มหากาพย์ KK-Phatra
-
- Verified User
- โพสต์: 1980
- ผู้ติดตาม: 0
มหากาพย์ KK-Phatra
โพสต์ที่ 1
จริงๆไม่ใช่มหากาพย์หรอกครับ เป็นบทความของคุณบรรยง พงษ์พานิช
ตัวกลั่นแห่งการควบรวม The Great Deal of 2011 ลองอ่านเล่นๆดูนะครับ
............................................................
วันที่ 31 กรกฎาคม 2556....
เป็นวันที่มีความสำคัญเป็นพิเศษ สำหรับผม
ไม่ใช่วันเกิด...ไม่ใช่วันเงินเดือนออก
แต่เป็นวันที่จะครบ 36 ปีเต็มของการทำงาน ด้วยว่าผมเริ่มงานเป็นเสมียนเคาะกระดานหุ้นที่บงล.ภัทรธนกิจ ในวันที่1 สิงหาคม 2520
ตื่นขึ้นมาบอกเมีย เมียว่าเธอจะจำไปหาตะหวักตะบวยอะไรกับวันเริ่มงาน ทีวันเกิดชั้น วันครบรอบแต่งงาน ไม่เคยจำได้ ผมก็บอกว่า"ขอรับ"(คำเริ่มต้นที่ฝึกไว้จนเป็นนิสัยเวลาพูดกับเมีย)"ก็ผมเคยทำงานที่เดียวนี่ครับ แถมกว่าจะหางานได้ก็แสนยากเย็น ไม่ง่ายเหมือนหาคนแต่งงานด้วยนี่ครับ"(แหะๆ ประโยคสุดท้ายน่ะพูดในใจนะครับ..นี่โชคดีที่เมียไม่เล่นfb)
มองย้อนหลัง...36 ปีแห่งการทำงาน จากเสมียน เงินเดือน 2,450 บาท มาจนเป็นCEO เป็นประธานฯ (เงินเดือนเท่าไหร่ไม่บอก..เดี๋ยวสรรพากรตาม) ถามว่าถ้าจะเอาคำเดียว อะไรเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด...ผมยกให้กับคำว่า"โอกาส"
ผมเป็นคนโชคดี ถึงแม้จะเหลวไหลหลงทางไปในช่วงวัยหนุ่ม วัยคะนองไปถึง7ปี (ซึ่งจะว่าไปก็ทำให้ได้โอกาสที่จะเรียนรู้ว่าในรก ในพง มันมีอะไร ไม่เหมือนคนดีทั่วไป ที่มักจะเติบโตมาตามระเบียบแบบแผนที่ดี เลยเฮี้ยวไม่ค่อยจะเป็น) แต่ก็ได้มาทำงานในองค์กรที่ผมคิดว่าสุดยอด(อย่างน้อยสำหรับคนอย่างผม) เป็นองค์กรที่...ผู้ถือหุ้นมีคุณธรรม เผื่อแผ่ ไม่เบียดเบียน ....เจ้านายใจกว้าง(กว่าแม่นำ้เยอะ) ไม่เพียงให้โอกาส แต่ยังส่งเสริม ผลักดัน (บางครั้ง ถีบดัน ก็มี)ให้ได้เรียนได้ทำ ได้รุ่ง(ขอคารวะ พี่วิโรจน์ นวลแขเจ้านายตลอดกาลของผม กับอดีตเจ้านายทุกท่าน เช่น พี่ตุ๊ก พี่เป๋อ พี่ปุย คุณพิชัยฯลฯ)....เพื่อนร่วมงานที่แสนดีหลายร้อยคน ที่ร่วมกันเรียนรู้ แสวงหาโอกาส สร้างสรรโอกาส executeโอกาส ตลอดมา
