ถ้าลงทุนแบบนี้ จะได้หุ้นแบบใหน
- nonation
- Verified User
- โพสต์: 70
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าลงทุนแบบนี้ จะได้หุ้นแบบใหน
โพสต์ที่ 1
มีเงินลงทุน 5 แสนบาทแบ่งการลงทุนเป็น
1. กลุ่มแรก 250,000 บาท ลงทุระยะยาวจนกว่าพื้นฐานเปลี่ยน เพื่อหวังปันผลโดยเน้นผลตอบแทนไม่น้อยกว่า 7 %
2. กลุ่มเน้นหุ้นเติบโตลงทุน 100,000 บาท ระยะลงทุนเวลา 1 - 3 ปี ทยอยขาย - ซื้อเมื่อราคากำไรมากกว่า 1 เท่าตัว
3. หุ้นที่คิดว่าน่าจะ turn around ลงทุน 100,000 บาท ลงทุนยาวไม่เกิน 2 ปี ทยอยขายเมื่อกำไรมากกว่า 1 เท่า หรือขายทันที่เมื่อครบ 2 ปี
4. หุ้นการพนัน ( เก็งกำไร - ปั่น ) ลงทุน 50,000 บาทแบบซื้อ - ขายรายวัน
ขอคำแนะนำครับหุ้นแต่ละกลุ่มมีอะไรบ้าง
1. กลุ่มแรก 250,000 บาท ลงทุระยะยาวจนกว่าพื้นฐานเปลี่ยน เพื่อหวังปันผลโดยเน้นผลตอบแทนไม่น้อยกว่า 7 %
2. กลุ่มเน้นหุ้นเติบโตลงทุน 100,000 บาท ระยะลงทุนเวลา 1 - 3 ปี ทยอยขาย - ซื้อเมื่อราคากำไรมากกว่า 1 เท่าตัว
3. หุ้นที่คิดว่าน่าจะ turn around ลงทุน 100,000 บาท ลงทุนยาวไม่เกิน 2 ปี ทยอยขายเมื่อกำไรมากกว่า 1 เท่า หรือขายทันที่เมื่อครบ 2 ปี
4. หุ้นการพนัน ( เก็งกำไร - ปั่น ) ลงทุน 50,000 บาทแบบซื้อ - ขายรายวัน
ขอคำแนะนำครับหุ้นแต่ละกลุ่มมีอะไรบ้าง
-
- Verified User
- โพสต์: 150
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าลงทุนแบบนี้ จะได้หุ้นแบบใหน
โพสต์ที่ 3
ถ้าเป็นผม ผมว่าเลือกเอาซักแนวที่คิดว่าเราถนัด มีความสุขกับมันและทำได้ดี แล้วก็อยู่กับแนวนั้นอย่าวอกแวกอย่าหลายใจ เหมือนจับปลาจะเอาอะไรจับก็เอาซักอย่าง สวิง เบ็ด แห หรือมือเปล่า มันก็จับได้หมดแต่เลือกเอาซักวิธีที่ถนัดแล้วฝึกจนชำนาญ ทำไมเราต้องใช้ทุกวิธีด้วยและถ้าใช้ทุกวิธีเราจะสามารถ"ชำนาญ"ทุกวิธีได้แน่รึเปล่า ถ้าเป็นผม ผมจะเลือกซักวิธีนะครับ แต่ข้อสุดท้ายผมไม่เอาด้วยอ่ะ มันมักจะทำให้เสียกระบวนในระยะยาว
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3653
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าลงทุนแบบนี้ จะได้หุ้นแบบใหน
โพสต์ที่ 4
แนวคิด asset allocate หรือเปล่า
ผมว่าแนวคิดนี้มันเหมาะกับนักลงทุนเชิงรับ
แบ่งเงินหลายก้อน ไปใส่หลายกอง
เพื่อลดความผันผวน
แต่ถ้ามาใช้กับหุ้นอย่างเดียว
เป็นนักลงทุนเชิงรุก และเลือกหุ้น
มองหาจังหวะ และโอกาสเอง
ผมคิดว่าน่าจะเริ่มจากความรู้ที่ตัวเรามี
หาโอกาสจากข้อมูลที่กลั่นกรองได้
อ่านๆ ฟังๆ ประสบการณ์จากคนเก่งๆ
หุ้นจะเป็นประเภทไหน
ก็น่าจะได้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ
แล้วก็ปลอดภัยด้วยครับ
ผมว่าแนวคิดนี้มันเหมาะกับนักลงทุนเชิงรับ
แบ่งเงินหลายก้อน ไปใส่หลายกอง
เพื่อลดความผันผวน
แต่ถ้ามาใช้กับหุ้นอย่างเดียว
เป็นนักลงทุนเชิงรุก และเลือกหุ้น
