เห็นโบรกเชียร์แต่.... หุ้นพวกลิสซิ่ง
คนอยู่ กทม ก็คิดว่า..น้ำท่วมแบบนี้ทุกปีไม่น่าจะมีปัญหา
แต่คนบ้านนอกอย่างผม พูดได้คำเดียวว่าเละเทะ
รอบนี้หนักหนาในรอบ10ปีที่ผ่านมา เพราะเกือบทั่วประเทศ
ในเมื่อพวกผลกระทบตกอยู่กับกลุ่ม มอตำไซด์ รถยนต์ ประกันภัย ผมคิดว่าน้ำท่วมคราวนี้อย่างน้อยก็1-2ไตรมาส
ชาวบ้านชานนาชาวสวน ไม่ค่อยอยากจะผ่อนจ่ายงวดรถเท่าไหร่
เงินที่มีหรือญาติให้เงินจาก กทม ส่งมาให้นั้นต้องเก็บไว้กินอยู่และซ่อมบ้าน อื่นๆซึ่งมีความจำเป็นมากกว่าการผ่อนรถ
ทำไมนักวิเคราะห์หุ้นทุกสำนักถึงมองข้ามเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้
น่าจะพออนุมานได้ว่า นักวิเคราะห์นั่งทำงานอยู่แต่ใน กทม
อ่านแค่ข่าวในอินเตอร์เน็ท ดูข่าวทีวี เลยไม่ได้เห็นภาพจริงเท่าที่ควรจะเห็น
ความจริง ท่านผู้อ่านท่านใดอยู่จังหวัดไหน ที่พบเหตุการณ์น้ำท่วมมาเล่าให้ทราบก็จะดี
เพื่อเพิ่มมุมมอง
ว่าการที่น้ำท่วมไร่นา นับแสนไร่ นับล้านไร่ จะมีผลกระทบต่อธุรกิจเงินผ่อน ไตรมาสไหน
ปุ๋ยก็จะขายได้น้อยลง ยาฆ่าแมลงก็จะขายได้น้อยลง ก็น้ำท่วมเป็นเดือนเลยไม่มีพืชให้ใส่ปุ๋ยฉีดยา
และหลังน้ำลด กว่าจะเพาะปลูกได้ต้องใช้เวลาอีกเป็นเดือนกว่าจะเริ่มเพาะปลูก
ที่ว่าเสียหาย หลังจากหมดฤดูฝน ตัวเลขก็จะโผล่มาอีกใช่น้อย
ตกลงผมคิดต่างจากการวิเคราะห์ของโบรกเกอร์
ผมว่าการท่วมนี้กว่าจะส่างซา น่าจะยื้อเยื้ออีกเกือบเดือนอย่างเร็ว ถ้าอย่างช้ายังไม่ได้คิด
ตกลงคนอยู่กรุงคิดอย่างนักวิเคราะห์ คนต่างจังหวัดคิดกันอย่างไรครับ
หุ้นตัวไหนน่าจะได้ประโยชน์
หุ้นตัวไหนจะได้ผลกระทบ
มาเล่าสู่กันฟัง
เห็นโบรกเชียร์แต่....
- Golden Stock
- Verified User
- โพสต์: 615
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เห็นโบรกเชียร์แต่....
โพสต์ที่ 3
หุ้นตัวไหนได้รับผลประโยชน์ ?
หุ้นตัวไหนได้รับผลเสีย ?
ผมมองว่านักลงทุนในตลาดสามารถแยกแยะออกนะครับ
ได้ประโยชน์ คงไม่พ้นวัสดุก่อสร้าง อาหารแห้ง ยารักษาโรค และบลา บลา...
คนที่จะฉวยโอกาสสร้างผลตอบแทนจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ คงต้องให้มองให้ไกลกว่านั้น...
คือวิเคราะห์ว่าปัญหา หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้พื้นฐานของกิจการเปลี่ยนแปลงชั่วคราว หรือตลอดไป ?
