ซุนวู กับหนังสือ ธุรกิจ
- gnomeller
- Verified User
- โพสต์: 425
- ผู้ติดตาม: 0
ซุนวู กับหนังสือ ธุรกิจ
โพสต์ที่ 1
ขอถามเกียวกับหนังสือครับ เห็นในร้านหนังสือ ถ้าไม่ใช่ Steve Jobs ไม่ใช่ Buffett ก็น่าจะเป็น ซุนวู นี่แหล่ะครับ ที่มีหนังสืออยู่มากในชั้น ผมยังไม่ได้ลองอ่านสักเล่มทั้งๆที่เห็นมานานแล้ว
อยากทราบว่า ทำไมหนังสือธุรกิจจึงนำเอาแนวคิดของซุนวูมาผูกอยู่บ่อยๆ และ แนวคิดจากอดีตนานขนาดนั้น ยังสามารถนำมาใช้ในยุคปัจจุบันได้หรือครับ?
ถ้าเป็นหนังสือของ Benjamin Graham ผมก็จะอ่าน One Up on Wall-street ไปเลยเล่มเดียวจบ ถ้าเป็น Steve Jobs ก็ต้องเป็นเล่มของ Walter Isaacson เท่านั้น และถ้าอยากจะลองอ่านหนังสือซุนวูสักเล่ม ชาวๆ VI แนะนำเล่มไหนครับที่จะได้ทำความเข้าใจให้ถึงแก่นที่สุด
อยากทราบว่า ทำไมหนังสือธุรกิจจึงนำเอาแนวคิดของซุนวูมาผูกอยู่บ่อยๆ และ แนวคิดจากอดีตนานขนาดนั้น ยังสามารถนำมาใช้ในยุคปัจจุบันได้หรือครับ?
ถ้าเป็นหนังสือของ Benjamin Graham ผมก็จะอ่าน One Up on Wall-street ไปเลยเล่มเดียวจบ ถ้าเป็น Steve Jobs ก็ต้องเป็นเล่มของ Walter Isaacson เท่านั้น และถ้าอยากจะลองอ่านหนังสือซุนวูสักเล่ม ชาวๆ VI แนะนำเล่มไหนครับที่จะได้ทำความเข้าใจให้ถึงแก่นที่สุด
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3653
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ซุนวู กับหนังสือ ธุรกิจ
โพสต์ที่ 2
ซุนวูเป็นผู้ประพันธ์ตำราพิชัยสงคราม
แต่ต้นฉบับภาษาจีนแปลตรงๆว่า กฏทหาร
มีหลักฐานการขุดค้นพบ (ผมก็ฟังเขามาอีกที)
อายุอานามก็ 2000 กว่าปี
รุ่นๆ กับพระไตรปิฎกครับ
สำหรับในร้านหนังสือ ผมคิดว่าที่ขายกันมี 2 ประเภท
คือ เล่มที่แปลตรงจากต้นฉบับภาษาจีน
กับเล่มที่แปลจากต้นฉบับภาษาอังกฤษ
ที่แปลต่อมาจากต้นฉบับภาษาจีนอีกต่อนึง
ทั้งนี้ก็เพราะตำราของซุนวูแพร่หลายไปถึงยุโรป
มีการแปล และนำไปใช้ประโยชน์ในทางทหารนานแล้ว
หนังสืออีกประเภท คือ การนำหลักการของซุนวู
ไปประยุกต์ใช้ ซึ่งก็มีหลายเล่ม
แม้แต่เล่มที่นำไปใช้ลงทุนหุ้น ก็มีคนนำไปเขียนเหมือนกัน
เป็นเล่มแปล และพิมพ์โดย สนพ.ผู้จัดการ
ปัจจุบันไม่มีเล่มนี้ในร้านหนังสือแล้วครับ
สำหรับความเห็นของผม ผมคิดว่าซุนวู อาจจะไม่ใช่ผู้คิดขึ้นมาทั้งหมด
สมัยนั้นยังไม่มีประเทศจีน คนแต่ละก๊กรบกันทั้งปีทั้งชาติ
ผมว่าซุนวูน่าจะเป็นผู้รวบรวมจากรุ่นสู่รุ่นมากกว่า
ประเด็นที่ผมคิดว่าแนวคิดเรื่องกฏของสงครามที่ไม่เคยล้าสมัย
เพราะว่ามันใช้แนวคิดด้านปกครอง บริหารจัดการ ทั้งคน และทรัพยากร
จิตวิทยา การบริหารเชิงกลยุทธ์
แม้แต่เรื่องแนวคิด margin of safety ผมว่าซุนวูุก็บันทึกไว้เหมือนกัน
รู้เขาไม่รู้เรา รบชนะครึ่งแพ้ครึ่ง
ถ้าเสียเปรียบ ไม่รบ จะถอยหรือเจรจาก็ว่าไปครับ
แฮ่ม... ยกมาพอเป็นน้ำจิ้ม
ส่วนตัวคิดว่ามันเป็นหลักการพื้นๆ แต่คลาสสิกมากครับ
