สงสัยบางเรื่องจาก รวยหุ้นได้จริง ของคุณฮง คับ
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยบางเรื่องจาก รวยหุ้นได้จริง ของคุณฮง คับ
โพสต์ที่ 1
รบกวนช่วยสอน อธิบายผมหน่อยคับ
งงๆนิดหน่อย
current ratio
หุ้น a2.3 b0.75 c1.1 d0.72
ทั้งสี่ตัวเป็นหุ้นค้าปลีก
คุณอาจจะคิดว่าตัวเลขแบบนี้ หุ้น a c ย่อมดีกว่า
หุ้น b d เพราะอัตราส่วนเกิน 1 เท่า แต่พอไปเจอรายละเอียดแล้ว
บ. a กับ บ.c เป็นบ. ที่เน้นเช่าสาขาแล้วขายของ แทบไม่มีการลงทุนในการสร้างอาคารเลย
ดังนั้นซื้อมาขายไปหลักๆ ก็จะมีแต่เงินสดกับ stock ของ ที่เยอะ ทำใสห้ลักษณะนี้จะมีสิทนทรัพย์หมุน
เวียนเยอะ และทำให้ current ration สูง
แต่บ. b กับบ. c นั้นมีการสร้างตักด้วยตัวเอง
จึงมีสาขาไม่เยอะมาก แต่สาขาแต่ละแห่งสร้างรายได้สูง บริษัทลักษณะนี้จะมีตัวเลข
สินทรัพย์ถาวรสูงกว่าตัวเลข stock ของ ทำให้เวลาดูงบแล้ว current ration อาจจะไม่สูง
เหมือนบริษัทที่รูปแบบธุรกิจเป็นเช่าพื้นที่แล้วซื้อมาขายไป
แต่ไม่ได้หมายความว่า บ.b และ c มีปัญหาทางสภาพคล่อง
ดังนั้น เวลาที่เราจะดูอัตตราส่วนเกี่ยวกับสภาพคล่องของธุรกิจ เราจำเป็นต้องรู้ว่า
ลักษณะของบ. แบบไหน ที่แทบจะไม่ต้องลงทุนในสินทรัพย์ถาวร
แต่เป็นบ.ลักษณะซื้อมาขายไป หรือบ. แบบไหน มีการลงทนุในสินทรัพย์ถาวรเยอะ
ธุรกิจที่ต้องลงทุนสร้างสาขาเองมักจะมี current ration ต่ำกว่าธุรกิจเช่าพื้นที่เสมอ
ผมพยายาม quote มาเกือบทุกตัวอักษร นะคับ
แต่งงๆ นิดๆ ว่า ทำไม สินทรัพย์ถาวร ถึงทำให้ค้าปลีกมา
current ratio ต่ำกว่า
แล้ว current ration มีความสัมพันธ์กับ สินทรัพย์ถาวร ในแง่ใดบ้าง
งงๆ คับ รบกวน ช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยคับ
ขอบคุณคับ
งงๆนิดหน่อย
current ratio
หุ้น a2.3 b0.75 c1.1 d0.72
ทั้งสี่ตัวเป็นหุ้นค้าปลีก
คุณอาจจะคิดว่าตัวเลขแบบนี้ หุ้น a c ย่อมดีกว่า
หุ้น b d เพราะอัตราส่วนเกิน 1 เท่า แต่พอไปเจอรายละเอียดแล้ว
บ. a กับ บ.c เป็นบ. ที่เน้นเช่าสาขาแล้วขายของ แทบไม่มีการลงทุนในการสร้างอาคารเลย
ดังนั้นซื้อมาขายไปหลักๆ ก็จะมีแต่เงินสดกับ stock ของ ที่เยอะ ทำใสห้ลักษณะนี้จะมีสิทนทรัพย์หมุน
เวียนเยอะ และทำให้ current ration สูง
แต่บ. b กับบ. c นั้นมีการสร้างตักด้วยตัวเอง
จึงมีสาขาไม่เยอะมาก แต่สาขาแต่ละแห่งสร้างรายได้สูง บริษัทลักษณะนี้จะมีตัวเลข
