ซื้อหุ้นง่ายกว่าเซ้งร้านก๋วยเตี๋ยว ใครก็ทำได้
-
- Verified User
- โพสต์: 105
- ผู้ติดตาม: 0
ซื้อหุ้นง่ายกว่าเซ้งร้านก๋วยเตี๋ยว ใครก็ทำได้
โพสต์ที่ 1
ผมไม่ทราบว่าเพื่อนนักลงทุนคนอื่นๆจะเคยมีประสบการณ์แบบนี้รึเปล่านะครับ (แต่ผมว่าต้องมีบ้างแหละ )
หลายๆคนที่ผมรู้จักจะรู้สึกว่าหุ้นนั้นเป็นเรื่องไกลตัว เป็นอะไรที่ยาก ก็เลยไม่เคยสนใจที่จะเข้ามาลงทุน บางทีเขามาปรึกษาว่าจะเอาเงินไปฝากระยะยาวที่ไหนดี ที่นี่ได้ 3.4% ที่นู่นได้ 3.6% ผมก็เคยบอกไปหลายคนว่าลองเอาส่วนนึงมาลองลงทุนในหุ้นดูไหม? เอาแค่น้อยๆที่คิดว่าเสียหมดเลยก็ไม่เป็นไร แค่ 10,000 บาทก็พอ ส่วนใหญ่ก็จะอิดออด ทั้งๆที่วันก่อนพึ่งเห็นซื้อของไร้สาระไปมากกว่านั้นตั้งเยอะ -_- ผมก็ยังพยามยกตัวอย่างว่าดูบริษัทนั้นนู้นสิ เขาทำกิจการมาตั้งหลายสิบปีถ้าไม่โชคร้ายจริงๆเขาคงไม่เจ๊งหรอก แล้วก็เปิดราคาย้อนหลังให้ดู เนี่ยถ้าซื้อแล้วถือไว้ราคามันก็ขึ้นมาเรื่อยๆ พอเห็นผลตอบแทนเขาก็จะเริ่มสนใจแต่ก็มาดูอีกนิดๆหน่อยๆแล้วก็ไป บางคนผมโหลด game ks trading tycoon ลงมือถือให้เลยแล้วบอกว่านี่ไงลองเล่นนี่ก่อนก็ได้ง่ายและฟรี (คิดว่าถ้าเริ่มเล่นแล้วได้ผลตอบแทนดีเขาจะอยากไปเปิด port เงินจริงเล่นบ้าง) แต่พอผ่านไปหลายอาทิตย์ถามว่าเป็นไงบ้าง "ยังไม่ได้ดูเลยอะ" -_-"
แต่ในทางกลับกันเขาเหล่านั้นเกือบทุกคนเคยคิดถึงการที่จะเริ่มธุรกิจเล็กๆของตัวเอง เคยเข้าไปดูตาม board เซ้งกิจการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟหรือร้านขายอาหาร ผมเชื่อว่าอาจจะมีอีกหลายท่านที่คิดแบบเดียวกัน หรือบางท่านกำลังเริ่มคิดที่จะเข้ามาลงทุนในหุ้นแต่ก็ยังลังเลอยู่เพราะคิดว่ามันยาก
ผมไม่อยากให้หลายๆคนต้องเสียโอกาสในการที่จะลงทุนให้เงินของตัวเองนั้นงอกเงย เลยอยากจะบอกว่าจริงๆแล้วการลงทุนในหุ้นนั้นง่ายกว่าการไปเซ้งกิจการต่อจากคนอื่นมากๆครับ
http://www.stupidstocktrader.com/2011/1 ... st_09.html
หลายๆคนที่ผมรู้จักจะรู้สึกว่าหุ้นนั้นเป็นเรื่องไกลตัว เป็นอะไรที่ยาก ก็เลยไม่เคยสนใจที่จะเข้ามาลงทุน บางทีเขามาปรึกษาว่าจะเอาเงินไปฝากระยะยาวที่ไหนดี ที่นี่ได้ 3.4% ที่นู่นได้ 3.6% ผมก็เคยบอกไปหลายคนว่าลองเอาส่วนนึงมาลองลงทุนในหุ้นดูไหม? เอาแค่น้อยๆที่คิดว่าเสียหมดเลยก็ไม่เป็นไร แค่ 10,000 บาทก็พอ ส่วนใหญ่ก็จะอิดออด ทั้งๆที่วันก่อนพึ่งเห็นซื้อของไร้สาระไปมากกว่านั้นตั้งเยอะ -_- ผมก็ยังพยามยกตัวอย่างว่าดูบริษัทนั้นนู้นสิ เขาทำกิจการมาตั้งหลายสิบปีถ้าไม่โชคร้ายจริงๆเขาคงไม่เจ๊งหรอก แล้วก็เปิดราคาย้อนหลังให้ดู เนี่ยถ้าซื้อแล้วถือไว้ราคามันก็ขึ้นมาเรื่อยๆ พอเห็นผลตอบแทนเขาก็จะเริ่มสนใจแต่ก็มาดูอีกนิดๆหน่อยๆแล้วก็ไป บางคนผมโหลด game ks trading tycoon ลงมือถือให้เลยแล้วบอกว่านี่ไงลองเล่นนี่ก่อนก็ได้ง่ายและฟรี (คิดว่าถ้าเริ่มเล่นแล้วได้ผลตอบแทนดีเขาจะอยากไปเปิด port เงินจริงเล่นบ้าง) แต่พอผ่านไปหลายอาทิตย์ถามว่าเป็นไงบ้าง "ยังไม่ได้ดูเลยอะ" -_-"
แต่ในทางกลับกันเขาเหล่านั้นเกือบทุกคนเคยคิดถึงการที่จะเริ่มธุรกิจเล็กๆของตัวเอง เคยเข้าไปดูตาม board เซ้งกิจการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟหรือร้านขายอาหาร ผมเชื่อว่าอาจจะมีอีกหลายท่านที่คิดแบบเดียวกัน หรือบางท่านกำลังเริ่มคิดที่จะเข้ามาลงทุนในหุ้นแต่ก็ยังลังเลอยู่เพราะคิดว่ามันยาก
ผมไม่อยากให้หลายๆคนต้องเสียโอกาสในการที่จะลงทุนให้เงินของตัวเองนั้นงอกเงย เลยอยากจะบอกว่าจริงๆแล้วการลงทุนในหุ้นนั้นง่ายกว่าการไปเซ้งกิจการต่อจากคนอื่นมากๆครับ
http://www.stupidstocktrader.com/2011/1 ... st_09.html
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ซื้อหุ้นง่ายกว่าเซ้งร้านก๋วยเตี๋ยว ใครก็ทำได้
โพสต์ที่ 2
ก็ชวนรุ่นน้องหลายคนที่สนิทๆกัน มาลงทุนในหุ้น บอกว่า ไม่เจ๊งหรอก
ชัวร์กว่าทำบริษัทตัวเองเยอะ พูดมาหลายปี เปิดสอนด้วย อธิบายให้ฟังหมดเลย กำไรมาได้อย่างไร
สรุป ก็ไม่มีใครมาลงทุนในหุ้นซักคน
ทุกคนบอกดี แล้วก็ไม่กล้าลงทุน
เหตุผลคือ พอเขากลับไปถามคนใกล้ตัว ทุกคนก็เจอคำเตือนว่า อย่านะ
555
ผมก็ไม่รู้ว่าคิดกันได้ไง ทำบริษัทเอง จากไม่มีประสบการณ์ เงินทุนก็น้อย ลูกค้าก็ไม่มี
คิดว่า ดีกว่า ซื้อกิจการที่ดี ในราคาที่เหมาะสม
ชัวร์กว่าทำบริษัทตัวเองเยอะ พูดมาหลายปี เปิดสอนด้วย อธิบายให้ฟังหมดเลย กำไรมาได้อย่างไร
สรุป ก็ไม่มีใครมาลงทุนในหุ้นซักคน
ทุกคนบอกดี แล้วก็ไม่กล้าลงทุน
เหตุผลคือ พอเขากลับไปถามคนใกล้ตัว ทุกคนก็เจอคำเตือนว่า อย่านะ
555
ผมก็ไม่รู้ว่าคิดกันได้ไง ทำบริษัทเอง จากไม่มีประสบการณ์ เงินทุนก็น้อย ลูกค้าก็ไม่มี
คิดว่า ดีกว่า ซื้อกิจการที่ดี ในราคาที่เหมาะสม
-
- Verified User
- โพสต์: 81
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ซื้อหุ้นง่ายกว่าเซ้งร้านก๋วยเตี๋ยว ใครก็ทำได้
โพสต์ที่ 3
ความยากง่ายของเเต่ละคน คงไม่เหมือนกันมั้งครับ
พวกที่อยู่ในตลาดหุ้นก็คิดอีกเเบบ พวกที่ต้องการทำกิจการเองก็คิดอีกเเบบ เพราะมีความคิดที่ต่างกัน หรือเพราะถนัดต่างกัน
