ขอคำแนะนำเลือกตัวที่ขาย
-
- Verified User
- โพสต์: 178
- ผู้ติดตาม: 0
ขอคำแนะนำเลือกตัวที่ขาย
โพสต์ที่ 1
สวัสดีครับ
อยากรบกวนขอคำปรึกษาหน่อยครับ
ผมลงทุนมาได้ 5-6 ปีแล้ว หุ้นก็จะถือยาวมาตลอด ส่วนมากจะซื้อตัวเดิมๆซ้ำไปเรื่อยๆเมื่อมีเงิน แล้วก็สลับตัวที่งบออกมาไม่ดี หรือเปลี่ยนไปเข้าตัวที่ดูแล้วมีอนาคตมากกว่า
ทีนี้มีโครงการจะสร้างบ้านซึ่งลองเปรียบเทียบดอกที่เสียแล้วรู้สึกไม่คุ้ม เลยอยากจะขายหุ้นส่วนหนึ่งออกมาเพื่อให้กู้น้อยๆหน่อย
ปัญหาคือ ไม่รู้จะขายตัวไหนดี ทุกตัวราคาปรับขึ้นไปมากกว่าทุนค่อนข้างมากแล้ว และก็มีอนาคตที่จะโตไปได้ดีด้วย (เท่าที่ผมคิด แหะๆ)
ถ้าเป็นเพื่อนๆเวลาต้องใช้เงินและมีหุ้นแบบนี้ จะแบ่งขายออกไปด้วยเหตุผลอะไรบ้างครับ ถ้าทุกตัวดูมีอนาคตเหมือนกันหมด
เป็นหุ้นที่ค้าขายในประเทศทั้งหมด บางบริษัทได้ประโยชน์จากเรื่องเงินบาทแข็งด้วย (แต่ไม่ได้มองจุดนี้ตอนเข้าซื้อ)
ตอนนี้ที่ถือมีอยู่ 5 ตัว สัดส่วนพอๆกันทั้ง พอร์ท ที่คิดๆไว้ก็ ขายเฉลี่ยๆไปให้เท่าๆกันทั้งหมด แต่บางตัวก็ดูมีอนาคตมากๆแถมมีเยอะกว่าตัวอื่น จะขายก็เสียดาย
ยังไงรบกวนขอคำแนะนำหน่อยนะครับ
ขอบคุณครับ
อยากรบกวนขอคำปรึกษาหน่อยครับ
ผมลงทุนมาได้ 5-6 ปีแล้ว หุ้นก็จะถือยาวมาตลอด ส่วนมากจะซื้อตัวเดิมๆซ้ำไปเรื่อยๆเมื่อมีเงิน แล้วก็สลับตัวที่งบออกมาไม่ดี หรือเปลี่ยนไปเข้าตัวที่ดูแล้วมีอนาคตมากกว่า
ทีนี้มีโครงการจะสร้างบ้านซึ่งลองเปรียบเทียบดอกที่เสียแล้วรู้สึกไม่คุ้ม เลยอยากจะขายหุ้นส่วนหนึ่งออกมาเพื่อให้กู้น้อยๆหน่อย
ปัญหาคือ ไม่รู้จะขายตัวไหนดี ทุกตัวราคาปรับขึ้นไปมากกว่าทุนค่อนข้างมากแล้ว และก็มีอนาคตที่จะโตไปได้ดีด้วย (เท่าที่ผมคิด แหะๆ)
ถ้าเป็นเพื่อนๆเวลาต้องใช้เงินและมีหุ้นแบบนี้ จะแบ่งขายออกไปด้วยเหตุผลอะไรบ้างครับ ถ้าทุกตัวดูมีอนาคตเหมือนกันหมด
เป็นหุ้นที่ค้าขายในประเทศทั้งหมด บางบริษัทได้ประโยชน์จากเรื่องเงินบาทแข็งด้วย (แต่ไม่ได้มองจุดนี้ตอนเข้าซื้อ)
ตอนนี้ที่ถือมีอยู่ 5 ตัว สัดส่วนพอๆกันทั้ง พอร์ท ที่คิดๆไว้ก็ ขายเฉลี่ยๆไปให้เท่าๆกันทั้งหมด แต่บางตัวก็ดูมีอนาคตมากๆแถมมีเยอะกว่าตัวอื่น จะขายก็เสียดาย
ยังไงรบกวนขอคำแนะนำหน่อยนะครับ
ขอบคุณครับ
- S&K Fund
- Verified User
- โพสต์: 247
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำเลือกตัวที่ขาย
โพสต์ที่ 2
ควรจะเปรียบเทียบ อัตราการเติบโต ของหุ้น กับ ดอกเบี้ยที่เสียครับ
โดยส่วนตัว ผมคงไม่ขายหุ้นออกมา ถ้า หุ้นที่ถืออยู่มีปันผลในระดับที่ สูงกว่า ดอกเบี้ยเงินกู้
เพราะการลงทุนในหุ้นเติบโต สามารถที่ได้ผลตอบแทนที่ชดเชย เงินกู้ได้
แต่คงต้องประเมินว่าเงินที่กู้ไม่ได้จำนวนมากเกินไป เช่น
กู้ สามล้าน อัตราดอกเบี้ย 7 % 20 ปี จะมีภาระผ่อน ประมาณ 24000 บาท
เงินจำนวนสามารถใช้ รายได้ต่อเดือนผ่อนได้หรือไม่
ส่วน พอร์ต คงดูแลให้เติบโตดีกว่าครับ
โดยส่วนตัว ผมคงไม่ขายหุ้นออกมา ถ้า หุ้นที่ถืออยู่มีปันผลในระดับที่ สูงกว่า ดอกเบี้ยเงินกู้