สามสิบหกปี...ช่วยให้ผมเรียนรู้ได้อย่างมากมาย....จากหนุ่มมั่น ทะนงตน คิดว่าตัวเองเก่งโคตร ฉลาดโคตร รู้มากรู้หมด ชีวิตจะมีแต่ความสำเร็จ ทำอะไรก็ได้ เป็นอะไรก็ได้ ข้ามาคนเดียวก็พอ.... มาเป็น ชายหนุ่ม(ยังหนุ่มอยู่เสมออ่ะ)ที่สำนึกตน ว่ารู้น้อยนัก ยังโง่มากนัก มีความผิดพลาดเต็มไปหมด ทำอะไรไม่เป็นมากกว่าที่ทำเป็นเยอะ ไม่เคยทำอะไรสำเร็จโดยลำพังตัวเลย ต้องพึ่งพิงเพื่อนร่วมงานตลอดเวลา
แน่นอนที่ ทำงานมากว่าสามทศวรรษครึ่ง จะต้องเจอปัญหาสาระพัด เจอวิกฤตินับครั้งไม่ถ้วน ทั้งเล็กทั้งใหญ่ ผมโชคดีอีก ที่แทบทุกครั้งที่มีวิกฤติผมมักจะได้เรียนรู้และได้"โอกาส"ไม่น้อย "วิกฤติราชาเงินทุน"(2521) สอนให้ผมรู้จักตลาดทุน รู้ว่าเงินทองไม่ได้หาง่าย หาเร็วได้ ถ้าอยากยั่งยืน "วิกฤติจันทร์ทมิฬ"(1987) และ"วิกฤติซัดดัมบุกคูเวต"(2000) ทำให้รู้บทบาทและอิทธิพลของ"โลกาภิวัฒน์" "มหาวิกฤติต้มยำกุ้ง"(1997) ทำให้เรียนรู้มหาศาล กลายเป็นนักศศ.สมัครเล่นที่คนฟังไม่น้อย ทำให้มีตัวตน ที่สำคัญ..ทำให้ชาวภัทร ได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรระดับโลก เรียกว่าได้โอกาสที่จะเรียนรู้กันทั้งฝูงเลย "วิกฤติTech Bubble"ที่อเมริกา(ปี2000)ทำให้ได้โอกาสที่จะทำMBO จนพวกเรากลายเป็นเจ้าของกิจการ. ที่มีมูลค่ากว่าห้าพันล้าน โดยใช้เงินแค่ 500 ล้าน
เรียงหน้ากันมาเถิดครับ"คุณวิกฤติ"ทั้งหลาย ตราบใดที่พวกเรายังมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มีสติที่มั่นคง และรวมตัวกันเหนียวแน่น เราก็พร้อมที่จะผจญ พร้อมที่จะเรียนรู้ พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากคุณตาม"โอกาส" ถึงแม้บางครั้งเราจะเพลี่ยงพลำ้ ซวดเซ แม้กระทั่งล้มลง แต่เราก็จะจับมือกัน พยุงกันลุกขึ้นมา ฟัดกับมันต่อไป
ส่วน ธนาคารเกียรตินาคินที่ผมมาร่วมบริหารอยู่ ก็เป็นองค์กรที่ฝ่าฟันวิกฤติ ผ่านการใช้โอกาสมาอย่างโชกโชนเสียยิ่งกว่า จากบริษัทเงินทุน หนึ่งใน 130 ที่ได้ Licence ใ่นช่วง ปี2515-2518 ฝ่าฟันวิกฤติมานานับครั้งไม่ถ้วน จนปัจจุบัน มีแค่ 4 บงล.เท่านั้น ที่เติบโตมาจนเป็นธนาคารพาณิชย์ได้ (อีกสามแห่งคือ ธ.ธนชาติ ธ.TISCO และธ.สินเอเซีย) และมีแค่แห่งเดียวเท่านั้น ที่ยังมีผู้ถือหุ้นหลักเป็นคนไทย คือธ.เกียรตินาคิน ซึ่ง 41 ปีตั้งแต่ตั้งมา จนปัจจุบัน อยู่ภายใต้ผู้บริหารหลักคนเดียวเท่านั้น คือคุณสุพล วัธนเวคิน(หรือไอ้ยืด เพื่อนรักผมมาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ)ประธานกรรมการคนปัจจุบัน ที่รับตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการมาตั้งแต่เริ่มตั้งเมื่อ2515 ขณะอายุได้เพียง 18 ปี
