บทความ-หุ้น เป็น Dynamic
- Rocker
- Verified User
- โพสต์: 4526
- ผู้ติดตาม: 0
บทความ-หุ้น เป็น Dynamic
โพสต์ที่ 1
ผมทํา Blog ส่วนตัวเล็กๆครับ และได้เขียนไว้หลาย บทความ คิดว่ามีประโยชน์เลยนํามา Share เพื่อนๆครับ
หุ้น เป็น Dynamic
ลักษณะของหุ้นนั้นจะมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา เพราะข้อมูลนั้นเปลี่ยนตลอดเวลา หุ้นดีที่ไม่ดี ในอดีตอาดีในปัจจุบันส่วนหุ้นที่ดีในอดีตอาจจะไม่ดีในวันนี้ก็ได้ เพราะว่า ผลการดำเนินงานของหุ้นนั้นแปลเปลี่ยนตาม Economic Cycle และ ปัจจัยต่างๆ ดังนั้น ผมจะประเมินราคาหุ้น และ ปรับ Intrinsic Value อยู่สม่ำเสมอ เมื่อมีข้อมูลใหม่เข้ามาก็จะใส่ค่าไปในประมาณการ ส่งผลให้ ค่า PE PBV Dividend Yield เปลี่ยนไปตามข้อมูล บางคน บอกว่าเลือกหุ้นตามหลัก Value Investment แล้วทำไมไม่กำไร เพราะ ตอนเลือก PE PBV ก็ต่ำ ปันผลก็จ่าย แต่ เค้าไม่ได้คำนึงถึงว่า อัตราส่วนที่ใช้เลือกนั้นเป็น อดีต Historical แต่ราคาหุ้นมักจะสะท้อน อนาคต หมายความว่าผลการดำเนินงานปีนี้อาจจะแย่ก็ได้เนื่องจากเหตุต่างๆเช่น ขาลงของอุตสาหกรรม คู่แข่งเพิ่มขึ้น มีสินค้าทนแทนเป็นต้น ดังนั้นเราควร ประมาณการ กำไรในอนาคต แล้วใช้ค่า Forward ต่างๆ Peter Lynch เคยกล่าวไว้ว่า “ การดูตัวเลขในอดีตเหมือนกันกับขับรถโดยมองกระจกหลัง “ เค้าจะไม่ให้นำหนักกับข้อมูลในอดีตมากเท่ากับปัจจุบันและในอนาคต ยก ตัวอย่าง หุ้น CPALL ปี 2553 มี EPS 1.48 บาทหุ้น ราคา ณ ปัจจุบัน 44 บาท จะได้ Historical PE 30 เท่า จึง ดู เหมือนแพงมากแต่ทำไม ราคาหุ้นถึงยืนเหนือ 40 บาทได้เพราะตลาดมองอนาคต โดย คาดการณว่า ปี 2554 นั้น EPS ของ CPALL จะอยู่ที่ 1.8 บาท PE ก็จะลดลงเหลือประมาณ 24 เท่า (การที่ตลาดให้ PE หุ้นตัวไหน ต่ำ สูง นั้นมีปัจจัยมากมายไว้จะเขียนเล่าให้ฟังทีหลังครับ )
สังเกตุให้ดีสิหุ้น 1 ตัว ทำไม นักวิเคราะห์ถึง ออกบทวิเคราะห์อยู่เรื่อยๆเพราะมันมีข้อมูลปัจจัยใหม่เข้ามาสม่ำเสมอดังนั้นเราไม่ควรไปยึดติดว่าหุ้น ตัวนี้มูลค่า ควรเป็นเท่านั้นเท่านี้
Concept คือเมื่อเราซื้อหุ้น ซึ่งเปรียบเสมือน Cash Machine ปีที่แล้วผลิตเงิน ได้ 10 บาท ขายCash Machine 100 บาท คิดเป็น P/E 10เท่า แต่ปัจจุบัน ผลิตเงินได้ 15 บาท ราคา Cash Machine ก็ควรซื้อขาย ที่ 150 บาท ถูกไหมครับ เพราะผลิตเงินได้เพิ่มขึ้น เหตุใดควรซื้อที่ ราคา 100 บาท แต่หาก สมมุติวันนี้ Cash Machine ผลิตเงินได้แค่ 8 บาท ราคาขาย Cash Machine ก็ควรลดมาอยู่ที่ 80 บาท ถูกไหมครับ เพราะผลิตเงินได้น้อยลง สรุป Intrinsic Value (มูลค่าที่แท้จริงของหุ้น)นั้นเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตามผลดำเนินงานของ บริษัท ครับ
ที่สำคัญกว่าคือ เราควรซื้อหุ้นที่เรามอง Trends ของ Earnings ว่ากำลังอยู่ ขาขึ้น เช่น มีการขยายสาขา เรื่อย Same Store Sales เพิ่มขึ้น Gross Profit Margin ดีขึ้น เพราะ ราคา Cash Machine ของเราจะมีแต่เพิ่มขึนในระยะยาวครับ
http://valuespeculator.blogspot.com/
หุ้น เป็น Dynamic