เพราะการลงทุนในหุ้นเติบโต สามารถที่ได้ผลตอบแทนที่ชดเชย เงินกู้ได้
แต่คงต้องประเมินว่าเงินที่กู้ไม่ได้จำนวนมากเกินไป เช่น
กู้ สามล้าน อัตราดอกเบี้ย 7 % 20 ปี จะมีภาระผ่อน ประมาณ 24000 บาท
เงินจำนวนสามารถใช้ รายได้ต่อเดือนผ่อนได้หรือไม่
ส่วน พอร์ต คงดูแลให้เติบโตดีกว่าครับ
- KentaII
- Verified User
- โพสต์: 382
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำเลือกตัวที่ขาย
โพสต์ที่ 3
เป็นผมกู้ดีกว่าครับ ถ้าพี่ขายหุ้นออกมาก็เท่ากับเสีย opportunity cost เหมือนกัน ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว หุ้นจะให้ผลตอบแทนดีกว่าดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย
ผู้ใดบอกว่าตัวเองเป็น "แมงเม่า" เขาผู้นั้นมักไม่ใช่แมงเม่า...แต่ผู้ใดบอกว่าตัวเองเป็น "เซียน" เขาผู้นั้น จะกลายเป็น แมงเม่าในไม่ช้า เพราะเขา "หยุดพัฒนาตนเอง"
- i-salmon
- Verified User
- โพสต์: 293
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำเลือกตัวที่ขาย
โพสต์ที่ 4
โดยทั่วไปผมเห็นด้วยกับความเห็น 2 ท่านด้านบนครับ
ระยะยาว ดอกเบี้ยที่จ่ายมันลดลงตามเงินต้น เงินรับปันผลเพิ่มขึ้นตามการเติบโตผลกำไร
ลองใส่ excel คำนวณดูก็ได้นะครับ
แต่ทั้งนี้ถ้าพี่อาจจะยุ่งๆไม่มีเวลา ถ้าเริ่มไม่แน่ใจกับหุ้นที่ถือ
การเอาเงินไปลดหนี้ ก็อาจเป็นความคิดที่ดีนะครับ
ลองให้เหตุผลหุ้นตัวที่อยากขายออกมาถามพี่ๆในนี้ก็ได้นะครับ เผื่อมีไอเดียดีๆ
ระยะยาว ดอกเบี้ยที่จ่ายมันลดลงตามเงินต้น เงินรับปันผลเพิ่มขึ้นตามการเติบโตผลกำไร
ลองใส่ excel คำนวณดูก็ได้นะครับ
แต่ทั้งนี้ถ้าพี่อาจจะยุ่งๆไม่มีเวลา ถ้าเริ่มไม่แน่ใจกับหุ้นที่ถือ
การเอาเงินไปลดหนี้ ก็อาจเป็นความคิดที่ดีนะครับ
ลองให้เหตุผลหุ้นตัวที่อยากขายออกมาถามพี่ๆในนี้ก็ได้นะครับ เผื่อมีไอเดียดีๆ
Go against and stay alive.
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3653
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำเลือกตัวที่ขาย
โพสต์ที่ 6
ไม่ตรงคำถาม ปกติผมจะไม่ค่อยถือเงินสด
เวลาเจอหุ้นตีแตก ก็จะต้องเลือกขายหุ้น
ออกไปบางตัว หรือว่าบางส่วน
คงบอกไม่ได้ว่าจะขายตัวไหนดี
หรือแบ่งขายทุกตัวเพื่อแลกสภาพคล่องกลับมา
ที่ผ่านมา ผมมักจินตนาการเสมอ
ว่าถ้าเจอหุ้นตีแตกเมื่อไหร่ หรือเมื่อต้องการใช้เงิน
ผมจะทำยังไงต่อไป เป็นการวางแผน
เป็นการชั่งน้ำหนักทางเลือกที่เรามี
เป็นการคิดเล่นๆ แต่มีโอกาสใช้จริง
ซึ่งแต่ละคน คงเลือกไม่เหมือนกัน
จริงไหม ?
เวลาเจอหุ้นตีแตก ก็จะต้องเลือกขายหุ้น
ออกไปบางตัว หรือว่าบางส่วน
คงบอกไม่ได้ว่าจะขายตัวไหนดี
หรือแบ่งขายทุกตัวเพื่อแลกสภาพคล่องกลับมา
ที่ผ่านมา ผมมักจินตนาการเสมอ
ว่าถ้าเจอหุ้นตีแตกเมื่อไหร่ หรือเมื่อต้องการใช้เงิน
ผมจะทำยังไงต่อไป เป็นการวางแผน
เป็นการชั่งน้ำหนักทางเลือกที่เรามี
เป็นการคิดเล่นๆ แต่มีโอกาสใช้จริง
ซึ่งแต่ละคน คงเลือกไม่เหมือนกัน
จริงไหม ?