สินทรัพย์ถาวรสูงกว่าตัวเลข stock ของ ทำให้เวลาดูงบแล้ว current ration อาจจะไม่สูง
เหมือนบริษัทที่รูปแบบธุรกิจเป็นเช่าพื้นที่แล้วซื้อมาขายไป
แต่ไม่ได้หมายความว่า บ.b และ c มีปัญหาทางสภาพคล่อง
ดังนั้น เวลาที่เราจะดูอัตตราส่วนเกี่ยวกับสภาพคล่องของธุรกิจ เราจำเป็นต้องรู้ว่า
ลักษณะของบ. แบบไหน ที่แทบจะไม่ต้องลงทุนในสินทรัพย์ถาวร
แต่เป็นบ.ลักษณะซื้อมาขายไป หรือบ. แบบไหน มีการลงทนุในสินทรัพย์ถาวรเยอะ
ธุรกิจที่ต้องลงทุนสร้างสาขาเองมักจะมี current ration ต่ำกว่าธุรกิจเช่าพื้นที่เสมอ
ผมพยายาม quote มาเกือบทุกตัวอักษร นะคับ
แต่งงๆ นิดๆ ว่า ทำไม สินทรัพย์ถาวร ถึงทำให้ค้าปลีกมา
current ratio ต่ำกว่า
แล้ว current ration มีความสัมพันธ์กับ สินทรัพย์ถาวร ในแง่ใดบ้าง
งงๆ คับ รบกวน ช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยคับ
ขอบคุณคับ
show me money.
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สงสัยบางเรื่องจาก รวยหุ้นได้จริง ของคุณฮง คับ
โพสต์ที่ 4
ตามความเข้าใจของผมนะครับ เราลองไปแกะดูงบดุลครับ จะมีสินทรัพย์ หนี้สิน แล้วก็ทุน
สูตรคำนวน current ratio = สินทรัพย์หมุนเวียน/หนี้สินหมุนเวียน
ดังนั้น ถ้าตัวเลขที่ได้มีค่ามาก ก็แปลว่าบริษัทนั้นมีสินทรัพย์หมุนเวียนมากกว่าหนี้สินหมุนเวียน
ซึ่งยิ่งสูงยิ่งดี โดยปกติเราจะมองว่ามีมากกว่า 1 ถือว่าไม่มีปัญหา ถ้าน้อยกว่า 1 ถือว่าบริษัท
ขาดสภาพคล่องครับ....^^)
แล้วที่คุณยกเคส ของคุณฮง มานั้น เขาต้องการจะบอกว่า
บริษัท a,b,c,d เป็นธุรกิจค้าปลีกเหมือนกัน แต่ b,d คำนวนได้น้อยกว่า 1 ถ้าตามสูตร
2 บริษัทนี้จะมีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง แต่ถ้าเรามองให้ลึกไปถึงการดำเนินกิจกรรมของแต่ละบริษัท
มีส่วนที่ต่างกันอยู่ในด้านของกลยุทธ์ ตามที่คุณฮงบอกคือสรุปย่อๆคือ a,c จะมรการสต็อกของเยอะ
ซึ่งอยู่ในสินทรัพย์หมุนเวียน ทำให้คำนวนออกมามีค่ามากกว่า 1 แต่ b,d เน้นสร้างสินทรัพย์
ถาวรซึ่งไม่ได้ใช้คำนวนในสูตร จึงทำให้ค่าออกมาต่ำกว่า 1 ครับ...^^)
ปล. แต่ผมมองว่าในปัจจุบันเราใช้สูตรอีกตัวนึงในการประเมินดีกว่าครับ นั่นคือ Quick ratio ลอง
ศึกษาเพิ่มเติมดูครับ แต่ถ้าให้ผมศึกษาบริษัท 4 ตัวนี้ ผมต้องมองลึกลงไปอีกว่าค้าปลีกนั้นค้าอะไร?
