์ที่ 9
Sorry for typing in english but i am using a phone right now. What do you exactly do in operational risk and process improvement?nighthawks เขียน:ผมจบสายวิทย์เหมือนกันครับ ไปทำงานพวกแนว Operational risk กะ พวก Process improvement ใน Bank แห่งหนึ่ง
ระหว่างนั้นก็เตรียมสอบ CFA ไปเรื่อยๆครับ ตอนนี้ได้ CFAIII แล้ว ทำงาน IB อยู่แถวสีลมครับ
ปล. มาสายนี้ อย่าคิดว่าจะได้เงินเดือนเยอะๆ ตั้งแต่ start นะครับ ไม่เหมือนกับพวกวิศวะในโรงงาน house ใหญ่ๆ ที่ start กัน 30k+
ยังไงก็เอาใจช่วยครับ สู้ๆครับ
I dont mind a low salary to be honest i just want to be involved in the capital markets.
Its all about getting alpha.
-
- Verified User
- โพสต์: 334
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เครียดจริงๆ
โพสต์ที่ 10
ดูจาก Background ของเจ้าของกระทู้ จะไม่ตรงกับงานทางด้าน Capital Market เลย
นะครับ ถ้าจะไปสายงานนี้เลย ตอนนี้น่าจะยากอยู่นะครับ เนื่องจากเขาต้องรับคนที่มีคุณ
สมบัติประสบการณ์ตามสายงานก่อน แต่ก็น่าจะมีทางออกนะครับ
ลองไปสมัครที่ Bank ต่างๆ ดูครับ ส่วนงานที่พอที่จะเป็นไปได้ แนะนำว่าควรจะเป็น
สินเชื่อรายใหญ่ หรืออุตสาหกรรม ก่อนนะครับ ฝึกที่การวิเคราะห์ก่อน เพราะความรู้ที่
เรียนมาสามารถประยุกต์ได้บ้าง และ Bank ใหญ่ๆ ดีๆ เช่น BBL KBANK SCB พวกนี้จะ
มีระบบการฝึกอบรมที่ดี ระหว่างทำงาน ก็เรียนต่อโททางการเงินไปนะครับ เช่น NIDA จุฬา
ธรรมศาสตร์ ถ้าได้ทุน Bank ด้วยก็ดี แต่ก็จะต้องใช้ทุนเป็นภาระผูกพัน เมื่อจบโทมาพร้อมมีประสบการณ์ (ถ้าสอบ CFA ได้ Level ต่างๆ ด้วยก็จะยิ่งดี ทำสัก 3-4 ปี ก็จะมีประสบการณ์เพียงพอที่จะเปลี่ยนมาทำงานทางด้านนี้ได้ครับ สำหรับ Bank ใหญ่ๆ จะมีหน่วยงานทาง
Investment ฺBanking อยู่แล้วนะครับ (แต่ค่อนข้างเน้นไปที่ตราสารหนี้) เจ้าของกระทู้ก็สามารถขอย้ายไปทำได้ หรือไม่พอใจก็สมัครเปลี่ยนงานได้ครับ
Field งานด้าน Capital Market อาจเป็นได้ดังนี้ครับ
1. Investment ฺBanking การนำหุ้นเข้าตลาดหรือ IPO จะต้องสอบได้ License IB ด้วย
2. Fund Manager ของบลจ.ต่างๆ แล้วแต่ความถนัด ด้านตราสารหนี้ ตราสารทุน
กองทุนอสังหา ฯลฯ
3. นักวิเคราะห์ ก็อย่างที่เรารู้กัน เงินเดือนก็ไม่ดีเท่าไหร่ นอกจากต้องออกสื่อเก่งๆ ขยัน
Promote ตัวเอง
4. Marketing ก็อย่างที่เรารู้กัน อันนี้ไม่ต้องความรู้มากก็ได้ อาศัยความสัมพันธ์กับลูกค้าเป็นหลัก
5. งานที่ตลาดหลักทรัพย์ หรือกลต. ก็มีเปิดรับนะครับ (เป็นผู้คุมกฎแต่ไม่ควรเล่นหุ้นไปด้วย มีอิทธิพลดี)
Field งานทางด้าน Bank อาจเป็นดังนี้ครับ
1. บริหารเงิน อันนี้ถ้า Trade เก่งนี่ มีการแย่งประมูลตัวกันเลย เงินเดือนเยอะเลยครับ ผมเคยเจอคนอายุ 30 กว่า เงินเดือนสามสี่แสนบาทเลยทีเดียว
2. Risk Management เป็นที่ต้องการตัวมาก และเงินเดือนดีทีเดียว หลักแสน แต่ต้อง
เก็งตัวเลข (ต้องทำ Risk Model ต่างๆ) และแม่นกฎของ Bank
3. Credit ปล่อยสินเชื่อ รายใหญ่ รายเล็ก แต่ต้องใช้เวลาไต่เต้านานพอสมควรกว่าจะ
เป็นผู้บริหาร
ทั้งนี้ทั้งนั้น ตามเงื่อนไขออกจะเป็นงานที่หนักและโหดเอาการครับ เพราะต้องเรียนไปด้วย
ทำงานไปด้วย แต่เอาใจช่วยนะครับ ความพยายามอยู่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น (อย่าลืมเรื่องภาษานะครับ การพูดการเขียน สำคัญมาก เพราะต่อไปจะเป็น AEC แล้ว การทำ Deal และการ Present ต่างๆ จะใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักเลย)
นะครับ ถ้าจะไปสายงานนี้เลย ตอนนี้น่าจะยากอยู่นะครับ เนื่องจากเขาต้องรับคนที่มีคุณ
สมบัติประสบการณ์ตามสายงานก่อน แต่ก็น่าจะมีทางออกนะครับ
ลองไปสมัครที่ Bank ต่างๆ ดูครับ ส่วนงานที่พอที่จะเป็นไปได้ แนะนำว่าควรจะเป็น
สินเชื่อรายใหญ่ หรืออุตสาหกรรม ก่อนนะครับ ฝึกที่การวิเคราะห์ก่อน เพราะความรู้ที่
เรียนมาสามารถประยุกต์ได้บ้าง และ Bank ใหญ่ๆ ดีๆ เช่น BBL KBANK SCB พวกนี้จะ
มีระบบการฝึกอบรมที่ดี ระหว่างทำงาน ก็เรียนต่อโททางการเงินไปนะครับ เช่น NIDA จุฬา