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำเลือกตัวที่ขาย
โพสต์ที่ 7
เคสของคุณ "Aibook" คล้ายๆกับเคสที่ผมจะได้เจอในอนาคตเลยครับ...^^)
จากคำถามวิเคราะได้ว่ากำลังจะกู้เงินสร้างบ้าน แต่ดอกเบี้ยสูง จึงอยากลดจำนวนเงินกู้
โดยเอาเงินจากการขายหุ้นไปโปะเงินต้นเพื่อให้กู้น้อยลง ปัญหาคือไม่รู้จะขายตัวไหนและ
จำนวนเท่าไรดี.....???
ในเรื่องของการขายหุ้นผมคงตัดสินใจอะไรไม่ได้เพราะข้อมูลมีน้อย และเรื่องนี้มันขึ้นอยู่กับ
แผนการลงทุนในหุ้นแต่ละตัวของคุณ "Aibook" ครับว่าซื้อมาเพราะอะไรแล้วจะขายมันเพราะอะไร
ส่วนที่ผมอยากแนะนำคือ ลองมองย้อนกลับไปที่ต้นของปัญหาครับ เริ่มต้นปัญหาเกิดจากดอกเงินกู้สูง
แล้วเราจะเอาเงินมาโปะเงินต้นเพิ่ม
1)สามารถหาดอกเบี้ยต้ำกว่านี้ได้หรือไม่ เช่น ไม่ได้กู้จากธนาคาร???
2)เราจะหาเงินสดที่จะมาโปะเงินต้นเพิ่มโดยไม่ต้องขายหุ้นได้หรือไม่???
ปล. "อย่ามองเพียงทรัพย์สิน(เงิน)ที่อยู่ในมือเรา" ครับ
หวังว่าน่าจะได้ไอเดียเพิ่มเติมนะครับ...^^)
จากคำถามวิเคราะได้ว่ากำลังจะกู้เงินสร้างบ้าน แต่ดอกเบี้ยสูง จึงอยากลดจำนวนเงินกู้
โดยเอาเงินจากการขายหุ้นไปโปะเงินต้นเพื่อให้กู้น้อยลง ปัญหาคือไม่รู้จะขายตัวไหนและ
จำนวนเท่าไรดี.....???
ในเรื่องของการขายหุ้นผมคงตัดสินใจอะไรไม่ได้เพราะข้อมูลมีน้อย และเรื่องนี้มันขึ้นอยู่กับ
แผนการลงทุนในหุ้นแต่ละตัวของคุณ "Aibook" ครับว่าซื้อมาเพราะอะไรแล้วจะขายมันเพราะอะไร
ส่วนที่ผมอยากแนะนำคือ ลองมองย้อนกลับไปที่ต้นของปัญหาครับ เริ่มต้นปัญหาเกิดจากดอกเงินกู้สูง
แล้วเราจะเอาเงินมาโปะเงินต้นเพิ่ม
1)สามารถหาดอกเบี้ยต้ำกว่านี้ได้หรือไม่ เช่น ไม่ได้กู้จากธนาคาร???
2)เราจะหาเงินสดที่จะมาโปะเงินต้นเพิ่มโดยไม่ต้องขายหุ้นได้หรือไม่???
