ไม่่รู้ว่าโพสต์ถูกห้องรึเปล่านะคะ กลัวว่าถ้าไปถามห้องอ่ืนจะไม่มีใครเข้าไปอ่านค่ะ
ขอความเห็นจากคุณพ่อคุณแม่หรือคนรุ่นใหม่ท่ีมีแนวทางการใช้ชีวิตหรือการลงทุนแบบviค่ะ
มีแนวทางการเลี้ยงลูกแบบไหน วางแผนอนาคตลูกอย่างไร เลือกโรงเรียนแนวทางไหนให้ลูก
และคิดว่าการส่งให้ลูกเรียนโรงเรียนดีๆวิชาการเก่งๆ เป็นการลงทุนเพ่ืออนาคตรึเปล่า
และเราควรจะเตรียมตัวเร่ืองการเรียนของลูกอย่างไรเพ่่ือใหัทันกับการเปิดAEC
และคิดว่าการศึกษาของประเทศไทยจะเปล่ียนแปลงอย่างไรหลังจากAEC
ตัวเองมีความรู้น้อยค่ะ ได้อ่านความเห็นเร่ืองอ่ืนๆของพ่ีหลายท่านท่ีเข้ามา
ตอบแล้ว รู้สึกศรัทธาค่ะ อยากฟังพ่ีๆแสดงความเห็นเร่ืองลูกบ้าง
เป็นห่วงอนาคตลูกและอยากวางแผนให้เขาค่ะ
ขอบคุณค่ะ
ขอความเห็นพ่่ีๆท่ีมีแนวทางการใช้ชีวิตและการลงทุนแบบVIช่วยตอบ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1111
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอความเห็นพ่่ีๆท่ีมีแนวทางการใช้ชีวิตและการลงทุนแบบVIช่ว
โพสต์ที่ 2
โอ้ เป็นหัวข้อที่น่าสนใจจริงๆครับ อยากฟังเหมือนกันว่าพี่ๆนักลงทุนVIเลี้ยงลูกอย่างไร...
แต่ ผมขอลองออกความเห็นดูในส่วนนี้ดูนะครับ ผมยังอายุแค่20กว่าๆเองแน่นอนไม่มีลูก แต่เคยคิดเหมือนกันว่าถ้าอนาคตมีลูกแล้วเราจะเลี้ยงเขาอย่างไร.ลองเปรียบเทียบกับที่พ่อแม่เลี้ยงเรามา แล้วลองย้อนนึกภาพถึงความรู้สึกของตัวเองตอนเด็ก หรือแม้กระทั่งตอนไม่กี่ปีที่ผ่านมาว่าเป็นยังไง...
ผมมองเห็นอย่างนึงครับว่า ผมว่าผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ เลี้ยงลูกใน"มุมมองของผู้ใหญ่" เป็นมุมมองของพ่อแม่ที่อยากให้ลูก เรียนเก่ง ได้เรียนสูงๆ จบออกมามีงานดีๆทำ ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และประสบความสำเร็จเป็นใหญ่เป็นโต.........แต่ถามอย่างนึงครับว่า เคยมองใน"มุมมองของเด็ก"บ้างมั้ยครับ..(ผู้ใหญ่มักทำตัวเหมือนไม่เคยผ่านช่วงเวลาเป็นเด็กมา)
ขอเล่าหน่อยนะครับ อาจจะยาวนิดนึง แต่ผมอยากแบ่งมุมมองของเด็กให้รู้บ้าง
ผมจำได้ดีว่า ตั้งแต่เด็กจนโต แม่ผมสอนผมอย่างไร แม่ผมผลักดัน ให้ผมเรียนหนังสือเก่งๆ แม่ผมพาผมไปเรียนพิเศษสารพัดที่(เหมือนพ่อแม่ทั่วไป) ตอนเด็กๆผมมีเรื่องที่สนใจมากมาย หนึ่งในนั้นคือการหาเงิน บางครั้งผมสนใจเรื่องที่ดินที่แม่ทำ ผมก็ถามแม่ด้วยความอยากรู้ ขอไปดูว่าแม่ทำงานยังไง คำตอบที่ได้รับตลอดมาคือ"ไม่ต้องมาสนเรื่องนี้ ไปเรียนหนังสือไป" โตขึ้นมาหน่อยผมมาสอบเข้ารร.