มองหาจังหวะ และโอกาสเอง
ผมคิดว่าน่าจะเริ่มจากความรู้ที่ตัวเรามี
หาโอกาสจากข้อมูลที่กลั่นกรองได้
อ่านๆ ฟังๆ ประสบการณ์จากคนเก่งๆ
หุ้นจะเป็นประเภทไหน
ก็น่าจะได้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ
แล้วก็ปลอดภัยด้วยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าลงทุนแบบนี้ จะได้หุ้นแบบใหน
โพสต์ที่ 5
จากประสบการณ์(อันน้อยนิด...T-T)ครับ
ข้อที่ 1 เป็นหุ้นตั้งรับเอาปันผล ลงทุนแบบชิวๆได้ 7% ต่อปี(คุ้นๆแฮะหุ้นปันผล 7% 555+)
ข้อที่ 3 เป็นหุ้น turn around กำหนดไม่ได้ครับว่ากี่ปีถึงจะ turn around ครับ
ส่วนข้อ 2 กับข้อ 4 ใช้ความสามารถ ศาสตร์และศิลป์พอสมควรครับ
ผมคิดเหมือนคนอื่นๆครับ เลือกทางใดทางหนึ่งดีกว่า อาจใช้กราฟช่วยเวลาเข้า-ออกได้ครับ
อย่าลืมว่าเก็งกำไรมีได้มีเสียครับ บางทีไอที่เสียมันไปกินปันผล 7 % ชัวร์ๆหมดครับ 555+
อ้อเรื่องหุ้นเติบโตคุณยังมองเรื่องราคาอยู่ นั่นไม่ใช่แนวทาง vi ครับ
ปล. ทั้งหมดนี้จะเป็นคำแนะนำที่ไม่ดี ถ้าคุณถนัดหรือชำนาญแบบเทคนอคคอลครับ...^^)
ข้อที่ 1 เป็นหุ้นตั้งรับเอาปันผล ลงทุนแบบชิวๆได้ 7% ต่อปี(คุ้นๆแฮะหุ้นปันผล 7% 555+)
ข้อที่ 3 เป็นหุ้น turn around กำหนดไม่ได้ครับว่ากี่ปีถึงจะ turn around ครับ
ส่วนข้อ 2 กับข้อ 4 ใช้ความสามารถ ศาสตร์และศิลป์พอสมควรครับ
ผมคิดเหมือนคนอื่นๆครับ เลือกทางใดทางหนึ่งดีกว่า อาจใช้กราฟช่วยเวลาเข้า-ออกได้ครับ
อย่าลืมว่าเก็งกำไรมีได้มีเสียครับ บางทีไอที่เสียมันไปกินปันผล 7 % ชัวร์ๆหมดครับ 555+
อ้อเรื่องหุ้นเติบโตคุณยังมองเรื่องราคาอยู่ นั่นไม่ใช่แนวทาง vi ครับ
ปล. ทั้งหมดนี้จะเป็นคำแนะนำที่ไม่ดี ถ้าคุณถนัดหรือชำนาญแบบเทคนอคคอลครับ...^^)
- Sumotin
- Verified User
- โพสต์: 1131
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าลงทุนแบบนี้ จะได้หุ้นแบบใหน
โพสต์ที่ 7
ถ้ายังต้องถามแบบนี้ลงแบบไหนก็เจ๊งครับ ลองกลับไปทบทวนตัวเองใหม่ดีกว่า เพราะการลงแต่ละแบบรูปแบบในการคิดก็ต่างกันเอามาปนกันจะมั่วได้ครับ อีกอย่างทำไมต้องมีจุดทยอยขายเมื่อถึง 1 เท่าตัว มันอาจไปได้ไกลกว่านั้นมากนะครับจริงๆแล้วnonation เขียน:มีเงินลงทุน 5 แสนบาทแบ่งการลงทุนเป็น
1. กลุ่มแรก 250,000 บาท ลงทุระยะยาวจนกว่าพื้นฐานเปลี่ยน เพื่อหวังปันผลโดยเน้นผลตอบแทนไม่น้อยกว่า 7 %
2. กลุ่มเน้นหุ้นเติบโตลงทุน 100,000 บาท ระยะลงทุนเวลา 1 - 3 ปี ทยอยขาย - ซื้อเมื่อราคากำไรมากกว่า 1 เท่าตัว
3. หุ้นที่คิดว่าน่าจะ turn around ลงทุน 100,000 บาท ลงทุนยาวไม่เกิน 2 ปี ทยอยขายเมื่อกำไรมากกว่า 1 เท่า หรือขายทันที่เมื่อครบ 2 ปี
4. หุ้นการพนัน ( เก็งกำไร - ปั่น ) ลงทุน 50,000 บาทแบบซื้อ - ขายรายวัน
ขอคำแนะนำครับหุ้นแต่ละกลุ่มมีอะไรบ้าง
Timing is everything, no matter what you do.
