การอินเวิดที่สำคัญที่สุดสำหรับผมคือการอินเวิดชีวิต
ผมมองแต่ทุกข์ ผมไม่เคยมองสุขเลย
ความสุขนั้นจัดการกับมันง่ายมาก
ความทุกข์ต่างหากที่รับมือกับมันยากกว่า
ความคิดนี้ข้างบ้านผมเคยบอกว่าผมเป็นคนคิดลบ
แต่ความคิดเขาเปลี่ยนหลังจากผ่านเหตุการณ์น้ำท่วมบ้าน
ผมไม่ทราบเปลี่ยนไปทางใดครับ
ผมและข้างบ้านอยู๋บ้านตลอดไม่เคยย้ายออกตอนน้ำท่วมบ้าน
เป้นเวลานานกว่า 22 วันครับที่อยู๋กับน้ำสูงกว่าสี่สิบห้าสิบเซ็น
ผมโตมากับคลอง เลยชิน
ช่วงน้ำท่วม รถทหารวิ่งเข้าออกเกืดคลื่นสูงทุกครั้งกระแทกเข้าบ้าน
บ้านผมไม่กั้นอะไรเลย ทุกครั้งรถผ่่าน ประตูรั้วสั่นไหวทุกครั้ง
ข้างบ้านกั้นอิฐสูงสองก้อน แต่คลื่นยังกะฉอกข้ามกำแพงอิฐล้นเข้าบ้านบางครั้งจนได้
เขาบ่นทุกครั้งเวลาคลื่นมา
และติดป้ายหน้าบ้านว่า "ขับรถช้าเป็นคน"
เวลาคลื่นมา เขาอยากให้คลื่นน้อย
ผมอยากให้คลื่นเยอะ นิสัยไม่ดี ไปอินเวิดความคาดหวังของคนอื่นอีกแล้ว
ผมเอาฝาถังน้ำแข็งขนาดยาวเมตรกว้างแปดสิบเซนไปเล่นกระดานโต้คลื่น
เวลารถมา ผมวิ่งออกไปรอมือขวาถือกระดาน
คลื่นมา ผมก็หันหลังให้คลื่น ทิ้งกระดาน ไถลไปกับคลื่นและสายน้ำ
พฤติกรรรมนี้สร้างรอยยิ้มให้คนไม่น้อย
แต่ข้างบ้านผม ไม่โปรดเท่าใดนัก
การจัดการกับความสุขนั้นง่ายมาก จนผมไม่สนใจเลย
การจัดการกับความทุกข์ สำคัญกว่ามากมาย
ถ้าน้ำไม่เข้าบ้าน เพื่อนบ้านผมคงโอเค
พอน้ำเข้าบ้านแบบไม่คาดหวัง เลยยึดติดกับความทุกข์อย่างเหนียวแน่น
และปล่อยมันไปไมได้ด้วย
หมอดูล้วนหากินกับจุดอ่อนของคนสิ่งนี้
โชคชะตาดวงดาววันเดือนปีเกิดจะทำอะไรคนได้
ถ้าคนสามารถปล่อยวางในความทุกข์ได้
ผมมักจะพูดกับลูกเสมอว่า เวลามีความสุขไม่ต้องมาหาพ่อ
มีความทุกข์เมื่อใด มาหาพ่อทันที
เพราะพ่อเป้นผู้เชี่ยวชาญในการรับมื่อกับความทุกข์
ทำไมละพ่อ
ผมอธิบายเป้นตัวเลข ถ้าพ่อเจอเงินแบงพันตกบนพื้น พ่อคงดีใจ
แต่ให้มันแค่ 1/10 คะแนน กลับกันถ้าพ่อทำเงินพันหาย คงเซ็งเป็ดไม่น้อย
และให้คะแนนติดลบห้า
เวลาออกไปไหน ผมจึงเฝ้าระวังเรื่องการกวักวินเงินเข้าออก
เอาเงินใส่ถุงพลาสติกแล้วใส่ก้อนหินเข้าไปด้วย
เวลามันตกมันจะมันมีเสียง
ผมจะคิดว่าทำอย่างไรให่้เงินหาย
ส่วนทำอย่างไรให้เงินไม่หาย ผมจะไม่เคยคิดเลย
ความทุกข์สำคัญกว่าความสุขมาก
ผมไม่ทราบครับ
ความคิดผมอย่างนี้สร้างความรำคาญให้กับคนในหมู๋บ้านอย่างมาก
เวลามีคนถามว่า น้ำจะม่วมไหมปีหน้า
ผมจะตอบว่า ผมไม่รู็ครับ
แล้วเขาจะหันไปถามคนอื่นทันที
ร้อยทั้งร้อยจะตอบกันว่า ท่วม หรือ ไม่ท่วม พร้อมเหตุผลสนับสุนนความคิดตัวเอง
ท่วมไหมครับปีหน้า
ไม่ทราบครับ
ผมรู้แต่ว่า เวลามันท่วมผมจะทำอย่างไร
ผมจะรับมือและทำใจอยู่กับมันอย่างไร
นั่นคือสิ่งที่สำคัญกว่าเวลาน้ำไม่ท่วม
ความคิดนี้ถูกถ่ายทอดลงไปในการลงทุนในตลาดหุ้น
นั่นเป้นเหตุผลทีผมไม่ถนัดเวลามีข่าวดีกระทบจิตวิทยาของตลาดเลย
แต่เวลาข้าวร้าย ผมจะไฮเปอร์เป็นพิเศษ
ใช่แล้วครับ ผมถนัด short มากกว่า long
ความไม่แน่นอนนั่นสำคัญกว่าความแน่นอนอย่างเทียบกันไม่ได้เลย
คนชอบหาความแน่นอน และไม่ยอมรับความไม่แน่นอน
คนชอบมองแต่สุข และไม่ยอมรับความทุกข์
หนีอย่างไรก็ไม่พ้นความทุกข์