พวกที่อยู่ในตลาดหุ้นก็คิดอีกเเบบ พวกที่ต้องการทำกิจการเองก็คิดอีกเเบบ เพราะมีความคิดที่ต่างกัน หรือเพราะถนัดต่างกัน
Success is Journey, Not Destination
-
- Verified User
- โพสต์: 105
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ซื้อหุ้นง่ายกว่าเซ้งร้านก๋วยเตี๋ยว ใครก็ทำได้
โพสต์ที่ 5
คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ คิดว่าการซื้อหุ้นเหมือนซื้อหวย จะจดจ่ออยู่กับราคาที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา (เหมือนผมเมื่อก่อน)
ถ้าเพียงเข้าใจซักนิดว่า "ในระยะยาวราคาจะวิ่งตามผลประกอบการเสมอ" ก็จะไม่กลัวตลาดหุ้น และสามารถหาโอกาสกับราคาที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาได้ด้วย
ถ้าเพียงเข้าใจซักนิดว่า "ในระยะยาวราคาจะวิ่งตามผลประกอบการเสมอ" ก็จะไม่กลัวตลาดหุ้น และสามารถหาโอกาสกับราคาที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาได้ด้วย
- จงใช้ชีวิตในแต่ละวันของคุณ ดุจดังว่ามันเป็นวันสุดท้ายของชีวิต
- อย่าเสียเวลาเพื่อเติมเต็มชีวิตผู้อื่น อย่าติดกับดักของกฎเกณฑ์ที่ไม่มีข้อพิสูจน์ ซึ่งขึ้นอยู่กับผลของความคิดของคนอื่น
- จงกล้าที่จะทำตามหัวใจและสัญชาติญาณของคุณ
สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs)
- อย่าเสียเวลาเพื่อเติมเต็มชีวิตผู้อื่น อย่าติดกับดักของกฎเกณฑ์ที่ไม่มีข้อพิสูจน์ ซึ่งขึ้นอยู่กับผลของความคิดของคนอื่น
- จงกล้าที่จะทำตามหัวใจและสัญชาติญาณของคุณ
สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs)
-
- Verified User
- โพสต์: 272
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ซื้อหุ้นง่ายกว่าเซ้งร้านก๋วยเตี๋ยว ใครก็ทำได้
โพสต์ที่ 6
นั่นนะซิครับ สมัยก่อนไปลงทุนอะไรก็ไม่รู้ มั่ว ๆ ไม่คิดเลยว่าจะได้กำไรคุ้มกับที่ลงทุนลงแรงไปไหม
อย่างผมก็ได้รับบทเรียนขาดทุนไปหลายล้านบาท ทั้งๆ ที่ตัวเองก็เคยสัมผัสวงการหุ้นมาตั้งนานแล้ว
แต่ดันไปอยู่ผิดที่ คือไปอยู่ในจุดที่เขาเล่นสั้นกัน ทำ Short Sale อะไรพวกนี้ เลยคิดว่ามันคือการแทงไฮโล
ดี ๆ นี่เอง ยังไม่ได้คิดว่ามันคือการลงทุนอย่างแท้จริง ก็เสียเวลาไปหาธุรกิจโน่น นั่น นี่ โดยที่เราไม่มีความรู้เลย
เสียเวลาไปเป็น สิบ ๆ ปี จนวันนึงได้มาอ่านหนังสือของ Warren Buffett ก็คิดว่าเฮ้ยนี่มันใช่เลย
ทำไมโง่อยู่ตั้งนาน แล้วก็กลับมาลงทุนใหม่ โดยต้องหนักแน่นให้มากๆ เพราะเวลาซื้อแล้วหุ้นมันลง
มันทรมารจิตใจมาก ๆ ต้องปิดหน้าจอ แล้วกลับไปทบทวนว่า อารมณ์ตลาดมีขึ้น มีลง ถ้าเราแน่ใจว่าหุ้นเรา
ที่ซื้อมันมาได้ราคาต่ำกว่า Intrinsic Value ก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไป เพราะเราซื้อธุรกิจไม่ได้ซื้อหุ้น
อย่างผมก็ได้รับบทเรียนขาดทุนไปหลายล้านบาท ทั้งๆ ที่ตัวเองก็เคยสัมผัสวงการหุ้นมาตั้งนานแล้ว
แต่ดันไปอยู่ผิดที่ คือไปอยู่ในจุดที่เขาเล่นสั้นกัน ทำ Short Sale อะไรพวกนี้ เลยคิดว่ามันคือการแทงไฮโล
ดี ๆ นี่เอง ยังไม่ได้คิดว่ามันคือการลงทุนอย่างแท้จริง ก็เสียเวลาไปหาธุรกิจโน่น นั่น นี่ โดยที่เราไม่มีความรู้เลย
เสียเวลาไปเป็น สิบ ๆ ปี จนวันนึงได้มาอ่านหนังสือของ Warren Buffett ก็คิดว่าเฮ้ยนี่มันใช่เลย
ทำไมโง่อยู่ตั้งนาน แล้วก็กลับมาลงทุนใหม่ โดยต้องหนักแน่นให้มากๆ เพราะเวลาซื้อแล้วหุ้นมันลง
มันทรมารจิตใจมาก ๆ ต้องปิดหน้าจอ แล้วกลับไปทบทวนว่า อารมณ์ตลาดมีขึ้น มีลง ถ้าเราแน่ใจว่าหุ้นเรา
ที่ซื้อมันมาได้ราคาต่ำกว่า Intrinsic Value ก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไป เพราะเราซื้อธุรกิจไม่ได้ซื้อหุ้น
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 310
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ซื้อหุ้นง่ายกว่าเซ้งร้านก๋วยเตี๋ยว ใครก็ทำได้
โพสต์ที่ 7
ผมเคยเจอญาติบางคน (อายุมากหน่อย) พอรู้ว่าผมซื้อหุ้น แทบจะตัดญาติกันเลยครับ
เพราะเหมือนติดการพนันครับ
ผมรู้ความคิดนี้แล้วอึ้งเลยครับคิดไปได้นะแสดงว่าภาพพจน์ของการซื้อหุ้นสมัยก่อนนี่แย่เอามากมากเลยครับ
เพราะเหมือนติดการพนันครับ
ผมรู้ความคิดนี้แล้วอึ้งเลยครับคิดไปได้นะแสดงว่าภาพพจน์ของการซื้อหุ้นสมัยก่อนนี่แย่เอามากมากเลยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 144
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ซื้อหุ้นง่ายกว่าเซ้งร้านก๋วยเตี๋ยว ใครก็ทำได้
โพสต์ที่ 10
สร้างธุรกิจของตัวเอง ตั้งบริษัทของตัวเองขึ้นมาทำตามความฝันที่ตัวเองฝันไว้
สำหรับบางคนอาจจะเป็นความสุขของเขาก็ได้ครับถึงแม้ว่าจะลำบากกว่าการเป็นนักลงทุนหุ้นก็ตาม
แต่ก็มีบางคนทีประสบความสำเร็จครับ เช่น บิล เกตส์ , สตีฟ จอบส์ ,แลรี่ เพจ , และอีกหลายคน
มันอาจเป็นงานที่เหนื่อยและยากที่จะประสบความสำเร็จเมื่อเทียบกับการลงทุนหุ้น
แต่ในความเห็นส่วนตัวผมคิดว่าผู้ประกอบการเหล่านี้เขามีความสุขที่ได้ทำตามฝันของเขาครับ
สำหรับบางคนอาจจะเป็นความสุขของเขาก็ได้ครับถึงแม้ว่าจะลำบากกว่าการเป็นนักลงทุนหุ้นก็ตาม
แต่ก็มีบางคนทีประสบความสำเร็จครับ เช่น บิล เกตส์ , สตีฟ จอบส์ ,แลรี่ เพจ , และอีกหลายคน
