อิสรภาพทางการเงิน ด้วยปันผลจากหุ้น

[shooter]

ขอคำปรึกษาครับ
อยากมีอิสรภาพทางการเงินด้วยปันผลจากหุ้นครับ (สักเดือนละ 50000 บาท)
ตอนนี้ยังไม่มีหุ้นเลย อายุ 26 ปี
มีเงินสดประมาณ 1 แสน LTF 3 แสน
จะเริ่มต้นอย่างไรดีครับ
ทยอยซื้อสะสมตอนนี้เลยหรือรออ่อนตัวค่อยเข้าสะสมดีครับ

ขอบคุณล่วงหน้าครับ

[sipoonya]

ไม่มีใครเดาตลาดได้หรอกครับ

เดี๋ยวคงมีคนมาตอบท่านเอง ขอพูดถึงเป้าหมายของท่านแล้วกัน
ปันผล เดือนละ 50,000฿ = ปีละ 600,000฿
ถ้า ปันผล 6% = port 10ล้าน
ถ้าอนุรักษ์นิยมปันผลเท่าๆตลาด 3% = port 20 ล้าน
คุณมีเงิน 400,000 port 20ล้าน = 50 เท่า
ทบต้น 2-4-8-16-32-64 ประมาณ 6 ครั้ง (ถ้าคุณไม่เติมเงินเลย)
ถ้าทำผลตอบแทนได้ 42% ทบต้น ใช้เวลา 2x6 = 12 ปี
ถ้าทำผลตอบแทนได้ 26% ทบต้น ใช้เวลา 3x6 = 18 ปี
ถ้าทำผลตอบแทนได้ 19% ทบต้น ใช้เวลา 4x6 = 24 ปี
ถ้าทำผลตอบแทนได้ 15% ทบต้น ใช้เวลา 5x6 = 30 ปี
ถ้าทำผลตอบแทนได้ 10% ทบต้น ใช้เวลา 7x6 = 42 ปี
(การลงทุนหุ้นเอง ไม่ควรได้ผลตอบแทนทบต้นต่ำกว่า 10% ในระยะยาว
เพราะไม่งั้น คุณซื้อ set index แทนก็ได้ จะลงทุนเองให้เหนื่อยทำไม)
จะเห็นได้ว่า วิธีที่คุณจะเป็นอิสรภาพได้เร็ว คือ เพิ่มผลตอบแทนขึ้น (โดยไม่เพิ่มความเสี่ยง)
แต่การที่คุณจะได้ผลตอบแทน 42% 12ปี , 26% 18ปี, 19% 24ปี, 15% 30ปี เป็นความสามารถระดับเทพทั้งนั้น
การลงทุนไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้นครับ ถ้าคุณต้องมานั่งเครียดให้ผลตอบแทนเยอะๆเป็น สิบๆปีไม่คุ้มหรอกครับ
คำแนะนำ คือ คุณจำเป็นต้องมีความรู้ และมีอุปนิสัยที่เหมาะในการลงทุนให้ได้ก่อน ครับ
ง่ายๆก็ ไปหาหนังสือมาอ่าน เข้าไปอ่านคลังกระทู้คุณค่า ให้มากพอจนรู้สึกมั่นใจ ค่อยลงทุนก็ได้
นอกจากนั้นก็ หางานที่มีความสุขทำเพื่อเพิ่มเงินออม เก็บเงินไป ลงทุนไป ไม่ต้องรีบ
อายุท่านยังน้อยอยู่เลย ควรเริ่มที่ความรู้และทัศนคติที่ถูกต้องก่อน จะมีผลดีต่อท่านเองในระยะยาวครับ

[BeSmile]