แต่ต้นฉบับภาษาจีนแปลตรงๆว่า กฏทหาร
มีหลักฐานการขุดค้นพบ (ผมก็ฟังเขามาอีกที)
อายุอานามก็ 2000 กว่าปี
รุ่นๆ กับพระไตรปิฎกครับ
สำหรับในร้านหนังสือ ผมคิดว่าที่ขายกันมี 2 ประเภท
คือ เล่มที่แปลตรงจากต้นฉบับภาษาจีน
กับเล่มที่แปลจากต้นฉบับภาษาอังกฤษ
ที่แปลต่อมาจากต้นฉบับภาษาจีนอีกต่อนึง
ทั้งนี้ก็เพราะตำราของซุนวูแพร่หลายไปถึงยุโรป
มีการแปล และนำไปใช้ประโยชน์ในทางทหารนานแล้ว
หนังสืออีกประเภท คือ การนำหลักการของซุนวู
ไปประยุกต์ใช้ ซึ่งก็มีหลายเล่ม
แม้แต่เล่มที่นำไปใช้ลงทุนหุ้น ก็มีคนนำไปเขียนเหมือนกัน
เป็นเล่มแปล และพิมพ์โดย สนพ.ผู้จัดการ
ปัจจุบันไม่มีเล่มนี้ในร้านหนังสือแล้วครับ
สำหรับความเห็นของผม ผมคิดว่าซุนวู อาจจะไม่ใช่ผู้คิดขึ้นมาทั้งหมด
สมัยนั้นยังไม่มีประเทศจีน คนแต่ละก๊กรบกันทั้งปีทั้งชาติ
ผมว่าซุนวูน่าจะเป็นผู้รวบรวมจากรุ่นสู่รุ่นมากกว่า
ประเด็นที่ผมคิดว่าแนวคิดเรื่องกฏของสงครามที่ไม่เคยล้าสมัย
เพราะว่ามันใช้แนวคิดด้านปกครอง บริหารจัดการ ทั้งคน และทรัพยากร
จิตวิทยา การบริหารเชิงกลยุทธ์
แม้แต่เรื่องแนวคิด margin of safety ผมว่าซุนวูุก็บันทึกไว้เหมือนกัน
รู้เขาไม่รู้เรา รบชนะครึ่งแพ้ครึ่ง
ถ้าเสียเปรียบ ไม่รบ จะถอยหรือเจรจาก็ว่าไปครับ
แฮ่ม... ยกมาพอเป็นน้ำจิ้ม
ส่วนตัวคิดว่ามันเป็นหลักการพื้นๆ แต่คลาสสิกมากครับ
- oasis
- Verified User
- โพสต์: 52
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ซุนวู กับหนังสือ ธุรกิจ
โพสต์ที่ 3
ผมเข้าใจว่า บทความของ ดร.นิเวศน์ ก็ประยุกต์ กลยุทธทางสงครามมาใช้ พิจารณาความได้เปรียบ-เสียเปรียบ
เช่นบทความ หุ้นกับสงคราม กฎของสงคราม ฯลฯ
การวิเคราะห์ ชัยภูมิ กำลังและคุณภาพ ของบริษัทตัวเองและคู่แข่ง
ถ้าพูดแบบซุนวู ก็คือ รู้เขารู้เรา
สามก๊ก ยกตัวอย่าง การใช้ยุทธวิธีพวกนี้ไว้
แต่ในเรื่อง คนที่ยึดติดกับตำราพิชัยสงครามมากไป ก็เสียท่าได้ง่ายๆ
ผมชอบที่บังทองกล่าวว่า สุดยอดกลยุทธ คือการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์
เช่นบทความ หุ้นกับสงคราม กฎของสงคราม ฯลฯ
การวิเคราะห์ ชัยภูมิ กำลังและคุณภาพ ของบริษัทตัวเองและคู่แข่ง
ถ้าพูดแบบซุนวู ก็คือ รู้เขารู้เรา
สามก๊ก ยกตัวอย่าง การใช้ยุทธวิธีพวกนี้ไว้
แต่ในเรื่อง คนที่ยึดติดกับตำราพิชัยสงครามมากไป ก็เสียท่าได้ง่ายๆ
ผมชอบที่บังทองกล่าวว่า สุดยอดกลยุทธ คือการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์
-
- Verified User
- โพสต์: 390
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ซุนวู กับหนังสือ ธุรกิจ
โพสต์ที่ 4
คนส่วนใหญ่เมื่อได้ยินคำว่า
" รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง "
ก็จะเข้าใจว่านี่เป็นคำสอนของซุนวู
แต่จริง ๆ แล้ว เป็นเพียงการรวมคำพูดทั้งสองประโยคที่ ซุนวู พูดไว้เท่านั้น คือ
