ศูนย์ข้อมูลฯชี้เบื้องต้นบ้านจัดสรรจมน้ำ5หมื่นหลัง

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
icehihi
Verified User
โพสต์: 73
ผู้ติดตาม: 0

ศูนย์ข้อมูลฯชี้เบื้องต้นบ้านจัดสรรจมน้ำ5หมื่นหลัง

โพสต์ที่ 1

โพสต์

วันที่ 20 ตุลาคม 2554 13:28ศูนย์ข้อมูลฯชี้เบื้องต้นบ้านจัดสรรจมน้ำ5หมื่นหลัง
โดย : โต๊ะข่าวธุรกิจการตลาด

ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ สำรวจเบื้องต้น ผลกระทบน้ำท่วม เทียบแผนที่จัดสรรใหม่ คาดมีบ้านจมน้ำ 5 หมื่นหลัง คนปรับแผนทาวน์เฮ้าส์หันซื้อคอนโด

นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กล่าวว่า ได้สำรวจโครงการที่อยู่อาศัยที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯปริมณฑล และพระนครศรีอยุธยารวม 7 จังหวัด ในเบื้องต้นพบว่า น่าจะมีจำนวนคร่าวๆประมาณ5 หมื่นหน่วย ซึ่งได้รับผลกระทบที่แตกต่างกัน
โดยการสำรวจดังกล่าว ศูนย์ข้อมูลฯใช้วิธีนำโครงการที่ขออนุญาตจัดสรร ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ บ้านแฝด อาคารพาณิชย์ แต่ไม่รวมอาคารชุด และบ้านที่สร้างเอง โดยเป็นโครงการที่เปิดขายมาตั้งแต่ปี 2533 นำมาเทียบกับแผนที่อุทกภัย ซึ่งส่วนใหญ่พบว่าเป็นบ้านที่สร้างเสร็จและมีการอยู่อาศัยแล้ว ส่วนบ้านที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและขายมีไม่มากนัก
ทำเลบ้านจัดสรรที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตน้ำครั้งนี้ ได้แก่พื้นที่ชานเมืองทั้งฝั่งตะวันออก และตะวันตกของกรุงเทพฯ เช่น หนองจอก บึงกุ่มคลองสามวา บางบัวทอง รังสิต เป็นต้น
นายสัมมา กล่าวว่า ผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ จะทำให้การซื้อขายบ้านไตรมาส 4 ลดลงแน่ แต่เชื่อว่าความรุนแรงคงจะไม่เทียบเท่ากับวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 เนื่องจากมีปัจจัยแวดล้อมที่แตกต่างกันและสถาบันการเงินก็ยังคงแข็งแกร่ง
โอกาส"คอนโดฯ"แทนทาวน์เฮ้าส์
นายสัมมา ระบุด้วยว่า ในส่วนของผู้บริโภค หลังเกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ เชื่อว่า ผู้บริโภคที่จะซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ จะใช้เวลาพิจารณายาวนานขึ้นในการตัดสินใจ เนื่องจากต้องพิจารณาโดยถี่ถ้วนปัจจัยด้านทำเลที่อยู่อาศัย โดยจะให้ความสำคัญกับระดับความสูงของพื้นที่โครงการ และระดับความสูงของเส้นทางสัญจรรอบด้าน เพื่อให้สามารถป้องกันภัยจากน้ำท่วมได้ในอนาคต
ในอนาคต ผู้บริโภคส่วนหนึ่งที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย แต่ไม่สามารถซื้อบ้านเดี่ยวได้เพราะมีงบประมาณจำกัด อาจพิจารณาซื้อห้องชุดคอนโดมิเนียมแทนการซื้อทาวน์เฮาส์ หากไม่มั่นใจว่าโครงการแนวราบในทำเลที่ต้องการจะอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยจากภาวะน้ำท่วม
วัสดุขาด-ก่อสร้างใหม่ล่าช้า
ในส่วนผู้ประกอบการ คาดว่าหลังจากนี้ไป จะประสบปัญหาการก่อสร้างโครงการใหม่ล่าช้า เพราะสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ฝนตกหนักและยาวนานต่อเนื่อง โรงงานผลิตวัสดุก่อสร้างได้รับความเสียหายหรือการผลิตวัสดุก่อสร้างหยุดชะงัก การขนส่งวัสดุก่อสร้างเป็นไปด้วยความยากลำบาก หรือวัสดุก่อสร้างบางรายการอาจขาดแคลนหรือมีราคาแพงขึ้นมาก เช่น อิฐบล็อก หิน ปูน ทราย เพราะประชาชน ห้างร้าน โรงงาน และหน่วยงานต่างๆซื้อหาไปทำแนวป้องกันน้ำท่วม
เนื่องจาก อาจต้องเผชิญกับภาวะขาดแคลนวัสดุก่อสร้างหรือวัสดุก่อสร้างมีราคาแพง เนื่องจากภาครัฐต้องดำเนินการบูรณะซ่อมแซมถนน สะพาน และสิ่งปลูกสร้างต่างๆจำนวนมาก รวมทั้งผู้บริโภคต้องซ่อมแซมที่อยู่อาศัย
หากปัญหาอุทกภัยยังคงยืดเยื้อในพื้นที่ที่มีตลาดที่อยู่อาศัยมาก เช่น กรุงเทพฯ-ปริมณฑล และอยุธยา จะทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยเกิดภาวะชะงักงันได้ โดยในฝั่งผู้ประกอบการอาจชะลอการเปิดโครงการใหม่ และการก่อสร้างโครงการ ส่วนฝั่งผู้บริโภคอาจชะลอการโอนกรรมสิทธิ์
Tags : น้ำท่วม 2554 • บ้านจัดสรร