สต็อกของมากน้อยแค่ไหน? แล้วการหมุนของStockสินค้า(ขายของ)เร็วหรือไม่? เป็นต้นครับ...^^)
สูตรคำนวน current ratio = สินทรัพย์หมุนเวียน/หนี้สินหมุนเวียน
ดังนั้น ถ้าตัวเลขที่ได้มีค่ามาก ก็แปลว่าบริษัทนั้นมีสินทรัพย์หมุนเวียนมากกว่าหนี้สินหมุนเวียน
ซึ่งยิ่งสูงยิ่งดี โดยปกติเราจะมองว่ามีมากกว่า 1 ถือว่าไม่มีปัญหา ถ้าน้อยกว่า 1 ถือว่าบริษัท
ขาดสภาพคล่องครับ....^^)
แล้วที่คุณยกเคส ของคุณฮง มานั้น เขาต้องการจะบอกว่า
บริษัท a,b,c,d เป็นธุรกิจค้าปลีกเหมือนกัน แต่ b,d คำนวนได้น้อยกว่า 1 ถ้าตามสูตร
2 บริษัทนี้จะมีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง แต่ถ้าเรามองให้ลึกไปถึงการดำเนินกิจกรรมของแต่ละบริษัท
มีส่วนที่ต่างกันอยู่ในด้านของกลยุทธ์ ตามที่คุณฮงบอกคือสรุปย่อๆคือ a,c จะมรการสต็อกของเยอะ
ซึ่งอยู่ในสินทรัพย์หมุนเวียน ทำให้คำนวนออกมามีค่ามากกว่า 1 แต่ b,d เน้นสร้างสินทรัพย์
ถาวรซึ่งไม่ได้ใช้คำนวนในสูตร จึงทำให้ค่าออกมาต่ำกว่า 1 ครับ...^^)
ปล. แต่ผมมองว่าในปัจจุบันเราใช้สูตรอีกตัวนึงในการประเมินดีกว่าครับ นั่นคือ Quick ratio ลอง
ศึกษาเพิ่มเติมดูครับ แต่ถ้าให้ผมศึกษาบริษัท 4 ตัวนี้ ผมต้องมองลึกลงไปอีกว่าค้าปลีกนั้นค้าอะไร?
สต็อกของมากน้อยแค่ไหน? แล้วการหมุนของStockสินค้า(ขายของ)เร็วหรือไม่? เป็นต้นครับ...^^)
-
- Verified User
- โพสต์: 100
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สงสัยบางเรื่องจาก รวยหุ้นได้จริง ของคุณฮง คับ
โพสต์ที่ 5
ก็ถูกแล้วหนิคะ. Current ratio เป็นอัตราส่วนที่เอาสินทรัพย์หมุนเวียน/หนี้สินหมุนเวียน
ดังนั้นค้าปลีกที่เช่าสาขา ยกตัวอย่าง 7/11 ก็จะมี current ratio หรือมีสภาพคล่องดีกว่า ค้าปลีกที่ต้องลงทุนสร้างตึกเอง เพราะอาคารเช่าเป็นสินทรัพย์หมุนเวียน แต่อาคารที่ลงทุนสร้างเองถือเป็นสินทรัพย์ถาวร
ข้อดีของการเช่าก็คือสามารถขยายสาขาได้เร็ว โดยใช้ทุนน้อย
ส่วนข้อดีของการสร้างเอง ก็อาจจะได้มูลค่าของที่ดิน ทรัพย์สินที่สูงขึ้นในระยะยาว
เราคิดว่าแบบนี้นะ
ดังนั้นค้าปลีกที่เช่าสาขา ยกตัวอย่าง 7/11 ก็จะมี current ratio หรือมีสภาพคล่องดีกว่า ค้าปลีกที่ต้องลงทุนสร้างตึกเอง เพราะอาคารเช่าเป็นสินทรัพย์หมุนเวียน แต่อาคารที่ลงทุนสร้างเองถือเป็นสินทรัพย์ถาวร
ข้อดีของการเช่าก็คือสามารถขยายสาขาได้เร็ว โดยใช้ทุนน้อย
ส่วนข้อดีของการสร้างเอง ก็อาจจะได้มูลค่าของที่ดิน ทรัพย์สินที่สูงขึ้นในระยะยาว
เราคิดว่าแบบนี้นะ