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
-
- Verified User
- โพสต์: 65
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าลงทุนแบบนี้ จะได้หุ้นแบบใหน
โพสต์ที่ 8
คุณNonation ครับnonation เขียน:มีเงินลงทุน 5 แสนบาทแบ่งการลงทุนเป็น
1. กลุ่มแรก 250,000 บาท ลงทุระยะยาวจนกว่าพื้นฐานเปลี่ยน เพื่อหวังปันผลโดยเน้นผลตอบแทนไม่น้อยกว่า 7 %
2. กลุ่มเน้นหุ้นเติบโตลงทุน 100,000 บาท ระยะลงทุนเวลา 1 - 3 ปี ทยอยขาย - ซื้อเมื่อราคากำไรมากกว่า 1 เท่าตัว
3. หุ้นที่คิดว่าน่าจะ turn around ลงทุน 100,000 บาท ลงทุนยาวไม่เกิน 2 ปี ทยอยขายเมื่อกำไรมากกว่า 1 เท่า หรือขายทันที่เมื่อครบ 2 ปี
4. หุ้นการพนัน ( เก็งกำไร - ปั่น ) ลงทุน 50,000 บาทแบบซื้อ - ขายรายวัน
ขอคำแนะนำครับหุ้นแต่ละกลุ่มมีอะไรบ้าง
คุณมีหุ้นในใจอยู่แล้ว คุณทำตามใจที่คุณคิดเลย แล้วค่อยมาแชร์ประสพการณ์
กำไรก็ภูมิใจในกลยุทธแบบนี้
ขาดทุนก็ไม่ต้องกลัวให้โลกรู้ ถือว่าจ่ายค่าเล่าเรียน
-
- Verified User
- โพสต์: 957
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าลงทุนแบบนี้ จะได้หุ้นแบบใหน
โพสต์ที่ 9
สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็นnonation เขียน:มีเงินลงทุน 5 แสนบาทแบ่งการลงทุนเป็น
1. กลุ่มแรก 250,000 บาท ลงทุระยะยาวจนกว่าพื้นฐานเปลี่ยน เพื่อหวังปันผลโดยเน้นผลตอบแทนไม่น้อยกว่า 7 %
2. กลุ่มเน้นหุ้นเติบโตลงทุน 100,000 บาท ระยะลงทุนเวลา 1 - 3 ปี ทยอยขาย - ซื้อเมื่อราคากำไรมากกว่า 1 เท่าตัว
3. หุ้นที่คิดว่าน่าจะ turn around ลงทุน 100,000 บาท ลงทุนยาวไม่เกิน 2 ปี ทยอยขายเมื่อกำไรมากกว่า 1 เท่า หรือขายทันที่เมื่อครบ 2 ปี
4. หุ้นการพนัน ( เก็งกำไร - ปั่น ) ลงทุน 50,000 บาทแบบซื้อ - ขายรายวัน
ขอคำแนะนำครับหุ้นแต่ละกลุ่มมีอะไรบ้าง
สิบตาเห็น ไม่เท่ามือคลำ
สิบมือคลำ ไม่เท่าทำเอง
เมื่อประเมินและจัดการความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ตัวเองยอมรับได้ (เจ็บแล้ว ยังดำเนินชีวิตตามปกติได้)
เราก็ย่อมสามารถ จัดการทดลองได้ทุกแบบ เพื่อการเรียนรู้ ของเราเอง
เพื่อหาคำตอบ สำหรับตัวเราเอง
-
- Verified User
- โพสต์: 915
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าลงทุนแบบนี้ จะได้หุ้นแบบใหน
โพสต์ที่ 11
ส่วนตัวผมแล้วข้อ 1,2,3 เนี่ย วิธีการคัดหุ้นไม่ต่างกันมาก
เพราะคุณต้องศึกษาพื้นฐานหุ้นอยู่ดี ก่อนจะบอกว่าตัวไหนเติบโต ตัวไหนปันผล ตัวไหน turnaround
ซึ่งบางครั้งมันก็แยกชัดเจนยากอยู่
ส่วนข้อ 4 นี่ คนละเรื่อง และเสียเวลามาก เพราะจะ trading มันต้องมีระบบ ถ้าซื้อขายตามใจเงินคุณหายแน่นอนในระยะยาว
ที่ผมบอกเสียเวลา เพราะคุณจะต้อง set up และ fine tune ระบบคุณจนกว่าคุณจะมั่นใจว่ามีกำไร
ในขณะที่คุณมีงบส่วนนี้น้อยที่สุด และสุดท้ายมันจะไปกินงบส่วนข้อ 1-3 ของคุณไม่ช้าก็เร็ว
เพราะคุณต้องศึกษาพื้นฐานหุ้นอยู่ดี ก่อนจะบอกว่าตัวไหนเติบโต ตัวไหนปันผล ตัวไหน turnaround
ซึ่งบางครั้งมันก็แยกชัดเจนยากอยู่
ส่วนข้อ 4 นี่ คนละเรื่อง และเสียเวลามาก เพราะจะ trading มันต้องมีระบบ ถ้าซื้อขายตามใจเงินคุณหายแน่นอนในระยะยาว
ที่ผมบอกเสียเวลา เพราะคุณจะต้อง set up และ fine tune ระบบคุณจนกว่าคุณจะมั่นใจว่ามีกำไร
ในขณะที่คุณมีงบส่วนนี้น้อยที่สุด และสุดท้ายมันจะไปกินงบส่วนข้อ 1-3 ของคุณไม่ช้าก็เร็ว
-
- Verified User
- โพสต์: 1980
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าลงทุนแบบนี้ จะได้หุ้นแบบใหน
โพสต์ที่ 12
ระยะยาวน่าจะเจ๊งครับ
เพราะพี่ยังไม่มั่นใจเลยว่าตัวเองจะลงแนวไหน ดันเอาเงินไปใส่
เดี๋ยวไอ้สัดส่วนนั้นมันจะปนกันมั่วแน่ครับ ^^
เพราะพี่ยังไม่มั่นใจเลยว่าตัวเองจะลงแนวไหน ดันเอาเงินไปใส่
เดี๋ยวไอ้สัดส่วนนั้นมันจะปนกันมั่วแน่ครับ ^^
The mother of all evils is speculation, leverage debt. Bottom line, is borrowing to the hilt. And I hate to tell you this, but it's a bankrupt business model. It won't work. It's systemic, malignant, and it's global, like cancer.