http://bit.ly/pjpEU5
icehihi
Verified User
โพสต์: 73
ผู้ติดตาม: 0

Re: ศูนย์ข้อมูลฯชี้เบื้องต้นบ้านจัดสรรจมน้ำ5หมื่นหลัง

โพสต์ที่ 2

โพสต์

อสังหาริมทรัพย์
วันที่ 19 ตุลาคม 2554 11:01บ้านจัดสรรอ่วมน้ำท่วมหนัก'มั่นคง-เพอร์เฟค'เร่งเคลียร์ลูกค้า
โดย : โต๊ะข่าวธุรกิจการตลาด

หมู่บ้านจัดสรรชานเมืองกระทบหนัก ทำเลโซนตะวันตก-ตะวันออกกทม.เสี่ยง มั่นคงฯ-เพอร์เฟคฯนำร่องแก้ปัญหาหลังรับวิกฤตน้ำท่วม

สถานการณ์น้ำท่วมย่านชานเมืองรอบกรุงเทพฯ ทวีความรุนแรงขึ้น ส่งผลกระทบชัดเจนต่อหมู่บ้านจัดสรร ซึ่งส่วนใหญ่กระจายอยู่ในพื้นที่รอบนอก โดยเฉพาะในทำเลด้านตะวันตกทิศเหนือของกรุงเทพฯ ย่านปทุมธานี-บางบัวทอง บนถนนสาย 345 ซึ่งพบว่ามีบ้านจัดสรรหลายโครงการ ได้รับผลกระทบน้ำท่วมแล้ว เห็นภาพชัดเจน คือโครงการชวนชื่น ฟลอร่าวิลล์ กอล์ฟ คลับ, โครงการมณีรินทร์ เลค & พาร์ค, โครงการปาริชาติ ปทุมธานี


"กรุงเทพธุรกิจ" สำรวจความเสียหายเบื้องต้นโครงการดังกล่าวพบว่า ทั้ง 2 โครงการ คือ ชวนชื่น ฟลอร่าวิลล์ กอล์ฟ คลับ และ มณีรินทร์ เลค & พาร์ค ยังเป็นโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนาต่อเนื่อง โดยมีพื้นที่จัดสรรเฟสใหม่ๆ ทยอยขายอยู่ในปัจจุบัน โครงการเหล่านี้จึงยังอยู่ในความดูแล ของผู้ประกอบการจัดสรร เนื่องจากยังไม่ได้ทำการโอนการบริหารจัดการชุมชน ให้กับนิติบุคคลบ้านจัดสรร ตามที่กฎหมายกำหนด ดังนั้น ภาระความรับผิดชอบ จากผลกระทบน้ำท่วมครั้งนี้ จึงยังคงอยู่ในความดูแลของผู้ประกอบการ