เตรียม ตามที่แม่บอก ความรู้สึกผมตอนนั้น อยากมา รร เตรียมโคตรๆครับ....เพราะเป็นทางเดียวที่ผมจะได้ออกจากบ้าน หลุดออกจากกรงนี้(ซึ่งเจตนาผู้ใหญ่ก็คงคิดว่าเด็กๆอยากเข้าเตรียมเพราะเป็น รร อันดับหนึ่ง ) พอเข้ามหาลัย ผมก็สอบเข้าวิศวะจุฬา ตามที่แม่หวัง ตามที่คนอื่นหวัง เพียงเพื่อไม่ให้โดนด่า
ตลอดมา ในใจผม มันเคว้งคว้าง ล่องลอย ตั้งแต่ ม.ต้น จนถึงมหาลัย ผมไม่เคยรู้สึกเลยว่า ผมได้ทำในสิ่งที่อยากทำ แม่พร่ำบอกแต่ให้เรียนหนังสือ เข้ารร ดีๆ เข้ามหาลัยดีๆ...แม้กระทั่งตอนเรียนมหาลัย ผมเคว้งคว้างมาก ผมไม่รู้ว่าผมเรียนสาขานี้ไปทำไม ผมเริ่มทิ้งการเรียน ติดโปร...เกือบรีไทร์ จนสุดท้ายโชคดีที่ตอนนั้นที่บ้านมีปัญหาครอบครัวหนักมาก ผมเริ่มคิดได้ว่าถ้าผมไม่จบนี่ยิ่งเป็นภาระหนัก เลยฮึดสู้จบมาได้ .....ตั้งแต่ตอนอยู่ มหาลัย ปี3-4 ผมสนใจการลงทุนมากๆ ผมอยากไปดูที่ดิน อยากไปซื้อที่ดินกับแม่ อยากซื้อทอง อยากลงทุนธุรกิจ อยากลงทุนในหุ้น สิ่งที่ผมพอเจอจากการคุยกับแม่เรื่องนี้เหรอ??..ไม่มีอะไรเปลี่ยน..."เธออย่านอกเรื่อง ตั้งใจเรียน จบไปทำงานบริษัทใหญ่ๆ ปตท scg ซะ".... ผมขอหลายครั้ง อดทนอยู่นาน สุดท้ายต้องใช้วิธี "โกหก" จำไม่ได้ว่าผมโกหกว่าไงแต่ผมโกหกเพื่อขอก้อนเล็กๆมา เริ่มซื้อทอง จากนั้นจึงเปลี่ยนมาลุงในหุ้น สุดท้ายกว่าที่แม่ผมจะยอมรับ ก็ตอนที่ผมลงทุนมาได้2ปีกว่าๆแล้ว และผมรายงานผลการลงทุนจาก"เงินที่หลอกแม่เอาไปซื้อ"ให้แม่ฟัง แม่ถึงเริ่มยอมรับ..
ผมเล่าเรื่องของผมให้ฟัง เพราะผมคิดว่า เด็กต้องการการสนับสนุนในสิ่งที่เด็กอยากทำจากคนที่พวกเค้ารัก จากพ่อแม่ของพวกเค้า ไม่ใช่การบังคับให้ทำตามกรอบที่พ่อแม่หรือสังคมสร้างขึ้นมา เด็กต้องการการเรียนรู้ ลองผิดลองถูก ถ้าสิ่งที่เด็กอยากทำหรือสนใจมันเป็นสิ่งที่ไม่เสียหาย แม้จะไม่ตรงกับกรอบที่คุณสร้าง คุณก็ควรสนับสนุนให้เค้าเรียนรู้
ถ้าสมมติลูกคุณชอบเล่นกีฬาอะไรชนิดหนึ่ง หรือดนตรี มาก หรือจะอย่างอื่นก็ได้ การแสดง ศิลปะ และอื่นๆ เค้าอาจมีพรสวรรค์ แต่สิ่งที่คุณทำคือทำตามแผนที่คุณวาดไว้ให้ลูกคุณเรียน รรดีๆ จบจากมหาลัยดีๆ มันคงไม่แปลกที่สุดท้ายแล้วลูกคุณต้องมานั่งทำงานofficeงกๆเหมือนคนอื่น โดยที่ความชอบหรือพรสวรรค์เหล่านั้นนอนตายอยู่ในตัวพวกเค้า