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าลงทุนแบบนี้ จะได้หุ้นแบบใหน
โพสต์ที่ 13
ทำแบบไหนก็ได้ที่คุณทำแล้วสบายใจก็ทำไปเถอะ
แต่คุณต้องทำใจก่อนนะ หุ้นตามข้อ4น่ะ เล่นเอาสนุก ไม่ใช่การลงทุนเพื่อหวังผลกำไรที่มั่นคง
แต่คุณต้องทำใจก่อนนะ หุ้นตามข้อ4น่ะ เล่นเอาสนุก ไม่ใช่การลงทุนเพื่อหวังผลกำไรที่มั่นคง
ลงทุนเพื่อชีวิต
- nonation
- Verified User
- โพสต์: 70
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าลงทุนแบบนี้ จะได้หุ้นแบบใหน
โพสต์ที่ 15
อ้าว ! กลายเป็นกระทู้ล่อเป้าไปซะงั้น ใจเย็น ๆ ครับฟังกันก่อน เจ้านายเก่าของผมคนหนึ่งเคยสอนผมว่า " การบริหารนั้นวิธีการไม่มีถูกไม่มีผิด สิ่งที่ถูกผิดคือผลลัพท์ที่จะเกิดผล ซึ่งผู้บริหารจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการตัดสินใจนั้น ๆ "
ผมไม่ได้มองว่าตลาดหุ้นมันมีแค่หุ้น แต่ตลาดหุ้นมันมีโอกาสในธุรกิจสำหรับให้ผมลงทุน โดยมีทางเลือกต่าง ๆ ดังนี้
- การลงทุนในกลุ่มที่ 1 ผมต้องการลงทุนในธุรกิจไม่มีทางเจ็งแน่ ๆ ในช่วระยะ 10 - 15 ปี ยกเว้นว่าสภาพแวดล้อมเปลี่ยน ( พื้นฐานเปลี่ยน ) เช่น การลงทุนสร้างหอพักบริเวณสถานศึกษา หรือโรงงาน แน่นอนครับรายได้ไม่หวือหวา ราคาหอพักไม่พุ่งโด่งในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่สิ่งที่ผมได้แน่นอนคือรายได้ประจำค่อนข้างคงเส้น คงวาให้ผมมั่นใจได้ว่า ถ้าธุรกิจอื่น ๆ ที่ผมลงทุนไม่ประสบผลสำเร็จ ผมก็ยังมีทุนในส่วนนี้เลี้ยงตัวเอง และเป็นฐานสำหรับกลับมาตั้งตัวใหม่ได้ ( หรือใครคิดว่าหุ้นแบบมาม่าจะล้มละลายใน 10 - 15 ปีนี้ ) ส่วนผลตอบแทนคือค่าเช่า ( ปันผล ) ผมลองประมาณการแล้ว + 7 % จะทำให้ผมมีความมั่นคงได้ แม้มันจะไม่ทำให้ผมรวย ( แบบเงินด่วน )
- การลงทุนในกลุ่มที่ 2 ผมเอาแบบอย่างการลงทุนของนายเก่ามาลองประยุกต์ดูครับ ( นายเก่าอยู่ในครอบครัวที่ทำธุรกิจลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หลักทรัพย์ของครอบครัวก็คงประมาณสัก 4 - 5 หมื่นล้านได้มั้ง ) ท่านเคยสอนผมว่าถ้าพอมีกำลังที่สามารถลงทุนได้ ให้ลองมองดูที่ดินสะสมไว้ถ้าทุนมากไม่ต้องสนใจมูลค่าที่ต้องลงทุน แต่ให้ดูโอกาสในการทำกำไรจากการลงทุนนั้น ถ้ามีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้เร็วให้ลงทุนทันที แต่ถ้าทุนน้อยให้ดูที่ดินที่อยู่รอบนอกออกไปและประเมินทิศทางการเติบโตของเมืองว่าในอนาคต 5 - 10 ปีข้างหน้าจะออกมาในแนวด้านใหน แล้วค่อย ๆ สะสมที่ดินดักหน้าไว้ ( ควรจะสะสมให้เป็นแปลงใหญ่ ไม่ใช่แปลงย่อยหลาย ๆ แปลง ) ถึงแม้ว่าในอนาคตมันไม่เป็นไปตามที่เราประเมิน 100 % แต่ได้ขนาด 60 - 80 % ก็ลรรลุเป้าหมายแล้ว
- การลงทุนในกลุ่มที่ 3 เคยเห็นการทำธุรกิจรับซื้อของเก่าใหมครับ ถ้าตั้งเป้าและกำหนดราคาการซื้อที่แน่นอนแล้วไม่เคยมีการขาดทุน อย่างมากก็เสมอตัว แต่ถ้าโชคดีเศษเหล็กที่คุณซื้อมามันอาจกลายเป็นทองเหลือง หรือทองแดงคุณก็กำไรหลายเท่าตัว
- การลงทุนในกลุ่มที่ 4 เป็นการลงทุนตามสันดานดิบที่ยังมีกิเลสอยู่ ไม่มีเหตุผลใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นเพียงเพื่อตอบสนองความต้องการเอาชนะ ( พนัน ) ก็แค่นั้นเอง
การลงทุนในแต่ละกลุ่มของผม มีเท่าไหร่หมดได้แค่นั้นไม่มีการเพิ่มทุนโดยโอนย้ายต้นทุนจากกลุ่มอื่น ๆ มาใช้ การลงทุนเพิ่มคือผลกำไรที่ได้จากการลงทุนของกลุ่มตัวเอง ถ้ามีการเพิ่มทุนจากภายนอกก็ยังต้องแบ่ง % ตามกลุ่มการลงทุนที่ตั้งไว้ ผมคิดว่าผมมีวินัยในการลงทุนที่ดี สิ่งที่ผมยังขาดคือคนที่จะช่วยดูว่าหุ้นตัวใหนบ้างที่เข้ากลุ่มการลงทุนผมได้บ้าง ( 500 ตัวไม่มีความสามารถวิเคราะห์ได้หมดครับ ถึงทำได้หมดมันก็คงผิดเกือบทั้งหมดแหละมั้ง ) และทุนนี้เป็นทุนเริ่มต้นครับ ( แค่พิมพ์ก็เหนื่อยแล้วครับ )