พูดถึงคำว่า"โอกาส"ผมจะสอนน้องๆ(และหลานๆ) ที่บริษัทเสมอมาว่า สำหรับผม โอกาสมีอยู่ห้าชนิดคือ
-โอกาสชนิดที่หนึ่ง คือโอกาสที่ดี ผ่านมาเราเห็น เราทำ แล้วได้ผลดี เราชอบที่สุด
-โอกาสชนิดที่2 คือโอกาสที่เราคิดว่าไม่ดี ไม่ทำ แล้วมีเหตุบอกว่าถูกแล้ว ถ้าดันทำก็คงเจ่กอั่ก เราชอบต่อมา
-โอกาสชนิดที่3 คือโอกาสที่เราคิดว่าไม่ดี ไม่ทำ แต่มีคนมาคว้าเอาไปทำแล้วได้ดี เราไม่ค่อยชอบเพราะเสียดาย
-โอกาสชนิดที่4 คือโอกาสที่เราคิดว่าดี ดันทำ แต่แป๊ก ให้ผลร้าย เราเกลียดที่สุด
-โอกาสชนิดที่ 5 สุดท้าย คือ โอกาสที่ผ่านเรามา แล้วผ่านไป โดยเราไม่ได้สำเหนียก ไม่ได้รับรู้เลย ว่ามีโอกาสผ่านมา
เชื่อไหมครับ... ว่าโอกาสชนิดที่5 มีมากกว่าโอกาสชนิดที่ 1 ถึง4 รวมกัน หลายร้อย หลายพันเท่า
สรุปว่า "โอกาส " ก็เหมือน "อากาศ" นั่นแหละครับ คือมีมากมาย ล่องลอยอยู่ทั่วไปทุกหนทุกแห่ง มันขึ้นอยู่กับว่า เราจะแสวงหามันพบหรือไม่ เราจะสร้างมันเป็นหรือเปล่า เราจะexecuteให้เป็นประโยชน์จริงได้หรือเปล่า
ใครก็ตาม...ที่คิดว่าโอกาส เป็นเรื่องของบุญวาสนา นั่งรอแต่จะให้"ส้มมาหล่นใส่xx" ก็คงต้องรอนานหน่อย และชีวิตนี้คงได้แต่บ่นว่า ตนนั้นแสนอาภัพ โชคร้าย ไม่เคยได้รับโอกาสดีเท่าคนอื่นเขา
วันนี้ ในการประชุมผู้บริหารของ"กลุ่มธุรกิจการเงิน เกียรตินาคิน ภัทร" เนื่องในโอกาส "Rebranding" ผมได้เรียกร้องขอให้ทุกคน แสวงหา สร้างสรร และexecute "โอกาส" ทั้งสำหรับองค์กร สำหรับตัวเอง และที่สำคัญสำหรับผู้ร่วมงานภายใต้ความรับผิดชอบ
ผมใฝ่ฝันมานานแล้ว ที่จะได้ทำงาน ได้ร่วมงาน และได้สร้างสรร "องค์กรแห่งโอกาส" อย่าแท้จริง
วันนี้งานยุ่งทั้งวัน กว่าจะมาได้เขียนความตั้งใจ postได้ทันก่อนข้ามวันที่ทำงานมาครบ 36 ปีพอดี
ทันเวลาก่อนที่จะไปนอนพักผ่อน เพื่อจะตื่นขึ้นมา กระปรี้กระเปร่า กระตือรือร้น เพื่อจะไปแสวงหา และรองรับ"โอกาส"ที่จะมีมาในวันที่ทำงานสามสิบหกปีบวกหนึ่งวัน อย่างสนุกสนานเช่นเคย
ตัวกลั่นแห่งการควบรวม The Great Deal of 2011 ลองอ่านเล่นๆดูนะครับ
............................................................
วันที่ 31 กรกฎาคม 2556....