" การชนะร้อยทั้งร้อย มิใช่วิธีการอันประเสริฐแท้ แต่ชนะโดยไม่ต้องรบเลย จึ่งถือว่าเป็นวิธีอันวิเศษยิ่ง " กับ
" หากรู้เขารู้เรา แม้นรบกันตั้งร้อยครั้งก็ไม่มีอันตรายอันใด ถ้าไม่รู้เขาแต่รู้เพียงตัวเรา แพ้ชนะย่อมก้ำกึ่งอยู่ หากไม่รู้ในตัวเขาตัวเราเสียเลย ก็ต้องปราชัยทุกครั้งที่มีการยุทธนั้นแล "
ฉะนั้นคำสอน"รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง"จึงไม่มีปรากฏในตำราพิชัยสงครามแต่อย่างใดครับ
ในส่วนของข้อความที่ว่า
" หากรู้เขารู้เรา แม้นรบกันตั้งร้อยครั้งก็ไม่มีอันตรายอันใด ถ้าไม่รู้เขาแต่รู้เพียงตัวเรา แพ้ชนะย่อมก้ำกึ่งอยู่ หากไม่รู้ในตัวเขาตัวเราเสียเลย ก็ต้องปราชัยทุกครั้งที่มีการยุทธนั้นแล "
ก็คล้ายกับหลักการ Scuttlebutt ของ ฟิลลิป ฟิชเชอร์ นะครับ
" รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง "
ก็จะเข้าใจว่านี่เป็นคำสอนของซุนวู
แต่จริง ๆ แล้ว เป็นเพียงการรวมคำพูดทั้งสองประโยคที่ ซุนวู พูดไว้เท่านั้น คือ
" การชนะร้อยทั้งร้อย มิใช่วิธีการอันประเสริฐแท้ แต่ชนะโดยไม่ต้องรบเลย จึ่งถือว่าเป็นวิธีอันวิเศษยิ่ง " กับ
" หากรู้เขารู้เรา แม้นรบกันตั้งร้อยครั้งก็ไม่มีอันตรายอันใด ถ้าไม่รู้เขาแต่รู้เพียงตัวเรา แพ้ชนะย่อมก้ำกึ่งอยู่ หากไม่รู้ในตัวเขาตัวเราเสียเลย ก็ต้องปราชัยทุกครั้งที่มีการยุทธนั้นแล "
ฉะนั้นคำสอน"รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง"จึงไม่มีปรากฏในตำราพิชัยสงครามแต่อย่างใดครับ
ในส่วนของข้อความที่ว่า
" หากรู้เขารู้เรา แม้นรบกันตั้งร้อยครั้งก็ไม่มีอันตรายอันใด ถ้าไม่รู้เขาแต่รู้เพียงตัวเรา แพ้ชนะย่อมก้ำกึ่งอยู่ หากไม่รู้ในตัวเขาตัวเราเสียเลย ก็ต้องปราชัยทุกครั้งที่มีการยุทธนั้นแล "
ก็คล้ายกับหลักการ Scuttlebutt ของ ฟิลลิป ฟิชเชอร์ นะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 390
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ซุนวู กับหนังสือ ธุรกิจ
โพสต์ที่ 5
นอกจาก ซุนวู แล้ว ก็ยังมีอีกคนหนึ่งที่ได้รับการยกย่องไม่แพ้กัน คือ ซุนปิน ครับ
เรื่องราวของ ซุนปิน ก็ได้รับการนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์หลายครั้ง แต่บางครั้ง คนก็ยังสับสนว่าเป็นคนเดียวกับ ซุนวู ครับ
ซุนปิน นั้นจัดว่าเป็น หลานของ ซุนวู และเป็นศิษย์ของ หวางสี่ ฉายา จอมปราชญ์แห่งหุบเขาปิศาจ ( กุ้ยกู้จื่อ ) ครับ
ซึ่ง หวางสี่ ได้รับศิษย์อยู่ก่อนแล้วชื่อว่า ผังเจวียน เท่ากับมีศักดิ์เป็น ศิษย์ผู้พี่ของ ซุนปิน
แต่ ผังเจวียน เป็นคนใจร้อน ร่ำเรียนวิชาไม่ทันสำเร็จ ก็รีบลาอาจารย์ลงจากเขา เพื่อไปแสวงหาความสำเร็จ ด้วยการไปรับราชการที่ แคว้นเว่ย ซึ่งก็ถือว่าประสบความสำเร็จ ได้เป็นที่ปรึกษาคู่กายของ เว่ยฮุ่ยหวาง ( อ๋องแห่งแคว้นเว่ย )