ธรรมศาสตร์ ถ้าได้ทุน Bank ด้วยก็ดี แต่ก็จะต้องใช้ทุนเป็นภาระผูกพัน เมื่อจบโทมาพร้อมมีประสบการณ์ (ถ้าสอบ CFA ได้ Level ต่างๆ ด้วยก็จะยิ่งดี ทำสัก 3-4 ปี ก็จะมีประสบการณ์เพียงพอที่จะเปลี่ยนมาทำงานทางด้านนี้ได้ครับ สำหรับ Bank ใหญ่ๆ จะมีหน่วยงานทาง
Investment ฺBanking อยู่แล้วนะครับ (แต่ค่อนข้างเน้นไปที่ตราสารหนี้) เจ้าของกระทู้ก็สามารถขอย้ายไปทำได้ หรือไม่พอใจก็สมัครเปลี่ยนงานได้ครับ
Field งานด้าน Capital Market อาจเป็นได้ดังนี้ครับ
1. Investment ฺBanking การนำหุ้นเข้าตลาดหรือ IPO จะต้องสอบได้ License IB ด้วย
2. Fund Manager ของบลจ.ต่างๆ แล้วแต่ความถนัด ด้านตราสารหนี้ ตราสารทุน
กองทุนอสังหา ฯลฯ
3. นักวิเคราะห์ ก็อย่างที่เรารู้กัน เงินเดือนก็ไม่ดีเท่าไหร่ นอกจากต้องออกสื่อเก่งๆ ขยัน
Promote ตัวเอง
4. Marketing ก็อย่างที่เรารู้กัน อันนี้ไม่ต้องความรู้มากก็ได้ อาศัยความสัมพันธ์กับลูกค้าเป็นหลัก
5. งานที่ตลาดหลักทรัพย์ หรือกลต. ก็มีเปิดรับนะครับ (เป็นผู้คุมกฎแต่ไม่ควรเล่นหุ้นไปด้วย มีอิทธิพลดี)
Field งานทางด้าน Bank อาจเป็นดังนี้ครับ
1. บริหารเงิน อันนี้ถ้า Trade เก่งนี่ มีการแย่งประมูลตัวกันเลย เงินเดือนเยอะเลยครับ ผมเคยเจอคนอายุ 30 กว่า เงินเดือนสามสี่แสนบาทเลยทีเดียว
2. Risk Management เป็นที่ต้องการตัวมาก และเงินเดือนดีทีเดียว หลักแสน แต่ต้อง
เก็งตัวเลข (ต้องทำ Risk Model ต่างๆ) และแม่นกฎของ Bank
3. Credit ปล่อยสินเชื่อ รายใหญ่ รายเล็ก แต่ต้องใช้เวลาไต่เต้านานพอสมควรกว่าจะ
เป็นผู้บริหาร
ทั้งนี้ทั้งนั้น ตามเงื่อนไขออกจะเป็นงานที่หนักและโหดเอาการครับ เพราะต้องเรียนไปด้วย
ทำงานไปด้วย แต่เอาใจช่วยนะครับ ความพยายามอยู่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น (อย่าลืมเรื่องภาษานะครับ การพูดการเขียน สำคัญมาก เพราะต่อไปจะเป็น AEC แล้ว การทำ Deal และการ Present ต่างๆ จะใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักเลย)
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 737
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เครียดจริงๆ
โพสต์ที่ 11
นอกจากวุฒิแล้ว อายุก็เป็นสิ่งสำคัญมาก ฉะนั้นหากต้องการเข้ามาใน field นี้ และเพิางจบ หรือจบไม่นาน ควรจะรีบนะครับUnstablemind เขียน:Sorry for typing in english but i am using a phone right now. What do you exactly do in operational risk and process improvement?nighthawks เขียน:ผมจบสายวิทย์เหมือนกันครับ ไปทำงานพวกแนว Operational risk กะ พวก Process improvement ใน Bank แห่งหนึ่ง
ระหว่างนั้นก็เตรียมสอบ CFA ไปเรื่อยๆครับ ตอนนี้ได้ CFAIII แล้ว ทำงาน IB อยู่แถวสีลมครับ
ปล. มาสายนี้ อย่าคิดว่าจะได้เงินเดือนเยอะๆ ตั้งแต่ start นะครับ ไม่เหมือนกับพวกวิศวะในโรงงาน house ใหญ่ๆ ที่ start กัน 30k+
ยังไงก็เอาใจช่วยครับ สู้ๆครับ
I dont mind a low salary to be honest i just want to be involved in the capital markets.
- Unstablemind
- Verified User
- โพสต์: 405
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เครียดจริงๆ
โพสต์ที่ 12
ขอบคุณครับพี่ๆทั้งหลายที่ช่วยให้ความคิดเห็นนานาๆต่างครับ
ผมอาจจะเครียดเพราะช่วงนี้หุ้นdiscount แบบ super sale มีหุ้นตัวหนึ่งที่ติดwatch list มา2ปีแต่ไม่มีรายได้มาอัดใส่พอร์ทจะ switchหุ้นก็เสียดายเพราะหุ้นที่ถืออยู่ก็คิดว่าดีในความคิดเห็นส่วนตัว....ช่วงนี้ลดราคาจริงๆ.....เอาเงินปันผลที่ได้มาในสามปีที่แล้วพาแฟนไปทะเลด้วยเหอๆ
ฮ้าๆชีวิตคงสู้ต่อไป
ผมอาจจะเครียดเพราะช่วงนี้หุ้นdiscount แบบ super sale มีหุ้นตัวหนึ่งที่ติดwatch list มา2ปีแต่ไม่มีรายได้มาอัดใส่พอร์ทจะ switchหุ้นก็เสียดายเพราะหุ้นที่ถืออยู่ก็คิดว่าดีในความคิดเห็นส่วนตัว....ช่วงนี้ลดราคาจริงๆ.....เอาเงินปันผลที่ได้มาในสามปีที่แล้วพาแฟนไปทะเลด้วยเหอๆ
ฮ้าๆชีวิตคงสู้ต่อไป
Its all about getting alpha.