ปล. "อย่ามองเพียงทรัพย์สิน(เงิน)ที่อยู่ในมือเรา" ครับ
หวังว่าน่าจะได้ไอเดียเพิ่มเติมนะครับ...^^)
-
- Verified User
- โพสต์: 1112
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำเลือกตัวที่ขาย
โพสต์ที่ 9
ลักษณะการลงทุนแต่ละท่านไม่เหมือนกัน ไม่สามารถให้คำแนะนำได้ ท่านต้องตัดสินใจเองครับ
เคสผม ผมขายหุ้นล้างพอร์ตเกือบเกลี้ยง(มูลค่าไม่สูงมาก) เพื่อไปซื้อที่ดินแปลงนึง ซึงหลังจากทำไปแล้ว 2เดือน หุ้นตัวที่น่าจุถือไว้ไนพอร์ต เพิ่มมูลค่าได้อีกเกือบ 50% เมื่อคิดย้อนหลังไปผมไม่เสียใจเสียดายเลยเพราะ ณ นาที่นั้นได้ตัดสินใจไปแล้ว ซึ่งที่ดินที่ซื้อไปแล้วปัจจุบันมีคนมาขอซื้อผมในราคาให้เพิ่มอีก 50 % เพราะที่ดินตรงนั้นมีแปลงเดียวให้เท่าไหรผมก็ไม่ขาย
เคสผม ผมขายหุ้นล้างพอร์ตเกือบเกลี้ยง(มูลค่าไม่สูงมาก) เพื่อไปซื้อที่ดินแปลงนึง ซึงหลังจากทำไปแล้ว 2เดือน หุ้นตัวที่น่าจุถือไว้ไนพอร์ต เพิ่มมูลค่าได้อีกเกือบ 50% เมื่อคิดย้อนหลังไปผมไม่เสียใจเสียดายเลยเพราะ ณ นาที่นั้นได้ตัดสินใจไปแล้ว ซึ่งที่ดินที่ซื้อไปแล้วปัจจุบันมีคนมาขอซื้อผมในราคาให้เพิ่มอีก 50 % เพราะที่ดินตรงนั้นมีแปลงเดียวให้เท่าไหรผมก็ไม่ขาย
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4740
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำเลือกตัวที่ขาย
โพสต์ที่ 10
ตัวผมเองใช้กลยุทธ์ "อดเปรี้ยวไว้กินหวาน"
ผมสร้างพอร์ตการลงทุนให้ใหญ่พอ
เพื่อให้ได้ใช้ดอกผล
มาสร้างความสูข
ถึงตอนนั้นแล้ว เราไม่ได้กังวล ผลตอบแทน
ไม่ต้องกังวลเรื่อง ดอกเบี้ยจ่ายครับ
ไอดอลของผม กำลังเป็นตัวอย่างให้ผม ใช้เงินสร้างความสูขอย่างคุ้มค่าครับ
ผมสร้างพอร์ตการลงทุนให้ใหญ่พอ
เพื่อให้ได้ใช้ดอกผล
มาสร้างความสูข
ถึงตอนนั้นแล้ว เราไม่ได้กังวล ผลตอบแทน
ไม่ต้องกังวลเรื่อง ดอกเบี้ยจ่ายครับ
ไอดอลของผม กำลังเป็นตัวอย่างให้ผม ใช้เงินสร้างความสูขอย่างคุ้มค่าครับ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
-
- Verified User
- โพสต์: 178
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำเลือกตัวที่ขาย
โพสต์ที่ 11
ขอบคุณทุกความเห็นครับ
จริงๆก็มีความคิดว่า ดอกเบี้ยแต่ที่ต้องจ่ายมันยังน้อยกว่าผลตอบแทนที่ได้ในแต่ละปี ที่ผ่านๆมาทำได้พอใจระดับหนึ่งประมาณ 20-30% ต่อปี
ทีนี้อย่างที่ทุกๆท่านว่า ถ้าเราเก็บเงินไว้ลงทุนเพื่อให้มันเติบโตไปเรื่อยๆ แล้วควรจะเก็บไปอีกสัก 5-10 ปี ได้เป็นเงินก้อนใหญ่มาโปะ (ในเคสว่าผมกู้ 25 ปี) หรือว่า เราเอาผลตอบแทนที่ได้มาในแต่ละปี ขายแบ่งออกไปโปะดี เช่นถ้าปีนี้กำไร 30% ก็ขายหุ้นออกไปให้เหลือมูลค่าเท่าต้นปี บวก ปันผล แล้วเก็บเงินก้อนที่เทียบเท่าตอนต้นปี ลงทุนในปีต่อๆไปดี
จริงๆในส่วนของเงินเดือนประจำก็พอครอบคลุมที่จะจ่่ายค่าผ่อนบ้านต่อเดือนได้อยู่ เพียงแต่เคยคำนวนว่าถ้าผ่อนเป็นเวลา 25 ปี มูลค่าที่ต้องจ่ายทั้งดอกเบี้ยและเงินต้น มันเพิ่มจากยอดที่กู้มาค่อนข้างมากเกือบเท่าตัวเลย เลยอยากจะโปะเพื่อลดจำนวนดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายไปด้วย
ขอบคุณมากๆครับ
จริงๆก็มีความคิดว่า ดอกเบี้ยแต่ที่ต้องจ่ายมันยังน้อยกว่าผลตอบแทนที่ได้ในแต่ละปี ที่ผ่านๆมาทำได้พอใจระดับหนึ่งประมาณ 20-30% ต่อปี