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สงสัยบางเรื่องจาก รวยหุ้นได้จริง ของคุณฮง คับ
โพสต์ที่ 6
งงคับ อาคารการเช่า เป็นสินทรัพย์ หมุนเวียนstevejob เขียน:ก็ถูกแล้วหนิคะ. Current ratio เป็นอัตราส่วนที่เอาสินทรัพย์หมุนเวียน/หนี้สินหมุนเวียน
ดังนั้นค้าปลีกที่เช่าสาขา ยกตัวอย่าง 7/11 ก็จะมี current ratio หรือมีสภาพคล่องดีกว่า ค้าปลีกที่ต้องลงทุนสร้างตึกเอง เพราะอาคารเช่าเป็นสินทรัพย์หมุนเวียน แต่อาคารที่ลงทุนสร้างเองถือเป็นสินทรัพย์ถาวร
ข้อดีของการเช่าก็คือสามารถขยายสาขาได้เร็ว โดยใช้ทุนน้อย
ส่วนข้อดีของการสร้างเอง ก็อาจจะได้มูลค่าของที่ดิน ทรัพย์สินที่สูงขึ้นในระยะยาว
เราคิดว่าแบบนี้นะ
ปกติ มันบุค อยู่ในรายการใดคับ
ปกติ ค่าเช่าควรเป็น expense ใน pl staement
ถ้ามีเงินเซ้งน้าจะอยู่ book อยู่ในสิทธิการเช่า
ก็น่าจะเป็น fix asset นี่คับ
show me money.
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สงสัยบางเรื่องจาก รวยหุ้นได้จริง ของคุณฮง คับ
โพสต์ที่ 7
ปกติ ผมจะดู wc กับ cash cycle มากกว่า
เวลาวิเคราะห์ ก็จะดู short term interest bearing debt
กับ mod current ratio
เช่น การตัด cash กับไม่ตัด cash ในการคำนวณ
แต่ของคุณ ฮงผมงงๆหน่อยคับ
แต่โดยรวมหนังสือ ดีมาก มุมมองก็ practical มากๆ
เวลาวิเคราะห์ ก็จะดู short term interest bearing debt
กับ mod current ratio
เช่น การตัด cash กับไม่ตัด cash ในการคำนวณ
แต่ของคุณ ฮงผมงงๆหน่อยคับ
แต่โดยรวมหนังสือ ดีมาก มุมมองก็ practical มากๆ
show me money.
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สงสัยบางเรื่องจาก รวยหุ้นได้จริง ของคุณฮง คับ
โพสต์ที่ 10
ผมว่า คุณฮง เขาคงต้องการจะสื่อว่า อย่ามองเพียง Current Rationut776 เขียน:ปกติ ผมจะดู wc กับ cash cycle มากกว่า
เวลาวิเคราะห์ ก็จะดู short term interest bearing debt
กับ mod current ratio
เช่น การตัด cash กับไม่ตัด cash ในการคำนวณ
แต่ของคุณ ฮงผมงงๆหน่อยคับ
แต่โดยรวมหนังสือ ดีมาก มุมมองก็ practical มากๆ
มีค่าน้อยกว่า 1 แล้วถือว่าบริษัทนั้นขาดสภาพคล่อง มากกว่าครับ....^^)
-
- Verified User
- โพสต์: 2232
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สงสัยบางเรื่องจาก รวยหุ้นได้จริง ของคุณฮง คับ
โพสต์ที่ 11
ค่าเช่ามันเป็นคชจ.ในงบกำไรขาดทุนไม่ใช่เหรอครับ เว้นแต่จ่ายล่วงหน้าน่าจะบุ้คเป็นค่าเช่าจ่ายล่วงหน้าในสินทรัพย์ ผมเข้าใจถูกมั้ยครับ ตอนอ่านหนังสือเล่มนี้ก็งงในประเด็นนี้เหมือนกัน