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เครียดจริงๆ
โพสต์ที่ 13
เอาใจช่วยนะครับเจ้าของกระทู้
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เครียดจริงๆ
โพสต์ที่ 14
ผมว่าจขกทอาจจะรู้สึกอยากทำงานด้านนี้เพราะว่าได้ศึกษาและลงทุนในหุ้นหรือเปล่าครับ ซึ่งผมคิดว่างานด้านการเงินกับการลงทุนส่วนตัวในหุ้น ดู ๆ มันอาจจะคล้ายกัน แต่ในชีวิตของการทำงานจริง ๆ มันจะสุขเหมือนกับที่เรานั่งศึกษาเรื่องหุ้นเองและลงทุนเองหรือไม่ ผมว่ามันอาจจะกลายเป็นคนละเรื่องก็ได้นะครับ เพราะหลายครั้งสิ่งที่ผมเห็นคนที่ทำงานด้านนี้ หลายคนเครียด กลับบ้านไม่เป็นเวลา ยิ่งต้องแบกรับความรับผิดชอบมากยิ่งเครียดมาก ซึ่งมันไม่เหมือนกับการที่เรานั่งอ่านหนังสือหรืองบการเงินเพื่อลงทุนส่วนตัวครับ
แต่ถ้าอยากลองจริง ๆ ลองดูของ CNS นี่ครับ ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะตอบโจทย์น้องหรือเปล่ากับตำแหน่งที่ปรึกษาการลงทุนนี้
ตามลิ๊งค์นี้แล้วคลิ๊กตรงเลข 1 ทางซ้ายมือครับ โชคดีครับ ขอให้ค้นหาตัวเองเจอครับ
http://www.nomuradirect.com/th/main/Default.aspx
แต่ถ้าอยากลองจริง ๆ ลองดูของ CNS นี่ครับ ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะตอบโจทย์น้องหรือเปล่ากับตำแหน่งที่ปรึกษาการลงทุนนี้
ตามลิ๊งค์นี้แล้วคลิ๊กตรงเลข 1 ทางซ้ายมือครับ โชคดีครับ ขอให้ค้นหาตัวเองเจอครับ
http://www.nomuradirect.com/th/main/Default.aspx
"Become a risk taker, not a risk maker"
- charnengi
- Verified User
- โพสต์: 2388
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เครียดจริงๆ
โพสต์ที่ 15
ใช่ครับ ผมเคยเข้าไปมีส่วนร่วมทีม ib เพื่อทำ financial model ละเอียดมาก แถม run sensitivity ไปอีก 7-8 cases แถมงานพวกนี้มันแข่งกับเวลามากๆ เรียกว่ากลำ้กลืนเลย ต้องทำให้จบ กลับบ้าน 4-5 ทุ่มตลอด
ถ้าโปรเจคนั้นเราเข้าใจก้อแล้วไป แต่บางสิ่งมันกลายเป็นต้องพยายามเข้าใจ model มันก้อละเอียดยิบย่อย เรียกว่าทำไปก้อคิดในใจไปว่าทำไปก้อไม่ตรงหรอก
ทำให้นึกถึงคำกล่าวที่ว่า ถูกแบบคร่าวๆ ดีกว่าผิดแบบเป๊ะๆ ครับ
ถ้าโปรเจคนั้นเราเข้าใจก้อแล้วไป แต่บางสิ่งมันกลายเป็นต้องพยายามเข้าใจ model มันก้อละเอียดยิบย่อย เรียกว่าทำไปก้อคิดในใจไปว่าทำไปก้อไม่ตรงหรอก
ทำให้นึกถึงคำกล่าวที่ว่า ถูกแบบคร่าวๆ ดีกว่าผิดแบบเป๊ะๆ ครับ
low PROFILE but HIGH PROFITS
- Unstablemind
- Verified User
- โพสต์: 405
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เครียดจริงๆ
โพสต์ที่ 16
เห็นพี่ๆพูดก็อยากพูดขอบคุณอีกครั้งที่ให้คำแนะนำครับ....เดี๋ยวเวลาผ่านไปก็จะรู้ว่าตัวเองจะไปทำงานเช่นใดงั้นขอไปหายตัวอ่านหนังสือเตรียมสอบ!!! ชะแวบ
Its all about getting alpha.