ทีนี้อย่างที่ทุกๆท่านว่า ถ้าเราเก็บเงินไว้ลงทุนเพื่อให้มันเติบโตไปเรื่อยๆ แล้วควรจะเก็บไปอีกสัก 5-10 ปี ได้เป็นเงินก้อนใหญ่มาโปะ (ในเคสว่าผมกู้ 25 ปี) หรือว่า เราเอาผลตอบแทนที่ได้มาในแต่ละปี ขายแบ่งออกไปโปะดี เช่นถ้าปีนี้กำไร 30% ก็ขายหุ้นออกไปให้เหลือมูลค่าเท่าต้นปี บวก ปันผล แล้วเก็บเงินก้อนที่เทียบเท่าตอนต้นปี ลงทุนในปีต่อๆไปดี
จริงๆในส่วนของเงินเดือนประจำก็พอครอบคลุมที่จะจ่่ายค่าผ่อนบ้านต่อเดือนได้อยู่ เพียงแต่เคยคำนวนว่าถ้าผ่อนเป็นเวลา 25 ปี มูลค่าที่ต้องจ่ายทั้งดอกเบี้ยและเงินต้น มันเพิ่มจากยอดที่กู้มาค่อนข้างมากเกือบเท่าตัวเลย เลยอยากจะโปะเพื่อลดจำนวนดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายไปด้วย
ขอบคุณมากๆครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2232
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำเลือกตัวที่ขาย
โพสต์ที่ 12
เห็นด้วยครับ ถ้าไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน เป็นผมก็จะอดทนรอดีกว่าครับ อย่างผมตั้งเป้าว่าจะไม่ซื้ออะไร(ไม่ว่าบ้าน รถ หรืออื่นๆ) เกินเงินปันผลต่อปีdome@perth เขียน:ตัวผมเองใช้กลยุทธ์ "อดเปรี้ยวไว้กินหวาน"
ผมสร้างพอร์ตการลงทุนให้ใหญ่พอ
เพื่อให้ได้ใช้ดอกผล
มาสร้างความสูข
ถึงตอนนั้นแล้ว เราไม่ได้กังวล ผลตอบแทน
ไม่ต้องกังวลเรื่อง ดอกเบี้ยจ่ายครับ
ไอดอลของผม กำลังเป็นตัวอย่างให้ผม ใช้เงินสร้างความสูขอย่างคุ้มค่าครับ
นักเลงคีย์บอร์ด4.0
- anubist
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1369
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำเลือกตัวที่ขาย
โพสต์ที่ 13
อย่าคิดว่า"จำนวน"ดอกเบี้ยเท่าไหร่ แต่ต้องคิดในแง่time valueด้วยครับAiBook เขียน:ขอบคุณทุกความเห็นครับ
จริงๆก็มีความคิดว่า ดอกเบี้ยแต่ที่ต้องจ่ายมันยังน้อยกว่าผลตอบแทนที่ได้ในแต่ละปี ที่ผ่านๆมาทำได้พอใจระดับหนึ่งประมาณ 20-30% ต่อปี
ทีนี้อย่างที่ทุกๆท่านว่า ถ้าเราเก็บเงินไว้ลงทุนเพื่อให้มันเติบโตไปเรื่อยๆ แล้วควรจะเก็บไปอีกสัก 5-10 ปี ได้เป็นเงินก้อนใหญ่มาโปะ (ในเคสว่าผมกู้ 25 ปี) หรือว่า เราเอาผลตอบแทนที่ได้มาในแต่ละปี ขายแบ่งออกไปโปะดี เช่นถ้าปีนี้กำไร 30% ก็ขายหุ้นออกไปให้เหลือมูลค่าเท่าต้นปี บวก ปันผล แล้วเก็บเงินก้อนที่เทียบเท่าตอนต้นปี ลงทุนในปีต่อๆไปดี
จริงๆในส่วนของเงินเดือนประจำก็พอครอบคลุมที่จะจ่่ายค่าผ่อนบ้านต่อเดือนได้อยู่ เพียงแต่เคยคำนวนว่าถ้าผ่อนเป็นเวลา 25 ปี มูลค่าที่ต้องจ่ายทั้งดอกเบี้ยและเงินต้น มันเพิ่มจากยอดที่กู้มาค่อนข้างมากเกือบเท่าตัวเลย เลยอยากจะโปะเพื่อลดจำนวนดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายไปด้วย
ขอบคุณมากๆครับ
เงินทุกอย่างมีต้นทุนของมัน
เงินกู้บ้านก็มีต้นทุนเท่ากับดอกเบี้ยรายปี
เงินลงทุนก็มีต้นทุนเท่ากับผลตอบแทนจากการลงทุน
ต้นทุนไหนสูงกว่า เราควรให้ความใส่ใจกับเงินส่วนนั้นมากๆ
และลงทุนกับเงินส่วนนั้น (มองรวมในแง่risk vs returnด้วยนะครับ)
ผมจะขายเงินลงทุนมาโป๊ะบ้านก็ต่อเมื่อ
อัตราผลตอบแทนของเงินลงทุนเมื่อเทียบกับความเสี่ยงแล้ว
ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้บ้าน
ทุนน้อยและหลุดดอยแล้ว เย้ๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 332
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำเลือกตัวที่ขาย
โพสต์ที่ 14
ส่วนตัวผมมีแนวคิดในการถอนเงินในบัญชีหุ้นมาใช้ด้วย แต่จะต้องไม่ทำให้กระทบต่อพอร์ตมาก
โดยสิ้นปีจะถอนซัก 3% ของพอร์ตเพื่อเอามาจ่ายค่าผ่อนบ้านซึ่งจ่ายแต่เงินต้น