ผมไม่ได้มองว่าตลาดหุ้นมันมีแค่หุ้น แต่ตลาดหุ้นมันมีโอกาสในธุรกิจสำหรับให้ผมลงทุน โดยมีทางเลือกต่าง ๆ ดังนี้
- การลงทุนในกลุ่มที่ 1 ผมต้องการลงทุนในธุรกิจไม่มีทางเจ็งแน่ ๆ ในช่วระยะ 10 - 15 ปี ยกเว้นว่าสภาพแวดล้อมเปลี่ยน ( พื้นฐานเปลี่ยน ) เช่น การลงทุนสร้างหอพักบริเวณสถานศึกษา หรือโรงงาน แน่นอนครับรายได้ไม่หวือหวา ราคาหอพักไม่พุ่งโด่งในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่สิ่งที่ผมได้แน่นอนคือรายได้ประจำค่อนข้างคงเส้น คงวาให้ผมมั่นใจได้ว่า ถ้าธุรกิจอื่น ๆ ที่ผมลงทุนไม่ประสบผลสำเร็จ ผมก็ยังมีทุนในส่วนนี้เลี้ยงตัวเอง และเป็นฐานสำหรับกลับมาตั้งตัวใหม่ได้ ( หรือใครคิดว่าหุ้นแบบมาม่าจะล้มละลายใน 10 - 15 ปีนี้ ) ส่วนผลตอบแทนคือค่าเช่า ( ปันผล ) ผมลองประมาณการแล้ว + 7 % จะทำให้ผมมีความมั่นคงได้ แม้มันจะไม่ทำให้ผมรวย ( แบบเงินด่วน )
- การลงทุนในกลุ่มที่ 2 ผมเอาแบบอย่างการลงทุนของนายเก่ามาลองประยุกต์ดูครับ ( นายเก่าอยู่ในครอบครัวที่ทำธุรกิจลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หลักทรัพย์ของครอบครัวก็คงประมาณสัก 4 - 5 หมื่นล้านได้มั้ง ) ท่านเคยสอนผมว่าถ้าพอมีกำลังที่สามารถลงทุนได้ ให้ลองมองดูที่ดินสะสมไว้ถ้าทุนมากไม่ต้องสนใจมูลค่าที่ต้องลงทุน แต่ให้ดูโอกาสในการทำกำไรจากการลงทุนนั้น ถ้ามีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้เร็วให้ลงทุนทันที แต่ถ้าทุนน้อยให้ดูที่ดินที่อยู่รอบนอกออกไปและประเมินทิศทางการเติบโตของเมืองว่าในอนาคต 5 - 10 ปีข้างหน้าจะออกมาในแนวด้านใหน แล้วค่อย ๆ สะสมที่ดินดักหน้าไว้ ( ควรจะสะสมให้เป็นแปลงใหญ่ ไม่ใช่แปลงย่อยหลาย ๆ แปลง ) ถึงแม้ว่าในอนาคตมันไม่เป็นไปตามที่เราประเมิน 100 % แต่ได้ขนาด 60 - 80 % ก็ลรรลุเป้าหมายแล้ว
- การลงทุนในกลุ่มที่ 3 เคยเห็นการทำธุรกิจรับซื้อของเก่าใหมครับ ถ้าตั้งเป้าและกำหนดราคาการซื้อที่แน่นอนแล้วไม่เคยมีการขาดทุน อย่างมากก็เสมอตัว แต่ถ้าโชคดีเศษเหล็กที่คุณซื้อมามันอาจกลายเป็นทองเหลือง หรือทองแดงคุณก็กำไรหลายเท่าตัว
- การลงทุนในกลุ่มที่ 4 เป็นการลงทุนตามสันดานดิบที่ยังมีกิเลสอยู่ ไม่มีเหตุผลใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นเพียงเพื่อตอบสนองความต้องการเอาชนะ ( พนัน ) ก็แค่นั้นเอง
การลงทุนในแต่ละกลุ่มของผม มีเท่าไหร่หมดได้แค่นั้นไม่มีการเพิ่มทุนโดยโอนย้ายต้นทุนจากกลุ่มอื่น ๆ มาใช้ การลงทุนเพิ่มคือผลกำไรที่ได้จากการลงทุนของกลุ่มตัวเอง ถ้ามีการเพิ่มทุนจากภายนอกก็ยังต้องแบ่ง % ตามกลุ่มการลงทุนที่ตั้งไว้ ผมคิดว่าผมมีวินัยในการลงทุนที่ดี สิ่งที่ผมยังขาดคือคนที่จะช่วยดูว่าหุ้นตัวใหนบ้างที่เข้ากลุ่มการลงทุนผมได้บ้าง ( 500 ตัวไม่มีความสามารถวิเคราะห์ได้หมดครับ ถึงทำได้หมดมันก็คงผิดเกือบทั้งหมดแหละมั้ง ) และทุนนี้เป็นทุนเริ่มต้นครับ ( แค่พิมพ์ก็เหนื่อยแล้วครับ )
- nonation
- Verified User
- โพสต์: 70
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าลงทุนแบบนี้ จะได้หุ้นแบบใหน
โพสต์ที่ 20
เอ ! ทำไปทำมาชักสงสัยแหะ ว่าการทำตามคนอื่น ลอกเลียนแบบคนอื่นคือการค้นพบตัวเอง หรือการคิดรูปแบบของตัวเองคือการค้นพบตัวเอง ลิ้นต์คงสร้างชื่อเสียงจากการเลียนแบบคนอื่น บัพเฟตคงประสบความสำเร็จเพราะลอกลิ้นต์ ดร.นิเวชรวยเพราะทำตามบัพเฟต เป็นแน่
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: ถ้าลงทุนแบบนี้ จะได้หุ้นแบบใหน
โพสต์ที่ 21
กลยุทธ์พี่ก็โอเคนะครับ... ขั้นตอนต่อไปก็ศึกษาหาหุ้นตามประเภทที่พี่ว่า ทำความเข้าใจ แล้วก็ทดลองลงทุนแล้วครับ...