นักเลงคีย์บอร์ด4.0
-
- Verified User
- โพสต์: 2232
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สงสัยบางเรื่องจาก รวยหุ้นได้จริง ของคุณฮง คับ
โพสต์ที่ 13
อีกประเด็นนึงคือไม่เข้าใจว่าระหว่างเช่ากับสร้างสาขาเองเกี่ยวข้องยังไงกับปริมาณสต๊อกของ? สต๊อกมากน้อยน่าจะเกี่ยวกับยอดขาย ไม่น่าจะเกี่ยวกับว่าสาขานั้นเช่าหรือสร้างเอง
นักเลงคีย์บอร์ด4.0
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สงสัยบางเรื่องจาก รวยหุ้นได้จริง ของคุณฮง คับ
โพสต์ที่ 14
เพิ่มเติมครับ(ผมว่าผมอธิบายละเอียดในข้อความก่อนหน้าแล้วนะ...-.-)
ค้าปลีกส่วนมากจะมีการสต็อกสินค้ามากๆเพื่อเอาไว้ขายเวลาสินค้าขาดจากสาขาจะได้เติม
ขายหน้าร้านได้เลย ไม่ต้องรอสั่งจากส่วนกลางหรือสำนักงานใหญ่ แต่แบบ บ. b,d
เขาเน้นสร้างรายได้สูง แต่สาขาน้อย ทำให้ไม่ต้องสต็อกสินค้ามากๆ แต่อย่าลืมนะครับ
พวกค้าปลีกมักจะสั่งของเป็นเครดิตไม่ใช่เงินสด ดังนั้นหนี้สินหมุนเวียนจะสูง(เจ้าหนี้การค้าสูงนั่นเอง)
ทำให้ b,d คำนวนออกมาต่ำกว่า 1 นั่นเอง....^^)
ปล.เข้าใจหรือเปล่าครับ ถ้ายังไม่เข้าใจผมว่าต้องมานั่งจับเข่าคุยกัน แล้วเขียนให้เห็นภาพแล้ว
หละครับ....เอิ้กๆๆๆ....^^)
ค้าปลีกส่วนมากจะมีการสต็อกสินค้ามากๆเพื่อเอาไว้ขายเวลาสินค้าขาดจากสาขาจะได้เติม
ขายหน้าร้านได้เลย ไม่ต้องรอสั่งจากส่วนกลางหรือสำนักงานใหญ่ แต่แบบ บ. b,d
เขาเน้นสร้างรายได้สูง แต่สาขาน้อย ทำให้ไม่ต้องสต็อกสินค้ามากๆ แต่อย่าลืมนะครับ
พวกค้าปลีกมักจะสั่งของเป็นเครดิตไม่ใช่เงินสด ดังนั้นหนี้สินหมุนเวียนจะสูง(เจ้าหนี้การค้าสูงนั่นเอง)
ทำให้ b,d คำนวนออกมาต่ำกว่า 1 นั่นเอง....^^)
ปล.เข้าใจหรือเปล่าครับ ถ้ายังไม่เข้าใจผมว่าต้องมานั่งจับเข่าคุยกัน แล้วเขียนให้เห็นภาพแล้ว
หละครับ....เอิ้กๆๆๆ....^^)
- anubist
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1369
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สงสัยบางเรื่องจาก รวยหุ้นได้จริง ของคุณฮง คับ
โพสต์ที่ 15
คงต้องมาดูการบันทึกบัญชีแล้วครับ
เงินเซ้งให้ได้มาซึ่งสิทธิ์การเช่า ผมจะบันทึกในสินทรัพย์ถาวร
ส่วนค่าเช่าจ่ายล่วงหน้า ผมจะบันทึกในสินทรัพย์หมุนเวียน
แต่ผมคิดว่าในธุรกิจค้าปลีกค่าเช่าน่าจะน้อยกว่าสินค้าคงเหลือมากๆนะครับ
ฉนั้นไม่น่าจะกระทบกับอัตราส่วนมากนัก
อย่าง7-11ค่าเช่าประมาณ3-5หมื่น แต่แค่สต๊อกเหล้าหลังเคาเตอร์ก็น่าจะเกินแล้วนะ