หรือเอาไปใช้จ่ายทั่วๆไปตามที่จำเป็น(ให้รางวัลแก่ตัวเองบ้าง)
โดยสิ้นปีจะถอนซัก 3% ของพอร์ตเพื่อเอามาจ่ายค่าผ่อนบ้านซึ่งจ่ายแต่เงินต้น
หรือเอาไปใช้จ่ายทั่วๆไปตามที่จำเป็น(ให้รางวัลแก่ตัวเองบ้าง)
-
- Verified User
- โพสต์: 178
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำเลือกตัวที่ขาย
โพสต์ที่ 15
anubist เขียน:อย่าคิดว่า"จำนวน"ดอกเบี้ยเท่าไหร่ แต่ต้องคิดในแง่time valueด้วยครับAiBook เขียน:ขอบคุณทุกความเห็นครับ
จริงๆก็มีความคิดว่า ดอกเบี้ยแต่ที่ต้องจ่ายมันยังน้อยกว่าผลตอบแทนที่ได้ในแต่ละปี ที่ผ่านๆมาทำได้พอใจระดับหนึ่งประมาณ 20-30% ต่อปี
ทีนี้อย่างที่ทุกๆท่านว่า ถ้าเราเก็บเงินไว้ลงทุนเพื่อให้มันเติบโตไปเรื่อยๆ แล้วควรจะเก็บไปอีกสัก 5-10 ปี ได้เป็นเงินก้อนใหญ่มาโปะ (ในเคสว่าผมกู้ 25 ปี) หรือว่า เราเอาผลตอบแทนที่ได้มาในแต่ละปี ขายแบ่งออกไปโปะดี เช่นถ้าปีนี้กำไร 30% ก็ขายหุ้นออกไปให้เหลือมูลค่าเท่าต้นปี บวก ปันผล แล้วเก็บเงินก้อนที่เทียบเท่าตอนต้นปี ลงทุนในปีต่อๆไปดี
จริงๆในส่วนของเงินเดือนประจำก็พอครอบคลุมที่จะจ่่ายค่าผ่อนบ้านต่อเดือนได้อยู่ เพียงแต่เคยคำนวนว่าถ้าผ่อนเป็นเวลา 25 ปี มูลค่าที่ต้องจ่ายทั้งดอกเบี้ยและเงินต้น มันเพิ่มจากยอดที่กู้มาค่อนข้างมากเกือบเท่าตัวเลย เลยอยากจะโปะเพื่อลดจำนวนดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายไปด้วย
ขอบคุณมากๆครับ
เงินทุกอย่างมีต้นทุนของมัน
เงินกู้บ้านก็มีต้นทุนเท่ากับดอกเบี้ยรายปี
เงินลงทุนก็มีต้นทุนเท่ากับผลตอบแทนจากการลงทุน
ต้นทุนไหนสูงกว่า เราควรให้ความใส่ใจกับเงินส่วนนั้นมากๆ
และลงทุนกับเงินส่วนนั้น (มองรวมในแง่risk vs returnด้วยนะครับ)
ผมจะขายเงินลงทุนมาโป๊ะบ้านก็ต่อเมื่อ
อัตราผลตอบแทนของเงินลงทุนเมื่อเทียบกับความเสี่ยงแล้ว
ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้บ้าน
อย่างที่คุณ anubist ว่าเลย พอลองคิดในแง่การเติบโตระยะเวลาเดียวกัน ถ้าสามารถทำได้แย่ๆเลยที่ปีละ 10% ทบต้นไปเรื่อยๆเป็นเวลา 25 ปี ยังไงก็มีมูลค่าที่สูงกว่า ค่าผ่อนบ้านในระยะเวลา 25 ปีอยู่แล้ว
ขอบคุณทุกๆท่านที่ให้คำแนะนำด้วยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1150
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำเลือกตัวที่ขาย
โพสต์ที่ 17
ตอนนี้หุ้นขึ้นแน่นอนเงินไว้ในหุ้นดีกว่าอยู่แล้ว แต่ลองคิดถึงตอนหุ้นตกนานๆด้วยว่า
port ก็ลดลง หนี้ก็ยังเหลือเพียบ ความเครียดมันจะเข้ามามาก ผมเคยผ่านตอน subprime มาแล้ว
ถ้าต้องการสบายใจผมว่าจ่ายเท่าไรก็ได้ ให้เหลือหนี้ที่เราไม่เครียดมากดีกว่า
port ก็ลดลง หนี้ก็ยังเหลือเพียบ ความเครียดมันจะเข้ามามาก ผมเคยผ่านตอน subprime มาแล้ว
ถ้าต้องการสบายใจผมว่าจ่ายเท่าไรก็ได้ ให้เหลือหนี้ที่เราไม่เครียดมากดีกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 178
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำเลือกตัวที่ขาย
โพสต์ที่ 18
จริงๆก็มีความกังวลเรื่องนี้เหมือนกัน เพราะช่วง subprime หุ้นที่ผมลงทุนราคาลดไปเกือบ 50% ถึงแม้สุดท้ายจะราคาขึ้นมากกว่า 100% แต่ก็หลายปีอยู่tt เขียน:ตอนนี้หุ้นขึ้นแน่นอนเงินไว้ในหุ้นดีกว่าอยู่แล้ว แต่ลองคิดถึงตอนหุ้นตกนานๆด้วยว่า
port ก็ลดลง หนี้ก็ยังเหลือเพียบ ความเครียดมันจะเข้ามามาก ผมเคยผ่านตอน subprime มาแล้ว