สิ่งที่สำคัญที่สุดในการลงทุนคือ ความรู้ ครับ

ถ้ายังไม่มีความรู้ในการลงทุน ให้หาความรู้ก่อนครับ

จบปริญญาตรี ยังต้องเรียน 6+6+4 = 16 ปี

ดังนั้นเสียเวลา อีก 1-2 ปี หาความรู้ ในการลงทุน ก่อนครับ

แล้วความรู้ที่ได้ศึกษาอย่างจริงจังใน 1-2 ปีต่อไปนี้ จะบอกเองว่า ควรทำอย่างไร

มีเพียงความรู้ในการลงทุนที่ถูกต้องและนำมาปฎิบัติอย่างถูกต้องเท่านั้น ที่จะทำให้ประสบความสำเร็จในการลงทุนได้ครับ

[the_matrix]

โอ้เจ้าของกระทู้มีไอเดียเหมือนผมเลยครับ แต่ผมต้องการแค่เดือน 15000 บาทต่อเดือนเองครับ ยิ่งสามารถใช้เงินได้น้อยในการดำรงชีวิตยิ่งพบอิสรภาพทางการเงินเร็วขึ้นครับ

[ปรัชญา]

เป็นแนวคิดที่ดี ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จ

แต่ มีข้อแม้ อีกล่ะครับ

ต้องการเงินปันผลเดือนละ15000บาทคนนึง
อืม แค่วันละ500บาทเอง ไม่ยากเท่าไหร่ครับ

ข้อแม้ คงต้องมีบ้านที่อยู่ทรัพย์สินเป็นของตัวเอง
แต่โดยประสพการณ์ ผมว่าเงินค่าใช้จ่ายวันละ500บาท มันน่าจะเป็นอยู่แบบลำบาก
ถ้าผลตอบแทนเงินปันผลแค่วันละ500บาท เวลาผ่านไปสัก3-5ปี
เงินมันลดค่าในตัวเอง เงินเฟ้อจะสูงขึ้น น้ำดื่มขวดละ5บาท ก็จะขึ้นไปเป็น10-20บาท
ก๋วยเตี๋ยวชามละ30บาท ก็จะวิ่งไปเป็นร้อยไม่ยากนัก อื่นๆ.....

(เอ่อแต่ว่า ผมเติมน้ำมันรถยนต์ส่วนตัว บางเดือนเกิน15000บาท
เลยคิดว่าเงินจากปันผลเพียงแค่นี้ ในระยะยาวจนกว่าจะตายจากโลกนี้ไปอีกสัก30-40ปี ไม่พอแน่ครับ)

ถ้ามีเหตุการณ์แบบป่วยเรื้อรัง คนนี่อายุ40ปีขึ้นไปอะไรต่อมิอะไรในร่างกายเริ่มถดถอย เสื่อม
ต้องเตรียมเงินไว้จ่ายค่าหมอ ค่ายา อีกนะครับ

[the_matrix]

เป็นแนวคิดที่ดี ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จ

แต่ มีข้อแม้ อีกล่ะครับ

ต้องการเงินปันผลเดือนละ15000บาทคนนึง
อืม แค่วันละ500บาทเอง ไม่ยากเท่าไหร่ครับ

ข้อแม้ คงต้องมีบ้านที่อยู่ทรัพย์สินเป็นของตัวเอง
แต่โดยประสพการณ์ ผมว่าเงินค่าใช้จ่ายวันละ500บาท มันน่าจะเป็นอยู่แบบลำบาก
ถ้าผลตอบแทนเงินปันผลแค่วันละ500บาท เวลาผ่านไปสัก3-5ปี
เงินมันลดค่าในตัวเอง เงินเฟ้อจะสูงขึ้น น้ำดื่มขวดละ5บาท ก็จะขึ้นไปเป็น10-20บาท
ก๋วยเตี๋ยวชามละ30บาท ก็จะวิ่งไปเป็นร้อยไม่ยากนัก อื่นๆ.....

