ช่วงเวลาที่จะทดสอบจิตใจชาว VI เป็นช่วงที่ตลาดหุ้นเป็นกระทิงครับ ช่วงนั้นหุ้นตลาดทั้งหลายจะวิ่งกันอย่างรวดเร็ว สื่อต่างๆก็จะประโคมข่าวดี
แต่พอร์ตของชาว VI ก็จะยังคงต้วมเตี้ยมเหมือนเดิมครับ แถมบางครั้งยังติดลบด้วยครับ หลายคนเริ่มลังเลใจในการลงทุนแนว VI หลายคนเริ่มทนไม่ได้จนต้องยอมขายหุ้นที่ดีไปซื้อหุ้นเก็งกำไร จนบางคนคิดว่าตลาดกระทิงก็เล่นเก็งกำไร ตลาดหมีก็ค่อยกลับมาลงทุนแนว VI
ซึ่งถ้าใครรู้ว่าเมื่อไรตลาดจะกระทิง เมื่อไรจะเป็นหมี คุณเล่นซื้อหุ้นตลาดย่อมรวยแน่นอน แต่จะมีใครรู้ทุกรอบละครับ ครั้งนี้อาจจะถูก แต่ก็ไม่ใช่ทุกครั้ง การเก็งกำไรคุณพลาดเพียงครั้งเดียวคุณอาจจะเสียหายอย่างหนักจนคาดไม่ถึง
ถ้าใครลงทุนแนว VI โดยตลาดทั้งช่วงสภาวะเศรษฐกิจขาลงและขาขึ้น นั่นแหละคงเป็นชาว VI อย่างแท้จริง สำหรับผมยังไม่ถึงขั้นนั้นครับ แต่จะพยายาม
ช่วงเวลาที่จะทดสอบจตใจชาว VI
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วงเวลาที่จะทดสอบจตใจชาว VI
โพสต์ที่ 2
การเก็งกำไรที่ถูกต้อง จะกลับกับที่คุณ chatchai ว่าไว้ครับchatchai เขียน:การเก็งกำไรคุณพลาดเพียงครั้งเดียวคุณอาจจะเสียหายอย่างหนักจนคาดไม่ถึง
คือ เน้นขาดทุนหลายๆครั้งได้ ครั้งละไม่มาก แต่เมื่อได้กำไร
จะได้กำไรมากๆ ปีละ 1-2 ครั้งก็พอ
ผมเริ่มต้นการเก็งกำไรด้วย target loss ที่ 1% ต่อครั้งครับ
โดยอิงวิธีการที่บรรยายไว้ใน Turtle Trading ซึ่งเอื้อเฟื้อ
นำเสนอโดยคุณ Ent (ขอบคุณคร๊าบ)
วิธีการก็ง่ายๆ พอมีสัญญาณซื้อของหุ้นตัวหนึ่ง เราก็ดูว่า
หุ้นตัวนั้นแกว่งตัวในช่วง 14 วันที่ผ่านมาแรงแค่ไหน เช่น
เฉลี่ยแล้ว 1 บาท (จาก high ถึง low หรือจาก close วันก่อน
หน้าถึง high หรือ low) ถ้าพอร์ตเรา 1 ล้านบาท และไม่ต้อง
การเสี่ยงเกิน 1% ก็แสดงว่าเราซื้อหุ้นเก็งกำไรได้ไม่เกิน
1 แสนบาทครับ เพราะถ้าพลาด อย่างมากก็ขายที่ low ซึ่ง
คงจะขาดทุนราวๆ 1% เท่านั้น
แต่ถ้าเป็นหุ้นที่สามารถกลายเป็นเศษกระดาษได้ในชั่ว
ข้ามคืน (high risk) ก็แสดงว่าซื้อได้ไม่เกิน 1% ของพอร์ต
ครับ หรือ 1 หมื่นบาทจากพอร์ต 1 ล้าน ง่ายๆ แบบนี้เลย
เมื่อหุ้นขึ้น ก็ทะยอยซื้อเพิ่ม โดยปรับราคา cut loss (หรือ
ที่เรียกว่า stop) ขึ้นมานิดหนึ่ง เช่นเดียวกันครับ หลักการ
คือเมื่อถึงราคานั้น จะขาดทุนเพียง 1% ของทั้งพอร์ต
นอกจากนี้ ยังมี safe-T-cut พิเศษเพิ่มอีก คือในตลาดที่
วิ่งไปในทิศทางเดียวกัน ห้ามลงทุนเกินกว่าระดับที่จะทำ
ให้ขาดทุนเกิน 4%
เช่นเดียวกับ VI ครับ ช่วงเวลาที่จะทดสอบจิตใจคือช่วงเวลา
ที่ตลาดหุ้นเป็นกระทิงครับ เพราะพอขาดทุนหลายๆครั้ง เรา