เงินเซ้งให้ได้มาซึ่งสิทธิ์การเช่า ผมจะบันทึกในสินทรัพย์ถาวร
ส่วนค่าเช่าจ่ายล่วงหน้า ผมจะบันทึกในสินทรัพย์หมุนเวียน
แต่ผมคิดว่าในธุรกิจค้าปลีกค่าเช่าน่าจะน้อยกว่าสินค้าคงเหลือมากๆนะครับ
ฉนั้นไม่น่าจะกระทบกับอัตราส่วนมากนัก
อย่าง7-11ค่าเช่าประมาณ3-5หมื่น แต่แค่สต๊อกเหล้าหลังเคาเตอร์ก็น่าจะเกินแล้วนะ
ทุนน้อยและหลุดดอยแล้ว เย้ๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 274
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สงสัยบางเรื่องจาก รวยหุ้นได้จริง ของคุณฮง คับ
โพสต์ที่ 16
ตรงนี้ ผมก็งง เหมือนกันครับ เกี่ยวอะไรกันกับปริมาณสินค้าที่ต้องเก็บไว้ งงๆharikung เขียน:อีกประเด็นนึงคือไม่เข้าใจว่าระหว่างเช่ากับสร้างสาขาเองเกี่ยวข้องยังไงกับปริมาณสต๊อกของ? สต๊อกมากน้อยน่าจะเกี่ยวกับยอดขาย ไม่น่าจะเกี่ยวกับว่าสาขานั้นเช่าหรือสร้างเอง
-
- Verified User
- โพสต์: 100
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สงสัยบางเรื่องจาก รวยหุ้นได้จริง ของคุณฮง คับ
โพสต์ที่ 17
เอ สิทธิการเช่าเป็นสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนจริงๆ.
ถ้าอย่างนั้นน่าจะสื่อว่า ค้าปลีกที่ไม่ต้องลงทุนหนักๆ เลยทำให้เหลือเงินสดและสินทรัพย์หมุนเวียนเยอะ
เนื่องจาก ถ้าเอาไปเงินสร้างสินทรัพย์ถาวร ก็จะทำให้ส่วนของเงินสดในสินทรัพย์หมุนเวียนน้อยกว่า ค้าปลีกแบบเช่าพื้นที่
Current ratio ของธุรกิจที่ลงทุนสร้างสาขาเองเลยต่ำกว่าแบบที่เช่าพื้นที่
เราว่าอันนี้เค้าต้องการบอกว่าการดูอัตราส่วนการเงิน ไม่ใช่เฉพาะตัว current ratio ให้ดูลักษณะธุรกิจประกอบด้วยตลอด เทียบกันตรงๆ แล้วตัดสินว่าอันไหนดีกว่า อาจจะไม่ตรงนัก
ถ้าอย่างนั้นน่าจะสื่อว่า ค้าปลีกที่ไม่ต้องลงทุนหนักๆ เลยทำให้เหลือเงินสดและสินทรัพย์หมุนเวียนเยอะ
เนื่องจาก ถ้าเอาไปเงินสร้างสินทรัพย์ถาวร ก็จะทำให้ส่วนของเงินสดในสินทรัพย์หมุนเวียนน้อยกว่า ค้าปลีกแบบเช่าพื้นที่
Current ratio ของธุรกิจที่ลงทุนสร้างสาขาเองเลยต่ำกว่าแบบที่เช่าพื้นที่
เราว่าอันนี้เค้าต้องการบอกว่าการดูอัตราส่วนการเงิน ไม่ใช่เฉพาะตัว current ratio ให้ดูลักษณะธุรกิจประกอบด้วยตลอด เทียบกันตรงๆ แล้วตัดสินว่าอันไหนดีกว่า อาจจะไม่ตรงนัก
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สงสัยบางเรื่องจาก รวยหุ้นได้จริง ของคุณฮง คับ
โพสต์ที่ 18