(เอ่อแต่ว่า ผมเติมน้ำมันรถยนต์ส่วนตัว บางเดือนเกิน15000บาท
เลยคิดว่าเงินจากปันผลเพียงแค่นี้ ในระยะยาวจนกว่าจะตายจากโลกนี้ไปอีกสัก30-40ปี ไม่พอแน่ครับ)

ถ้ามีเหตุการณ์แบบป่วยเรื้อรัง คนนี่อายุ40ปีขึ้นไปอะไรต่อมิอะไรในร่างกายเริ่มถดถอย เสื่อม
ต้องเตรียมเงินไว้จ่ายค่าหมอ ค่ายา อีกนะครับ

ตอนนี้ผมใช้แค่เดือนล่ะประมาณ 15000 เองครับและยังคงตั้งใจลดต้นทุนกันต่อไป ส่วนบางคนอาจไม่พอค่าใช้จ่ายเท่านี้อาจอยู่ที่ค่าครองชีพแต่ล่ะพื้นที่และสิ่งแวดล้อมหลายๆอย่างร่วมกันครับ
พอถึงช่วงอายุ 40 ปี ตอนนั้นอาจมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการลงทุนต่อเดือนคงไม่ต่ำกว่า 50000 หมื่นแล้วครับ(หักอัตราเงินเฟ้อแล้วครับ)

[chatchai]

การลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนจากเงินปันผลเป็นหลักย่อมเป็นแนวทางที่เหมาะสม

แต่อย่างไรก็ตาม เราคงต้องการเงินปันผลที่เพิ่มมากขึ้นในแต่ละปีไปเรื่อยๆ คงไม่มีใครอยากได้ปันผลเท่ากันทุกปีหรอก จริงไหมครับ

ดังนั้น เราอย่าลืม ปัจจัยต่างๆที่จะส่งผลกระทบต่อเงินปันผลในแต่ละปีในอนาคตข้างหน้า

[nonation]

- มีบ้านอยู่แล้ว ไม่ต้องเสียค่าเช่าบ้าน
- ไม่ต้องทำงาน ไม่มีค่าใช้จ่ายเรื่องค่าเดินทางประจำ ( ถ้าได้ปันผลตามเป้าหมายของผม 30,000 บาท )
- ค่าน้ำประปาเดือนละ 500 บาท ( คิดให้แบบเต็มเหนี่ยวเลยครับ ยังไม่รู้เหมือนกันจะใช้อย่างไรให้ถึง )
- ค่าซักผ้าเดือนละ 1,000 บาท ( ปัจจุบันจ่าย 700 บาท บวกให้ค่าเงินเฟ้อ )
- ค่าไฟฟ้าเดือนละ 3,000 บาท ( ปัจจุบันทำงาน 5 วัน เสาร์ - อาทิตย์เปิดแอร์ 48 ชม. ค่าไฟฟ้า + 1,500 บาท)
- ค่าข้าวมื้อละ 100 บาท วันละ 300 บาท เดือนละ 9,000 บาท ( ปัจจุบัน ค่าข้าว 40 บาท + ขนม 20 บาทต่อมื้อ และขนมไม่ได้มีทุกมื้อ ตกเดือนละประมาณ 6,300 บาท )
- ค่าความสุขส่วนตัวอื่น ๆ อาทิตย์ละ 1,000 บาท ตกเดือนละ 4,000 บาท ( ดูหนัง ซื้อหนังสือ กินไอติม ฯลฯ )
- เงินออมเผื่อกรณีฉุกเฉินเดือนละ 5,000 บาท
- เงินลงทุนเดือนละ 5,000 บาท

รวมแล้วใช้เงินประมาณเดือนละ 33,800 บาท สำหรับคน ๆ เดียว ซึ่งถ้าทำจริง ๆ ผมคงลดค่าใช้จ่ายลงได้อีกประมาณไม่น้อยกว่า + 30 % ต่อเดือน เพียงพอหรือเปล่าครับ สำหรับชีวิตที่พอเพียง

[kongkiti]

ขอคำปรึกษาครับ
อยากมีอิสรภาพทางการเงินด้วยปันผลจากหุ้นครับ (สักเดือนละ 50000 บาท)
ตอนนี้ยังไม่มีหุ้นเลย อายุ 26 ปี
มีเงินสดประมาณ 1 แสน LTF 3 แสน
จะเริ่มต้นอย่างไรดีครับ
ทยอยซื้อสะสมตอนนี้เลยหรือรออ่อนตัวค่อยเข้าสะสมดีครับ