- Unstablemind
- Verified User
- โพสต์: 405
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เครียดจริงๆ
โพสต์ที่ 17
ผมเลือกเส้นทางเป็นมาร์แล้วพี่ และก้อติด FIRM inter ที่นิด้าสุดท้ายชีวิตก้อลงตัวแล้ว 555+so simple เขียน:ดูจาก Background ของเจ้าของกระทู้ จะไม่ตรงกับงานทางด้าน Capital Market เลย
นะครับ ถ้าจะไปสายงานนี้เลย ตอนนี้น่าจะยากอยู่นะครับ เนื่องจากเขาต้องรับคนที่มีคุณ
สมบัติประสบการณ์ตามสายงานก่อน แต่ก็น่าจะมีทางออกนะครับ
ลองไปสมัครที่ Bank ต่างๆ ดูครับ ส่วนงานที่พอที่จะเป็นไปได้ แนะนำว่าควรจะเป็น
สินเชื่อรายใหญ่ หรืออุตสาหกรรม ก่อนนะครับ ฝึกที่การวิเคราะห์ก่อน เพราะความรู้ที่
เรียนมาสามารถประยุกต์ได้บ้าง และ Bank ใหญ่ๆ ดีๆ เช่น BBL KBANK SCB พวกนี้จะ
มีระบบการฝึกอบรมที่ดี ระหว่างทำงาน ก็เรียนต่อโททางการเงินไปนะครับ เช่น NIDA จุฬา
ธรรมศาสตร์ ถ้าได้ทุน Bank ด้วยก็ดี แต่ก็จะต้องใช้ทุนเป็นภาระผูกพัน เมื่อจบโทมาพร้อมมีประสบการณ์ (ถ้าสอบ CFA ได้ Level ต่างๆ ด้วยก็จะยิ่งดี ทำสัก 3-4 ปี ก็จะมีประสบการณ์เพียงพอที่จะเปลี่ยนมาทำงานทางด้านนี้ได้ครับ สำหรับ Bank ใหญ่ๆ จะมีหน่วยงานทาง
Investment ฺBanking อยู่แล้วนะครับ (แต่ค่อนข้างเน้นไปที่ตราสารหนี้) เจ้าของกระทู้ก็สามารถขอย้ายไปทำได้ หรือไม่พอใจก็สมัครเปลี่ยนงานได้ครับ
Field งานด้าน Capital Market อาจเป็นได้ดังนี้ครับ
1. Investment ฺBanking การนำหุ้นเข้าตลาดหรือ IPO จะต้องสอบได้ License IB ด้วย
2. Fund Manager ของบลจ.ต่างๆ แล้วแต่ความถนัด ด้านตราสารหนี้ ตราสารทุน
กองทุนอสังหา ฯลฯ
3. นักวิเคราะห์ ก็อย่างที่เรารู้กัน เงินเดือนก็ไม่ดีเท่าไหร่ นอกจากต้องออกสื่อเก่งๆ ขยัน
Promote ตัวเอง
4. Marketing ก็อย่างที่เรารู้กัน อันนี้ไม่ต้องความรู้มากก็ได้ อาศัยความสัมพันธ์กับลูกค้าเป็นหลัก
5. งานที่ตลาดหลักทรัพย์ หรือกลต. ก็มีเปิดรับนะครับ (เป็นผู้คุมกฎแต่ไม่ควรเล่นหุ้นไปด้วย มีอิทธิพลดี)
Field งานทางด้าน Bank อาจเป็นดังนี้ครับ
1. บริหารเงิน อันนี้ถ้า Trade เก่งนี่ มีการแย่งประมูลตัวกันเลย เงินเดือนเยอะเลยครับ ผมเคยเจอคนอายุ 30 กว่า เงินเดือนสามสี่แสนบาทเลยทีเดียว
2. Risk Management เป็นที่ต้องการตัวมาก และเงินเดือนดีทีเดียว หลักแสน แต่ต้อง
เก็งตัวเลข (ต้องทำ Risk Model ต่างๆ) และแม่นกฎของ Bank
3. Credit ปล่อยสินเชื่อ รายใหญ่ รายเล็ก แต่ต้องใช้เวลาไต่เต้านานพอสมควรกว่าจะ
เป็นผู้บริหาร
ทั้งนี้ทั้งนั้น ตามเงื่อนไขออกจะเป็นงานที่หนักและโหดเอาการครับ เพราะต้องเรียนไปด้วย
ทำงานไปด้วย แต่เอาใจช่วยนะครับ ความพยายามอยู่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น (อย่าลืมเรื่องภาษานะครับ การพูดการเขียน สำคัญมาก เพราะต่อไปจะเป็น AEC แล้ว การทำ Deal และการ Present ต่างๆ จะใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักเลย)
Its all about getting alpha.
- phoenix
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 105
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เครียดจริงๆ
โพสต์ที่ 18
ถ้าให้แนะนำนะครับ ทำงานด้านที่น้องเรียนมาดีกว่าครับ เพราะว่าจะไปได้เร็วกว่าไปเริ่มต้นอะไรใหม่ อายุยังน้อยอาจสับสนกับความคิดช่วงนี้ได้ครับไม่แปลก คนที่เพิ่งเข้ามาเล่นหุ้นก็อยากจะทำงานที่เกี่ยวข้องกับหุ้น แต่ว่าถ้าคิดอีกที ทำงานที่น้องเรียนมานี่น้องไม่ต้องไปเริ่มนับ1ใหม่นะครับ ได้เงินเดือนมาแล้วค่อยเอามาลงทุนดีกว่า ไม่ว่าตอนตลาดดีหรือตลาดแย่น้องยังมีเงินเดือนเข้ามาแน่ๆ ยิ่งทำงานสายงานด้านนี้ไปเรื่อยๆเงินเดือนเยอะแน่ๆ แล้วถึงตอนนั้นถ้าจังหวะดีๆ น้องจะมีกระสุนไว้ยิงแบบไม่ยั้งเลยนะ
- anubist
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1369