ในขณะที่ ซุนปิน ร่ำเรียนวิชาจนแตกฉาน โดยเฉพาะในด้านการพิชัยสงคราม
ต่อมา ผังเจวียน ได้แนะนำให้ ซุนปิน มารับใช้ เว่ยฮุ่ยหวาง ซึ่ง ซุนปิน ก็ยินดี
แต่ทว่า หวางสี่ ผู้เป็นอาจารย์ ก็เตือน ซุนปิน ว่า เมื่อลงจากเขาไปแล้ว ให้ระวังตัวให้ดี เพราะ ผังเจวียน นั้นมีใจแคบริษยา จะทำอันตราย ซุนปิน ในภายภาคหน้าได้
เมื่อ ซุนปิน ไปเข้าเฝ้า เว่ยฮุ่ยหวาง ก็ได้แสดงวิสัยทัศน์ และความรู้ต่าง ๆ นานา ทำให้ เว่ยฮุ่ยหวาง เลื่อมใส ซุนปิน มาก พร้อมทั้งแต่งตั้งตำแหน่งที่ปรึกษา และประทานรางวัลมากมาย ทำให้ ผังเจวียน เริ่มอิจฉา ซุนปิน มองว่า จะมาแย่งความดีความชอบและตำแหน่งไป
เรื่องราวของ ซุนปิน ก็ได้รับการนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์หลายครั้ง แต่บางครั้ง คนก็ยังสับสนว่าเป็นคนเดียวกับ ซุนวู ครับ
ซุนปิน นั้นจัดว่าเป็น หลานของ ซุนวู และเป็นศิษย์ของ หวางสี่ ฉายา จอมปราชญ์แห่งหุบเขาปิศาจ ( กุ้ยกู้จื่อ ) ครับ
ซึ่ง หวางสี่ ได้รับศิษย์อยู่ก่อนแล้วชื่อว่า ผังเจวียน เท่ากับมีศักดิ์เป็น ศิษย์ผู้พี่ของ ซุนปิน
แต่ ผังเจวียน เป็นคนใจร้อน ร่ำเรียนวิชาไม่ทันสำเร็จ ก็รีบลาอาจารย์ลงจากเขา เพื่อไปแสวงหาความสำเร็จ ด้วยการไปรับราชการที่ แคว้นเว่ย ซึ่งก็ถือว่าประสบความสำเร็จ ได้เป็นที่ปรึกษาคู่กายของ เว่ยฮุ่ยหวาง ( อ๋องแห่งแคว้นเว่ย )
ในขณะที่ ซุนปิน ร่ำเรียนวิชาจนแตกฉาน โดยเฉพาะในด้านการพิชัยสงคราม
ต่อมา ผังเจวียน ได้แนะนำให้ ซุนปิน มารับใช้ เว่ยฮุ่ยหวาง ซึ่ง ซุนปิน ก็ยินดี
แต่ทว่า หวางสี่ ผู้เป็นอาจารย์ ก็เตือน ซุนปิน ว่า เมื่อลงจากเขาไปแล้ว ให้ระวังตัวให้ดี เพราะ ผังเจวียน นั้นมีใจแคบริษยา จะทำอันตราย ซุนปิน ในภายภาคหน้าได้
เมื่อ ซุนปิน ไปเข้าเฝ้า เว่ยฮุ่ยหวาง ก็ได้แสดงวิสัยทัศน์ และความรู้ต่าง ๆ นานา ทำให้ เว่ยฮุ่ยหวาง เลื่อมใส ซุนปิน มาก พร้อมทั้งแต่งตั้งตำแหน่งที่ปรึกษา และประทานรางวัลมากมาย ทำให้ ผังเจวียน เริ่มอิจฉา ซุนปิน มองว่า จะมาแย่งความดีความชอบและตำแหน่งไป
-
- Verified User
- โพสต์: 390
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ซุนวู กับหนังสือ ธุรกิจ
โพสต์ที่ 7
ผังเจวียน วางแผนใส่ร้าย ซุนปิน โดยยัดเยียดและกล่าวหาว่าเขาเป็นสายลับของ แคว้นฉี ( บังเอิญว่า ซุนปิน มีญาติอยู่ในแคว้นฉี และ สายสกุลเถียน ที่เป็น ฉีหวาง หรือ อ๋องแห่งแคว้นฉี ก็มาจากรากเหง้าเดียวกับ สกุลซุน กล่าวคือ เคยมีบรรพชน แซ่เฉินเหมือนกัน )
และในตอนนั้น แคว้นฉี จัดว่าเป็นคู่แข่งสำคัญของ แคว้นเว่ย ทำให้ เว่ยฮุ่ยหวาง ระแวง ซุนปิน มาก และไม่ค่อยโปรดปรานอีก
ต่อมา ผังเจวียน ก็จับ ซุนปิน ไปขังไว้ และไม่ได้แค่กักขังเฉย ๆ หากแต่ยังให้ทหาร ตัดกระดูกหัวเข่าของ ซุนปิน ทิ้งเพื่อให้เขาเดินไม่ได้ และทิ้งเอาไว้ในคอกม้า
ซุนปิน รู้สถานการณ์ของตัวเองดี ก็เลยต้องทนเป็นนักโทษของ ผังเจวียน ไปก่อน เพื่อรอคอยโอกาส