ซึ่งกระบวนการที่จะวิเคราะห์กิจการ แบ่งแยกประเภท และรู้ว่ากิจการแต่ละประเภทที่พี่แบ่งมาติดตามอย่างไร ก็คงต้องใช้เวลาที่จะเก่งและเชี่ยวชาญสัก 4-5 ปีนะครับ
ใจเย็นๆ ค่อยๆ ศึกษาไปนะครับ... บางกิจการตอนแรกเราเข้าใจว่าเป็นกิจการแข็งแกร่ง ถือๆ ไปกลับเป็นกิจการอ่อนยวบได้ซะนี่ หรือบางทีเจอกิจการที่แข็งแกร่งแล้ว คิดว่าน่าจะได้ผลตอบแทนที่พอใจแล้ว เอาเข้าจริงผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามคาด ได้ผลตอบแทนไม่เท่าที่คิด
สิ่งเหล่านี้ต้องใช้เวลา และประสบการณ์พอสมควรครับ
อย่างไรก็ตาม ตามปกติคนเราแต่ละคนจะมีความถนัดในการวิเคราะห์กิจการลักษณะใดลักษณะหนึ่ง บางคนชอบหุ้นถูกที่มี story กำลังจะโต บางคนชอบหุ้นแข็งแกร่งที่กำลัง growth บางคนชอบหุ้น turnaround บางคนชอบหุ้นปันผลดี ซึ่งในเบื้องต้นพี่ศึกษาไปเรื่อยๆ หาหุ้นไปเรื่อยๆ ลงทุนไปเรื่อยๆ วันหนึ่ง พี่ก็คงจะรู้ว่าจริงๆ แล้วพี่ถนัดสไตล์ไหน ถึงวันนั้น พี่อาจจะเปลี่ยนสัดส่วนการจัดพอร์ตก็ได้ครับ
ที่สำคัญ... ใจเย็นๆ ค่อยๆ ใช้เวลากับการลงทุน... อย่าพึ่งรีบรวยเร็ว... รอๆ ผมบ้างก็ดี... 555
ซึ่งกระบวนการที่จะวิเคราะห์กิจการ แบ่งแยกประเภท และรู้ว่ากิจการแต่ละประเภทที่พี่แบ่งมาติดตามอย่างไร ก็คงต้องใช้เวลาที่จะเก่งและเชี่ยวชาญสัก 4-5 ปีนะครับ
ใจเย็นๆ ค่อยๆ ศึกษาไปนะครับ... บางกิจการตอนแรกเราเข้าใจว่าเป็นกิจการแข็งแกร่ง ถือๆ ไปกลับเป็นกิจการอ่อนยวบได้ซะนี่ หรือบางทีเจอกิจการที่แข็งแกร่งแล้ว คิดว่าน่าจะได้ผลตอบแทนที่พอใจแล้ว เอาเข้าจริงผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามคาด ได้ผลตอบแทนไม่เท่าที่คิด
สิ่งเหล่านี้ต้องใช้เวลา และประสบการณ์พอสมควรครับ
อย่างไรก็ตาม ตามปกติคนเราแต่ละคนจะมีความถนัดในการวิเคราะห์กิจการลักษณะใดลักษณะหนึ่ง บางคนชอบหุ้นถูกที่มี story กำลังจะโต บางคนชอบหุ้นแข็งแกร่งที่กำลัง growth บางคนชอบหุ้น turnaround บางคนชอบหุ้นปันผลดี ซึ่งในเบื้องต้นพี่ศึกษาไปเรื่อยๆ หาหุ้นไปเรื่อยๆ ลงทุนไปเรื่อยๆ วันหนึ่ง พี่ก็คงจะรู้ว่าจริงๆ แล้วพี่ถนัดสไตล์ไหน ถึงวันนั้น พี่อาจจะเปลี่ยนสัดส่วนการจัดพอร์ตก็ได้ครับ
ที่สำคัญ... ใจเย็นๆ ค่อยๆ ใช้เวลากับการลงทุน... อย่าพึ่งรีบรวยเร็ว... รอๆ ผมบ้างก็ดี... 555
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
- nonation
- Verified User
- โพสต์: 70
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าลงทุนแบบนี้ จะได้หุ้นแบบใหน
โพสต์ที่ 24
ข้อ 1 คือเงินออม
ข้อ 2 คือการลงทุนทำธุรกิจ ประเมินสถานการณ์ดี หรือใกล้เคียงก็กำไรเยอะ พลาดก็อาจเท่าทุนหรือขาดทุน ไม่มีการสร้างธุรกิจอะไรที่สามารถบอกได้ว่าต้องได้กำไรแน่ ๆ ถ้ายังไม่ได้ลงมือทำ
ข้อ 3 คือการปล่อยเงินกู้เพื่อหากำไรจากดอกเบี้ย หนี้อาจศูนย์ถ้าลูกหนี้หนี