ขอบคุณล่วงหน้าครับ

สถานะปัจจุบัน คุณ sendo คล้ายๆ ผมเมื่อ 2 ปีที่แล้วเลยครับ มี LTF + เงินสด เยอะ (แต่ผมซื้อประกันชีวิตเอาไว้ด้วย พอดีมีเพื่อนขายประกัน )
ขอเล่าสิ่งที่ผมทำละกันนะครับ
1. จัด Port การลงทุนใหม่, ซื้อ LTF พอประมาณ (เน้นตัวที่จ่ายปันผล), เอาเงินส่วนใหญ่ มาลงทุนในหุ้น, เก็บเงินสดไว้เป็นสภาพคล่องบ้าง (ใช้จ่ายทั่วไป) สำหรับสัดส่วน % ของแต่ละอย่าง ผมว่า ลองศึกษาและปรับดูเองนะครับ (หากถามพี่ๆ หลายๆ คนในนี้จะถือหุ้นเกือบ 100% เพราะว่า Port ใหญ่มาก อิอิ )
2. หาข้อมูลหุ้นที่น่าลงทุน ช่วงแรกผมก็หาข้อมูลจากแถวๆ นี้แหล่ะ และที่ผมชอบก็คือ ฟัง Oppday ทาง Website เอา Link นี้ครับ
http://www.dcs-digital.com/setweb/index.php
จะได้ฟังการนำเสนอของผู้บริหารด้วย (อาจไม่เทียบเท่าเจอตัวเป็นๆ แต่ก็ OK ได้เห็นหน้าค่าตา)
3. หากเจอบริษัทที่ชอบ (ผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง, ผู้บริหารพูดจารู้เรื่องดี) และลองดูข้อมูลคร่าวๆ เติมใน Website ของ SET ดูแล้วราคา OK ไม่แพงเกินไป ก็ซื้อไปเลยก็ได้ครับ (ปริมาณเงินที่จะลงทุนก็ตามความมั่นใจของเรา หากยังไม่มั่นใจค่อยๆลงไปก็ได้)
4. หาความรู้เรื่องการลงทุนเพิ่ม -> อ่านหนังสือต่างๆ แนะนำ "ตีแตก" ของ อ.นิเวศน์
ปกติผมจะเสียเงินซื้อหนังสือมาอ่านค่อนข้างเยอะ (ลงทุนกับตัวเองก่อน)
5. กันเงินเอาไว้ลงทุน (ประมาณ 1/3 ของเงินเดือน), พยายามลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น

สิ่งที่พลาด
1. ช่วงแรกดูหุ้นตัวไหนก็อยากซื้อไปหมด เลยซื้อกระจายเป็นเบี้ยหัวแตก มีตัวที่ได้กำไรเยอะๆ เป็นเท่าตัวก็มี แต่ผลตอบแทนรวมของ Port ก็ไม่ดีเท่าไหร่
2. บางช่วงทดลองแนวอื่นๆ บ้าง เช่น ดูกราฟ, เล่นต่ามข่าว, dw, อื่นๆ โดยใช้เงินเล็กน้อย คิดว่าหากเสียไปคงไม่เยอะเท่าไหร่ (ลองวิชา) ก็ได้เสียค่าลองวิชาจริงๆ มานั่งคิดทีหลัง รวมๆ กันก็เสียเยอะนะ
3. ไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับวิกฤต ช่วงหุ้นตก (ตอนน้ำท่วม) ไม่มีเงินเหลือซื้อหุ้นราคาถูกๆ เลย (ขาดทุนด้วยซ้ำ) -> ผมคิดว่าน่าจะเผื่อสภาพคล่องเอาไว้บางส่วน

ประเด็นที่กำลังพิจารณา
- ปัจจุบัน กำลังดูอยู่ว่าจะซื้อ LTF ของบริษัทไหน / เท่าไหร่ดี -> คิดๆ ดูแล้ว LTF ผลตอบแทนระยะยาวไม่ได้เหนือกว่า SET index ซักเท่าไหร่ เหมือนเอาเงินไปจม (แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบนะครับ ลองดูหลาย LTF หลายๆ บริษัท+ คำนวณดูก่อน)
- การเอาเงินไปพักในกองทุนอสังหาฯ (ขึ้น-ลง ผันผวนน้อยกว่าตลาด)