โดยโครงการชวนชื่น ฟลอร่าวิลล์ กอล์ฟ คลับ นางสาวชุติมา ตั้งมติธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ทางบริษัทได้พยายามให้ความช่วยเหลือลูกบ้านอย่างเต็มกำลังความสามารถ และยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อน เนื่องจากที่ตั้งโครงการซึ่งพัฒนาบนที่ดินกว่า 402 ไร่ บนถนนกรุงเทพฯ-ปทุมธานี (สาย 345) ตำบลบางคูวัด อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี นั้นอยู่ในชัยภูมิที่น่าปลอดภัย และใกล้คันกั้นน้ำใหม่ของจังหวัดปทุมฯ ที่ทำขึ้นมาหลังเกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2538 นับตั้งแต่ได้เข้ามาพัฒนาที่ดินแปลงนี้ และย้อนหลังไปกว่า 10 ปีก็ไม่มีเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่เลย


แก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อนฟื้นฟู
ผู้บริหารมั่นคงฯ ย้ำว่ามาตรการป้องกันน้ำที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ เชื่อว่ารับมือกับภาวะน้ำที่มาตามปกติได้ แต่เหตุการณ์ครั้งนี้น้ำมากเกินปกติ จึงเกิดภาวะท่วมสูงภายในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้โครงการชวนชื่นฯในบริเวณดังกล่าว ได้รับผลกระทบ 3 โครงการด้วยกัน คือ 1.โครงการชวนชื่น ฟลอร่าวิลล์, 2.โครงการชวนชื่น กอล์ฟ อเวนิว, และ 3.โครงการชวนชื่นบรู๊คไซด์ โดย 2 โครงการแรกเป็นโครงการเดิมที่ขายเกือบหมดแล้ว และได้โอนให้ลูกค้าไปแล้วเกือบ 500 ยูนิต ซึ่งเป็นส่วนที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมทั้งหมด


ส่วนโครงการที่ 3 เป็นโครงการใหม่ที่เพิ่งเปิดขาย จำนวน 100 ยูนิต อยู่ระหว่างการก่อสร้างโดยมียอดขายไปแล้วราว 30% เป็นบ้านเดี่ยวระดับราคาเริ่มต้น 3-4 ล้านบาท ส่วน 2 โครงการแรกที่มีปัญหาเป็นบ้านหลังใหญ่มีหลายระดับราคา ถึงขั้น 10 ล้านบาทก็มี


"ลูกค้าเข้าใจสถานการณ์พอสมควร เราเองก็พยายามแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยการช่วยนำคนออกจากหมู่บ้าน และประสานกับหน่วยงานท้องที่ ติดตามสถานการณ์น้ำ และจัดทีมคอยดูแลบ้านให้ลูกค้าที่อพยพออกมาข้างนอก ส่วนการประเมินความเสียหาย และความช่วยเหลืออื่นๆ กำลังเตรียมการในลำดับต่อไป" นางสาวชุติมา กล่าว
ด้าน โครงการ มณีรินทร์ ปทุมธานี อยู่ในภาวะเดียวกัน คือ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) ยังเป็นเจ้าของโครงการและบริหารจัดการภายใน ไม่ได้โอนให้นิติบุคคลตามกฎหมายใหม่ แม้จะพัฒนามานานกว่า 10 ปีแล้วก็ตาม เนื่องจากยังมีพื้นที่พัฒนาเป็นเฟสต่อเนื่องออกขาย ผลกระทบล่าสุดพบว่ามีน้ำท่วมสูงกว่า 1-1.50 เมตร แต่ยังมีลูกบ้านอาศัยอยู่ภายในโครงการ สิ่งที่เพอร์เฟคฯ ดำเนินการขณะนี้ เป็นเรื่องอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกบ้านในการเข้าและออกโครงการ


ขณะเดียวกัน เพอร์เฟค ใช้ช่องทางโซเชียลมีเดีย ผ่านเฟซบุ๊ค ในการติดต่อสื่อสารปัญหาน้ำท่วมกับลูกค้า เปิดหน้าเพจในเฟซบุ๊ค อัพเดทสถานการณ์น้ำท่วม ทั้งหน้าเฟซบุคของบริษัทพร็อพเพอร์ตี้เพอร์เฟค ที่ http://www.facebook.com/topic.php?uid=1 ... rtyPerfect และหน้าเพจรายงานสถานการณ์น้ำท่วม Flood Fighting'54 ที่ http://www.facebook.com/topic.php?uid=1 ... opic=16144