ข้อ 4 กิเลส ความต้องการพิสูจน์ ความต้องการเอาชนะ เหมือนเล่นไพ่ถ้าเล่นโดยไม่มีเวลาเลิกก็หมดตัวทุกราย แต่ถ้าควบคุมตัวเองได้ก็หมดแต่งบดุลที่ตั้งไว้ แต่ช่วงที่ได้มันก็คือการผ่อนคลาย
เคยดูธุรกิจโรงพยาบาลใหมครับจะมีหลายคลินิก รพ.ไม่สามารถทำได้ดีทุกคลินิกหรอกครับ กำไรมากบ้างหน่อยบ้างแล้วแต่ช่วงเวลา แต่รวมแล้วคือกำไรและอยู่ได้นาน เพราะมีรายได้จากหลายกลุ่มคลินิก ส่วน รพ. หรือคลินิกเฉพาะทางจะกำไรดีในช่วงต้น ๆ เพราะคนอื่นยังคิดไม่ทันเลยไม่มีคู่แข่ง แต่พอตลาดเริ่มทำเงินคู่แข่งจะเกิดขึ้นเยอะมาก ส่วนแบ่งกำไรจะเยอะ ถ้าไม่มีแผนธุรกิจอื่น ๆ คิดเผื่อไว้ก็ต้องเริ่มธุรกิจกันใหม่ตั้งแต่ต้น ผมคิดประมาณนี้มั้งครับ
ข้อ 2 คือการลงทุนทำธุรกิจ ประเมินสถานการณ์ดี หรือใกล้เคียงก็กำไรเยอะ พลาดก็อาจเท่าทุนหรือขาดทุน ไม่มีการสร้างธุรกิจอะไรที่สามารถบอกได้ว่าต้องได้กำไรแน่ ๆ ถ้ายังไม่ได้ลงมือทำ
ข้อ 3 คือการปล่อยเงินกู้เพื่อหากำไรจากดอกเบี้ย หนี้อาจศูนย์ถ้าลูกหนี้หนี
ข้อ 4 กิเลส ความต้องการพิสูจน์ ความต้องการเอาชนะ เหมือนเล่นไพ่ถ้าเล่นโดยไม่มีเวลาเลิกก็หมดตัวทุกราย แต่ถ้าควบคุมตัวเองได้ก็หมดแต่งบดุลที่ตั้งไว้ แต่ช่วงที่ได้มันก็คือการผ่อนคลาย
เคยดูธุรกิจโรงพยาบาลใหมครับจะมีหลายคลินิก รพ.ไม่สามารถทำได้ดีทุกคลินิกหรอกครับ กำไรมากบ้างหน่อยบ้างแล้วแต่ช่วงเวลา แต่รวมแล้วคือกำไรและอยู่ได้นาน เพราะมีรายได้จากหลายกลุ่มคลินิก ส่วน รพ. หรือคลินิกเฉพาะทางจะกำไรดีในช่วงต้น ๆ เพราะคนอื่นยังคิดไม่ทันเลยไม่มีคู่แข่ง แต่พอตลาดเริ่มทำเงินคู่แข่งจะเกิดขึ้นเยอะมาก ส่วนแบ่งกำไรจะเยอะ ถ้าไม่มีแผนธุรกิจอื่น ๆ คิดเผื่อไว้ก็ต้องเริ่มธุรกิจกันใหม่ตั้งแต่ต้น ผมคิดประมาณนี้มั้งครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3653
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าลงทุนแบบนี้ จะได้หุ้นแบบใหน
โพสต์ที่ 25
อ่าว เคาะกันไวจัง หรือว่าเราพิมพ์ช้า
ครับ เลือกมาสักข้อ หรือทำทีละข้อ
ยังไม่ต้องทำมันทั้งหมดหรอก
เช่น ถ้าคิดว่าจะหาหุ้นที่จ่ายปันผล
ขั้นต่ำ 7 % ติดต่อกันสัก 10 ปี
ก็ทำการบ้านมันสักอย่างเดียวเลย
แต่ผมคิดว่าตอนนี้หาไม่ง่ายนะ
ส่วนหุ้น turnaround นี่
ผมดูไม่เป็นเลย ที่ผ่านมา
จะรอจนมัน turn แล้วค่อยดูต่อว่า
คุ้มพอที่จะเสี่ยงหยิบบุหรี
มาดูดต่อจากคนอื่นหรือเปล่า
ส่วนหุ้น growth ก็น่าจะเทียบๆ เคียงๆ
เอาจาก peg < 1
แต่ตอนนี้ก็คงหาไม่ง่ายเช่นกัน
ส่วนสัดส่วน มักจะเลือกจากความมั่นใจ
แล้วก็ปรับเปลี่ยนไปตามโอกาส
บวกกับความขยันหรือว่าขี้เกียจ
บางครั้งคิดว่าเจอหุ้นตีแตก
ก็ถือมันซะตัวเดียวเลย สนุกดี
ทำใหม่ๆ นะ จะเสียวมวาก
แต่อย่างเมื่อปี 51 หุ้นราคาถูก
ผมถืออยู่ 8 ตัว มากที่สุดตั้งแต่เคยถือหุ้นมาเลย