เวลาผ่านไปหลายเดือน ซุนปิน ก็เริ่มวางแผนให้ ผังเจวียน ตายใจ คลายระแวง โดยการแสร้งทำเป็นเสียสติ ถึงขนาดเอาอาจมตัวเองมาเล่น หรือหยิบใส่ปาก
ทำให้ ผังเจวียน และ ผู้คุมนักโทษ เห็นว่า ซุนปินคงจะบ้าไปแล้วจริง ก็เลยคลายการจับตามองไป
และในตอนนั้น แคว้นฉี จัดว่าเป็นคู่แข่งสำคัญของ แคว้นเว่ย ทำให้ เว่ยฮุ่ยหวาง ระแวง ซุนปิน มาก และไม่ค่อยโปรดปรานอีก
ต่อมา ผังเจวียน ก็จับ ซุนปิน ไปขังไว้ และไม่ได้แค่กักขังเฉย ๆ หากแต่ยังให้ทหาร ตัดกระดูกหัวเข่าของ ซุนปิน ทิ้งเพื่อให้เขาเดินไม่ได้ และทิ้งเอาไว้ในคอกม้า
ซุนปิน รู้สถานการณ์ของตัวเองดี ก็เลยต้องทนเป็นนักโทษของ ผังเจวียน ไปก่อน เพื่อรอคอยโอกาส
เวลาผ่านไปหลายเดือน ซุนปิน ก็เริ่มวางแผนให้ ผังเจวียน ตายใจ คลายระแวง โดยการแสร้งทำเป็นเสียสติ ถึงขนาดเอาอาจมตัวเองมาเล่น หรือหยิบใส่ปาก
ทำให้ ผังเจวียน และ ผู้คุมนักโทษ เห็นว่า ซุนปินคงจะบ้าไปแล้วจริง ก็เลยคลายการจับตามองไป
-
- Verified User
- โพสต์: 390
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ซุนวู กับหนังสือ ธุรกิจ
โพสต์ที่ 8
วันหนึ่งมีคณะทูตจาก แคว้นฉี มาเฝ้า เว่ยฮุ่ยหวาง
ซุนปิน ก็ติดสินบนผู้คุมให้ช่วยปล่อยตัวเขาสักครู่ แล้ว ซุนปิน ก็แอบคลานไปพบกับ ทูตแคว้นฉี เล่าเรื่องราวให้ฟัง พร้อมกับขอให้ทูตแคว้นฉี พาหนีออกไป โดยซ่อนตัวในเครื่องบรรณาการตอบแทนที่ เว่ยฮุ่ยหวาง ส่งไปถวาย ฉีหวาง
เมื่อ ซุนปิน ไปถึง แคว้นฉี ก็ได้เข้าพบ เถียนจี้ แม่ทัพคนหนึ่งของแคว้นฉี
จากการพบปะพูดคุยกัน ทั้งสองถูกอัธยาศัยกัน ก็เลยคบหาเป็นเพื่อนสนิทกัน และ ซุนปิน ก็ได้อาศัยอยู่ในจวนของ เถียนจี้
วันหนึ่ง เถียนจี้ พา ซุนปิน ไปชมการพนันแข่งม้า ซึ่งม้าของ เถียนจี้ แพ้ตลอด และเสียเงินพนันทุกครั้งไป
ซุนปิน สังเกตไม่นาน ก็มองออกว่า ม้าแข่งมี 3 ระดับ คือ ม้าชั้นดี, ม้าชั้นกลาง และ ม้าชั้นเลว
ซุนปิน จึงเสนอให้ เถียนจี้ พนันม้าแบบ แข่ง 3 รอบ ชนะ 2 ใน 3 ถือว่าได้เงินไปทั้งหมด
และให้ เถียนจี้ เอา ม้าชั้นเลวไปแข่งกับม้าชั้นดีของฝ่ายตรงข้าม, เอาม้าระดับกลางไปชนกับม้าชั้นเลว และม้าชั้นดีชนกับม้าชั้นกลาง ทำให้ เถียนจี้ เอาชนะการพนัน ได้เงินกลับจวนมากมาย และยิ่งเพิ่มความเลื่อมใสใน ซุนปิน
ซุนปิน ก็ติดสินบนผู้คุมให้ช่วยปล่อยตัวเขาสักครู่ แล้ว ซุนปิน ก็แอบคลานไปพบกับ ทูตแคว้นฉี เล่าเรื่องราวให้ฟัง พร้อมกับขอให้ทูตแคว้นฉี พาหนีออกไป โดยซ่อนตัวในเครื่องบรรณาการตอบแทนที่ เว่ยฮุ่ยหวาง ส่งไปถวาย ฉีหวาง
เมื่อ ซุนปิน ไปถึง แคว้นฉี ก็ได้เข้าพบ เถียนจี้ แม่ทัพคนหนึ่งของแคว้นฉี
จากการพบปะพูดคุยกัน ทั้งสองถูกอัธยาศัยกัน ก็เลยคบหาเป็นเพื่อนสนิทกัน และ ซุนปิน ก็ได้อาศัยอยู่ในจวนของ เถียนจี้
วันหนึ่ง เถียนจี้ พา ซุนปิน ไปชมการพนันแข่งม้า ซึ่งม้าของ เถียนจี้ แพ้ตลอด และเสียเงินพนันทุกครั้งไป