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เครียดจริงๆ
โพสต์ที่ 19
ผมจบบริหารการเงินเมื่อเมษาปีที่แล้ว
สมัครcredit analystไปเค้าไม่รับ แต่ดันไปรับเด็กวิทย์คนหนึ่ง
ที่รู้เพราะได้ทำงานในแบงค์นั้นที่เค้าสัมภาษณ์ แต่อีกสายงานหนึ่ง
มีโน๊ตมาแนะนำให้เห็น ผมหล่ะเจ็บจี๊ดเลย ตัวเองจบตรงแท้ๆแต่ไม่ได้
มันไม่เกี่ยวว่าคุณจบอะไรแล้วจะทำงานที่คุณอยากทำได้มั้ย
มันอยู่ที่ตอนสัมภาษณ์เค้าเห็นอะไรในตัวคุณรึเปล่า ถ้าอยากทำก็สมัครไปครับ
แต่สายcapital marketบอกเลยว่าตำแหน่งงานน้อย แข่งขันสูง
ต้องไปทำสายที่เกี่ยวข้องก่อน ระหว่างนั้นเก็บcerที่เกี่ยข้องไปด้วย
สมัครcredit analystไปเค้าไม่รับ แต่ดันไปรับเด็กวิทย์คนหนึ่ง
ที่รู้เพราะได้ทำงานในแบงค์นั้นที่เค้าสัมภาษณ์ แต่อีกสายงานหนึ่ง
มีโน๊ตมาแนะนำให้เห็น ผมหล่ะเจ็บจี๊ดเลย ตัวเองจบตรงแท้ๆแต่ไม่ได้
มันไม่เกี่ยวว่าคุณจบอะไรแล้วจะทำงานที่คุณอยากทำได้มั้ย
มันอยู่ที่ตอนสัมภาษณ์เค้าเห็นอะไรในตัวคุณรึเปล่า ถ้าอยากทำก็สมัครไปครับ
แต่สายcapital marketบอกเลยว่าตำแหน่งงานน้อย แข่งขันสูง
ต้องไปทำสายที่เกี่ยวข้องก่อน ระหว่างนั้นเก็บcerที่เกี่ยข้องไปด้วย
ทุนน้อยและหลุดดอยแล้ว เย้ๆ
- Unstablemind
- Verified User
- โพสต์: 405
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เครียดจริงๆ
โพสต์ที่ 20
แต่ปัญหาตอนนี้ก้อคือกระโดดเข้าน้ำไปแล้วเริ่มงานเดือนหน้าก้อคิดว่าเป็น life experience ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น ไงๆก้อจะมาเล่าสู่กันฟังต่อ adventure ในวงการเงิน!!phoenix เขียน:ถ้าให้แนะนำนะครับ ทำงานด้านที่น้องเรียนมาดีกว่าครับ เพราะว่าจะไปได้เร็วกว่าไปเริ่มต้นอะไรใหม่ อายุยังน้อยอาจสับสนกับความคิดช่วงนี้ได้ครับไม่แปลก คนที่เพิ่งเข้ามาเล่นหุ้นก็อยากจะทำงานที่เกี่ยวข้องกับหุ้น แต่ว่าถ้าคิดอีกที ทำงานที่น้องเรียนมานี่น้องไม่ต้องไปเริ่มนับ1ใหม่นะครับ ได้เงินเดือนมาแล้วค่อยเอามาลงทุนดีกว่า ไม่ว่าตอนตลาดดีหรือตลาดแย่น้องยังมีเงินเดือนเข้ามาแน่ๆ ยิ่งทำงานสายงานด้านนี้ไปเรื่อยๆเงินเดือนเยอะแน่ๆ แล้วถึงตอนนั้นถ้าจังหวะดีๆ น้องจะมีกระสุนไว้ยิงแบบไม่ยั้งเลยนะ
Its all about getting alpha.
-
- Verified User
- โพสต์: 381
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เครียดจริงๆ
โพสต์ที่ 21
หลายๆคนชอบมองว่าชีวิตเป็นเส้นตรง
แต่ผมว่าชีวิตหลายๆคนชีวิตเป็นเส้นหักมุมไปมา
สิ่งทีเราคิดว่าใช่ในที่สุดมันอาจไม่ใช่ก็ได้
ลูกชายคุณกรรณิกา ธรรมเกษร
เรียนจบแพทย์6ปี เรียนต่อเป็นแพทย์ศัลยกรรมทรวงอกอีก5ปี
แล้วมาเริ่มเรียนเป็นนักบินใหม่ ในทีสุดเป็นนักบินสมใจ
ผมรู้จักคนจบปริญญาตรีหลายคนที่มาสมัครเรียนแพทย์ปีหนึ่งใหม่
เคยอ่านเจอนักฟิสิกส์นิวเคลียร์ทํางานมาจนกลางคน
มาเริ่มอาชีพใหม่เป็นช่างภาพ สุดท้ายมีชื่อเสียงระดับโลก
ฯลฯ
ผมว่าคนหนุ่มสาวที่กล้าจะเปลี่ยนสายงานไปเรื่อยๆจนเจอสิ่งที่ตัวเองต้องการจริงๆ
ในที่สุดจะประสพความสําเร็จมากกว่า
คนหน่มสาวที่ทนทําสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบไปเรื่อยๆ
เพราะไม่มีความกล้าที่จะเดินออกนอกเส้นทางที่ถูกตีกรอบไว้โดยตนเองและผู้อื่น
แต่ผมว่าชีวิตหลายๆคนชีวิตเป็นเส้นหักมุมไปมา
สิ่งทีเราคิดว่าใช่ในที่สุดมันอาจไม่ใช่ก็ได้
ลูกชายคุณกรรณิกา ธรรมเกษร
เรียนจบแพทย์6ปี เรียนต่อเป็นแพทย์ศัลยกรรมทรวงอกอีก5ปี
แล้วมาเริ่มเรียนเป็นนักบินใหม่ ในทีสุดเป็นนักบินสมใจ
ผมรู้จักคนจบปริญญาตรีหลายคนที่มาสมัครเรียนแพทย์ปีหนึ่งใหม่
เคยอ่านเจอนักฟิสิกส์นิวเคลียร์ทํางานมาจนกลางคน
มาเริ่มอาชีพใหม่เป็นช่างภาพ สุดท้ายมีชื่อเสียงระดับโลก
ฯลฯ
ผมว่าคนหนุ่มสาวที่กล้าจะเปลี่ยนสายงานไปเรื่อยๆจนเจอสิ่งที่ตัวเองต้องการจริงๆ
ในที่สุดจะประสพความสําเร็จมากกว่า