บางคนเขาก็แบ่งมาเก็งกำไร
ผมก็เห็นเขาเทรดทุกวันมีความสุขดี
อันนี้แล้วแต่ชอบ
ไม่มีเกณฑ์ตายตัว
แต่มันไม่ใช่ตัวผม
output จะดีหรือแย่ก็ไม่ใช่ประเด็น
และผมจะไม่ไปทำมันให้เสียเวลาเลย
ครับ เลือกมาสักข้อ หรือทำทีละข้อ
ยังไม่ต้องทำมันทั้งหมดหรอก
เช่น ถ้าคิดว่าจะหาหุ้นที่จ่ายปันผล
ขั้นต่ำ 7 % ติดต่อกันสัก 10 ปี
ก็ทำการบ้านมันสักอย่างเดียวเลย
แต่ผมคิดว่าตอนนี้หาไม่ง่ายนะ
ส่วนหุ้น turnaround นี่
ผมดูไม่เป็นเลย ที่ผ่านมา
จะรอจนมัน turn แล้วค่อยดูต่อว่า
คุ้มพอที่จะเสี่ยงหยิบบุหรี
มาดูดต่อจากคนอื่นหรือเปล่า
ส่วนหุ้น growth ก็น่าจะเทียบๆ เคียงๆ
เอาจาก peg < 1
แต่ตอนนี้ก็คงหาไม่ง่ายเช่นกัน
ส่วนสัดส่วน มักจะเลือกจากความมั่นใจ
แล้วก็ปรับเปลี่ยนไปตามโอกาส
บวกกับความขยันหรือว่าขี้เกียจ
บางครั้งคิดว่าเจอหุ้นตีแตก
ก็ถือมันซะตัวเดียวเลย สนุกดี
ทำใหม่ๆ นะ จะเสียวมวาก
แต่อย่างเมื่อปี 51 หุ้นราคาถูก
ผมถืออยู่ 8 ตัว มากที่สุดตั้งแต่เคยถือหุ้นมาเลย
บางคนเขาก็แบ่งมาเก็งกำไร
ผมก็เห็นเขาเทรดทุกวันมีความสุขดี
อันนี้แล้วแต่ชอบ
ไม่มีเกณฑ์ตายตัว
แต่มันไม่ใช่ตัวผม
output จะดีหรือแย่ก็ไม่ใช่ประเด็น
และผมจะไม่ไปทำมันให้เสียเวลาเลย
- nonation
- Verified User
- โพสต์: 70
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าลงทุนแบบนี้ จะได้หุ้นแบบใหน
โพสต์ที่ 26
ที่ผมคิดคือแม้จะมี 4 กลุ่มแต่ไม่ได้หมายความว่าแต่ละกลุ่มต้องมีหลายตัวนะครับ อาจมีแค่กลุ่มละตัวก็ได้ ผมพยายามนั่งทบทวนวิธีการดำเนินธุรกิจของเจ้านายเก่า ๆ ที่เคยทำงานด้วย ( เป็นคนชอบสังเกตุครับ แต่คงไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงที่แต่ละคนใช้ตัดสินใจ ) เห็นแต่ละท่านไม่เคยทำธุรกิจเดี่ยว ๆ ครับ ธุรกิจในมืออาจไม่ใช่ธุรกิจที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่แม้จะเป็นธุรกิจกลุ่มเดียวกันก็จะมีหลายระดับ บ้างก็เพื่อผลกำไรสูง บ้างก็เพื่อเกื้อหนุนธุรกิจในเครือ บ้างก็เพื่อเอาไว้เลี้ยงลูกน้องประมาณนั้นแหละครับ ลงทุนก็มากบ้าง น้อยบ้างตามแต่เจตนาของธุรกิจนั้น ๆ
- nonation
- Verified User
- โพสต์: 70
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าลงทุนแบบนี้ จะได้หุ้นแบบใหน
โพสต์ที่ 27
อ้อ ! ลืมไปผมไม่เคยหวังผลกับหุ้นตีแตก ( แต่ก็อยากได้สักตัวนะครับ ) เพราะต้องใช้ต้นทุนสูงและและเวลานาน และก็เสี่ยง ( กับการอดข้าวตาย ) ถ้าทุนน้อย ๆ ( ดร.นิเวชเองทุนเริ่มต้นก็ประมาร 10 ล้านนะครับ ) สำหรับผมจะลงทุนอะไรก็ได้ ใช้เวลาเท่าใดก็ไ้ที่อยากจะได้กำไรเยอะ ๆ แต่ต้องมีสัก 1 ช่องทาง ( ธุรกิจ ) ที่ต้องสร้างรายได้รายวันที่แน่นอนสำหรับซื้อข้าวกินทุกวัน และอีกอันหนึ่งตอบสนองกิเลสของตัวเองเหมือนทุก วันที่ 1 และ 16 ของเดือน