ซุนปิน สังเกตไม่นาน ก็มองออกว่า ม้าแข่งมี 3 ระดับ คือ ม้าชั้นดี, ม้าชั้นกลาง และ ม้าชั้นเลว
ซุนปิน จึงเสนอให้ เถียนจี้ พนันม้าแบบ แข่ง 3 รอบ ชนะ 2 ใน 3 ถือว่าได้เงินไปทั้งหมด
และให้ เถียนจี้ เอา ม้าชั้นเลวไปแข่งกับม้าชั้นดีของฝ่ายตรงข้าม, เอาม้าระดับกลางไปชนกับม้าชั้นเลว และม้าชั้นดีชนกับม้าชั้นกลาง ทำให้ เถียนจี้ เอาชนะการพนัน ได้เงินกลับจวนมากมาย และยิ่งเพิ่มความเลื่อมใสใน ซุนปิน
-
- Verified User
- โพสต์: 390
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ซุนวู กับหนังสือ ธุรกิจ
โพสต์ที่ 9
ต่อมา ทัพเว่ย ก็เริ่มบุก แคว้นจ้าว เพื่อตอบโต้ที่ แคว้นจ้าว ส่งทูตไป แคว้นฉู่
เว่ยฮุ่ยหวาง ตั้ง ผังเจวียน เป็นแม่ทัพไปตี แคว้นจ้าว
กองทัพของ ผังเจวียน บุกล้อม เมืองหานตาน เมืองหลวงของแคว้นจ้าวได้สำเร็จ ทำให้ แคว้นจ้าว ต้องส่งทูตไปขอความช่วยเหลือจาก แคว้นฉีและ แคว้นฉู่
ทางด้าน ฉีหวาง นั้น อยากจะแผ่ขยายอำนาจมานาน เล็งเห็นว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะสร้างบุญคุณกับ แคว้นจ้าว ก็เลยระดมเหล่าขุนศึกมาปรึกษากันว่า ใครจะนำทัพไปช่วย แคว้นจ้าว ดี
เถียนจี้ ได้โอกาส จึงเสนอให้ ซุนปิน นำทัพ แต่ทว่า ซุนปิน ก็ทูลปฏิเสธ ฉีหวาง เพราะตนเดินเหินไม่สะดวก และยังเป็นนักโทษจาก แคว้นเว่ย อีก เกรงว่าทหารจะไม่เคารพและศรัทธา ( สมัยก่อน นักโทษ จะถูกสักบนใบหน้าด้วย ) ก็เลยขอให้ เถียนจี้ เป็นแม่ทัพ และขอให้ ซุนปิน เป็นที่ปรึกษา
ทัพฉี ยกพลออกไป แต่ซุนปินเสนอให้ เถียนจี้ บุกเข้า แคว้นเว่ย ก่อน เพราะหากยกขึ้นเหนือ ข้ามแม่น้ำไปตีแคว้นจ้าว ก็ต้องปะทะกับกองทัพของผังเจวียน
สู้ยกเข้าตีแคว้นเว่ย ก็จะทำให้ ผังเจวียน ต้องถอยทัพลงมาเอง
ซึ่งก็ดังที่ ซุนปิน วางหมากเอาไว้ พอกองทัพฉี ข้ามแนวป้องกันของ แคว้นเว่ย มาได้
เว่ยฮุ่ยหวาง ก็รีบส่งราชโองการไปเรียก ผังเจวียน ถอนทัพมารักษาประตูเมืองแทน และกองทัพของ ผังเจวียน ก็โดน กองทัพฉี ลอบโจมตีที่กุ้ยหลิง เสียหายยับเยิน
ต่อมา เว่ยฮุ่ยหวาง จัดการประชุมกับ อ๋องแคว้นต่าง ๆ เพื่อหยั่งดูท่าทีของแคว้นพันธมิตร ปรากฏว่า แคว้นต่าง ๆ ยกเว้น แคว้นหาน ไม่มาร่วม เท่ากับว่า แคว้นหาน ประกาศตัวเป็นศัตรูกับ แคว้นเว่ย
เว่ยฮุ่ยหวาง จึงให้ ผังเจวียน นำทัพบุกแคว้นหาน
แคว้นหาน ได้ขอความช่วยเหลือไปยัง แคว้นฉี และ แคว้นจ้าว ที่เป็นแคว้นพันธมิตร
แคว้นฉี จัดส่ง เถียนจี้ และ ซุนปิน ไปช่วย แคว้นหาน
และ ซุนปิน ก็ดำเนินแผนเดิม คือ บุกตีหลอกล่อ เพื่อดึงกองทัพของ ผังเจวียน ที่ล้อม แคว้นหาน ขึ้นมาทางเหนือ
ด้าน ผังเจวียน คาดว่า ซุนปิน จะใช้แผนเดิม ก็มีการเตรียมการรับมือไว้
พอทัพฉีข้ามแนวป้องกันของ แคว้นเว่ย มา กองทัพของ ผังเจวียน ก็รีบถอนขึ้นเหนือมาเตรียมปะทะ