มันอาจเป็นงานที่เหนื่อยและยากที่จะประสบความสำเร็จเมื่อเทียบกับการลงทุนหุ้น
แต่ในความเห็นส่วนตัวผมคิดว่าผู้ประกอบการเหล่านี้เขามีความสุขที่ได้ทำตามฝันของเขาครับ
"สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลาย จงทำความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด"
"ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตเจ้าทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น "
"ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตเจ้าทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น "
-
- Verified User
- โพสต์: 150
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ซื้อหุ้นง่ายกว่าเซ้งร้านก๋วยเตี๋ยว ใครก็ทำได้
โพสต์ที่ 11
ผมเพียงแต่คิดว่า นักลงทุนที่ดีควรมองในมุมมองของคนทำธุรกิจให้ได้มากที่สุดส.สลึง เขียน:แต่ผมกับคิดว่าไม่น่าจะใช่netirut เขียน:นักลงทุนที่ดีที่สุด คือ นักธุรกิจ
นักธุรกิจที่ดีที่สุด คือ นักลงทุน
ส่วนคนทำธุรกิจที่ดีเมื่อถึงจุดนึง ก็ควรมีมุมมองและความรู้ในเรื่องของการลงทุนให้มากที่สุดเช่นกัน
แต่ว่าถ้าเรามองในมุมว่านักลงทุนควรอยู่นิ่ง มากกว่านักธุรกิจที่ต้อง Aggressive ตลอดเวลานั้น
ก็คงถูกอย่างที่พี่ว่าอ่ะครับ
ผิดถูกยังไงช่วยชี้แนะผมด้วยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 760
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ซื้อหุ้นง่ายกว่าเซ้งร้านก๋วยเตี๋ยว ใครก็ทำได้
โพสต์ที่ 12
บางคนลงทุนหุ้นไม่เป็น ก็ลงทุนในธุรกิจจริงๆ โดยเฉพาะคนเงินเหลือมากๆ เขาชอบทำกัน
แต่สำหรับผม ตั้งแต่รู้จักการลงทุนที่ถูกวิธี ไม่เคยคิดจะทำธุรกิจเองเลยครับ วิธีการนี้มันเหมาะกับผมมากสุด ไม่ต้งออกแรง ใข้แต่สมองคิดๆๆ
เห็นคนรวยๆแถวบ้าน ลงทุนอะไรกัน บางทีรู้สึกว่าเขาไม่น่าเลย อย่างสร้างรีสอร์ตทั้งที่ทำเลไม่ได้เรื่องเลย บางคนหนี้ก็มาก ยังกู้มาซื้อตึกแถว แต่ดันไม่มีคนมาเช่า แล้วรายได้ หรือ มูลค่าที่ดิน มันจะทันดอกเบี้ยแบงค์กับกำหนดชำระหนี้ไหม เห็นแล้วสมเพชครับ
ผมว่าถ้าเราอ่านธุรกิจเก่งๆ จะลงทุนผ่านหุ้นหรือ ลงทุนทำธุรกิจเองจริงๆ มันก็ได้หมด แต่ทำธุรกิจมันเหนื่อยกว่าเพราะต้องบริหารทุกอย่าง ต้องออกแรงจริงๆ ทุ่มเททั้งแรงการและใจด้วย ต้องบริหารหน้าร้าน ต้องทำการตลาด ต้องเรียกแขก เชียร์ลูกค้า บริหารสต๊อก ทำบัญชีรับจ่ายและงบการเงินส่งสรรพากร (อยู่ดี) ไม่ต่างกับลงทุนผ่านหุ้น ต้องบริหารดูแลลูกน้อง เป็นต้น และ เขาว่า "การบริหารคน" คือส่วนที่ยากที่สุดในการธุรกิจด้วยซํ้า เหนื่อยแน่ครับ
ซื้อหุ้นแล้ว นอนกระดิกเท้า กินปันผลเอา ผมว่าสบายกว่า ติดตามข่างธุรกิจบ้าง แล้วทุก 3 เดือนก็ดูผลประกอบการทีหนึ่ง ชิลๆ
(อีกสัก 20 ปี ผมจะทำตามประโยคนี้ "นอนกระดิกเท้า กินปันผลเอา" ให้ได้ ผมขอพอร์ต 9 หลักก็พอใจแล้วครับ)
แต่สำหรับผม ตั้งแต่รู้จักการลงทุนที่ถูกวิธี ไม่เคยคิดจะทำธุรกิจเองเลยครับ วิธีการนี้มันเหมาะกับผมมากสุด ไม่ต้งออกแรง ใข้แต่สมองคิดๆๆ
เห็นคนรวยๆแถวบ้าน ลงทุนอะไรกัน บางทีรู้สึกว่าเขาไม่น่าเลย อย่างสร้างรีสอร์ตทั้งที่ทำเลไม่ได้เรื่องเลย บางคนหนี้ก็มาก ยังกู้มาซื้อตึกแถว แต่ดันไม่มีคนมาเช่า แล้วรายได้ หรือ มูลค่าที่ดิน มันจะทันดอกเบี้ยแบงค์กับกำหนดชำระหนี้ไหม เห็นแล้วสมเพชครับ
ผมว่าถ้าเราอ่านธุรกิจเก่งๆ จะลงทุนผ่านหุ้นหรือ ลงทุนทำธุรกิจเองจริงๆ มันก็ได้หมด แต่ทำธุรกิจมันเหนื่อยกว่าเพราะต้องบริหารทุกอย่าง ต้องออกแรงจริงๆ ทุ่มเททั้งแรงการและใจด้วย ต้องบริหารหน้าร้าน ต้องทำการตลาด ต้องเรียกแขก เชียร์ลูกค้า บริหารสต๊อก ทำบัญชีรับจ่ายและงบการเงินส่งสรรพากร (อยู่ดี) ไม่ต่างกับลงทุนผ่านหุ้น ต้องบริหารดูแลลูกน้อง เป็นต้น และ เขาว่า "การบริหารคน" คือส่วนที่ยากที่สุดในการธุรกิจด้วยซํ้า เหนื่อยแน่ครับ
ซื้อหุ้นแล้ว นอนกระดิกเท้า กินปันผลเอา ผมว่าสบายกว่า ติดตามข่างธุรกิจบ้าง แล้วทุก 3 เดือนก็ดูผลประกอบการทีหนึ่ง ชิลๆ
(อีกสัก 20 ปี ผมจะทำตามประโยคนี้ "นอนกระดิกเท้า กินปันผลเอา" ให้ได้ ผมขอพอร์ต 9 หลักก็พอใจแล้วครับ)
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- todsapon
- Verified User
- โพสต์: 1137
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ซื้อหุ้นง่ายกว่าเซ้งร้านก๋วยเตี๋ยว ใครก็ทำได้
โพสต์ที่ 13
คนเรามันถนัดไม่เหมือนกันครับ เขาอาจจะถนัดมาทางนี้ก็ได้ครับgodcube เขียน:ผมไม่ทราบว่าเพื่อนนักลงทุนคนอื่นๆจะเคยมีประสบการณ์แบบนี้รึเปล่านะครับ (แต่ผมว่าต้องมีบ้างแหละ )