เป็นวันที่มีความสำคัญเป็นพิเศษ สำหรับผม
ไม่ใช่วันเกิด...ไม่ใช่วันเงินเดือนออก
แต่เป็นวันที่จะครบ 36 ปีเต็มของการทำงาน ด้วยว่าผมเริ่มงานเป็นเสมียนเคาะกระดานหุ้นที่บงล.ภัทรธนกิจ ในวันที่1 สิงหาคม 2520
ตื่นขึ้นมาบอกเมีย เมียว่าเธอจะจำไปหาตะหวักตะบวยอะไรกับวันเริ่มงาน ทีวันเกิดชั้น วันครบรอบแต่งงาน ไม่เคยจำได้ ผมก็บอกว่า"ขอรับ"(คำเริ่มต้นที่ฝึกไว้จนเป็นนิสัยเวลาพูดกับเมีย)"ก็ผมเคยทำงานที่เดียวนี่ครับ แถมกว่าจะหางานได้ก็แสนยากเย็น ไม่ง่ายเหมือนหาคนแต่งงานด้วยนี่ครับ"(แหะๆ ประโยคสุดท้ายน่ะพูดในใจนะครับ..นี่โชคดีที่เมียไม่เล่นfb)
มองย้อนหลัง...36 ปีแห่งการทำงาน จากเสมียน เงินเดือน 2,450 บาท มาจนเป็นCEO เป็นประธานฯ (เงินเดือนเท่าไหร่ไม่บอก..เดี๋ยวสรรพากรตาม) ถามว่าถ้าจะเอาคำเดียว อะไรเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด...ผมยกให้กับคำว่า"โอกาส"
ผมเป็นคนโชคดี ถึงแม้จะเหลวไหลหลงทางไปในช่วงวัยหนุ่ม วัยคะนองไปถึง7ปี (ซึ่งจะว่าไปก็ทำให้ได้โอกาสที่จะเรียนรู้ว่าในรก ในพง มันมีอะไร ไม่เหมือนคนดีทั่วไป ที่มักจะเติบโตมาตามระเบียบแบบแผนที่ดี เลยเฮี้ยวไม่ค่อยจะเป็น) แต่ก็ได้มาทำงานในองค์กรที่ผมคิดว่าสุดยอด(อย่างน้อยสำหรับคนอย่างผม) เป็นองค์กรที่...ผู้ถือหุ้นมีคุณธรรม เผื่อแผ่ ไม่เบียดเบียน ....เจ้านายใจกว้าง(กว่าแม่นำ้เยอะ) ไม่เพียงให้โอกาส แต่ยังส่งเสริม ผลักดัน (บางครั้ง ถีบดัน ก็มี)ให้ได้เรียนได้ทำ ได้รุ่ง(ขอคารวะ พี่วิโรจน์ นวลแขเจ้านายตลอดกาลของผม กับอดีตเจ้านายทุกท่าน เช่น พี่ตุ๊ก พี่เป๋อ พี่ปุย คุณพิชัยฯลฯ)....เพื่อนร่วมงานที่แสนดีหลายร้อยคน ที่ร่วมกันเรียนรู้ แสวงหาโอกาส สร้างสรรโอกาส executeโอกาส ตลอดมา
สามสิบหกปี...ช่วยให้ผมเรียนรู้ได้อย่างมากมาย....จากหนุ่มมั่น ทะนงตน คิดว่าตัวเองเก่งโคตร ฉลาดโคตร รู้มากรู้หมด ชีวิตจะมีแต่ความสำเร็จ ทำอะไรก็ได้ เป็นอะไรก็ได้ ข้ามาคนเดียวก็พอ.... มาเป็น ชายหนุ่ม(ยังหนุ่มอยู่เสมออ่ะ)ที่สำนึกตน ว่ารู้น้อยนัก ยังโง่มากนัก มีความผิดพลาดเต็มไปหมด ทำอะไรไม่เป็นมากกว่าที่ทำเป็นเยอะ ไม่เคยทำอะไรสำเร็จโดยลำพังตัวเลย ต้องพึ่งพิงเพื่อนร่วมงานตลอดเวลา