แต่ ซุนปิน วางหมากไว้สองชั้น โดยทำการถอยทัพหนีทัพแคว้นเว่ยที่บุกตามตีมา และจัดการให้ทหารลดจำนวนเตาไฟที่ใช้หุงหาอาหารลง เพื่อหลอกกองทัพแคว้นเว่ยว่า ทหารฉีมีไพร่พลน้อยลงเรื่อย ๆ จากการหนีทัพ
ทำให้ ผังเจวียน ระดมพลตามตีอย่างรีบร้อนมากขึ้น จนถูก ซุนปิน ล่อเข้าไปที่ ดอยหม่าหลิง และล้อมสังหาร ผังเจวียน ทำลายทัพแคว้นเว่ยจนพินาศ
จากการพ่ายแพ้ที่ดอยหม่าหมิงของแคว้นเว่ย ทำให้ เว่ยฮุ่ยหวาง ไม่ยิ่งใหญ่เหมือนเดิม
ทางด้าน ซุนปิน ภายหลังจากศึกนี้ ก็หลบลี้หนีหายไปจากประวัติศาสตร์ ทิ้งเอาไว้แต่เพียงตำราพิชัยสงครามซุนปิน
เว่ยฮุ่ยหวาง ตั้ง ผังเจวียน เป็นแม่ทัพไปตี แคว้นจ้าว
กองทัพของ ผังเจวียน บุกล้อม เมืองหานตาน เมืองหลวงของแคว้นจ้าวได้สำเร็จ ทำให้ แคว้นจ้าว ต้องส่งทูตไปขอความช่วยเหลือจาก แคว้นฉีและ แคว้นฉู่
ทางด้าน ฉีหวาง นั้น อยากจะแผ่ขยายอำนาจมานาน เล็งเห็นว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะสร้างบุญคุณกับ แคว้นจ้าว ก็เลยระดมเหล่าขุนศึกมาปรึกษากันว่า ใครจะนำทัพไปช่วย แคว้นจ้าว ดี
เถียนจี้ ได้โอกาส จึงเสนอให้ ซุนปิน นำทัพ แต่ทว่า ซุนปิน ก็ทูลปฏิเสธ ฉีหวาง เพราะตนเดินเหินไม่สะดวก และยังเป็นนักโทษจาก แคว้นเว่ย อีก เกรงว่าทหารจะไม่เคารพและศรัทธา ( สมัยก่อน นักโทษ จะถูกสักบนใบหน้าด้วย ) ก็เลยขอให้ เถียนจี้ เป็นแม่ทัพ และขอให้ ซุนปิน เป็นที่ปรึกษา
ทัพฉี ยกพลออกไป แต่ซุนปินเสนอให้ เถียนจี้ บุกเข้า แคว้นเว่ย ก่อน เพราะหากยกขึ้นเหนือ ข้ามแม่น้ำไปตีแคว้นจ้าว ก็ต้องปะทะกับกองทัพของผังเจวียน
สู้ยกเข้าตีแคว้นเว่ย ก็จะทำให้ ผังเจวียน ต้องถอยทัพลงมาเอง
ซึ่งก็ดังที่ ซุนปิน วางหมากเอาไว้ พอกองทัพฉี ข้ามแนวป้องกันของ แคว้นเว่ย มาได้
เว่ยฮุ่ยหวาง ก็รีบส่งราชโองการไปเรียก ผังเจวียน ถอนทัพมารักษาประตูเมืองแทน และกองทัพของ ผังเจวียน ก็โดน กองทัพฉี ลอบโจมตีที่กุ้ยหลิง เสียหายยับเยิน
ต่อมา เว่ยฮุ่ยหวาง จัดการประชุมกับ อ๋องแคว้นต่าง ๆ เพื่อหยั่งดูท่าทีของแคว้นพันธมิตร ปรากฏว่า แคว้นต่าง ๆ ยกเว้น แคว้นหาน ไม่มาร่วม เท่ากับว่า แคว้นหาน ประกาศตัวเป็นศัตรูกับ แคว้นเว่ย
เว่ยฮุ่ยหวาง จึงให้ ผังเจวียน นำทัพบุกแคว้นหาน
แคว้นหาน ได้ขอความช่วยเหลือไปยัง แคว้นฉี และ แคว้นจ้าว ที่เป็นแคว้นพันธมิตร
แคว้นฉี จัดส่ง เถียนจี้ และ ซุนปิน ไปช่วย แคว้นหาน
และ ซุนปิน ก็ดำเนินแผนเดิม คือ บุกตีหลอกล่อ เพื่อดึงกองทัพของ ผังเจวียน ที่ล้อม แคว้นหาน ขึ้นมาทางเหนือ
ด้าน ผังเจวียน คาดว่า ซุนปิน จะใช้แผนเดิม ก็มีการเตรียมการรับมือไว้
พอทัพฉีข้ามแนวป้องกันของ แคว้นเว่ย มา กองทัพของ ผังเจวียน ก็รีบถอนขึ้นเหนือมาเตรียมปะทะ
แต่ ซุนปิน วางหมากไว้สองชั้น โดยทำการถอยทัพหนีทัพแคว้นเว่ยที่บุกตามตีมา และจัดการให้ทหารลดจำนวนเตาไฟที่ใช้หุงหาอาหารลง เพื่อหลอกกองทัพแคว้นเว่ยว่า ทหารฉีมีไพร่พลน้อยลงเรื่อย ๆ จากการหนีทัพ