หลายๆคนที่ผมรู้จักจะรู้สึกว่าหุ้นนั้นเป็นเรื่องไกลตัว เป็นอะไรที่ยาก ก็เลยไม่เคยสนใจที่จะเข้ามาลงทุน บางทีเขามาปรึกษาว่าจะเอาเงินไปฝากระยะยาวที่ไหนดี ที่นี่ได้ 3.4% ที่นู่นได้ 3.6% ผมก็เคยบอกไปหลายคนว่าลองเอาส่วนนึงมาลองลงทุนในหุ้นดูไหม? เอาแค่น้อยๆที่คิดว่าเสียหมดเลยก็ไม่เป็นไร แค่ 10,000 บาทก็พอ ส่วนใหญ่ก็จะอิดออด ทั้งๆที่วันก่อนพึ่งเห็นซื้อของไร้สาระไปมากกว่านั้นตั้งเยอะ -_- ผมก็ยังพยามยกตัวอย่างว่าดูบริษัทนั้นนู้นสิ เขาทำกิจการมาตั้งหลายสิบปีถ้าไม่โชคร้ายจริงๆเขาคงไม่เจ๊งหรอก แล้วก็เปิดราคาย้อนหลังให้ดู เนี่ยถ้าซื้อแล้วถือไว้ราคามันก็ขึ้นมาเรื่อยๆ พอเห็นผลตอบแทนเขาก็จะเริ่มสนใจแต่ก็มาดูอีกนิดๆหน่อยๆแล้วก็ไป บางคนผมโหลด game ks trading tycoon ลงมือถือให้เลยแล้วบอกว่านี่ไงลองเล่นนี่ก่อนก็ได้ง่ายและฟรี (คิดว่าถ้าเริ่มเล่นแล้วได้ผลตอบแทนดีเขาจะอยากไปเปิด port เงินจริงเล่นบ้าง) แต่พอผ่านไปหลายอาทิตย์ถามว่าเป็นไงบ้าง "ยังไม่ได้ดูเลยอะ" -_-"
แต่ในทางกลับกันเขาเหล่านั้นเกือบทุกคนเคยคิดถึงการที่จะเริ่มธุรกิจเล็กๆของตัวเอง เคยเข้าไปดูตาม board เซ้งกิจการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟหรือร้านขายอาหาร ผมเชื่อว่าอาจจะมีอีกหลายท่านที่คิดแบบเดียวกัน หรือบางท่านกำลังเริ่มคิดที่จะเข้ามาลงทุนในหุ้นแต่ก็ยังลังเลอยู่เพราะคิดว่ามันยาก
ผมไม่อยากให้หลายๆคนต้องเสียโอกาสในการที่จะลงทุนให้เงินของตัวเองนั้นงอกเงย เลยอยากจะบอกว่าจริงๆแล้วการลงทุนในหุ้นนั้นง่ายกว่าการไปเซ้งกิจการต่อจากคนอื่นมากๆครับ
http://www.stupidstocktrader.com/2011/1 ... st_09.html
ผลตอบแทน 15% ต่อปีก็พอ
กำไรเมื่อซื้อ มิใช่กำไรเมื่อขาย
การได้ทำอะไรที่ตนเองชอบและมีปัจจัยสี่พร้อมเพียงคือสุดยอดแห่งความสุข
ขอยืมเงินหน่อยครับ
กำไรเมื่อซื้อ มิใช่กำไรเมื่อขาย
การได้ทำอะไรที่ตนเองชอบและมีปัจจัยสี่พร้อมเพียงคือสุดยอดแห่งความสุข
ขอยืมเงินหน่อยครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3653
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ซื้อหุ้นง่ายกว่าเซ้งร้านก๋วยเตี๋ยว ใครก็ทำได้
โพสต์ที่ 14
ไม่มีผิดมีถูกครับnetirut เขียน:ผมเพียงแต่คิดว่า นักลงทุนที่ดีควรมองในมุมมองของคนทำธุรกิจให้ได้มากที่สุดส.สลึง เขียน:แต่ผมกับคิดว่าไม่น่าจะใช่netirut เขียน:นักลงทุนที่ดีที่สุด คือ นักธุรกิจ
นักธุรกิจที่ดีที่สุด คือ นักลงทุน
ส่วนคนทำธุรกิจที่ดีเมื่อถึงจุดนึง ก็ควรมีมุมมองและความรู้ในเรื่องของการลงทุนให้มากที่สุดเช่นกัน
แต่ว่าถ้าเรามองในมุมว่านักลงทุนควรอยู่นิ่ง มากกว่านักธุรกิจที่ต้อง Aggressive ตลอดเวลานั้น
ก็คงถูกอย่างที่พี่ว่าอ่ะครับ
ผิดถูกยังไงช่วยชี้แนะผมด้วยครับ
แค่คิดต่างกันเฉยๆ
ส่วนตัวผมคิดว่านักลงทุน
กับนักธุรกิจ
สวมหมวกกันคนละใบ
เล่นกันคนละบทครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 105
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ซื้อหุ้นง่ายกว่าเซ้งร้านก๋วยเตี๋ยว ใครก็ทำได้
โพสต์ที่ 16
จริงๆตอนที่ผมเขียนบทความนี้ผมไม่ได้มีเจตนาจะสื่อว่าการลงทุนในหุ้นดีกว่าหรือแย่กว่าการลงทุนทำธุรกิจของตัวเองนะครับ ทั้งคู่ก็มีโอกาสที่จะรุ่งหรือเจ๊งได้เหมือนกัน และความชอบของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน
แต่กลุ่มคนที่ผมหมายถึงคือคนที่อยากจะทำให้เงินออกดอกออกผลแต่ไม่รู้ว่าจะเอาเงินไปลงทุนอะไรดี
หลายๆครั้งเขาเหล่านั้นจะมองข้ามการลงทุนในหุ้นไปเพราะคิดว่ามันยาก แต่เขากลับกล้าที่จะลองลงทุนเซ้งร้านกาแฟหรือร้านก๋วยเตี๋ยวโดยที่เขาเองก็ไม่ได้มีความชอบหรือความถนัดในกิจการนั้นเป็นพิเศษ (เหตุผลที่เซ้งมาก็เพราะอยากได้ผลตอบแทนที่ดี)
ผลเลยอยากจะสื่อกับเขาเหล่านั้นว่าถ้าเขากล้าเซ้งกิจการที่เขาไม่มีข้อมูลผลประกอบการเลย ทำไมเขาถึงไม่กล้าเซ้งกิจการที่มีข้อมูลผลการดำเนินการทุกอย่างย้อนกลับไปหลายๆปี? ผมอยากให้คนเหล่านี้เห็นว่าการซื้อหุ้นก็เป็นแค่การซื้อกิจการ ไม่ได้เป็นอะไรที่ไกลตัวหรือซับซ้อนเลย และอยากให้เขาพิจารณาการซื้อหุ้นเป็นตัวเลือกหนึ่งในการลงทุน
แต่กลุ่มคนที่ผมหมายถึงคือคนที่อยากจะทำให้เงินออกดอกออกผลแต่ไม่รู้ว่าจะเอาเงินไปลงทุนอะไรดี
หลายๆครั้งเขาเหล่านั้นจะมองข้ามการลงทุนในหุ้นไปเพราะคิดว่ามันยาก แต่เขากลับกล้าที่จะลองลงทุนเซ้งร้านกาแฟหรือร้านก๋วยเตี๋ยวโดยที่เขาเองก็ไม่ได้มีความชอบหรือความถนัดในกิจการนั้นเป็นพิเศษ (เหตุผลที่เซ้งมาก็เพราะอยากได้ผลตอบแทนที่ดี)
ผลเลยอยากจะสื่อกับเขาเหล่านั้นว่าถ้าเขากล้าเซ้งกิจการที่เขาไม่มีข้อมูลผลประกอบการเลย ทำไมเขาถึงไม่กล้าเซ้งกิจการที่มีข้อมูลผลการดำเนินการทุกอย่างย้อนกลับไปหลายๆปี? ผมอยากให้คนเหล่านี้เห็นว่าการซื้อหุ้นก็เป็นแค่การซื้อกิจการ ไม่ได้เป็นอะไรที่ไกลตัวหรือซับซ้อนเลย และอยากให้เขาพิจารณาการซื้อหุ้นเป็นตัวเลือกหนึ่งในการลงทุน
-
- Verified User
- โพสต์: 68
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ซื้อหุ้นง่ายกว่าเซ้งร้านก๋วยเตี๋ยว ใครก็ทำได้
โพสต์ที่ 17
ผมว่าแล้วแต่จริตแต่ละคน กับโอกาสของแต่ละคนครับ เรื่องนี่เถียงกันไม่จบ
คนลงทุนอสังหา ก็บอกว่าเป็นการลงทุนที่เซฟ และใช้เงินตัวเองลงทุนน้อยที่สุด
คนลงทุนในหุ้น ก็บอกว่าเป็นนักลงทุนใช้เงินทำงาน ใช้ความคิดทำงาน จะเหนื่อยทำ ทำไม
คนทำธุรกิจ ก็บอกถ้าธุรกิจฉันสำเร็จ เอาเข้าตลาดให้พวกแกซื้อฉันก็สบายแล้ว
ทั้งนี่ยังไม่รวม โอกาสทางสังคมและ การบ่มเพาะเลี้ยงดู ต้นทุนทางสังคมที่แต่ละคนไม่เท่ากันอีก