แน่นอนที่ ทำงานมากว่าสามทศวรรษครึ่ง จะต้องเจอปัญหาสาระพัด เจอวิกฤตินับครั้งไม่ถ้วน ทั้งเล็กทั้งใหญ่ ผมโชคดีอีก ที่แทบทุกครั้งที่มีวิกฤติผมมักจะได้เรียนรู้และได้"โอกาส"ไม่น้อย "วิกฤติราชาเงินทุน"(2521) สอนให้ผมรู้จักตลาดทุน รู้ว่าเงินทองไม่ได้หาง่าย หาเร็วได้ ถ้าอยากยั่งยืน "วิกฤติจันทร์ทมิฬ"(1987) และ"วิกฤติซัดดัมบุกคูเวต"(2000) ทำให้รู้บทบาทและอิทธิพลของ"โลกาภิวัฒน์" "มหาวิกฤติต้มยำกุ้ง"(1997) ทำให้เรียนรู้มหาศาล กลายเป็นนักศศ.สมัครเล่นที่คนฟังไม่น้อย ทำให้มีตัวตน ที่สำคัญ..ทำให้ชาวภัทร ได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรระดับโลก เรียกว่าได้โอกาสที่จะเรียนรู้กันทั้งฝูงเลย "วิกฤติTech Bubble"ที่อเมริกา(ปี2000)ทำให้ได้โอกาสที่จะทำMBO จนพวกเรากลายเป็นเจ้าของกิจการ. ที่มีมูลค่ากว่าห้าพันล้าน โดยใช้เงินแค่ 500 ล้าน
เรียงหน้ากันมาเถิดครับ"คุณวิกฤติ"ทั้งหลาย ตราบใดที่พวกเรายังมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มีสติที่มั่นคง และรวมตัวกันเหนียวแน่น เราก็พร้อมที่จะผจญ พร้อมที่จะเรียนรู้ พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากคุณตาม"โอกาส" ถึงแม้บางครั้งเราจะเพลี่ยงพลำ้ ซวดเซ แม้กระทั่งล้มลง แต่เราก็จะจับมือกัน พยุงกันลุกขึ้นมา ฟัดกับมันต่อไป
ส่วน ธนาคารเกียรตินาคินที่ผมมาร่วมบริหารอยู่ ก็เป็นองค์กรที่ฝ่าฟันวิกฤติ ผ่านการใช้โอกาสมาอย่างโชกโชนเสียยิ่งกว่า จากบริษัทเงินทุน หนึ่งใน 130 ที่ได้ Licence ใ่นช่วง ปี2515-2518 ฝ่าฟันวิกฤติมานานับครั้งไม่ถ้วน จนปัจจุบัน มีแค่ 4 บงล.เท่านั้น ที่เติบโตมาจนเป็นธนาคารพาณิชย์ได้ (อีกสามแห่งคือ ธ.ธนชาติ ธ.TISCO และธ.สินเอเซีย) และมีแค่แห่งเดียวเท่านั้น ที่ยังมีผู้ถือหุ้นหลักเป็นคนไทย คือธ.เกียรตินาคิน ซึ่ง 41 ปีตั้งแต่ตั้งมา จนปัจจุบัน อยู่ภายใต้ผู้บริหารหลักคนเดียวเท่านั้น คือคุณสุพล วัธนเวคิน(หรือไอ้ยืด เพื่อนรักผมมาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ)ประธานกรรมการคนปัจจุบัน ที่รับตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการมาตั้งแต่เริ่มตั้งเมื่อ2515 ขณะอายุได้เพียง 18 ปี
พูดถึงคำว่า"โอกาส"ผมจะสอนน้องๆ(และหลานๆ) ที่บริษัทเสมอมาว่า สำหรับผม โอกาสมีอยู่ห้าชนิดคือ
-โอกาสชนิดที่หนึ่ง คือโอกาสที่ดี ผ่านมาเราเห็น เราทำ แล้วได้ผลดี เราชอบที่สุด
-โอกาสชนิดที่2 คือโอกาสที่เราคิดว่าไม่ดี ไม่ทำ แล้วมีเหตุบอกว่าถูกแล้ว ถ้าดันทำก็คงเจ่กอั่ก เราชอบต่อมา
-โอกาสชนิดที่3 คือโอกาสที่เราคิดว่าไม่ดี ไม่ทำ แต่มีคนมาคว้าเอาไปทำแล้วได้ดี เราไม่ค่อยชอบเพราะเสียดาย
-โอกาสชนิดที่4 คือโอกาสที่เราคิดว่าดี ดันทำ แต่แป๊ก ให้ผลร้าย เราเกลียดที่สุด