ลักษณะของหุ้นนั้นจะมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา เพราะข้อมูลนั้นเปลี่ยนตลอดเวลา หุ้นดีที่ไม่ดี ในอดีตอาดีในปัจจุบันส่วนหุ้นที่ดีในอดีตอาจจะไม่ดีในวันนี้ก็ได้ เพราะว่า ผลการดำเนินงานของหุ้นนั้นแปลเปลี่ยนตาม Economic Cycle และ ปัจจัยต่างๆ ดังนั้น ผมจะประเมินราคาหุ้น และ ปรับ Intrinsic Value อยู่สม่ำเสมอ เมื่อมีข้อมูลใหม่เข้ามาก็จะใส่ค่าไปในประมาณการ ส่งผลให้ ค่า PE PBV Dividend Yield เปลี่ยนไปตามข้อมูล บางคน บอกว่าเลือกหุ้นตามหลัก Value Investment แล้วทำไมไม่กำไร เพราะ ตอนเลือก PE PBV ก็ต่ำ ปันผลก็จ่าย แต่ เค้าไม่ได้คำนึงถึงว่า อัตราส่วนที่ใช้เลือกนั้นเป็น อดีต Historical แต่ราคาหุ้นมักจะสะท้อน อนาคต หมายความว่าผลการดำเนินงานปีนี้อาจจะแย่ก็ได้เนื่องจากเหตุต่างๆเช่น ขาลงของอุตสาหกรรม คู่แข่งเพิ่มขึ้น มีสินค้าทนแทนเป็นต้น ดังนั้นเราควร ประมาณการ กำไรในอนาคต แล้วใช้ค่า Forward ต่างๆ Peter Lynch เคยกล่าวไว้ว่า “ การดูตัวเลขในอดีตเหมือนกันกับขับรถโดยมองกระจกหลัง “ เค้าจะไม่ให้นำหนักกับข้อมูลในอดีตมากเท่ากับปัจจุบันและในอนาคต ยก ตัวอย่าง หุ้น CPALL ปี 2553 มี EPS 1.48 บาทหุ้น ราคา ณ ปัจจุบัน 44 บาท จะได้ Historical PE 30 เท่า จึง ดู เหมือนแพงมากแต่ทำไม ราคาหุ้นถึงยืนเหนือ 40 บาทได้เพราะตลาดมองอนาคต โดย คาดการณว่า ปี 2554 นั้น EPS ของ CPALL จะอยู่ที่ 1.8 บาท PE ก็จะลดลงเหลือประมาณ 24 เท่า (การที่ตลาดให้ PE หุ้นตัวไหน ต่ำ สูง นั้นมีปัจจัยมากมายไว้จะเขียนเล่าให้ฟังทีหลังครับ )
สังเกตุให้ดีสิหุ้น 1 ตัว ทำไม นักวิเคราะห์ถึง ออกบทวิเคราะห์อยู่เรื่อยๆเพราะมันมีข้อมูลปัจจัยใหม่เข้ามาสม่ำเสมอดังนั้นเราไม่ควรไปยึดติดว่าหุ้น ตัวนี้มูลค่า ควรเป็นเท่านั้นเท่านี้
Concept คือเมื่อเราซื้อหุ้น ซึ่งเปรียบเสมือน Cash Machine ปีที่แล้วผลิตเงิน ได้ 10 บาท ขายCash Machine 100 บาท คิดเป็น P/E 10เท่า แต่ปัจจุบัน ผลิตเงินได้ 15 บาท ราคา Cash Machine ก็ควรซื้อขาย ที่ 150 บาท ถูกไหมครับ เพราะผลิตเงินได้เพิ่มขึ้น เหตุใดควรซื้อที่ ราคา 100 บาท แต่หาก สมมุติวันนี้ Cash Machine ผลิตเงินได้แค่ 8 บาท ราคาขาย Cash Machine ก็ควรลดมาอยู่ที่ 80 บาท ถูกไหมครับ เพราะผลิตเงินได้น้อยลง สรุป Intrinsic Value (มูลค่าที่แท้จริงของหุ้น)นั้นเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตามผลดำเนินงานของ บริษัท ครับ
ที่สำคัญกว่าคือ เราควรซื้อหุ้นที่เรามอง Trends ของ Earnings ว่ากำลังอยู่ ขาขึ้น เช่น มีการขยายสาขา เรื่อย Same Store Sales เพิ่มขึ้น Gross Profit Margin ดีขึ้น เพราะ ราคา Cash Machine ของเราจะมีแต่เพิ่มขึนในระยะยาวครับ
http://valuespeculator.blogspot.com/
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทความ-หุ้น เป็น Dynamic
โพสต์ที่ 2
ผมชอบคำว่า r มากครับValue Speculator
พี่Rockerช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ ว่าValue Speculatorต่างกับVIอย่างไร
พี่Rockerช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ ว่าValue Speculatorต่างกับVIอย่างไร

ลงทุนเพื่อชีวิต
- Rocker
- Verified User
- โพสต์: 4526
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทความ-หุ้น เป็น Dynamic
โพสต์ที่ 3