เหมือนท่านพุทธทาสบอก
ปลาเกิด แก่ เจ็บ ตายอยู๋ในน้ำ แต่ไม่เห็นน้ำ
คนเกิด แก่ เจ็บ ตายอยู๋ในความทกข์ แต่ไม่เห็นทุกข์
โอ้ย ผมปวดแขนจังเลย ไม่หายมาเป้นเดือนแล้ว ไปหาหมอดีกว่า
เผื่อเป็นอะไรขึ้นมา
ว่ายอยู๋ในความไม่แน่นอนแล้วยังทำเฉยไม่ยอมรับมันอีก
ร่างกายมันก็ฟ้องอยู่แล้วว่ามันไม่มีอะไรแน่นอน
นักลงทุนว่ายอยู๋ในความขาดทุน แต่ยังไม่เห้นขาดทุน
ว่ายอยู๋ในความเสี่ยงแล้วยังไม่ยอมรับ
การจัดการกับกำไรนั้นไม่สำคัญมากเท่าการจัดการกับขาดทุนเลย
ผมเริ่มต้นทกเช่้าด้วยประโยคว่า
"วันนี้เป้นวันดีที่ผมจะขาดทุน"
ยอมรับมันได้ไหมละครับ
เจ้าความทุกข์ที่น่ากลัวที่สุดสำหรับนักลงทุนตัวนี้
เอาชนะตัวเองเรื่องความทุกข์ได้
จะต้องกลัวอะไรอีกครับ 55555555
จะต้องกลัวอะไรอีกครับ
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: จะต้องกลัวอะไรอีกครับ
โพสต์ที่ 3
ผมกลับมองว่าการจัดการกับความสุขนั้นยากกว่าทุกข์...
เพราะ เวลาเราสุข เรามักจะไหลไปกับอารมณ์ มักจะขาดสติ ไม่ค่อยรู้ตัว เวลาผ่านไปเร็วเสียเหลือเกินจนเมื่อรู้สึกตัวอีกทีช่วงเวลานั้นก็ผ่านไปแล้ว
ในขณะที่เวลาเราทุกข์ สภาวะที่เกิดขึ้นกับกายใจของเรามันช่างชัดเจน เชื่องช้า และยาวนาน จนเรารู้สึกว่าต้องพยายามหาทางจัดการกับมันให้ได้ ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่ต้องทำไม่ใช่การจัดการกับมัน แต่เป็นการทำความเข้าใจมัน และยอมรับมันตามความเป็นจริง เราก็จะผ่านมันไปได้ง่ายกว่าการที่วิ่งวุ่นพยายามที่จะหลีกหนีจากมัน พยายามที่จะกำจัดมัน หรือพยายามหาความสุขอื่นๆ มาบดบังมันไป
และที่สำคัญ... ส่วนใหญ่ ความสุข ที่ปราศจากสติ ทำให้เราหลง ยึด ติด กับความสุขนั้นๆ พอได้ความสุขนั้นแล้วก็อยากได้ความสุขใหม่ๆ ที่แรงกว่าเดิม เจ๋งกว่าเดิม ยิ่งๆ ขึ้นไปอีก เป็นเหตุให้นำไปสู่ความทุกข์ใหม่ๆ ในอนาคต
สุดท้ายแล้ว สุขกับทุกข์ มันก็คือ invert ของกันละกัน... ดังนั้น หากเราคืนทุกข์ให้กับสุขไป เราก็จะพบกับความสุข สงบ สันติสุข ได้ในระยะยาว
เพราะ เวลาเราสุข เรามักจะไหลไปกับอารมณ์ มักจะขาดสติ ไม่ค่อยรู้ตัว เวลาผ่านไปเร็วเสียเหลือเกินจนเมื่อรู้สึกตัวอีกทีช่วงเวลานั้นก็ผ่านไปแล้ว
ในขณะที่เวลาเราทุกข์ สภาวะที่เกิดขึ้นกับกายใจของเรามันช่างชัดเจน เชื่องช้า และยาวนาน จนเรารู้สึกว่าต้องพยายามหาทางจัดการกับมันให้ได้ ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่ต้องทำไม่ใช่การจัดการกับมัน แต่เป็นการทำความเข้าใจมัน และยอมรับมันตามความเป็นจริง เราก็จะผ่านมันไปได้ง่ายกว่าการที่วิ่งวุ่นพยายามที่จะหลีกหนีจากมัน พยายามที่จะกำจัดมัน หรือพยายามหาความสุขอื่นๆ มาบดบังมันไป
และที่สำคัญ... ส่วนใหญ่ ความสุข ที่ปราศจากสติ ทำให้เราหลง ยึด ติด กับความสุขนั้นๆ พอได้ความสุขนั้นแล้วก็อยากได้ความสุขใหม่ๆ ที่แรงกว่าเดิม เจ๋งกว่าเดิม ยิ่งๆ ขึ้นไปอีก เป็นเหตุให้นำไปสู่ความทุกข์ใหม่ๆ ในอนาคต
สุดท้ายแล้ว สุขกับทุกข์ มันก็คือ invert ของกันละกัน... ดังนั้น หากเราคืนทุกข์ให้กับสุขไป เราก็จะพบกับความสุข สงบ สันติสุข ได้ในระยะยาว
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?