คนหน่มสาวที่ทนทําสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบไปเรื่อยๆ
เพราะไม่มีความกล้าที่จะเดินออกนอกเส้นทางที่ถูกตีกรอบไว้โดยตนเองและผู้อื่น
-
- Verified User
- โพสต์: 572
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เครียดจริงๆ
โพสต์ที่ 22
ไม่เห็นด้วยเลยนะกับข้างบนที่บอกว่าเรียนแพทย์จบแล้วย้ายมาเป็นทำงานนักบิน. ผมรู้สึกว่าคนเรียนเก่งขนาดนี้น่าจะเป็นแพทย์ต่อไปดีกว่า เค้าคิดบ้างรึเปล่าว่าเค้าไปแย่งสิทธิคนที่สอบแข่งเข้ามาเรียนแพทย์ซึ่งควรจะเข้ามาเพื่อเสียสละกับส่วนรวม ช่วยชีวิตมนุษย์ เค้าได้โอกาสมาแล้วทุ่มเทเรียนมาจนจบแล้วแต่เลิกไปทำตามใจตัวซะงั้น. อยากขับเครื่องบินก็ขับเล่นเองก็ได้นี่ครับ
เรื่องเจ้าของกะทู้ที่อยากทำงานด้านนี้ก็แล้วแต่ใจเพราะคุณไม่ได้เบียดคนอื่นมา แต่จะมาก็คิดให้ดีๆไม่ใช่มองแต่พวกที่เค้าประสบความสำเร็จ. จะมีสักกี่คน. คุณแน่ใจหรือว่าเป็นหนึ่งในนั้น ตลาดหุ้นยุคกะทิงเหมือนปีที่แล้วไม่เกิดขึ้นบ่อยครับ คุณทนสภาพกดดันเวลาตลาดหงอยไม่มีอะไรทำได้นานแค่ไหน ดีไม่ดีเจอวิกฤตเข้าไปงานการจะไม่มีทำเอา. ตาางกับอาชีพที่คุณจบมางานค่อนข้างมั่นคงกว่ากันเยอะ
เรื่องเจ้าของกะทู้ที่อยากทำงานด้านนี้ก็แล้วแต่ใจเพราะคุณไม่ได้เบียดคนอื่นมา แต่จะมาก็คิดให้ดีๆไม่ใช่มองแต่พวกที่เค้าประสบความสำเร็จ. จะมีสักกี่คน. คุณแน่ใจหรือว่าเป็นหนึ่งในนั้น ตลาดหุ้นยุคกะทิงเหมือนปีที่แล้วไม่เกิดขึ้นบ่อยครับ คุณทนสภาพกดดันเวลาตลาดหงอยไม่มีอะไรทำได้นานแค่ไหน ดีไม่ดีเจอวิกฤตเข้าไปงานการจะไม่มีทำเอา. ตาางกับอาชีพที่คุณจบมางานค่อนข้างมั่นคงกว่ากันเยอะ
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: เครียดจริงๆ
โพสต์ที่ 23
ผมก็เป็นพวกเปลี่ยนสายเหมือนกัน
ของผมนี่ผมชอบคอมพิวเตอร์มาตั้งแต่ ป.2 เล่นเกมส์ อ่านหนังสือ ฝึกเขียนโปรแกรมตั้งแต่นั้นมาจนเข้าไปเรียนวิศวฯ คอม เรียนๆ ไปจนเกือบจบ รู้สึกเต็มอิ่มกับคอมพิวเตอร์ แถมตอนนั้นไปเยี่ยมญาติที่เมืองจีนเห็นประเทศจีนเปิดประเทศ 10 กว่าปี แต่พัฒนาการในเมืองบ้านนอกๆ นี่เห็นแล้วอึ้งมาก เลยตัดสินใจไปเรียนภาษาที่ปังกิ่ง 1 เทอม ไปที่นู้นได้เจอ ได้คุยกับเพื่อนๆ ชาวต่างชาติแล้วก็อึ้งประทับใจเกี่ยวกับความรู้รอบตัวทั่วโลกมากๆ อยากรู้เรื่องราวความเป็นไปของโลก แถมอยากรู้ว่าเหตุผลความเป็นไปในพัฒนาการของเศรษฐกิจ เลยตัดสินใจเรียน ป.โท เศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ
ระหว่างเรียนเศรษฐศาสตร์ได้เรียน Finance ไป 1 ตัว รู้สึกว่าสิ่งนี้ คือ หนทางที่นำไปสู่อิสรภาพทางการเงิน ที่จะทำให้เราทำในสิ่งที่เรารักอะไรก็ได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน เลยเริ่มต้นลงทุน และสมัครงานที่เกี่ยวข้องทางการเงิน พยายามสมัคร IB แต่ไม่มีใครรับ ไปได้งานเกี่ยวกับ Treasury ที่แบงค์ เป็นพวก Trader ทำอยู่ 4 ปี ก็ออกมาธุรกิจเกี่ยวกับสำนักพิมพ์ของที่บ้านที่มีปัญหาอยู่ตัวหนึ่งทำอยู่ 4 ปี ทุกอย่างลงตัว การลงทุนออกดอกผลสามารถเลี้ยงตัวเองได้ระดับหนึ่ง แถมได้ไปปฏิบัติธรรมก็เลยได้ค้นพบความหมายของชีวิต ทางดำเนินของชีวิต เหตุปัจจัยพร้อมเลยเกษียณออกมาจากงานประจำทั้งหมดแล้ว ทุกวันนี้ก็ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ศึกษาสิ่งต่างๆ ไปเรื่อยๆ ออกกำลังกาย ศึกษาธรรม ท่องเที่ยว ทำสิ่งที่คิดว่าเป็นประโยชน์บ้างนิดหน่อย ทำสิ่งที่ไร้สาระซะเยอะ