จริงๆ มันเป็นชื่อ Blog นะครับ แต่ หลักการลงทุน ผมยึด พื้นฐานนําครับ จะมีเก็งกําไรบ้างเป็นครั้งคราว เก็งผลประกอบการ หรือ Catalyst อื่นๆ เพื่อไม่ให้น่าเบื่อแต่ไม่ใช่การลงทุนหลักนะครับ และอีกอย่างชื่อ Blog VI เยอะแล้วครับ 5555thaloengsak เขียน:ผมชอบคำว่า r มากครับValue Speculator
พี่Rockerช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ ว่าValue Speculatorต่างกับVIอย่างไร

ยินดีอธิบายครับ เพราะ เขียนไว้ Blog แล้วครับ
Value Speculation คืออะไร
หลักการลงทุนที่ผมใช้เป็นหลักคือ Value Investment + Speculation = Value Speculator
เป็น การผสมระหว่างการลงทุนและเก็งกําไรครับ เนื่องจากผมมองว่า การ เป็น VS นั้น ผมมีพื้นฐานมาจาก VI และสามารถทําได้ไม่ยากนัก เพราะทักษะ สามารถประยุกต์กันได้ โดย VS คือการ เก็งกําไรหุ้นที่พื้นฐานดีโดยซื้อเมื่อราคายังตํำกว่า Intrinsic Value จริงๆตัวที่จะบอกว่า จะเข้าลงทุน หรือ เก็งกําไร อยู่ที่ Earnings Stability และ Business Model ของ หุ้นนั้นๆครับ ถ้าเป็นหุ้นที่โตเรื่อย ขยายสาขาเรื่อยๆ เพิ่ม Same Store Sales ไม่ต้องนับ 1 ใหม่ เป็น Super Stock เช่น CPALL BGH HMPRO DCC BIGC SAT STANLY TUF BH อื่นๆอีกมาก นั้น หุ้นประเภทนี้ ยอดขายโตสมำเสมอ กําไรโตเรื่อยๆ ไม่หวือหวา ในขณะเดียวกัน เราก็ไม่ควรเก็งกําไรระยะสั่้นหุ้นพวกนี้เพราะหากขายไปแล้ว พอประกาศงบการเงิน กําไรโต ราคาหุ้น ก็ปรับตัวขึ้นและมักจะปรับแบบช้าๆค่อยเป็นค่อยไป เพราะเมื่อ Earnings and Free Cash Flow สูงขึ้น Intrinsic Value ของมันก็เพิ่มขึ้น ราคาหุ้น ก็วิ่งตาม Earnings เข้าหา Intrinsic Valueของมัน
กับอีกกลุ่ม ที่ ผมจะเก็งกําไรก็พวก Earnings หวือหวา คาดเดายาก เช่น หุ้น Commodities กลุ่มประมูลงานพวกทีต้องตุน Backlog เยอะ และ Cyclical ต่างๆ ที่ยอดขาย กําไร จะหวือหวา ตามวัตถุดิบโลก หุ้นพวกนี้ก็เช่น กลุ่ม ปิโตรเคมี เกษตร พลังงาน เรือ อสังหา ยานยนต์ เช่น VNT STA CPF UVAN PTTCH IVL RCL PSL TTA PTL JAS อื่นๆ โดยหุ้นพวกนี้สังเกตุจะมี Earnings Surpirse บ่อยและข่าวจะออกมาสมํ่าเสมอมาคอยกระตุ้นราคาหุ้น โดยการปรับเพิ่มขึ้นของ ราคาสินค้า Commodities จะทําให้ ยอดขาย และ กําไรสุทธิของ บริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสําคัญ อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มนี้ตัวผมไม่ได้ชํานาญอะไรนัก ผมจึงเก็งกําไรเพราะคาดการณ์อนาคต ยาก เนื่องจากขึ้นอยู่กับปัจจัยมากมาย เช่น Demand and Supply ของโลก ซึ่งบริษัทก็ไม่สามารถควบคุมได้ บริษัททําได้แค่ บริหารตุ้นทุนของตัวเองให้ตํ่าที่สุด โดย ผมจะพยายามเลือกบริษัทที่เป็น Cost Leader เพราะหุ้น Commodities สินค้าโภคภัทฑ์จะเหมือนๆกันหมด ผู้ซื้อจึงซื้อโดย ตัดสินใจจากราคา เป็นหลัก และหรือ เป็น Market Leader อย่างน้อยใหญ่เป็นระดับต้นๆ เพราะจะได้ประโยชน์เมื่อ รอบวัฎจักร ธุรกิจกลับมาเป็นขาขึ้นจากการมี Market Share สูง Market Growth สูง ครับ
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทความ-หุ้น เป็น Dynamic
โพสต์ที่ 4
แนวคิดน่าสนใจดี จะขออนุญาตติดตามอ่านบล็อคพี่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเลยครับ 

ลงทุนเพื่อชีวิต