สำคัญที่สุดคือ การหาความรู้ในการลงทุนเพิ่ม หากเอาแบบสรุปเน้นๆ แนะนำให้อ่าน Blog ของ พี่ yoyo ครับ แนะนำให้อ่านทุก Post เลย
http://thai-value-investor.blogspot.com ... chive.html

ขอให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายนะครับ (รวมถึงตัวผมเองด้วย ตอนนี้ยังเป็น Investor (Trainee) อยู่ )

[ปรัชญา]

- มีบ้านอยู่แล้ว ไม่ต้องเสียค่าเช่าบ้าน
- ไม่ต้องทำงาน ไม่มีค่าใช้จ่ายเรื่องค่าเดินทางประจำ ( ถ้าได้ปันผลตามเป้าหมายของผม 30,000 บาท )
- ค่าน้ำประปาเดือนละ 500 บาท ( คิดให้แบบเต็มเหนี่ยวเลยครับ ยังไม่รู้เหมือนกันจะใช้อย่างไรให้ถึง )
- ค่าซักผ้าเดือนละ 1,000 บาท ( ปัจจุบันจ่าย 700 บาท บวกให้ค่าเงินเฟ้อ )
- ค่าไฟฟ้าเดือนละ 3,000 บาท ( ปัจจุบันทำงาน 5 วัน เสาร์ - อาทิตย์เปิดแอร์ 48 ชม. ค่าไฟฟ้า + 1,500 บาท)
- ค่าข้าวมื้อละ 100 บาท วันละ 300 บาท เดือนละ 9,000 บาท ( ปัจจุบัน ค่าข้าว 40 บาท + ขนม 20 บาทต่อมื้อ และขนมไม่ได้มีทุกมื้อ ตกเดือนละประมาณ 6,300 บาท )
- ค่าความสุขส่วนตัวอื่น ๆ อาทิตย์ละ 1,000 บาท ตกเดือนละ 4,000 บาท ( ดูหนัง ซื้อหนังสือ กินไอติม ฯลฯ )
- เงินออมเผื่อกรณีฉุกเฉินเดือนละ 5,000 บาท
- เงินลงทุนเดือนละ 5,000 บาท

รวมแล้วใช้เงินประมาณเดือนละ 33,800 บาท สำหรับคน ๆ เดียว ซึ่งถ้าทำจริง ๆ ผมคงลดค่าใช้จ่ายลงได้อีกประมาณไม่น้อยกว่า + 30 % ต่อเดือน เพียงพอหรือเปล่าครับ สำหรับชีวิตที่พอเพียง

ยังไม่ครอบคลุมทั้งหมด ยังมีรายจ่ายที่ไม่คิดตามมาอีก
มีบ้าน ก็มีค่าบำรุงรักษาอุปกรณ์น้ำไฟฟ้า ตัวบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น อื่นๆ
ยังขาดประกันชีวิตประกันสุขภาพ
(หากไม่สบายต้องเข้า รพ.จะไปนอนอนาถาแบบชาวบ้านท่าจะไม่ไหว ต้องพึ่งประกันสุขภาพ)
อุบัติเหตไม่ได้บอกล่วงหน้า
ค่ารักษาพยาบาลปลีกย่อย หูตา อื่นๆ

ค่าภาษีสังคม ญาติพี่น้องจัดงานไม่ช่วยคงไม่ได้
ทำบุญบริจาคบ้างตามโอกาสอันควร

ประกันภัยบ้านอีก

ค่าฉุกเฉินคงไม่พอเพราะบางครั้งอาจจะหนักอาจจะเบา

ต้นทุนการดำรงชีวิต ยังต้องมีอะไรที่ไม่คาดคิดมาหา

[nam]

ชื่นชมเจ้าของกระทู้ที่มีความฝัน
ฝันแล้วต้องลงมือทำอย่างมุ่งมั่น เพื่อทำความฝันให้เป็นจริงนะครับ
เอาใจช่วยครับ

ควรลงมือตอนไหน?