คิดพิจารณาย้อนกลับไป ไล่กลับมา... ก็ได้ข้อสรุปว่า สำหรับผม คุณค่าความหมายของชีวิต เป้าหมายสูงสุดในชีวิต ที่ตัวเราเองค้นหาในช่วงวัยรุ่นเป็นตัว Drive ชีวิตเราให้เดินไป... ในช่วงวัยรุ่นผมจะศึกษาปรัชญา ค้นหาคุณค่า ความหมายของชีวิต ถามตัวเองว่าเกิดมาทำไม เราจะใช้ชีวิตไปอย่างไร อะไรคือความสุข/ทุกข์ของเรา ทำกิจกรรมเยอะ ทำงานเยอะ แต่เที่ยวเล่นเยอะกว่า แต่ระหว่างทางนี่ ผมทำอะไรแต่ละอย่างผมจะทุ่มสุดตัว ทำเต็มความสามารถ ทำเสร็จแล้วก็ได้ผลลัพธ์เช่นไร ก็รู้สักแต่ว่ารู้ ไม่มองย้อนกลับไปสักเท่าไหร่ อดีตมันผ่านมันล่วงเลยไปแล้ว การจะตัดสินใจว่าจะทำอะไรในปัจจุบัน โดยพิจารณาว่าสิ่งที่เราทำนี้ ทำแล้วเราสะใจ ทำแล้วเรารู้สึกถึงคุณค่าความหมายของชีวิตหรือเปล่า จึงทำให้ไม่เคยเลยที่จะคิดเสียใจว่าได้เสียเวลาทำอะไรไปในอดีต ไม่เคยคิดเลยว่า เสียเวลาศึกษาคอมพิวเตอร์ไปเป็นสิบๆ ปี แล้วทุกวันนี้ไม่ได้ใช้... ไม่เคยเสียใจเลยว่าจะได้เงินเดือนสูงๆ มีสภาพแวดล้อมการทำงานดีๆ ตอนทำ Treasury แล้วต้องออกมาอยู่ในออฟฟิสโกโรโกโส ได้เงินเดือนน้อย ไม่มีเพื่อนร่วมงาน... ไล่มาจนไปถึงทุกวันนี้ ก็ใช้ชีวิตแบบที่คนภายนอกตัดสินได้ว่าเป็นชีวิตที่ไร้สาระ ไร้คุณค่า ไร้ความหมาย ไร้เกียรติศักดิ์ศรี น่าเบื่อ ไปวันๆ แต่สำหรับตัวเราเอง กลับเป็นช่วงเวลาที่มีความหมายที่สุดนับตั้งแต่เกิดมา
สมัยเรียนหนังสือได้ดูหนังเรื่อง Trainspotting ของ Danny Boyle ทุกวันนี้คำว่า Choose Life ยังก้องอยู่ในหัวอยู่เลย... ชีวิตเป็นของเรา เรามีอำนาจในการเลือกที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดด้วยตัวเราเอง อย่าให้อดีตมาเป็นข้อจำกัดในการเลือก แต่ควรใช้อดีตเป็นเครื่องมืออันหนึ่งที่เราเลือกที่จะหยิบมาใช้ในการต่อยอดชีวิตตัวเอง และพร้อมที่จะโยนมันทิ้ง หากมันไม่ได้เป็นเครื่องมือที่ตอบโจทย์สถานการณ์ปัจจุบัน... เครื่องมือเราสร้างขึ้นใหม่ได้ เช่นเดียวกับ ปัจจุบันที่เราสร้างมันอยู่ทุกขณะ... ขอเป็นกำลังใจสำหรับเพื่อนๆ ที่กล้าที่จะแหกความเคยชินเดิมๆ และทำสิ่งใหม่ๆ ครับ
ของผมนี่ผมชอบคอมพิวเตอร์มาตั้งแต่ ป.2 เล่นเกมส์ อ่านหนังสือ ฝึกเขียนโปรแกรมตั้งแต่นั้นมาจนเข้าไปเรียนวิศวฯ คอม เรียนๆ ไปจนเกือบจบ รู้สึกเต็มอิ่มกับคอมพิวเตอร์ แถมตอนนั้นไปเยี่ยมญาติที่เมืองจีนเห็นประเทศจีนเปิดประเทศ 10 กว่าปี แต่พัฒนาการในเมืองบ้านนอกๆ นี่เห็นแล้วอึ้งมาก เลยตัดสินใจไปเรียนภาษาที่ปังกิ่ง 1 เทอม ไปที่นู้นได้เจอ ได้คุยกับเพื่อนๆ ชาวต่างชาติแล้วก็อึ้งประทับใจเกี่ยวกับความรู้รอบตัวทั่วโลกมากๆ อยากรู้เรื่องราวความเป็นไปของโลก แถมอยากรู้ว่าเหตุผลความเป็นไปในพัฒนาการของเศรษฐกิจ เลยตัดสินใจเรียน ป.โท เศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ
ระหว่างเรียนเศรษฐศาสตร์ได้เรียน Finance ไป 1 ตัว รู้สึกว่าสิ่งนี้ คือ หนทางที่นำไปสู่อิสรภาพทางการเงิน ที่จะทำให้เราทำในสิ่งที่เรารักอะไรก็ได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน เลยเริ่มต้นลงทุน และสมัครงานที่เกี่ยวข้องทางการเงิน พยายามสมัคร IB แต่ไม่มีใครรับ ไปได้งานเกี่ยวกับ Treasury ที่แบงค์ เป็นพวก Trader ทำอยู่ 4 ปี ก็ออกมาธุรกิจเกี่ยวกับสำนักพิมพ์ของที่บ้านที่มีปัญหาอยู่ตัวหนึ่งทำอยู่ 4 ปี ทุกอย่างลงตัว การลงทุนออกดอกผลสามารถเลี้ยงตัวเองได้ระดับหนึ่ง แถมได้ไปปฏิบัติธรรมก็เลยได้ค้นพบความหมายของชีวิต ทางดำเนินของชีวิต เหตุปัจจัยพร้อมเลยเกษียณออกมาจากงานประจำทั้งหมดแล้ว ทุกวันนี้ก็ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ศึกษาสิ่งต่างๆ ไปเรื่อยๆ ออกกำลังกาย ศึกษาธรรม ท่องเที่ยว ทำสิ่งที่คิดว่าเป็นประโยชน์บ้างนิดหน่อย ทำสิ่งที่ไร้สาระซะเยอะ