อธิบายได้ดังนี้ครับ เราเปรียบเทียบบริษัท A กับ B บริษัท A เน้นเช่าสาขาเพิ่มMarcoPolo เขียน:ตรงนี้ ผมก็งง เหมือนกันครับ เกี่ยวอะไรกันกับปริมาณสินค้าที่ต้องเก็บไว้ งงๆharikung เขียน:อีกประเด็นนึงคือไม่เข้าใจว่าระหว่างเช่ากับสร้างสาขาเองเกี่ยวข้องยังไงกับปริมาณสต๊อกของ? สต๊อกมากน้อยน่าจะเกี่ยวกับยอดขาย ไม่น่าจะเกี่ยวกับว่าสาขานั้นเช่าหรือสร้างเอง
บริษัท B เน้นขยายสาขา ตามโจทย์ของผู้ตั้งกระทู้ A ขยายสาขามากๆ B ขยายสาขาน้อย
แต่เน้นขายกำไรมาก
สมมติ A มี 10 สาขา สต็อกของสาขาละ 5 จะได้สต็อกทั้งหมด 50
ส่วน B มี 3 สาขา(ต่างกันมากๆ) ผมให้สต็อกสาขาละ 10 เลย ได้สต็อกทั้งหมด 30
เห็นไหมครับว่ามันต่างกัน!!!!
แล้วถ้ามองลึกอีก ถ้ามี 10 สาขาแล้วสต็อกของไว้น้อยๆ พอของหมดต้องเติมบ่อยๆเสียค่าขนส่งอีก
แล้วเวลาลูกค้ามาหาของมักจะไม่มีหรือหมด บ่อยๆลูกค้าก็ไม่อยากเข้าร้านครับ....เฮ้ออออ..^^)
-
- Verified User
- โพสต์: 1291
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สงสัยบางเรื่องจาก รวยหุ้นได้จริง ของคุณฮง คับ
โพสต์ที่ 20
ผมเข้าใจว่าทุกบริษัทเป็นค้าปลีกทั้งหมดเมื่อเปรียบเทียบ current ratio เเล้ว บริษัท a&c ดูสูงกว่า b&d เเต่ไม่ได้หมายความว่า b&d ที่มีcurrent ratio ต่ำเเล้วไม่ดี
ให้ดูจากสูตรคำนวน
current ratio = สินทรัพย์หมุนเวียน/หนี้สินหมุนเวียน
สินทรัพย์รวม = สินทรัพย์หมุนเวียน + สินทรัพย์ถาวร
ถ้าทุกอย่างเท่ากันหมด (มีสินทรัพย์รวม = หนี้สินรวม + ส่วนผู้ถือหุ้น)
จะเห็นได้ว่า
a&c สินทรัพย์หมุนเวียน (cash + stock) มาก เพราะไม่มีการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร
b&d สินทรัพย์หมุนเวียน (cash + stock) น้อย เพราะมีการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร
เมื่อเอาหนี้สินหมุนเวียนมาหารสินทรัพย์หมุนเวียน จะเห็นว่า a&c ดูสูงกว่า b&d
ให้ดูจากสูตรคำนวน
current ratio = สินทรัพย์หมุนเวียน/หนี้สินหมุนเวียน
สินทรัพย์รวม = สินทรัพย์หมุนเวียน + สินทรัพย์ถาวร
ถ้าทุกอย่างเท่ากันหมด (มีสินทรัพย์รวม = หนี้สินรวม + ส่วนผู้ถือหุ้น)
จะเห็นได้ว่า
a&c สินทรัพย์หมุนเวียน (cash + stock) มาก เพราะไม่มีการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร
b&d สินทรัพย์หมุนเวียน (cash + stock) น้อย เพราะมีการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร
เมื่อเอาหนี้สินหมุนเวียนมาหารสินทรัพย์หมุนเวียน จะเห็นว่า a&c ดูสูงกว่า b&d
VI Robot The Great