ยิ่งสังคมแบบไทย เป็นสังคมแบบเส้นสาย บางทีโอกาสของแต่ละคนจึงแตกต่างกันมาก
บางคนที่รู้จัก แค่จับแพะชนแกะ ก็ได้มากกว่าเราทำมาตั้งหลายปีแล้ว
ผมจึงว่าควรลงทุนให้เหมาะกับจริตและใช้ประโยชน์จากต้นทุนกับโอกาส ที่แต่ละคนมีไม่เท่ากันให้เกิดประโยชน์สูงสุดครับ
คนลงทุนอสังหา ก็บอกว่าเป็นการลงทุนที่เซฟ และใช้เงินตัวเองลงทุนน้อยที่สุด
คนลงทุนในหุ้น ก็บอกว่าเป็นนักลงทุนใช้เงินทำงาน ใช้ความคิดทำงาน จะเหนื่อยทำ ทำไม
คนทำธุรกิจ ก็บอกถ้าธุรกิจฉันสำเร็จ เอาเข้าตลาดให้พวกแกซื้อฉันก็สบายแล้ว
ทั้งนี่ยังไม่รวม โอกาสทางสังคมและ การบ่มเพาะเลี้ยงดู ต้นทุนทางสังคมที่แต่ละคนไม่เท่ากันอีก
ยิ่งสังคมแบบไทย เป็นสังคมแบบเส้นสาย บางทีโอกาสของแต่ละคนจึงแตกต่างกันมาก
บางคนที่รู้จัก แค่จับแพะชนแกะ ก็ได้มากกว่าเราทำมาตั้งหลายปีแล้ว
ผมจึงว่าควรลงทุนให้เหมาะกับจริตและใช้ประโยชน์จากต้นทุนกับโอกาส ที่แต่ละคนมีไม่เท่ากันให้เกิดประโยชน์สูงสุดครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 310
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ซื้อหุ้นง่ายกว่าเซ้งร้านก๋วยเตี๋ยว ใครก็ทำได้
โพสต์ที่ 18
เยี่ยมครับ เป็นคำกล่าวที่ผมจะไปสื่อให้คนอื่นเข้าใจถึงการลงทุนในหุ้นครับgodcube เขียน:อยากจะสื่อกับเขาเหล่านั้นว่าถ้าเขากล้าเซ้งกิจการที่เขาไม่มีข้อมูลผลประกอบการเลย ทำไมเขาถึงไม่กล้าเซ้งกิจการที่มีข้อมูลผลการดำเนินการทุกอย่างย้อนกลับไปหลายๆปี? ผมอยากให้คนเหล่านี้เห็นว่าการซื้อหุ้นก็เป็นแค่การซื้อกิจการ ไม่ได้เป็นอะไรที่ไกลตัวหรือซับซ้อนเลย และอยากให้เขาพิจารณาการซื้อหุ้นเป็นตัวเลือกหนึ่งในการลงทุน
- meditate
- Verified User
- โพสต์: 179
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ซื้อหุ้นง่ายกว่าเซ้งร้านก๋วยเตี๋ยว ใครก็ทำได้
โพสต์ที่ 19
จากประสบการณ์ นะครับ คนส่วนใหญ่(ครอบครัวผม)เข้าใจตลาดหุ้นแบบผิดๆ บอกต่อกันว่าอันตราย เชื่อว่าอันตราย โดยไม่ได้เคยศึกษาอะไรด้วยซ้ำไป แต่พูดเหมือนรู้ทุกอย่าง คนเหล่าใช้ความเชื่อ อารมณ์(กลัว ชอบ ไม่ชอบ)มากกว่าเหตุผลครับ อธิบายไปก็เท่านั้นแหละครับ สิ่งที่พอทำได้คือทำตัวเราเองให้ดูเป็นตัวอย่างครับ
คิดเหมือนกันครับsuperme เขียน:ผมไม่อยากชักชวนคนมาเล่นหุ้นเลย
เขาเสียก็จะมีโทษเราว่า ลากเขามาเสียตัง
เขาได้ก็ไม่ได้มาแบ่งให้เรา
เป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มตั้งแต่แรก
ให้เขามาสนใจแล้วลงทุนเองดีกว่า
สุดท้ายคือ"ไม่มี"
- Tibular
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 522
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ซื้อหุ้นง่ายกว่าเซ้งร้านก๋วยเตี๋ยว ใครก็ทำได้
โพสต์ที่ 20
กลัวความผันผวนและไม่แน่นอนของตลาดคับ (แก้ยากเพราะเป็นธรรมชาติของตลาด ยิ่งตลาดหุ้นเห็นราคากันจะๆตลอดเวลา)
+ทัศนคติว่าเล่นหุ้นคือการพนัน (อันนี้ต้องยอมรับว่ามีผู้เล่นหลายแบบ และความรู้ความเข้าใจต่างกัน ทางแก้ก็ให้ข้อมูลความรู้เยอะๆ)
รวมความก็คือความกลัว+ความไม่รู้
ใครๆที่มาอยู่ในตลาดก็อย่านึกว่าเรารู้มากเลยคับ ประมาทขาดสติ มานะเปล่าๆ
ใครทำอะไรชอบอะไรก็ทำอย่างนั้นคับ ความถนัดต่างคนต่างแบบ
ไม่งั้นคงไม่มีใครทำอะไร มาเล่นหุ้นกันหมด เจ๊งบ๊งพอดีประเทศเรา
มีข้อดีข้อเสียคนละแบบ ต้องไม่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางคับ
+ทัศนคติว่าเล่นหุ้นคือการพนัน (อันนี้ต้องยอมรับว่ามีผู้เล่นหลายแบบ และความรู้ความเข้าใจต่างกัน ทางแก้ก็ให้ข้อมูลความรู้เยอะๆ)
รวมความก็คือความกลัว+ความไม่รู้
ใครๆที่มาอยู่ในตลาดก็อย่านึกว่าเรารู้มากเลยคับ ประมาทขาดสติ มานะเปล่าๆ
ใครทำอะไรชอบอะไรก็ทำอย่างนั้นคับ ความถนัดต่างคนต่างแบบ
ไม่งั้นคงไม่มีใครทำอะไร มาเล่นหุ้นกันหมด เจ๊งบ๊งพอดีประเทศเรา
มีข้อดีข้อเสียคนละแบบ ต้องไม่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางคับ
- luangrit
- Verified User
- โพสต์: 376
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ซื้อหุ้นง่ายกว่าเซ้งร้านก๋วยเตี๋ยว ใครก็ทำได้
โพสต์ที่ 21
เพื่อนที่ทำงานหรือเพื่อนรุ่นเดียวกัน ก็สนใจเยอะนะครับสำหรับการลงทุนในหุ้น
เวลาที่เราอธิบาย เราก็อธิบายตามหลักการ VI ครับ
ซึ่งเค้าค่อนข้างจะเห็นด้วยและคล้อยตามเหตุตามผล
แต่สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับคนที่เข้าใจเพียงหลักการ แต่ไม่เคยเข้ามาลงทุนเลย
คือ ความกลัว ความโลภ กับภาวะตลาดในระยะสั้นๆ
ซึ่งมีผลทำให้เขาเหล่านั้นอาจจะทำอะไรชั่ววูบ
เช่น การคัตลอสเมื่อเห็นราคาตกลงมา โดยไม่วิเคราะห์ว่าพื้นฐานเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่
เหตุเพราะต้องการเซฟเงินให้ได้มากที่สุด
ซึ่งถ้าเข้าใจการลงทุนแนว VI จริงๆแล้ว
โอกาสที่จะคัตลอสมีน้อย นอกจากเหตุด้านพื้นฐานจริงๆ
รายใหม่ถ้าไม่แม่นหลักการและไม่สามารถควบคุมจิตใจตนเองได้นั้น
ผมมองว่าเสี่ยงมากๆ ที่จะได้รับความเสียหายจากตลาดทุน
ทั้งยังอาจจะบอกต่อกับผู้อื่นเกี่ยวกับความเลวร้ายของตลาดหุ้น
ซึ่งก็น่าเสียดายมาก สำหรับผู้ที่ต้องการจะลงทุนจริงๆ