ถ้าต้องการสบายใจผมว่าจ่ายเท่าไรก็ได้ ให้เหลือหนี้ที่เราไม่เครียดมากดีกว่า
ตอนนี้ผมเลยเปรียบเทียบด้วยปันผลในเคสว่าช่วงตลาดตก ซึ่งดูแล้วก็พอได้อยู่ เฉลี่ยแล้วก็ยังได้เกือบ 10% ดีกว่าดอกเบี้ยเงินกู้
แต่ถ้าตลาดตกหนักๆแบบนั้นอีกรอบ คงตัองพิจารณาใหม่ถึงความคุ้มค่า
ขอบคุณครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1219
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำเลือกตัวที่ขาย
โพสต์ที่ 19
ผมเป็นอีกคนที่เป็นแบบพี่จขกท.เรื่องมีแผนจะสร้าง/ซื้อบ้านครับ
ก่อนหน้านี้ผมอยู่บ้านฟรีมาตลอด
จนเมื่อปีที่แล้วผมวางแผนเรื่องการเรียนของลูก เลยจำเป็นต้องมีที่พักใกล้ที่เรียน
ผมทำการชั่งน้ำหนักเรื่องการกู้เงินกับการขายหุ้นซื้อบ้านเงินสด
ตอนนั้นคำนวนคร่าวๆว่าถ้ากู้คงต้องจ่ายดอกเบี้ยและต้องผ่อนเดือนละประมาณ2-3หมื่นบาท
สำหรับการซื้อบ้านเงินสดแม้สบายใจแต่ต้องเสียเงินก้อนใหญ่ และเสียโอกาสในการถือหุ้นเติบโตที่มีอยู่ในพอร์ต
สำหรับผม ผมว่าไม่ดีทั้งคู่...
วันนี้ผมเลยตัดสินใจเลือกทางที่3 คือการเช่าอยู่แทนครับ
(เท่าที่เช๊คราคาคร่าวๆ น่าจะเสียค่าเช่าประมาณเดือนละ1หมื่นบาท)
การเลือกทางเลือกที่3 คิดว่าจะทำให้ผมมีโอกาสลุ้นอิสระภาพทางการเงินได้เร็วกว่าทางเลือกอื่น
ผมเลยเลือกทางนี้ครับ เอาไว้ผมพอร์ตใหญ่ระดับหนึ่งหรือผมหาหุ้นดีๆไม่ได้แล้ว
ผมค่อยมาคิดเรื่องการมีบ้านเป็นของตัวเองอีกทีครับ
ก่อนหน้านี้ผมอยู่บ้านฟรีมาตลอด
จนเมื่อปีที่แล้วผมวางแผนเรื่องการเรียนของลูก เลยจำเป็นต้องมีที่พักใกล้ที่เรียน
ผมทำการชั่งน้ำหนักเรื่องการกู้เงินกับการขายหุ้นซื้อบ้านเงินสด
ตอนนั้นคำนวนคร่าวๆว่าถ้ากู้คงต้องจ่ายดอกเบี้ยและต้องผ่อนเดือนละประมาณ2-3หมื่นบาท
สำหรับการซื้อบ้านเงินสดแม้สบายใจแต่ต้องเสียเงินก้อนใหญ่ และเสียโอกาสในการถือหุ้นเติบโตที่มีอยู่ในพอร์ต
สำหรับผม ผมว่าไม่ดีทั้งคู่...
วันนี้ผมเลยตัดสินใจเลือกทางที่3 คือการเช่าอยู่แทนครับ
(เท่าที่เช๊คราคาคร่าวๆ น่าจะเสียค่าเช่าประมาณเดือนละ1หมื่นบาท)
การเลือกทางเลือกที่3 คิดว่าจะทำให้ผมมีโอกาสลุ้นอิสระภาพทางการเงินได้เร็วกว่าทางเลือกอื่น
ผมเลยเลือกทางนี้ครับ เอาไว้ผมพอร์ตใหญ่ระดับหนึ่งหรือผมหาหุ้นดีๆไม่ได้แล้ว
ผมค่อยมาคิดเรื่องการมีบ้านเป็นของตัวเองอีกทีครับ
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 23
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำเลือกตัวที่ขาย
โพสต์ที่ 20
"สำหรับการซื้อบ้านเงินสดแม้สบายใจแต่ต้องเสียเงินก้อนใหญ่ และ เสียโอกาสในการถือหุ้นเติบโตที่มีอยู่ในพอร์ต" saichon
อยากทราบมุมมองของเพื่อนๆ เรื่อง การซื้อบ้าน หรือ เช่าบ้านอยู่ดี
ตอนนี้ผมเช่าหอพักอยู่ใกล้ที่ทำงาน ค่าเช่า+ค่าใช้จ่าย รวมประมาณ 6000 บาทต่อเดือน
ปัจจุบัน ผมสนใจทาวเฮาท์เล็กๆ หลังหนึ่งใกล้ที่ทำงาน ราคาประมาณ 2.5 ล้านบาท
และพอร์ตผมก็มีมูลค่ามากเพียงพอที่จะซื้อบ้านหลังนี้ได้ พอร์ตหุ้นได้ Return เฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง ประมาณ ปีละ 15 %
ถ้าถามในมุมขอเพื่อนๆนักลงทุน Vi ว่า สิ่งใดคุ้มค่าที่สุดครับ ระหว่าง
1. ขายหุ้นมาซื้อบ้านเงินสดทั้งหมด
2. กู้เต็มแม๊กโดยไม่ขายหุ้นเลย ให้หุ้นมันเติบโตไปตามค่าเฉลี่ยที่เราทำได้ ปีละ 15 % (แล้วเอา เงินเดือนตัวเอง+ งปผ.หุ้น มาจ่ายเงินกู้ทุกเดือน ต้องประหยัดหน่อย)
3. เช่าอยู่เหมือนเดิม จ่าย 6000 บาทต่อเดือน ต่อไป.