คิดพิจารณาย้อนกลับไป ไล่กลับมา... ก็ได้ข้อสรุปว่า สำหรับผม คุณค่าความหมายของชีวิต เป้าหมายสูงสุดในชีวิต ที่ตัวเราเองค้นหาในช่วงวัยรุ่นเป็นตัว Drive ชีวิตเราให้เดินไป... ในช่วงวัยรุ่นผมจะศึกษาปรัชญา ค้นหาคุณค่า ความหมายของชีวิต ถามตัวเองว่าเกิดมาทำไม เราจะใช้ชีวิตไปอย่างไร อะไรคือความสุข/ทุกข์ของเรา ทำกิจกรรมเยอะ ทำงานเยอะ แต่เที่ยวเล่นเยอะกว่า แต่ระหว่างทางนี่ ผมทำอะไรแต่ละอย่างผมจะทุ่มสุดตัว ทำเต็มความสามารถ ทำเสร็จแล้วก็ได้ผลลัพธ์เช่นไร ก็รู้สักแต่ว่ารู้ ไม่มองย้อนกลับไปสักเท่าไหร่ อดีตมันผ่านมันล่วงเลยไปแล้ว การจะตัดสินใจว่าจะทำอะไรในปัจจุบัน โดยพิจารณาว่าสิ่งที่เราทำนี้ ทำแล้วเราสะใจ ทำแล้วเรารู้สึกถึงคุณค่าความหมายของชีวิตหรือเปล่า จึงทำให้ไม่เคยเลยที่จะคิดเสียใจว่าได้เสียเวลาทำอะไรไปในอดีต ไม่เคยคิดเลยว่า เสียเวลาศึกษาคอมพิวเตอร์ไปเป็นสิบๆ ปี แล้วทุกวันนี้ไม่ได้ใช้... ไม่เคยเสียใจเลยว่าจะได้เงินเดือนสูงๆ มีสภาพแวดล้อมการทำงานดีๆ ตอนทำ Treasury แล้วต้องออกมาอยู่ในออฟฟิสโกโรโกโส ได้เงินเดือนน้อย ไม่มีเพื่อนร่วมงาน... ไล่มาจนไปถึงทุกวันนี้ ก็ใช้ชีวิตแบบที่คนภายนอกตัดสินได้ว่าเป็นชีวิตที่ไร้สาระ ไร้คุณค่า ไร้ความหมาย ไร้เกียรติศักดิ์ศรี น่าเบื่อ ไปวันๆ แต่สำหรับตัวเราเอง กลับเป็นช่วงเวลาที่มีความหมายที่สุดนับตั้งแต่เกิดมา
สมัยเรียนหนังสือได้ดูหนังเรื่อง Trainspotting ของ Danny Boyle ทุกวันนี้คำว่า Choose Life ยังก้องอยู่ในหัวอยู่เลย... ชีวิตเป็นของเรา เรามีอำนาจในการเลือกที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดด้วยตัวเราเอง อย่าให้อดีตมาเป็นข้อจำกัดในการเลือก แต่ควรใช้อดีตเป็นเครื่องมืออันหนึ่งที่เราเลือกที่จะหยิบมาใช้ในการต่อยอดชีวิตตัวเอง และพร้อมที่จะโยนมันทิ้ง หากมันไม่ได้เป็นเครื่องมือที่ตอบโจทย์สถานการณ์ปัจจุบัน... เครื่องมือเราสร้างขึ้นใหม่ได้ เช่นเดียวกับ ปัจจุบันที่เราสร้างมันอยู่ทุกขณะ... ขอเป็นกำลังใจสำหรับเพื่อนๆ ที่กล้าที่จะแหกความเคยชินเดิมๆ และทำสิ่งใหม่ๆ ครับ
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
-
- Verified User
- โพสต์: 513
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เครียดจริงๆ
โพสต์ที่ 25
ผมชอบคอมเม้นท์ของพี่คนนี้มากๆjonny11 เขียน:ไม่เห็นด้วยเลยนะกับข้างบนที่บอกว่าเรียนแพทย์จบแล้วย้ายมาเป็นทำงานนักบิน. ผมรู้สึกว่าคนเรียนเก่งขนาดนี้น่าจะเป็นแพทย์ต่อไปดีกว่า เค้าคิดบ้างรึเปล่าว่าเค้าไปแย่งสิทธิคนที่สอบแข่งเข้ามาเรียนแพทย์ซึ่งควรจะเข้ามาเพื่อเสียสละกับส่วนรวม ช่วยชีวิตมนุษย์ เค้าได้โอกาสมาแล้วทุ่มเทเรียนมาจนจบแล้วแต่เลิกไปทำตามใจตัวซะงั้น. อยากขับเครื่องบินก็ขับเล่นเองก็ได้นี่ครับ
เรื่องเจ้าของกะทู้ที่อยากทำงานด้านนี้ก็แล้วแต่ใจเพราะคุณไม่ได้เบียดคนอื่นมา แต่จะมาก็คิดให้ดีๆไม่ใช่มองแต่พวกที่เค้าประสบความสำเร็จ. จะมีสักกี่คน. คุณแน่ใจหรือว่าเป็นหนึ่งในนั้น ตลาดหุ้นยุคกะทิงเหมือนปีที่แล้วไม่เกิดขึ้นบ่อยครับ คุณทนสภาพกดดันเวลาตลาดหงอยไม่มีอะไรทำได้นานแค่ไหน ดีไม่ดีเจอวิกฤตเข้าไปงานการจะไม่มีทำเอา. ตาางกับอาชีพที่คุณจบมางานค่อนข้างมั่นคงกว่ากันเยอะ
ความคิดความอ่านท่านเป็นผู้ใหญ่ดี
ท่านกำลังชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่คนรุ่นใหม่ที่เค้าเรียกgenอะไรสักอย่าง
ขาดหายไป
"ความเสียสละและความอดทน"
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ดีๆครับ
ได้เวลาเหล่าอินทรีย์ ผงาดบนฟากฟ้า
- Java The Boy
- Verified User
- โพสต์: 497
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เครียดจริงๆ
โพสต์ที่ 26
ชอบมากครับ ผมทำสิ่งที่คนอื่นบอกว่าไร้สาระทุกวัน ชีวิตมันมีความสุขจริงๆpicatos เขียน: ก็ใช้ชีวิตแบบที่คนภายนอกตัดสินได้ว่าเป็นชีวิตที่ไร้สาระ ไร้คุณค่า ไร้ความหมาย ไร้เกียรติศักดิ์ศรี น่าเบื่อ ไปวันๆ แต่สำหรับตัวเราเอง กลับเป็นช่วงเวลาที่มีความหมายที่สุดนับตั้งแต่เกิดมา
ความสุขที่แท้จริงของมนุษย์มีอยู่ 4 ข้อคือ...
ได้อยู่ในที่อากาศปลอดโปร่ง
พ้นจากความทะเยอทะยาน
ทำงานสร้างสรรค์
และรักใครสักคน ...
"อัลแบร์ กามูส์"
ได้อยู่ในที่อากาศปลอดโปร่ง
พ้นจากความทะเยอทะยาน
ทำงานสร้างสรรค์
และรักใครสักคน ...
"อัลแบร์ กามูส์"