แต่ได้รับคำแนะนำที่ไม่ถูกต้อง ทำให้ไม่กล้าเสี่ยงลงทุนครับ
เวลาที่เราอธิบาย เราก็อธิบายตามหลักการ VI ครับ
ซึ่งเค้าค่อนข้างจะเห็นด้วยและคล้อยตามเหตุตามผล
แต่สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับคนที่เข้าใจเพียงหลักการ แต่ไม่เคยเข้ามาลงทุนเลย
คือ ความกลัว ความโลภ กับภาวะตลาดในระยะสั้นๆ
ซึ่งมีผลทำให้เขาเหล่านั้นอาจจะทำอะไรชั่ววูบ
เช่น การคัตลอสเมื่อเห็นราคาตกลงมา โดยไม่วิเคราะห์ว่าพื้นฐานเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่
เหตุเพราะต้องการเซฟเงินให้ได้มากที่สุด
ซึ่งถ้าเข้าใจการลงทุนแนว VI จริงๆแล้ว
โอกาสที่จะคัตลอสมีน้อย นอกจากเหตุด้านพื้นฐานจริงๆ
รายใหม่ถ้าไม่แม่นหลักการและไม่สามารถควบคุมจิตใจตนเองได้นั้น
ผมมองว่าเสี่ยงมากๆ ที่จะได้รับความเสียหายจากตลาดทุน
ทั้งยังอาจจะบอกต่อกับผู้อื่นเกี่ยวกับความเลวร้ายของตลาดหุ้น
ซึ่งก็น่าเสียดายมาก สำหรับผู้ที่ต้องการจะลงทุนจริงๆ
แต่ได้รับคำแนะนำที่ไม่ถูกต้อง ทำให้ไม่กล้าเสี่ยงลงทุนครับ
- Guiman
- Verified User
- โพสต์: 320
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ซื้อหุ้นง่ายกว่าเซ้งร้านก๋วยเตี๋ยว ใครก็ทำได้
โพสต์ที่ 22
อัพบ่อยๆนะก๊าบ ผมชอบโพสท์พี่
http://guimanstock.blogspot.com/
บันทึกการลงทุน & รีวิวหนังสือ
บันทึกการลงทุน & รีวิวหนังสือ
- BeSmile
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1178
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ซื้อหุ้นง่ายกว่าเซ้งร้านก๋วยเตี๋ยว ใครก็ทำได้
โพสต์ที่ 24
ผมไม่คิดว่า การลงทุนในหุ้นแล้วประสบความสำเร็จ จะง่ายกว่า การทำงานอื่น ๆ นะครับ
แต่ผมก็ชวนเพื่อน ที่มีความสนใจ เหมือนกัน
และผมก็มักจะบอกให้หาความรู้ก่อนเสมอ
ถ้าไม่อ่านหนังสือ หรือ ทำการบ้านเอง ก็ตัวใครตัวมันครับ
และผมก็ไม่คิดเหมือนกันว่า การอ่านหนังสือหรือหาความรู้แค่ 1-2 ปี แล้วจะประสบความสำเร็จง่าย ๆ เหมือนกัน
แต่ผมก็ชวนเพื่อน ที่มีความสนใจ เหมือนกัน
และผมก็มักจะบอกให้หาความรู้ก่อนเสมอ
ถ้าไม่อ่านหนังสือ หรือ ทำการบ้านเอง ก็ตัวใครตัวมันครับ
และผมก็ไม่คิดเหมือนกันว่า การอ่านหนังสือหรือหาความรู้แค่ 1-2 ปี แล้วจะประสบความสำเร็จง่าย ๆ เหมือนกัน
มีสติ - อย่าประมาทในการใช้ชีวิต
-
- Verified User
- โพสต์: 63
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ซื้อหุ้นง่ายกว่าเซ้งร้านก๋วยเตี๋ยว ใครก็ทำได้
โพสต์ที่ 25
ถ้าไม่มีผู้ที่คิดจะลงมือทำธุรกิจ โรงงานผลิต
ก็จะไม่มีหุ้นใหม่ๆมาให้เราได้รู้จัก ได้ศึกษาได้ลงทุนน่ะครับ
จำนวนหุ้นก็จะไม่เพิ่มขึ้นมาให้เราได้ลงทุน
ผมยังเห็นว่านักธุรกิจหรือนักลงทุนที่มุ่งมั่นตั้งโรงงานหรือบริษัท
นั้นน่ายกย่องน่านับถือกว่าน่ะครับ
ก็จะไม่มีหุ้นใหม่ๆมาให้เราได้รู้จัก ได้ศึกษาได้ลงทุนน่ะครับ
จำนวนหุ้นก็จะไม่เพิ่มขึ้นมาให้เราได้ลงทุน
ผมยังเห็นว่านักธุรกิจหรือนักลงทุนที่มุ่งมั่นตั้งโรงงานหรือบริษัท
นั้นน่ายกย่องน่านับถือกว่าน่ะครับ
รู้จักสมมุติ. ใช้ประโยชน์จากสมมุติ. ได้ประโยชน์จากสมมุติ
สุดท้ายไม่ยึดติดในสมมุติ
สุดท้ายไม่ยึดติดในสมมุติ
- xavi
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 123
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ซื้อหุ้นง่ายกว่าเซ้งร้านก๋วยเตี๋ยว ใครก็ทำได้
โพสต์ที่ 26
ขอออกความเห็นบ้างครับ ผมเป็นจำพวกที่ยืนทั้งสองฝั่งทั้งทำธุรกิจส่วนตัวและเล่นหุ้นครับ
ผมโชคดีที่ได้ทำในงานที่ชอบหลังจากออกจากงานประจำ ไม่เคยมีวันไหนที่เหนื่อย รู้สึกตื่นมาแล้วมีพลัง อยากจัดการปัญหาอุปสรรคต่างๆ อยากทำให้งานของเราได้บรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้ ผมยอมรับว่าตอนนี้ผมมี "ความสุข" กับงานที่ผมทำมากๆครับ
ผมคิดว่าคนที่ประกอบธุรกิจหลายคนเขามี "ความฝัน" มี "จินตนาการ" การที่ได้ "มือเปื้อนกับงานที่ชอบ" นั้นมันเป็นอะไรที่พิเศษนะครับ คนรู้จักของผมหลายคน วันนี้ "รวยมากแล้ว" มีเงินระดับสิบล้าน ร้อยล้าน หลายคนก็ทำธุรกิจของตนเอง บางคนลงมือทำเองไม่เหน็ดเหนื่อย หลายคนเริ่มจาก "ศูนย์" จนวันนี้มีธุรกิจใหญ่โต สินทรัพย์มากมาย ส่งคนรุ่นเราร่ำเรียนได้ดิบได้ดี หลายๆคนก็เป็นเจ้าของกิจการที่เรากินเราใช้กันในวันนี้ล่ะครับ ผมเคยถามบางท่านว่าทำไมอายุขนาดนี้แล้วยังต้องทำงานอยู่ มีเหตุผลหนึ่งที่ผมประทับใจมาก ท่านบอกว่า "เราทำงานกันมาจนลูกของฉันร่ำเรียนเมืองนอกกลับมา ฉันก็เห็นผู้จัดการหลายๆคน ตั้งแต่เด็กจนตอนนี้มีลูกแล้ว ลูกเขาก็เพิ่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัย แล้วจะให้ฉันเลิกกิจการไปได้อย่างไร" ลองคิดถึงความหมายหลายๆด้านของสิ่งเหล่านี้สิครับ
แต่แน่นอนครับ คนที่เขาเจ๊งไปก่อนก็คงเสียงไม่ดังจะมาพูดแบบนี้ได้ แต่ถ้าเรา "ไม่เริ่มต้น" ก็คงไม่มี "วันประสบความสำเร็จ" ดังนั้นสำหรับตัวผมแล้ว หากมีใครที่เขามี "ความฝัน" ผมกลับสนับสนุน ช่วยให้แนวคิด ช่วยหาวิธีการ ให้มุมมอง เป็นกำลังใจที่จะทำให้เขาประสบความสำเร็จ ขออย่างเดียวครับ ขอให้เป็นงานที่เขาชอบและเขารัก