กรณีเป็นปัญหาระยะสั้นๆ เช่น 1 - 3 เดือน
ถ้าผมมีหุ้นที่ได้รับผลดีจากเหตุการณ์ แล้วราคาวิ่ง ผมจะขายหุ้นนั้นทิ้ง แล้วไปซื้อหุ้นที่ราคาหุ้นลง เนื่องจากได้รับผลเสียจากเหตุการณ์นั้นแทน
ผมคงไม่ไปไล่ซื้อหุ้นที่จะได้รับผลดีแค่ 1 ไตรมาส หรือขายหุ้นทิ้งเพราะว่าจะได้รับผลเสียเพียงแค่ 1 ไตรมาส
อย่างเหตุการณ์แผ่นดินไหว และสึนามิที่ญี่ปุ่นช่วงปลายเดือนมีนาคม 2554 ตอนนั้นทั้งนักวิเคราะห์ นักวิจารณ์ (ตามเว็บบอร์ด) และนักลงทุน ต่างมองว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เลวร้าย ราวกับว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะล่มสลายตามสึนามิไปด้วย โดยข้อเท็จจริงปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพียงระยะสั้นๆ แค่ 1 - 2 ไตรมาสเท่านั้น พื้นฐานของบริษัทเปลี่ยนแปลงแค่ชั่วคราวเท่านั้น ด้วยเหตุการณ์นี้ ทำให้ผมซื้อหุ้น SAT ได้ในราคาแค่ 21 บาทกว่าๆ เท่านั้น และเมื่อเหตุการณ์เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ผมก็ขายทิ้ง ซึ่งสวนทางกับคนส่วนใหญ่ที่ไล่ซื้อ เพราะมองว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ฟื้นแล้ว
กลับกัน ที่มองว่าหุ้นที่จะได้รับผลดี มีการไล่ซื้อ ทำให้ราคาขึ้นไป แต่ก็เป็นเพียงชั่วคราว เพราะแค่ยอดขาย หรือกำไรเพิ่มแค่ชั่วคราว เพียง 1 - 2 ไตรมาส มันไม่ได้ทำให้พื้นฐานกิจการในระยะยาวเปลี่ยนแปลง
กรณีที่เป็นปัญหาที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในพื้นฐานของกิจการในระยะยาว อย่างนั้นคงต้องทำตรงกันข้ามกับกรณีปัญหาชั่วคราวครับ
หุ้นตัวไหนได้รับผลเสีย ?
ผมมองว่านักลงทุนในตลาดสามารถแยกแยะออกนะครับ
ได้ประโยชน์ คงไม่พ้นวัสดุก่อสร้าง อาหารแห้ง ยารักษาโรค และบลา บลา...
คนที่จะฉวยโอกาสสร้างผลตอบแทนจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ คงต้องให้มองให้ไกลกว่านั้น...
คือวิเคราะห์ว่าปัญหา หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้พื้นฐานของกิจการเปลี่ยนแปลงชั่วคราว หรือตลอดไป ?
กรณีเป็นปัญหาระยะสั้นๆ เช่น 1 - 3 เดือน
ถ้าผมมีหุ้นที่ได้รับผลดีจากเหตุการณ์ แล้วราคาวิ่ง ผมจะขายหุ้นนั้นทิ้ง แล้วไปซื้อหุ้นที่ราคาหุ้นลง เนื่องจากได้รับผลเสียจากเหตุการณ์นั้นแทน
ผมคงไม่ไปไล่ซื้อหุ้นที่จะได้รับผลดีแค่ 1 ไตรมาส หรือขายหุ้นทิ้งเพราะว่าจะได้รับผลเสียเพียงแค่ 1 ไตรมาส
อย่างเหตุการณ์แผ่นดินไหว และสึนามิที่ญี่ปุ่นช่วงปลายเดือนมีนาคม 2554 ตอนนั้นทั้งนักวิเคราะห์ นักวิจารณ์ (ตามเว็บบอร์ด) และนักลงทุน ต่างมองว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เลวร้าย ราวกับว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะล่มสลายตามสึนามิไปด้วย โดยข้อเท็จจริงปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพียงระยะสั้นๆ แค่ 1 - 2 ไตรมาสเท่านั้น พื้นฐานของบริษัทเปลี่ยนแปลงแค่ชั่วคราวเท่านั้น ด้วยเหตุการณ์นี้ ทำให้ผมซื้อหุ้น SAT ได้ในราคาแค่ 21 บาทกว่าๆ เท่านั้น และเมื่อเหตุการณ์เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ผมก็ขายทิ้ง ซึ่งสวนทางกับคนส่วนใหญ่ที่ไล่ซื้อ เพราะมองว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ฟื้นแล้ว
กลับกัน ที่มองว่าหุ้นที่จะได้รับผลดี มีการไล่ซื้อ ทำให้ราคาขึ้นไป แต่ก็เป็นเพียงชั่วคราว เพราะแค่ยอดขาย หรือกำไรเพิ่มแค่ชั่วคราว เพียง 1 - 2 ไตรมาส มันไม่ได้ทำให้พื้นฐานกิจการในระยะยาวเปลี่ยนแปลง
กรณีที่เป็นปัญหาที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในพื้นฐานของกิจการในระยะยาว อย่างนั้นคงต้องทำตรงกันข้ามกับกรณีปัญหาชั่วคราวครับ