มักจะรีบขายเมื่อได้กำไรเข้ากระเป๋าแล้ว ทำให้พลาดโอกาส
งามไป
ที่ถูกต้อง เราควรจะขายก็ต่อเมื่อแน่ใจจริงๆว่า ราคาหุ้นคงไป
ต่อไม่ไหวแล้วค่อยขาย ซึ่งนั่นหมายถึงราคาอาจจะลงมาจาก
จุด peak มากแล้ว หรืออาจจะกำไรหายไป 80 - 100% ทีเดียว
เช่นเดียวกับหลักการ VI ครับ วิธีการนี้ไม่สามารถวัดผลงาน
ในระยะสั้นได้ และศัตรูตัวสำคัญคือการขาดวินัย ความโลภ
และความกลัวครับ
หุ้นที่จะเก็งกำไรได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นหุ้นที่ดี แต่ปกติแล้ว
"ควรจะ" เป็นหุ้นทีดี ซึ่งมีสภาพคล่องสูง พื้นฐานดี และไม่
มีการใช้ inside trading มาก ถ้ามีเจ้ามือ จะต้องมีเจ้ามือหลายๆ
คน ประเภทที่คนๆ เดียวไม่สามารถกำหนดทิศทางของหุ้นได้
ส่วนหุ้นสภาพคล่องต่ำ ใช้วิธีดูมูลค่ากิจการ แล้วเข้าช้อนซื้อ
ในราคาถูกสุดและถือยาว จะได้กำไรสูงกว่าการเล่นแบบนี้ครับ
- sirivajj
- Verified User
- โพสต์: 985
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วงเวลาที่จะทดสอบจตใจชาว VI
โพสต์ที่ 3
ผมอ่านเจอที่กระทิงเขียว ของคุณ ปลาว้ายซ้า เห็นว่า บรรยากาศใกล้เคียงกับเรื่องที่คุัยๆ กัน ก็เลยเอามาแปะ เผื่อได้อ่านกันเล่นๆ ครับ
อาจารย์วันชัย ณ.กิมเอ็ง สอนไว้อยู่เสมอว่า...
ปลาว้ายเร็ว...กิน....ปลาว้ายช้า.....เอ้..มันจะยังไงน่า..หุ้นมันผลิตอะไร
มี P/E เท่าไร.. ทุนเท่าไร...P/BV เป็นยังไงสูงไปหรือเปล่า...ไตรมาส 1 กำไรกี
เปอร์เซ็นต์...พอคิดเสร็จหุ้นก็ลงมา..กำไรก็ไม่ได้..เพราะคิดช้า คนอื่น ๆ ที่ซื้อมา
พร้อมๆกัน มีจุดเป้าหมายทำกำไร 10%.....20%.........30% แล้วแต่ความโลภ
ของแต่ละคนก็จะขายได้ บางคนโชคดีขาย UMS ได้มากกว่า 50 % ไม่มีใครรู้
ว่าจะมีการดันราคาขึ้นไปเท่าไร...ถือว่ากำไรที่เหมาะสมก็โอเค...
กรณีไม่ได้หุ้นจอง
(กรณีตัวอย่าง... ราคาอาจเวอร์ไปบ้าง ต้องการเตือนสติ)
ลูกค้ากับมาร์คุยกัน อยากเล่นเร็ว....แบบจับเสือ..
ลูกค้า........ซื้อดีมั๊ย..สูงไปรึเปล่า..หุ้นทำอะไร..P/E เป็นไง....กำไรต่อหุ้นเท่าไร
มาร์.........ถ้าพี่เล่นเร็วก็ซื้อ..ราคาเปิดเลย..เอาม๊ะ..ซื้อได้แล้ววางขาย 5 ช่องน๊ะ
ลูกค้า......เปิดสูงจังราคาจอง 7.95 เปิด 13.50 สูงไป..รอดีกว่า..
มาร์.........ราคาขึ้นไปอีกแล้วพี่ 14.20 บาท ซื้อม๊ะ...
ลูกค้า.....วิ่งแรงจัง..กลัว..งั้น Bid ตามแล้วกัน 14 บาท
มาร์........ขึ้นไป 15.10 บาทแล้ว....
ลูกค้า....คิดได้....ถ้าเราซื้อที่ราคาเปิดเชื่อ..มาร์...กำไรไปแล้ว...
มาร์......ราคาขึ้นมาอยู่ ที่ 16.9 แล้ว นู๋ว่า..ดูตัวอื่นเถอะ...ไล่ไม่ไหวเด๋วติดดอย...