ส่วนการลงทุนหรือเล่นหุ้นนั้น ผมมองเป็นเรื่องของการสร้าง "Passive Income" ให้กับครอบครัวครับ เพราะเราไม่รู้จริงๆว่า ตัวเราเองจะเป็นอย่างไรในอนาคต แต่เรายังต้องมีคนในครอบครัวที่ยังต้องคอยดูแลเอาใจ สร้างความมั่นคงในระยะยาว
แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ ทั้งทำธุรกิจและลงทุนในหุ้น ไม่มีสิ่งใดที่ง่ายไปกว่ากันครับ ถ้าไม่จริงจังกับมันผมว่า "เจ๊ง" ได้ทั้งคู่ครับ แต่คนที่ "เจ๊ง" เสียงเขาไม่ดังเท่านั้นเองครับ
ผมโชคดีที่ได้ทำในงานที่ชอบหลังจากออกจากงานประจำ ไม่เคยมีวันไหนที่เหนื่อย รู้สึกตื่นมาแล้วมีพลัง อยากจัดการปัญหาอุปสรรคต่างๆ อยากทำให้งานของเราได้บรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้ ผมยอมรับว่าตอนนี้ผมมี "ความสุข" กับงานที่ผมทำมากๆครับ
ผมคิดว่าคนที่ประกอบธุรกิจหลายคนเขามี "ความฝัน" มี "จินตนาการ" การที่ได้ "มือเปื้อนกับงานที่ชอบ" นั้นมันเป็นอะไรที่พิเศษนะครับ คนรู้จักของผมหลายคน วันนี้ "รวยมากแล้ว" มีเงินระดับสิบล้าน ร้อยล้าน หลายคนก็ทำธุรกิจของตนเอง บางคนลงมือทำเองไม่เหน็ดเหนื่อย หลายคนเริ่มจาก "ศูนย์" จนวันนี้มีธุรกิจใหญ่โต สินทรัพย์มากมาย ส่งคนรุ่นเราร่ำเรียนได้ดิบได้ดี หลายๆคนก็เป็นเจ้าของกิจการที่เรากินเราใช้กันในวันนี้ล่ะครับ ผมเคยถามบางท่านว่าทำไมอายุขนาดนี้แล้วยังต้องทำงานอยู่ มีเหตุผลหนึ่งที่ผมประทับใจมาก ท่านบอกว่า "เราทำงานกันมาจนลูกของฉันร่ำเรียนเมืองนอกกลับมา ฉันก็เห็นผู้จัดการหลายๆคน ตั้งแต่เด็กจนตอนนี้มีลูกแล้ว ลูกเขาก็เพิ่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัย แล้วจะให้ฉันเลิกกิจการไปได้อย่างไร" ลองคิดถึงความหมายหลายๆด้านของสิ่งเหล่านี้สิครับ
แต่แน่นอนครับ คนที่เขาเจ๊งไปก่อนก็คงเสียงไม่ดังจะมาพูดแบบนี้ได้ แต่ถ้าเรา "ไม่เริ่มต้น" ก็คงไม่มี "วันประสบความสำเร็จ" ดังนั้นสำหรับตัวผมแล้ว หากมีใครที่เขามี "ความฝัน" ผมกลับสนับสนุน ช่วยให้แนวคิด ช่วยหาวิธีการ ให้มุมมอง เป็นกำลังใจที่จะทำให้เขาประสบความสำเร็จ ขออย่างเดียวครับ ขอให้เป็นงานที่เขาชอบและเขารัก
ส่วนการลงทุนหรือเล่นหุ้นนั้น ผมมองเป็นเรื่องของการสร้าง "Passive Income" ให้กับครอบครัวครับ เพราะเราไม่รู้จริงๆว่า ตัวเราเองจะเป็นอย่างไรในอนาคต แต่เรายังต้องมีคนในครอบครัวที่ยังต้องคอยดูแลเอาใจ สร้างความมั่นคงในระยะยาว
แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ ทั้งทำธุรกิจและลงทุนในหุ้น ไม่มีสิ่งใดที่ง่ายไปกว่ากันครับ ถ้าไม่จริงจังกับมันผมว่า "เจ๊ง" ได้ทั้งคู่ครับ แต่คนที่ "เจ๊ง" เสียงเขาไม่ดังเท่านั้นเองครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 105
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ซื้อหุ้นง่ายกว่าเซ้งร้านก๋วยเตี๋ยว ใครก็ทำได้
โพสต์ที่ 27
โอเขินเลยครับGuiman เขียน:อัพบ่อยๆนะก๊าบ ผมชอบโพสท์พี่
ปรกติผมไม่ค่อยมีสาระหรอกครับ
- pornchai_w
- Verified User
- โพสต์: 244
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ซื้อหุ้นง่ายกว่าเซ้งร้านก๋วยเตี๋ยว ใครก็ทำได้
โพสต์ที่ 28
ผมเคยเจอเรื่องอย่างนี้มาเหมือนกันและ
เคยเขียนเรื่องประมาณนี้ไว้ใน facebook ของผม ลองมาแชร์ให้ฟังครับ
เงินทอง เรื่องส่วนบุคคล
คนเราเวลาชอบอะไรสนใจอะไรก็จะอยากคุยเรื่องที่เราสนใจอยู่ เช่น บางคนชอบฟุตบอล หากเราชวนคุยเรื่องทีมที่ชอบ ตัวนักเตะ เกมส์ที่ประทับใจ ก็จะคุย วิเคราะห์เจาะลึกกันได้ อย่างละเอียด อาจจะชวนกันไปดูเกมส์ต่อด้วยซ้ำ บางคนมีลูกก็จะชอบคุยกันเรื่องลูก ตั้งแต่เริ่มคลอดไปจนเข้าโรงเรียน กันเลยทีเดียว แต่หากเป็นเรื่องที่เราไม่ได้สนใจ เราก็จะแค่ฟังแล้วเออออ กันไปสักพัก จากนั้นก็ชวนเปลี่ยนเรื่องคุย ยิ่งเป็นเรื่องที่ตัวเองไม่ชอบ เคยทำผิดพลาด หรือ ไม่ประสบความสำเร็จ ก็จะยิ่งไม่อยากพูดถึง และ ไม่อยากฟัง ดีไม่ดีจะมีการพูดเหน็บแนมกลับมา ด้วยซ้ำว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องเลวร้าย หรือ เป็นเรื่องไม่จำเป็นสำหรับเขาเลย ซึ่งหนึ่งในนั้นผมว่าเป็นเรื่อง เงินๆ ทองๆ
ผมเป็นคนชอบเรื่องการบริหารเงินทอง มาตั้งแต่เด็ก จดรายรับรายจ่ายกระทบยอดทุกวันสมัยเรียน ตอนที่สมัครบัตรเครดิตครั้งแรกภรรยาสอนผมว่า หากใช้บัตรรูดซื้อสินค้าแล้ว ให้นำเงินสดจำนวนเท่ากับที่รูดบัตรซื้อของมาเก็บใส่ซองไว้เพื่อรอจ่ายตอนบิลมา ซึ่งผมทำตามมาตลอด ทำบัญชีรับจ่ายรายปีและตารางคำนวณภาษี เพื่อแสดงว่าจะซื้อ LTF และ ซื้อประกันชีวิต ได้เท่าไร และ หากได้เงินปันผลจะได้เครดิตภาษีคืนเท่าไร มีการจัดสรรเงินเพื่อใช้ในสิ่งที่อยากได้ เช่น ท่องเที่ยวปีละ 3-4 ครั้งอย่างไม่มีปัญหาว่า จะต้องรอเงินโบนัสออกมาก่อน เรื่องการบริหารเงินและการลงทุน วันๆ ก็คิดวนเวียนว่า จะหาเงินอย่างไรได้บ้าง เพิ่มเติมความรู้ด้านธุรกิจ และ ด้านการเงิน การลงทุน มองหาวิธีการลงทุนอะไรที่จะทำให้เงินงอกเงย
คราวนี้เวลาเจอเพื่อนๆ หลังจากคุยเรื่องสารทุกข์สุขดิบ ที่ไม่เจอกันไประยะหนึ่ง จนเริ่มหมดประเด็นคุย ก็จะเริ่มถามประมาณว่า มีเงินพอใช้จ่ายไหม มีเงินเก็บบ้างหรือไม่ สนใจลงทุนอะไรบ้าง ซื้อคอนโดหรือยัง หากจะแต่งงานมีลูก ได้วางแผนการเงินอย่างไร