วันนี้เลยครับ ลงทุนความรู้ก่อน เป็นอันดับแรก

[nonation]

คนเราเท่าไหร่ถึงจะพอ อยุ่อย่างพอเพียง หรือ อยู่อย่างเพียงพอ หรือ เท่าไหร่ก็ไม่พอ

[pat4310]

- มีบ้านอยู่แล้ว ไม่ต้องเสียค่าเช่าบ้าน
- ไม่ต้องทำงาน ไม่มีค่าใช้จ่ายเรื่องค่าเดินทางประจำ ( ถ้าได้ปันผลตามเป้าหมายของผม 30,000 บาท )
- ค่าน้ำประปาเดือนละ 500 บาท ( คิดให้แบบเต็มเหนี่ยวเลยครับ ยังไม่รู้เหมือนกันจะใช้อย่างไรให้ถึง )
- ค่าซักผ้าเดือนละ 1,000 บาท ( ปัจจุบันจ่าย 700 บาท บวกให้ค่าเงินเฟ้อ )
- ค่าไฟฟ้าเดือนละ 3,000 บาท ( ปัจจุบันทำงาน 5 วัน เสาร์ - อาทิตย์เปิดแอร์ 48 ชม. ค่าไฟฟ้า + 1,500 บาท)
- ค่าข้าวมื้อละ 100 บาท วันละ 300 บาท เดือนละ 9,000 บาท ( ปัจจุบัน ค่าข้าว 40 บาท + ขนม 20 บาทต่อมื้อ และขนมไม่ได้มีทุกมื้อ ตกเดือนละประมาณ 6,300 บาท )
- ค่าความสุขส่วนตัวอื่น ๆ อาทิตย์ละ 1,000 บาท ตกเดือนละ 4,000 บาท ( ดูหนัง ซื้อหนังสือ กินไอติม ฯลฯ )
- เงินออมเผื่อกรณีฉุกเฉินเดือนละ 5,000 บาท
- เงินลงทุนเดือนละ 5,000 บาท

รวมแล้วใช้เงินประมาณเดือนละ 33,800 บาท สำหรับคน ๆ เดียว ซึ่งถ้าทำจริง ๆ ผมคงลดค่าใช้จ่ายลงได้อีกประมาณไม่น้อยกว่า + 30 % ต่อเดือน เพียงพอหรือเปล่าครับ สำหรับชีวิตที่พอเพียง

ยังไม่ครอบคลุมทั้งหมด ยังมีรายจ่ายที่ไม่คิดตามมาอีก
มีบ้าน ก็มีค่าบำรุงรักษาอุปกรณ์น้ำไฟฟ้า ตัวบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น อื่นๆ
ยังขาดประกันชีวิตประกันสุขภาพ
(หากไม่สบายต้องเข้า รพ.จะไปนอนอนาถาแบบชาวบ้านท่าจะไม่ไหว ต้องพึ่งประกันสุขภาพ)
อุบัติเหตไม่ได้บอกล่วงหน้า
ค่ารักษาพยาบาลปลีกย่อย หูตา อื่นๆ

ค่าภาษีสังคม ญาติพี่น้องจัดงานไม่ช่วยคงไม่ได้
ทำบุญบริจาคบ้างตามโอกาสอันควร

ประกันภัยบ้านอีก

ค่าฉุกเฉินคงไม่พอเพราะบางครั้งอาจจะหนักอาจจะเบา

ต้นทุนการดำรงชีวิต ยังต้องมีอะไรที่ไม่คาดคิดมาหา

ผมเริ่มจากซอยเป้าหมายเป็นขั้นๆครับ เอาให้เงินปันผลครอบคลุมค่าแรงขั้นต่ำให้ได้ก่อน

ต่อไปก็ค่าแรงป.ตรี, ป.โท