ลูกค้า....เริ่มมั่นใจแล้วหากไม่ซื้อ..ราคาอาจขึ้นไปถึง 20 บาทแน่เลย..เคาะเลย
...............50,000 / 16.9 บาท แล้ววางขายไว้เลย 20 บาท
มาร์......ซื้อแล้วคะ วาง 20 บาทแล้วคะ
ภาค 2 (อีก 10 นาทีต่อมา)
มาร์.........ราคา UMS อยู่ 16.7 - 16.8.. นานกว่า10 นาทีแล้ว ไม่ขึ้นไม่ลง
ลูกค้า.......เริ่มใจไม่ดี หุ้นไม่ขึ้นต่อ (จับเสือมือเปล่าด้วย) ทำไงดีน้อง...
มาร์........ถ้าราคานิ่งนานมากเกินไปไม่ดี..ขายไปก่อนครึ่งดีมั๋ย...
ลูกค้า.......กลัวขาดทุน..เอาไว้ก่อน....เด๋วคงขึ้น
มาร์........ตอนนี้เหลือราคา 15 บาทแล้ว ขายไปครึ่งดีมั๋ย...
ลูกค้า.......เอ..หรือว่าจะขายตัวอื่นมาอุ้มตัวนี้ หรือว่าจะขายไปสักครึ่งหนึ่งก่อน
...............หรือว่า...จะขายตอนปิดตลาด...เอ..หรือว่าถือต่อ
มาร์........เร็ว ๆ พี่ ลงมาเหลือ 13.80 บาท ตัดสินใจเร็ว ๆ เด๋วขาดทุนมาก...
ลูกค้า.....ใจไม่ดีแล้ว..ทำไงดี..จับเสือซ๊ะด้วย...
มาร์.......พี่ลงมาเหลือ 11.10 บาท ซื้อเฉลี่ยม๊ะ...เด็งแล้วขายทิ้งเลย
ลูกค้า.......โอ๊ยไม่ไหวแล้ว..เด๋วมันลงไปเท่าจอง 7.95 บาท ขาดทุนหนัก...
................สั่งขายเลย เคาะทิ้งเลยน้อง....50,000 / 11.90 บาท
มาร์.......ขายได้แล้วค๊ะ...
มาร์.........พี่มันดีดกลับมา 12.90 บาทแล้วค๊ะ..
ลูกค้า.......ฉันเลิกเล่นแล้ว...ซื้อแล้วขาดทุนทุกที...น้องน่าจะซื้อให้พี่เลย..
มาร์.........(คิดในใจ) ถ้าฉันรู้ก็รวยแล้ว ไม่ต้องมาเป็นมาร์ให้แชะอยู่ทั้งวัน
................(แชะ..คือปากเปียก..ปากแขะค๊ะ..)
ภาค 3 ขาดทุนส่วนต่าง 5 บาทต่อหุ้น เป็นเงิน 250,000 บาท ในวันเดียว
นิทานเรื่องนี้..สอนให้รู้ว่า.. เล่นสั้นต้องคิดเร็วทำเร็ว...และที่สำคัญ..อย่าโลภ..
คติ....ปลาว้ายเร็ว..กิน..ปลาว้ายช้า
ตั้งจุดขาดทุนไว้เลย...3 % หรือ 5% หรือ 10% ไว้เลย
ตรงนี้ถือว่าเป็นบทเรียน
ให้อีกหลาย ๆ คนที่คิดจะเล่นหุ้น IPO ...
อาจารย์วันชัย ณ.กิมเอ็ง สอนไว้อยู่เสมอว่า...
ปลาว้ายเร็ว...กิน....ปลาว้ายช้า.....เอ้..มันจะยังไงน่า..หุ้นมันผลิตอะไร
มี P/E เท่าไร.. ทุนเท่าไร...P/BV เป็นยังไงสูงไปหรือเปล่า...ไตรมาส 1 กำไรกี
เปอร์เซ็นต์...พอคิดเสร็จหุ้นก็ลงมา..กำไรก็ไม่ได้..เพราะคิดช้า คนอื่น ๆ ที่ซื้อมา
พร้อมๆกัน มีจุดเป้าหมายทำกำไร 10%.....20%.........30% แล้วแต่ความโลภ
ของแต่ละคนก็จะขายได้ บางคนโชคดีขาย UMS ได้มากกว่า 50 % ไม่มีใครรู้
ว่าจะมีการดันราคาขึ้นไปเท่าไร...ถือว่ากำไรที่เหมาะสมก็โอเค...
กรณีไม่ได้หุ้นจอง
(กรณีตัวอย่าง... ราคาอาจเวอร์ไปบ้าง ต้องการเตือนสติ)
ลูกค้ากับมาร์คุยกัน อยากเล่นเร็ว....แบบจับเสือ..