ทำให้ ผังเจวียน ระดมพลตามตีอย่างรีบร้อนมากขึ้น จนถูก ซุนปิน ล่อเข้าไปที่ ดอยหม่าหลิง และล้อมสังหาร ผังเจวียน ทำลายทัพแคว้นเว่ยจนพินาศ
จากการพ่ายแพ้ที่ดอยหม่าหมิงของแคว้นเว่ย ทำให้ เว่ยฮุ่ยหวาง ไม่ยิ่งใหญ่เหมือนเดิม
ทางด้าน ซุนปิน ภายหลังจากศึกนี้ ก็หลบลี้หนีหายไปจากประวัติศาสตร์ ทิ้งเอาไว้แต่เพียงตำราพิชัยสงครามซุนปิน
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 456
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ซุนวู กับหนังสือ ธุรกิจ
โพสต์ที่ 10
ถ้าจะอ่านเกี่ยวกับซุนวูอ่านง่ายการแปลความหมายชัดเจนและสนุก
ต้องอ่าน"มหาพิชัยสงคราม"เขียนโดยประดิษฐ์ พีรมาน
ประกอบด้วย
1.ซุนวู เจ้าตำรับยุทธศาสตร์เพื่อให้ประเทศดำรงอยู่อย่างสงบสุข
2.อู๋ฉี่เจ้าตำรับรบเพื่อชนะศึก และ
3.พิชัยสงคราม36กลยุทธรวบรวมพิชัยสงครามต่างในประวัติศาสตร์รวมทั้ง3ก๊ก
โดยเฉพาะซุนวูผมอ่านมาหลายเล่มแต่เล่มนี้เข้าใจง่ายสนุกสนาน
และมีภาพประกอบสวยงามมากหลายสิบภาพ หาซื้อได้ที่ซีเอ็ด
คุณประดิษฐ์เคยเขียนหนังสืออีกเล่มหลายปีก่อนเรื่อง"หุบเขาปีศาจ"
เอาประวัติซุนวูช่วงท้าย ซุนปินตามที่คุณtigerroad197เขียนแนะนำไว้
อ่านสนุกและมีภาพประกอบแบบเดียวกัน
ปัจจุบันหาอ่านยากผมเคยอ่านและติดใจมากพอเห็นเล่มใหม่นี้ก็ซื้อเลย
ต้องอ่าน"มหาพิชัยสงคราม"เขียนโดยประดิษฐ์ พีรมาน
ประกอบด้วย
1.ซุนวู เจ้าตำรับยุทธศาสตร์เพื่อให้ประเทศดำรงอยู่อย่างสงบสุข
2.อู๋ฉี่เจ้าตำรับรบเพื่อชนะศึก และ
3.พิชัยสงคราม36กลยุทธรวบรวมพิชัยสงครามต่างในประวัติศาสตร์รวมทั้ง3ก๊ก
โดยเฉพาะซุนวูผมอ่านมาหลายเล่มแต่เล่มนี้เข้าใจง่ายสนุกสนาน
และมีภาพประกอบสวยงามมากหลายสิบภาพ หาซื้อได้ที่ซีเอ็ด
คุณประดิษฐ์เคยเขียนหนังสืออีกเล่มหลายปีก่อนเรื่อง"หุบเขาปีศาจ"
เอาประวัติซุนวูช่วงท้าย ซุนปินตามที่คุณtigerroad197เขียนแนะนำไว้
อ่านสนุกและมีภาพประกอบแบบเดียวกัน
ปัจจุบันหาอ่านยากผมเคยอ่านและติดใจมากพอเห็นเล่มใหม่นี้ก็ซื้อเลย
- gnomeller
- Verified User
- โพสต์: 425
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ซุนวู กับหนังสือ ธุรกิจ
โพสต์ที่ 12
ขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำ เกียวกับเล่มซุนวู
จะว่าไปรู้สึกไม่รู้จะอานอะไรในบางที
ผมชอบอ่านประวัติ และ วิธีคิดของคนเก่งๆ
ผมจะอ่านเฉพาะเล่มหลักๆที่ดีที่สุดเล่มเดียวนะครับ
ที่อ่านไปแล้วก็ชอบๆจะมีดังนี้
จะว่าไปรู้สึกไม่รู้จะอานอะไรในบางที
ผมชอบอ่านประวัติ และ วิธีคิดของคนเก่งๆ
ผมจะอ่านเฉพาะเล่มหลักๆที่ดีที่สุดเล่มเดียวนะครับ
ที่อ่านไปแล้วก็ชอบๆจะมีดังนี้
- Steve Jobs - Walter Isaacson
Inside Google
Essential Warren Buffett
One Up On Wall street - Benjamin Grayham
Trump
Think Big
How to win Friends & Influence People
Rich Dad Poor Dad / Investment