-โอกาสชนิดที่ 5 สุดท้าย คือ โอกาสที่ผ่านเรามา แล้วผ่านไป โดยเราไม่ได้สำเหนียก ไม่ได้รับรู้เลย ว่ามีโอกาสผ่านมา
เชื่อไหมครับ... ว่าโอกาสชนิดที่5 มีมากกว่าโอกาสชนิดที่ 1 ถึง4 รวมกัน หลายร้อย หลายพันเท่า
สรุปว่า "โอกาส " ก็เหมือน "อากาศ" นั่นแหละครับ คือมีมากมาย ล่องลอยอยู่ทั่วไปทุกหนทุกแห่ง มันขึ้นอยู่กับว่า เราจะแสวงหามันพบหรือไม่ เราจะสร้างมันเป็นหรือเปล่า เราจะexecuteให้เป็นประโยชน์จริงได้หรือเปล่า
ใครก็ตาม...ที่คิดว่าโอกาส เป็นเรื่องของบุญวาสนา นั่งรอแต่จะให้"ส้มมาหล่นใส่xx" ก็คงต้องรอนานหน่อย และชีวิตนี้คงได้แต่บ่นว่า ตนนั้นแสนอาภัพ โชคร้าย ไม่เคยได้รับโอกาสดีเท่าคนอื่นเขา
วันนี้ ในการประชุมผู้บริหารของ"กลุ่มธุรกิจการเงิน เกียรตินาคิน ภัทร" เนื่องในโอกาส "Rebranding" ผมได้เรียกร้องขอให้ทุกคน แสวงหา สร้างสรร และexecute "โอกาส" ทั้งสำหรับองค์กร สำหรับตัวเอง และที่สำคัญสำหรับผู้ร่วมงานภายใต้ความรับผิดชอบ
ผมใฝ่ฝันมานานแล้ว ที่จะได้ทำงาน ได้ร่วมงาน และได้สร้างสรร "องค์กรแห่งโอกาส" อย่าแท้จริง
วันนี้งานยุ่งทั้งวัน กว่าจะมาได้เขียนความตั้งใจ postได้ทันก่อนข้ามวันที่ทำงานมาครบ 36 ปีพอดี
ทันเวลาก่อนที่จะไปนอนพักผ่อน เพื่อจะตื่นขึ้นมา กระปรี้กระเปร่า กระตือรือร้น เพื่อจะไปแสวงหา และรองรับ"โอกาส"ที่จะมีมาในวันที่ทำงานสามสิบหกปีบวกหนึ่งวัน อย่างสนุกสนานเช่นเคย
The mother of all evils is speculation, leverage debt. Bottom line, is borrowing to the hilt. And I hate to tell you this, but it's a bankrupt business model. It won't work. It's systemic, malignant, and it's global, like cancer.
-
- Verified User
- โพสต์: 1980
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มหากาพย์ KK-Phatra
โพสต์ที่ 3
เป็นบทความที่พี่เตา บรรยง โพสลงใน FB ส่วนตัว
อ่านแล้วได้ข้อคิดอะไรเยอะดี
อ่านแล้วได้ข้อคิดอะไรเยอะดี
The mother of all evils is speculation, leverage debt. Bottom line, is borrowing to the hilt. And I hate to tell you this, but it's a bankrupt business model. It won't work. It's systemic, malignant, and it's global, like cancer.
- PrasertsakK
- Verified User
- โพสต์: 286
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มหากาพย์ KK-Phatra
โพสต์ที่ 5
อยากให้มี ภาคสองต่อเร็ว ๆ
http://prasertsakk.blogspot.com/
การลงทุน ความมั่งคั่ง ความสุข มิตรภาพ
การลงทุน ความมั่งคั่ง ความสุข มิตรภาพ