ผมคิดจริงๆว่า หากแม่ผมสนับสนุน ส่งเสริมในสิ่งที่ผมสนใจตั้งแต่เด็ก คือ เรื่องการเก็บออมและลงทุน ผมน่าจะเริ่มต้นได้เร็วกว่านี้มาก และไปได้ไกลกว่านี้เยอะ...นี่ยังดีที่ผมเป็นคนดื้อ จนถึงกระทั่งหลอกเงินแม่มาลงทุน และพบหนทางที่ตนชอบ รู้สึกว่า"พบตัวตนของตนเองจนได้" ...ยังมีเด็กอีกหลายคน ที่โตมา จน ณ บัดนี้ ยังคงต้องเดินไปตามกรอบที่ผู้ใหญ่ขีดไว้ให้โดยไม่ได้ทำในสิ่งที่ตนเองอยากทำ
สิ่งที่การลงทุนแนวVIสอนให้กับผมในการใช้ชีวิตนั้น ไม่ใช่การทำตามวิธีตามกรอบที่คนอื่นวาดไว้ แต่เป็นการ"คิดและมองให้รอบด้าน" ผมหวังว่าหากผมมีลูกในอนาคต ผมคงไม่มองแต่ด้าน"ผู้ใหญ่"เพียงอย่างเดียว
แต่ ผมขอลองออกความเห็นดูในส่วนนี้ดูนะครับ ผมยังอายุแค่20กว่าๆเองแน่นอนไม่มีลูก แต่เคยคิดเหมือนกันว่าถ้าอนาคตมีลูกแล้วเราจะเลี้ยงเขาอย่างไร.ลองเปรียบเทียบกับที่พ่อแม่เลี้ยงเรามา แล้วลองย้อนนึกภาพถึงความรู้สึกของตัวเองตอนเด็ก หรือแม้กระทั่งตอนไม่กี่ปีที่ผ่านมาว่าเป็นยังไง...
ผมมองเห็นอย่างนึงครับว่า ผมว่าผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ เลี้ยงลูกใน"มุมมองของผู้ใหญ่" เป็นมุมมองของพ่อแม่ที่อยากให้ลูก เรียนเก่ง ได้เรียนสูงๆ จบออกมามีงานดีๆทำ ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และประสบความสำเร็จเป็นใหญ่เป็นโต.........แต่ถามอย่างนึงครับว่า เคยมองใน"มุมมองของเด็ก"บ้างมั้ยครับ..(ผู้ใหญ่มักทำตัวเหมือนไม่เคยผ่านช่วงเวลาเป็นเด็กมา)
ขอเล่าหน่อยนะครับ อาจจะยาวนิดนึง แต่ผมอยากแบ่งมุมมองของเด็กให้รู้บ้าง
ผมจำได้ดีว่า ตั้งแต่เด็กจนโต แม่ผมสอนผมอย่างไร แม่ผมผลักดัน ให้ผมเรียนหนังสือเก่งๆ แม่ผมพาผมไปเรียนพิเศษสารพัดที่(เหมือนพ่อแม่ทั่วไป) ตอนเด็กๆผมมีเรื่องที่สนใจมากมาย หนึ่งในนั้นคือการหาเงิน บางครั้งผมสนใจเรื่องที่ดินที่แม่ทำ ผมก็ถามแม่ด้วยความอยากรู้ ขอไปดูว่าแม่ทำงานยังไง คำตอบที่ได้รับตลอดมาคือ"ไม่ต้องมาสนเรื่องนี้ ไปเรียนหนังสือไป" โตขึ้นมาหน่อยผมมาสอบเข้ารร.เตรียม ตามที่แม่บอก ความรู้สึกผมตอนนั้น อยากมา รร เตรียมโคตรๆครับ....เพราะเป็นทางเดียวที่ผมจะได้ออกจากบ้าน หลุดออกจากกรงนี้(ซึ่งเจตนาผู้ใหญ่ก็คงคิดว่าเด็กๆอยากเข้าเตรียมเพราะเป็น รร อันดับหนึ่ง ) พอเข้ามหาลัย ผมก็สอบเข้าวิศวะจุฬา ตามที่แม่หวัง ตามที่คนอื่นหวัง เพียงเพื่อไม่ให้โดนด่า