ลูกค้า........ซื้อดีมั๊ย..สูงไปรึเปล่า..หุ้นทำอะไร..P/E เป็นไง....กำไรต่อหุ้นเท่าไร
มาร์.........ถ้าพี่เล่นเร็วก็ซื้อ..ราคาเปิดเลย..เอาม๊ะ..ซื้อได้แล้ววางขาย 5 ช่องน๊ะ
ลูกค้า......เปิดสูงจังราคาจอง 7.95 เปิด 13.50 สูงไป..รอดีกว่า..
มาร์.........ราคาขึ้นไปอีกแล้วพี่ 14.20 บาท ซื้อม๊ะ...
ลูกค้า.....วิ่งแรงจัง..กลัว..งั้น Bid ตามแล้วกัน 14 บาท
มาร์........ขึ้นไป 15.10 บาทแล้ว....
ลูกค้า....คิดได้....ถ้าเราซื้อที่ราคาเปิดเชื่อ..มาร์...กำไรไปแล้ว...
มาร์......ราคาขึ้นมาอยู่ ที่ 16.9 แล้ว นู๋ว่า..ดูตัวอื่นเถอะ...ไล่ไม่ไหวเด๋วติดดอย...
ลูกค้า....เริ่มมั่นใจแล้วหากไม่ซื้อ..ราคาอาจขึ้นไปถึง 20 บาทแน่เลย..เคาะเลย
...............50,000 / 16.9 บาท แล้ววางขายไว้เลย 20 บาท
มาร์......ซื้อแล้วคะ วาง 20 บาทแล้วคะ
ภาค 2 (อีก 10 นาทีต่อมา)
มาร์.........ราคา UMS อยู่ 16.7 - 16.8.. นานกว่า10 นาทีแล้ว ไม่ขึ้นไม่ลง
ลูกค้า.......เริ่มใจไม่ดี หุ้นไม่ขึ้นต่อ (จับเสือมือเปล่าด้วย) ทำไงดีน้อง...
มาร์........ถ้าราคานิ่งนานมากเกินไปไม่ดี..ขายไปก่อนครึ่งดีมั๋ย...
ลูกค้า.......กลัวขาดทุน..เอาไว้ก่อน....เด๋วคงขึ้น
มาร์........ตอนนี้เหลือราคา 15 บาทแล้ว ขายไปครึ่งดีมั๋ย...
ลูกค้า.......เอ..หรือว่าจะขายตัวอื่นมาอุ้มตัวนี้ หรือว่าจะขายไปสักครึ่งหนึ่งก่อน
...............หรือว่า...จะขายตอนปิดตลาด...เอ..หรือว่าถือต่อ
มาร์........เร็ว ๆ พี่ ลงมาเหลือ 13.80 บาท ตัดสินใจเร็ว ๆ เด๋วขาดทุนมาก...
ลูกค้า.....ใจไม่ดีแล้ว..ทำไงดี..จับเสือซ๊ะด้วย...
มาร์.......พี่ลงมาเหลือ 11.10 บาท ซื้อเฉลี่ยม๊ะ...เด็งแล้วขายทิ้งเลย
ลูกค้า.......โอ๊ยไม่ไหวแล้ว..เด๋วมันลงไปเท่าจอง 7.95 บาท ขาดทุนหนัก...
................สั่งขายเลย เคาะทิ้งเลยน้อง....50,000 / 11.90 บาท
มาร์.......ขายได้แล้วค๊ะ...
มาร์.........พี่มันดีดกลับมา 12.90 บาทแล้วค๊ะ..
ลูกค้า.......ฉันเลิกเล่นแล้ว...ซื้อแล้วขาดทุนทุกที...น้องน่าจะซื้อให้พี่เลย..
มาร์.........(คิดในใจ) ถ้าฉันรู้ก็รวยแล้ว ไม่ต้องมาเป็นมาร์ให้แชะอยู่ทั้งวัน
................(แชะ..คือปากเปียก..ปากแขะค๊ะ..)
ภาค 3 ขาดทุนส่วนต่าง 5 บาทต่อหุ้น เป็นเงิน 250,000 บาท ในวันเดียว
นิทานเรื่องนี้..สอนให้รู้ว่า.. เล่นสั้นต้องคิดเร็วทำเร็ว...และที่สำคัญ..อย่าโลภ..
คติ....ปลาว้ายเร็ว..กิน..ปลาว้ายช้า
ตั้งจุดขาดทุนไว้เลย...3 % หรือ 5% หรือ 10% ไว้เลย
ตรงนี้ถือว่าเป็นบทเรียน
ให้อีกหลาย ๆ คนที่คิดจะเล่นหุ้น IPO ...
What do you mean.?