ซึ่งพอคุยประเด็นต่างๆ เหล่านี้ เพื่อนๆ หลายคนก็จะเริ่มอึดอัด และชวนเปลี่ยนเรื่องคุย เมื่อก่อนผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ ยังพยายามหวังดีว่าสิ่งนี้มันน่าจะช่วยให้ชีวิตเขาดีขึ้นได้บ้างนะ เพราะตัวเราพอทำแล้วไม่เคยมีต้องมีปัญหา เงินไม่พอใช้ หนี้สินรุงรัง ไม่มีเงินซะที ฯลฯ
แต่สิ่งที่ได้ยินกลับมากลับเป็นประมาณว่า “เงินเราน้อย แค่จะใช้แต่ละเดือนยังไม่ค่อยจะพอเลย” “ว่าจะเก็บเงินเหมือนกันแหละ แต่เดี๋ยวต้องรอเงินเดือนออกก่อน” “ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นมีเยอะ ไม่เหลือให้เก็บหรอก” “ลงทุนอะไรมันเสี่ยงจะตาย” พอเริ่มรำคาญก็จะมีประโยคประมาณว่า “มีเงินก็ไม่ใช่ว่าจะมีความสุข ชีวิตมีอะไรมากกว่าหาเงิน” “ตอนนี้เราก็มีความสุขดีแล้ว (เลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะ)” ฯลฯ
จนวันหนึ่งได้คุยกับคนที่ชี้ทางสว่างให้เราว่า สิ่งที่เราคิดว่าดีสำหรับเรา คนอื่นอาจจะไม่ได้คิดว่าดีสำหรับเข้า หรือ ไม่ได้ต้องการสิ่งนั้นเหมือนกับเรา ดังนั้น เราไม่ควรไปบังคับให้คนอื่น ให้ชอบหรือคิดให้เหมือนกับเรา ก็บอกแล้วว่า เงินทอง มันเป็นเรื่องส่วนบุคคล ^_^
ทุกวันนี้เวลาผมจะคุยเรื่องพวกนี้ผมจะต้องเช็คจนแน่ใจว่าเขาต้องการที่จะลงทุนจริงๆ
เคยได้ยินคนที่มีความรู้ท่านนึงกล่าวไว้ว่า "เมื่อลูกศิษย์พร้อม อาจารย์จะปรากฎ"
เคยเขียนเรื่องประมาณนี้ไว้ใน facebook ของผม ลองมาแชร์ให้ฟังครับ
เงินทอง เรื่องส่วนบุคคล
คนเราเวลาชอบอะไรสนใจอะไรก็จะอยากคุยเรื่องที่เราสนใจอยู่ เช่น บางคนชอบฟุตบอล หากเราชวนคุยเรื่องทีมที่ชอบ ตัวนักเตะ เกมส์ที่ประทับใจ ก็จะคุย วิเคราะห์เจาะลึกกันได้ อย่างละเอียด อาจจะชวนกันไปดูเกมส์ต่อด้วยซ้ำ บางคนมีลูกก็จะชอบคุยกันเรื่องลูก ตั้งแต่เริ่มคลอดไปจนเข้าโรงเรียน กันเลยทีเดียว แต่หากเป็นเรื่องที่เราไม่ได้สนใจ เราก็จะแค่ฟังแล้วเออออ กันไปสักพัก จากนั้นก็ชวนเปลี่ยนเรื่องคุย ยิ่งเป็นเรื่องที่ตัวเองไม่ชอบ เคยทำผิดพลาด หรือ ไม่ประสบความสำเร็จ ก็จะยิ่งไม่อยากพูดถึง และ ไม่อยากฟัง ดีไม่ดีจะมีการพูดเหน็บแนมกลับมา ด้วยซ้ำว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องเลวร้าย หรือ เป็นเรื่องไม่จำเป็นสำหรับเขาเลย ซึ่งหนึ่งในนั้นผมว่าเป็นเรื่อง เงินๆ ทองๆ
ผมเป็นคนชอบเรื่องการบริหารเงินทอง มาตั้งแต่เด็ก จดรายรับรายจ่ายกระทบยอดทุกวันสมัยเรียน ตอนที่สมัครบัตรเครดิตครั้งแรกภรรยาสอนผมว่า หากใช้บัตรรูดซื้อสินค้าแล้ว ให้นำเงินสดจำนวนเท่ากับที่รูดบัตรซื้อของมาเก็บใส่ซองไว้เพื่อรอจ่ายตอนบิลมา ซึ่งผมทำตามมาตลอด ทำบัญชีรับจ่ายรายปีและตารางคำนวณภาษี เพื่อแสดงว่าจะซื้อ LTF และ ซื้อประกันชีวิต ได้เท่าไร และ หากได้เงินปันผลจะได้เครดิตภาษีคืนเท่าไร มีการจัดสรรเงินเพื่อใช้ในสิ่งที่อยากได้ เช่น ท่องเที่ยวปีละ 3-4 ครั้งอย่างไม่มีปัญหาว่า จะต้องรอเงินโบนัสออกมาก่อน เรื่องการบริหารเงินและการลงทุน วันๆ ก็คิดวนเวียนว่า จะหาเงินอย่างไรได้บ้าง เพิ่มเติมความรู้ด้านธุรกิจ และ ด้านการเงิน การลงทุน มองหาวิธีการลงทุนอะไรที่จะทำให้เงินงอกเงย
คราวนี้เวลาเจอเพื่อนๆ หลังจากคุยเรื่องสารทุกข์สุขดิบ ที่ไม่เจอกันไประยะหนึ่ง จนเริ่มหมดประเด็นคุย ก็จะเริ่มถามประมาณว่า มีเงินพอใช้จ่ายไหม มีเงินเก็บบ้างหรือไม่ สนใจลงทุนอะไรบ้าง ซื้อคอนโดหรือยัง หากจะแต่งงานมีลูก ได้วางแผนการเงินอย่างไร
ซึ่งพอคุยประเด็นต่างๆ เหล่านี้ เพื่อนๆ หลายคนก็จะเริ่มอึดอัด และชวนเปลี่ยนเรื่องคุย เมื่อก่อนผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ ยังพยายามหวังดีว่าสิ่งนี้มันน่าจะช่วยให้ชีวิตเขาดีขึ้นได้บ้างนะ เพราะตัวเราพอทำแล้วไม่เคยมีต้องมีปัญหา เงินไม่พอใช้ หนี้สินรุงรัง ไม่มีเงินซะที ฯลฯ
แต่สิ่งที่ได้ยินกลับมากลับเป็นประมาณว่า “เงินเราน้อย แค่จะใช้แต่ละเดือนยังไม่ค่อยจะพอเลย” “ว่าจะเก็บเงินเหมือนกันแหละ แต่เดี๋ยวต้องรอเงินเดือนออกก่อน” “ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นมีเยอะ ไม่เหลือให้เก็บหรอก” “ลงทุนอะไรมันเสี่ยงจะตาย” พอเริ่มรำคาญก็จะมีประโยคประมาณว่า “มีเงินก็ไม่ใช่ว่าจะมีความสุข ชีวิตมีอะไรมากกว่าหาเงิน” “ตอนนี้เราก็มีความสุขดีแล้ว (เลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะ)” ฯลฯ
จนวันหนึ่งได้คุยกับคนที่ชี้ทางสว่างให้เราว่า สิ่งที่เราคิดว่าดีสำหรับเรา คนอื่นอาจจะไม่ได้คิดว่าดีสำหรับเข้า หรือ ไม่ได้ต้องการสิ่งนั้นเหมือนกับเรา ดังนั้น เราไม่ควรไปบังคับให้คนอื่น ให้ชอบหรือคิดให้เหมือนกับเรา ก็บอกแล้วว่า เงินทอง มันเป็นเรื่องส่วนบุคคล ^_^
ทุกวันนี้เวลาผมจะคุยเรื่องพวกนี้ผมจะต้องเช็คจนแน่ใจว่าเขาต้องการที่จะลงทุนจริงๆ
เคยได้ยินคนที่มีความรู้ท่านนึงกล่าวไว้ว่า "เมื่อลูกศิษย์พร้อม อาจารย์จะปรากฎ"
Blog ของคนใช้เงินเก่ง ^_^
http://pefinance.wordpress.com/about/
http://pefinance.wordpress.com/about/