ตลอดมา ในใจผม มันเคว้งคว้าง ล่องลอย ตั้งแต่ ม.ต้น จนถึงมหาลัย ผมไม่เคยรู้สึกเลยว่า ผมได้ทำในสิ่งที่อยากทำ แม่พร่ำบอกแต่ให้เรียนหนังสือ เข้ารร ดีๆ เข้ามหาลัยดีๆ...แม้กระทั่งตอนเรียนมหาลัย ผมเคว้งคว้างมาก ผมไม่รู้ว่าผมเรียนสาขานี้ไปทำไม ผมเริ่มทิ้งการเรียน ติดโปร...เกือบรีไทร์ จนสุดท้ายโชคดีที่ตอนนั้นที่บ้านมีปัญหาครอบครัวหนักมาก ผมเริ่มคิดได้ว่าถ้าผมไม่จบนี่ยิ่งเป็นภาระหนัก เลยฮึดสู้จบมาได้ .....ตั้งแต่ตอนอยู่ มหาลัย ปี3-4 ผมสนใจการลงทุนมากๆ ผมอยากไปดูที่ดิน อยากไปซื้อที่ดินกับแม่ อยากซื้อทอง อยากลงทุนธุรกิจ อยากลงทุนในหุ้น สิ่งที่ผมพอเจอจากการคุยกับแม่เรื่องนี้เหรอ??..ไม่มีอะไรเปลี่ยน..."เธออย่านอกเรื่อง ตั้งใจเรียน จบไปทำงานบริษัทใหญ่ๆ ปตท scg ซะ".... ผมขอหลายครั้ง อดทนอยู่นาน สุดท้ายต้องใช้วิธี "โกหก" จำไม่ได้ว่าผมโกหกว่าไงแต่ผมโกหกเพื่อขอก้อนเล็กๆมา เริ่มซื้อทอง จากนั้นจึงเปลี่ยนมาลุงในหุ้น สุดท้ายกว่าที่แม่ผมจะยอมรับ ก็ตอนที่ผมลงทุนมาได้2ปีกว่าๆแล้ว และผมรายงานผลการลงทุนจาก"เงินที่หลอกแม่เอาไปซื้อ"ให้แม่ฟัง แม่ถึงเริ่มยอมรับ..
ผมเล่าเรื่องของผมให้ฟัง เพราะผมคิดว่า เด็กต้องการการสนับสนุนในสิ่งที่เด็กอยากทำจากคนที่พวกเค้ารัก จากพ่อแม่ของพวกเค้า ไม่ใช่การบังคับให้ทำตามกรอบที่พ่อแม่หรือสังคมสร้างขึ้นมา เด็กต้องการการเรียนรู้ ลองผิดลองถูก ถ้าสิ่งที่เด็กอยากทำหรือสนใจมันเป็นสิ่งที่ไม่เสียหาย แม้จะไม่ตรงกับกรอบที่คุณสร้าง คุณก็ควรสนับสนุนให้เค้าเรียนรู้
ถ้าสมมติลูกคุณชอบเล่นกีฬาอะไรชนิดหนึ่ง หรือดนตรี มาก หรือจะอย่างอื่นก็ได้ การแสดง ศิลปะ และอื่นๆ เค้าอาจมีพรสวรรค์ แต่สิ่งที่คุณทำคือทำตามแผนที่คุณวาดไว้ให้ลูกคุณเรียน รรดีๆ จบจากมหาลัยดีๆ มันคงไม่แปลกที่สุดท้ายแล้วลูกคุณต้องมานั่งทำงานofficeงกๆเหมือนคนอื่น โดยที่ความชอบหรือพรสวรรค์เหล่านั้นนอนตายอยู่ในตัวพวกเค้า
ผมคิดจริงๆว่า หากแม่ผมสนับสนุน ส่งเสริมในสิ่งที่ผมสนใจตั้งแต่เด็ก คือ เรื่องการเก็บออมและลงทุน ผมน่าจะเริ่มต้นได้เร็วกว่านี้มาก และไปได้ไกลกว่านี้เยอะ...นี่ยังดีที่ผมเป็นคนดื้อ จนถึงกระทั่งหลอกเงินแม่มาลงทุน และพบหนทางที่ตนชอบ รู้สึกว่า"พบตัวตนของตนเองจนได้" ...ยังมีเด็กอีกหลายคน ที่โตมา จน ณ บัดนี้ ยังคงต้องเดินไปตามกรอบที่ผู้ใหญ่ขีดไว้ให้โดยไม่ได้ทำในสิ่งที่ตนเองอยากทำ
สิ่งที่การลงทุนแนวVIสอนให้กับผมในการใช้ชีวิตนั้น ไม่ใช่การทำตามวิธีตามกรอบที่คนอื่นวาดไว้ แต่เป็นการ"คิดและมองให้รอบด้าน" ผมหวังว่าหากผมมีลูกในอนาคต ผมคงไม่มองแต่ด้าน"ผู้ใหญ่"เพียงอย่างเดียว
ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนที่แท้จริง
-
- Verified User
- โพสต์: 8