อยากได้มุมมองระหว่าง ยอมจ่ายค่าเช่าต่อไป เพื่อรักษา capital Gain ให้คงอยู่ต่อไป
ขอบคุณครับ
อยากทราบมุมมองของเพื่อนๆ เรื่อง การซื้อบ้าน หรือ เช่าบ้านอยู่ดี
ตอนนี้ผมเช่าหอพักอยู่ใกล้ที่ทำงาน ค่าเช่า+ค่าใช้จ่าย รวมประมาณ 6000 บาทต่อเดือน
ปัจจุบัน ผมสนใจทาวเฮาท์เล็กๆ หลังหนึ่งใกล้ที่ทำงาน ราคาประมาณ 2.5 ล้านบาท
และพอร์ตผมก็มีมูลค่ามากเพียงพอที่จะซื้อบ้านหลังนี้ได้ พอร์ตหุ้นได้ Return เฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง ประมาณ ปีละ 15 %
ถ้าถามในมุมขอเพื่อนๆนักลงทุน Vi ว่า สิ่งใดคุ้มค่าที่สุดครับ ระหว่าง
1. ขายหุ้นมาซื้อบ้านเงินสดทั้งหมด
2. กู้เต็มแม๊กโดยไม่ขายหุ้นเลย ให้หุ้นมันเติบโตไปตามค่าเฉลี่ยที่เราทำได้ ปีละ 15 % (แล้วเอา เงินเดือนตัวเอง+ งปผ.หุ้น มาจ่ายเงินกู้ทุกเดือน ต้องประหยัดหน่อย)
3. เช่าอยู่เหมือนเดิม จ่าย 6000 บาทต่อเดือน ต่อไป.
อยากได้มุมมองระหว่าง ยอมจ่ายค่าเช่าต่อไป เพื่อรักษา capital Gain ให้คงอยู่ต่อไป
ขอบคุณครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1112
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำเลือกตัวที่ขาย
โพสต์ที่ 21
ถ้าเป็นตัวผมนะ ย้ำ ผมจะ ทำ ข้อ 2 และกู้ยาวๆ แต่ ที่ทำงานต้องไม่เปลี่ยนจังหวัดอื่นด้วยนะครับ เพราะว่าเงินที่จ่ายไป ได้สินทรัพย์มา อนาคต มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น สามารถขายต่อได้kmitnb เขียน:"สำหรับการซื้อบ้านเงินสดแม้สบายใจแต่ต้องเสียเงินก้อนใหญ่ และ เสียโอกาสในการถือหุ้นเติบโตที่มีอยู่ในพอร์ต" saichon
อยากทราบมุมมองของเพื่อนๆ เรื่อง การซื้อบ้าน หรือ เช่าบ้านอยู่ดี
ตอนนี้ผมเช่าหอพักอยู่ใกล้ที่ทำงาน ค่าเช่า+ค่าใช้จ่าย รวมประมาณ 6000 บาทต่อเดือน
ปัจจุบัน ผมสนใจทาวเฮาท์เล็กๆ หลังหนึ่งใกล้ที่ทำงาน ราคาประมาณ 2.5 ล้านบาท
และพอร์ตผมก็มีมูลค่ามากเพียงพอที่จะซื้อบ้านหลังนี้ได้ พอร์ตหุ้นได้ Return เฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง ประมาณ ปีละ 15 %
ถ้าถามในมุมขอเพื่อนๆนักลงทุน Vi ว่า สิ่งใดคุ้มค่าที่สุดครับ ระหว่าง
1. ขายหุ้นมาซื้อบ้านเงินสดทั้งหมด
2. กู้เต็มแม๊กโดยไม่ขายหุ้นเลย ให้หุ้นมันเติบโตไปตามค่าเฉลี่ยที่เราทำได้ ปีละ 15 % (แล้วเอา เงินเดือนตัวเอง+ งปผ.หุ้น มาจ่ายเงินกู้ทุกเดือน ต้องประหยัดหน่อย)
3. เช่าอยู่เหมือนเดิม จ่าย 6000 บาทต่อเดือน ต่อไป.
อยากได้มุมมองระหว่าง ยอมจ่ายค่าเช่าต่อไป เพื่อรักษา capital Gain ให้คงอยู่ต่อไป
ขอบคุณครับ