http://bit.ly/nPpVmn
icehihi
Verified User
โพสต์: 73
ผู้ติดตาม: 0

Re: ศูนย์ข้อมูลฯชี้เบื้องต้นบ้านจัดสรรจมน้ำ5หมื่นหลัง

โพสต์ที่ 3

โพสต์

หุ้นกลุ่มอสังหาสำลักน้ำ
Q4ยอดขาย-รายได้ทรุด

วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม 2554
ผู้เข้าชม : 88 คน


อสังหาฯ เจอพิษน้ำท่วม! กระทบงบไตรมาส 4/54 รายได้-กำไรลด เหตุกำลังซื้อหายทำยอดขาย-ยอดโอนหด ฟาก PS รับน้ำท่วมกดรายได้-ยอดขายไตรมาส 4/54 ร่วง โบรกฯแนะซื้อ AP-LH-LPN-SPALI น้ำยังไม่ท่วมและราคาหุ้นยังถูก



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังสถานการณ์น้ำท่วมลุกลามจากภาคเหนือสู่ภาคกลาง และท่วมรุนแรงนั้น ส่งผลกระทบภาคธุรกิจหลายธุรกิจ รวมถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (พัฒนาที่อยู่อาศัย) ที่ทำให้ยอดขาย และยอดโอนลดลง โดยวานนี้ราคาหุ้นกลุ่มอสังหาฯปรับตัวลดลงถ้วนหน้า นำโดย บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท (PS) ปิด 11.60 บาท ลดลง 1.20 บาท หรือลดลง 9.38% บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) ปิด 5.80 บาท ลดลง 0.45 บาท หรือลดลง 7.20%