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอความเห็นพ่่ีๆท่ีมีแนวทางการใช้ชีวิตและการลงทุนแบบVIช่ว
โพสต์ที่ 3
ขอบคุณค่ะ ท่ีช่วยตอบ เคยได้อ่านส่ิงท่ีน้องโพสต์ไว้ในกระทู้อ่ืนไม่คิดว่าจะอายุแค่20 ปี
จริงๆแล้วเด็กสมัยน้ีเก่งๆ มีความคิดดีๆเป็นตัวของตัวเองก็มากนะคะ แต่ท่ีไม่ดีไม่มีความคิด
ก็เยอะ เห็นสังคมเห็นข่าวท่ีออกทีีวีแล้วกังวล เป็นห่วงลูกว่าเราควรจะสอนเขายังไงให้เขา
มีภูมิคุ้มกันสามารถท่ีจะอยู่่บนโลกน้ีได้อย่างมีความสบายและมีความสุขไปพร้อมๆกัน
เพราะในอนาคต โลกและสังคมมนุษย์คงจะเกิดการเปล่ียนแปลงอะไรหลายส่ิงหลายอย่าง
และหลายๆคร้ัง ทำให้เราต้องวางแผนการเล้ียงลูกเพ่ือให้เขามีสติมีความคิด รู้จักตัวเองและ
รู้จักพอ ในสังคมเราตอนน้ีเหมือนจะแบ่งออกหลายฝ่ายแนวทางการเล่้ียงดูการให้การศึกษาของ
พ่อแม่แต่ละคนก็ไม่ตรงกันบางคร้ังอยู่ตรงข้ามกันเลย ข้าพเจ้าในฐานะท่ีเป็นแม่ท่ีมีลูกเล็กๆ
2คน เลยอยากขอความเห็นและคำแนะนำจากทุกท่านท่่ีมีแนวทางการใช้ชีวิตแบบเน้นคุณค่าค่ะ
จริงๆแล้วเด็กสมัยน้ีเก่งๆ มีความคิดดีๆเป็นตัวของตัวเองก็มากนะคะ แต่ท่ีไม่ดีไม่มีความคิด
ก็เยอะ เห็นสังคมเห็นข่าวท่ีออกทีีวีแล้วกังวล เป็นห่วงลูกว่าเราควรจะสอนเขายังไงให้เขา
มีภูมิคุ้มกันสามารถท่ีจะอยู่่บนโลกน้ีได้อย่างมีความสบายและมีความสุขไปพร้อมๆกัน
เพราะในอนาคต โลกและสังคมมนุษย์คงจะเกิดการเปล่ียนแปลงอะไรหลายส่ิงหลายอย่าง
และหลายๆคร้ัง ทำให้เราต้องวางแผนการเล้ียงลูกเพ่ือให้เขามีสติมีความคิด รู้จักตัวเองและ
รู้จักพอ ในสังคมเราตอนน้ีเหมือนจะแบ่งออกหลายฝ่ายแนวทางการเล่้ียงดูการให้การศึกษาของ
พ่อแม่แต่ละคนก็ไม่ตรงกันบางคร้ังอยู่ตรงข้ามกันเลย ข้าพเจ้าในฐานะท่ีเป็นแม่ท่ีมีลูกเล็กๆ
2คน เลยอยากขอความเห็นและคำแนะนำจากทุกท่านท่่ีมีแนวทางการใช้ชีวิตแบบเน้นคุณค่าค่ะ
-
- Verified User
- โพสต์: 1980
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอความเห็นพ่่ีๆท่ีมีแนวทางการใช้ชีวิตและการลงทุนแบบVIช่ว
โพสต์ที่ 4
เด็กๆสามารถถูกชี้นำได้ง่ายครับ
จงชี้นำตั้งแต่เขายังเล็กและอย่าเปลี่ยนเส้นทางกระทันหัน
จงชี้นำตั้งแต่เขายังเล็กและอย่าเปลี่ยนเส้นทางกระทันหัน
The mother of all evils is speculation, leverage debt. Bottom line, is borrowing to the hilt. And I hate to tell you this, but it's a bankrupt business model. It won't work. It's systemic, malignant, and it's global, like cancer.