บมจ.แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเม้นท์ (LPN) ปิด 9.90 บาท ลดลง 0.40 บาท หรือลดลง 3.88% บมจ.ควอลิตี้ เฮ้าส์ (QH) ปิด 1.33 บาท ลดลง 0.05 บาท หรือลดลง 3.62% และ บมจ.ศุภาลัย (SPALI) ปิด 11.80 บาท ลดลง 0.40 บาท หรือลดลง 3.28% เป็นต้น
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวลดลงในช่วงนี้ เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลต่อภาวะน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ซึ่งอาจมีผลต่อเป้าหมายยอดขาย และยอดการโอนบ้านที่อาจคลาดเคลื่อนไปจากคาดการณ์ โดยเฉพาะ LH ที่ขายบ้านสร้างเสร็จพร้อมอยู่ กำลังซื้ออาจหายไปกระทบยอดขายได้ในช่วงไตรมาสที่ 4/54 ขณะที่ PS ก็มีหลายโครงการบ้านที่จะมีการโอนกรรมสิทธิ์ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ก็อาจจะได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมได้เช่นกัน แต่ในแง่ปัจจัยพื้นฐานยังคงแนะนำ "ซื้อ" LH และ PS อยู่ เพียงแต่ช่วงนี้ควรจะชะลอการลงทุนไปก่อน
นายสมบูรณ์ วศินชัชวาล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานบัญชีและการเงิน บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมขณะนี้ส่งผลกระทบกับโครงการที่บริษัทกำลังพัฒนาในปัจจุบัน ซึ่งเบื้องต้นพบว่ามี 6 โครงการ มูลค่ารวม 3-4 พันล้านบาท ทั้งโครงการที่กำลังมีการโอนและยังไม่ได้โอน ที่ได้รับผลกระทบมากจากระดับน้ำสูงย่านรังสิต คลอง 3 และพุทธมณฑลสาย 4 เป็นต้น
โดยบริษัทคาดว่ายอดขายในไตรมาส 4/54 จะลดลงประมาณ 5-10% เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคชะลอลงทั้งโครงการเดิมและโครงการใหม่ บริษัทจึงตัดสินใจเลื่อนแผนการเปิดโครงการใหม่บางโครงการในไตรมาสที่ 4/54 จากแผนเดิมที่จะเปิดขาย 10-20 โครงการ อาจจะต้องเลื่อนไปเปิดในปี 2555 บางส่วน
ทั้งนี้ เนื่องจากภาวะน้ำท่วม ส่งผลกระทบต่อการเข้าชมโครงการ ขณะนี้อยู่ระหว่างรอประเมินตัวเลขยอดขายในเดือนตุลาคม แต่ในช่วงครึ่งแรกของเดือนตุลาคม 2554 ยอดขายอยู่ในระดับที่น่าพอใจ มียอดขาย 1.1-1.2 พันล้านบาท แต่อย่างไรก็ตาม อยากให้ภาครัฐเร่งจัดการในแก้ไขปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นโดยเร็ว ซึ่งก็คงจะต้องติดตามกำลังซื้ออีกครั้ง หลังจากปริมาณน้ำลดว่าฟื้นตัวได้เร็วแค่ไหน
ขณะที่แผนการพัฒนาโครงการในต่างประเทศในปีนี้ บริษัทก็ชะลอการเปิดไปด้วย ทั้งประเทศอินเดีย และเวียดนาม ซึ่งบริษัทได้ตั้งเป้าหมายว่า จะมียอดขาย 4 พันล้านบาทจากโครงการต่างประเทศ แต่เนื่องจากไม่สามารถโอนที่ดินได้ รวมทั้งโครงการที่มัลดีฟส์ ในเฟส 2 ก็เลื่อนไปปี 2555 จากแผนเดิมที่จะขยายเฟส 2 ในปี 2554 จากปัจจัยดังกล่าว บริษัทจึงคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อยอดขายในปี 2554 เหลือจำนวน 3.4 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าหมายยอดขายปี 2554 ไว้ที่ 4.2 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังจะเลื่อนแผนการออกหุ้นกู้วงเงิน 3-5 พันล้านบาท ออกไปเป็นไตรมาสที่ 1/55 จากเดิมที่วางแผนไว้ในไตรมาสที่ 4/54 โดยจุดประสงค์การเสนอขายหุ้นกู้เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า หลังจากภาพหลายโครงการบ้านที่รัตนาธิเบศร์ ถนน 345 ที่ถูกน้ำท่วมในระดับสูง เช่น ฟลอร่าวิลล์ของ MK, มณีรินทร์ของ PF ก็คาดว่าจะส่งผลลบต่อหลักทรัพย์เหล่านี้ อีกทั้งสิ่งที่ต้องติดตามต่อไปคือ น้ำจะท่วมกรุงเทพฯในเขตเมืองหรือไม่ เพราะโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆก็ตั้งอยู่ในเขตเมืองและปริมณฑลนั่นเอง เราจึงเชื่อว่าภาวะน้ำท่วมขัง จะกลับมาเป็นปัจจัยลบระยะสั้นในหลักทรัพย์หมวดนี้ หลังจากก่อนหน้านี้ยอดขายและโอนกรรมสิทธิ์ก็ทำได้น้อย เพราะรอความชัดเจนมาตรการให้สิทธิประโยชน์ผู้ซื้อบ้านจากภาครัฐ ดังนั้นหากภาวะน้ำท่วมขังมีความรุนแรงในเขตกรุงเทพฯ ก็อาจจะต้องปรับลดประมาณการปี 2554 ลงไป
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกเขตน้ำท่วมที่เข้าโครงการจะกระทบกับผู้ประกอบการเสมอไป เพราะหากมีการโอนกรรมสิทธิ์ไปแล้ว ก็จะไม่มีผลกระทบต่อผู้ประกอบการ เพียงแต่อาจก่อให้เกิดค่าใช้จ่าย ที่ผู้ประกอบการยังเข้าไปช่วยเหลือ เพื่อปกป้องภาพพจน์ไม่ให้เสียหาย
สำหรับหลักทรัพย์หมวดที่อยู่อาศัยยังดีอยู่ในระยะยาว เพราะเห็นว่าในปี 2555 ธุรกิจหมวดนี้จะมีปัจจัยพื้นฐานที่ดีขึ้น เพราะหลังน้ำท่วมลดลง มาตรการภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นการลดหย่อนภาษีเงินได้สำหรับการซื้อบ้านระดับราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาทลงมา ในช่วงเวลาจนถึงปลายปี 2555 รวมทั้งการปล่อยกู้ดอกเบี้ย 0% สำหรับบ้านที่มีระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท ก็จะสามารถเพิ่มยอดขายและยอดโอนที่ดีขึ้นตลอดปี 2555 นี้ Top Pick ที่แนะนำ "ซื้อ" หุ้นหมวดที่อยู่อาศัยคือ AP, LH, LPN และ SPALI (ยังไม่ถูกน้ำท่วม) เพราะประเมินราคาหุ้นยังถูก (P/E ต่ำ) และอัตราผลตอบแทนปันผลดีอยู่ในระดับ 5-6%
http://www.kaohoon.com/daily/15163/หุ้น ... ด้ทรุด.htm
โพสต์โพสต์