ไม่มีแต้มต่อ

[Jeng]

เวลาเราไปตีกอร์ฟ หากเราเพิ่งตีใหม่ๆ เราตีไม่เก่ง เพื่อปรับให้แข่งกันสนุกๆได้ ก็จะมีแต้มต่อ

ถาเราตีกอร์ฟ กับคนที่ตีกอร์ฟมานานๆ โอกาสชนะเราจะน้อยมาก

การมีแต้มต่อ ทำให้สนุกสนาน และเกิดกำกำลังใจ เกิดการพัฒนา

แต่ในตลาดหุ้นไม่มีแต้มต่อ คนที่เล่นหุ้นมานานๆ 10 ปี 20 ปี หรือแม้กระทั่ง 30 ปี

กับมือใหม่ ที่เพิ่งเข้ามาเล่นหุ้นเพราะเห็นตลาดหุ้นบูม

ไม่มีแต้มต่อเลย และที่น่าแปลกใจ คือมือใหม่ มักจะประสบความสำเร็จในชีวิต

มีเงิน และมีเงินมากพอที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น

มือใหม่เหล่านี้ ก็มักจะเชื่อมั่นในตนเองสูงมาก

ไม่ใช่เขาไม่ฟังใคร แต่เขาเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต

เพราะฉะนั้น โอกาสที่เขาจะคิดว่าเขาเก่ง เพราะศึกษามาดีแล้ว ก็เลยสูงตาม

แต่เขาอาจจะลืมไปว่า สนามนี้ไม่มีแต้มต่อ

ยิ่งเขาลงทุนใหม่ๆ แล้วประสบความสำเร็จ ยิ่งไปกันใหญ่

ความมั่นใจยิ่งมากขึ้น ตลาดหุ้นก็วนเวียนแบบนี้ มีคนใหม่เข้ามา เหลือคนเก่าๆไม่มีกี่คน

ตอนตลาดแย่ๆ ตอนตลาดดีๆ ก็มีคนใหม่ๆ เข้ามาอีก และในที่สุด ก็เหลือคนเก่าๆ ไม่กี่คน

[viim]

ดีครับพี่เจ๋ง เขียนเล่ามาเยอะๆเลย เพราะผมก็เข้าตลาดประมาณ 4 เดือน แต่มีประสบการณ์ในการลงทุนในกองทุนรวมอยู่บ้างไม่มาก เพราะแต่ก่อนไม่กล้าลงทุนในหุ้น มีความรู้สึกลบเมื่อมีคนพูดเกี่ยวกับหุ้น แต่พอเข้ามาศึกษา พยายามทำความเข้าใจในกลไกของคำว่า ตลาดทุน ตลาดหุ้น ตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งมันก็คืออันเดียวกัน ก็ทำให้เข้าใจมากขึ้นกับคำว่า ความเสี่ยงคืออะไร ทำไมต้องมีตลาดทุน Mr.Market เป็นใคร ความคาดหวังของผู้คนคืออะไร และคำว่าบริษัทมหาชนคืออะไร ตลาดทุน สามารถเป็นได้หลายแบบขึ้นอยู่กับคนที่มาเกี่ยวข้องว่าต้องการมาเกี่ยวข้องแบบไหน กล่าวคือ จะมาแบบเก็งกำไร มาแบบลงทุน มาเช้ากลับเย็น มาแบบเติมสะสมหุ้นในลักษณะของหุ้นส่วนในกิจการ ไม่ว่าจะเป็นแบบสั้นมากๆ สั้น ปานกลาง ยาว หรือยาวมากๆ ก็แล้วแต่ความถนัด มาแบบดูพื้นฐานเป็นหลัก มองยาวๆ มอง DCA มอง fiive forces หรือมาแบบตามคนอื่น มาแบบเทคนิค แบบลูกผสม ก็ไม่มีใครผิด ไม่มีใครถูก 100% ไม่มีใครทำนายอะไรได้แม่นยำตลอด แต่การที่มีพี่ๆที่อยู่ในตลาดมานานช่วยมาเล่า มาแชร์ เหตุการณ์ ประสบการณ์ต่างๆที่มือใหม่ๆอย่างผมไม่เคยเจอ ก็จะเป็นอะไรที่ดีมาก เพราะเราจะได้ตระหนักรู้เท่าทัน และไม่หลงกลไปกับเกมความโลภ กลัว หลง ได้ ลงทุนอย่างมีสติ อย่างที่เรารู้ว่าเรากำลังทำอะไร เพื่ออะไร หวังผลกำไรลักษณะไหน capital gain หรือ dividend yield จะห่านทองคำ อะไรก็แล้วแต่ ช่วยมาเล่าเยอะๆเลยครับ เพื่อให้เกิดมุมมองมากขึ้น แม้กระทั่ง case study อย่าง stock valuation ที่เป็นอะไรที่ไม่มีสูตรตายตัว ก็น่าจะดีถ้ามีการแสดงวิธีคิด วิธีประเมิน เล่าประสบการณ์ที่ผ่านมาเช่น เคยประเมินหุ้น aaa ว่าราคาเท่านี้ เนื่องจากมี story แบบนี้ มีข้อมูลแบบนี้ แต่ออกมาจริงเป็นแบบนี้อะไรอย่างนี้ น้องๆจะได้เห็นมุม เห็นเหลี่ยมมากขึ้น เพราะหลายคนที่ผมมีความรู้สึกว่าเขาประสบความสำเร็จแล้ว จะแม่นในตัวข้อมูลที่เป็นความจริงมาก ไม่ใช่ข้อมูลที่เป็นความเห็น การได้มาของข้อมูลอาจจะมาจากการถามผู้บริหารโดยตรง ตามข่าวอย่างสม่ำเสมอ พยามทำความเข้าใจในกิจการอย่างลึกซึ้ง จนมองออกว่ากำไรมันจะอยู่ตรงไหน จุดตาย จุดเสี่ยง อยู่ตรงไหน รายได้และการเติบโตจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ใน 1 ปี หรือ 3 ปี หรือ 5 ปีข้างหน้า เขาก็จะสามารถคำนวณหากำไรล่วงหน้าได้แม่นยำ ทีนี้พอได้กำไร ก็จะมาประเมินมูลค่า ซึ่งผมก้เห็นคนส่วนใหญ่ในนี้จะใช้วิธี relative คือ PE multiple เป็นหลัก ปัญหาก็คือไอ้เจ้า PE นี่แหละคือตัวปัญหา เพราะไม่รู้ว่าจะให้ PE ที่เหมาะสมอย่างไร ครั้นจะดู PE อดีตก็อาจจะพอได้ แต่ถ้ามัน PE = 30-50 นี่ VI คงไม่ชอบแน่ แต่ที่ไหนได้ตลาดก็ยังคงให้ PE สูงๆกับหุ้นตัวนั้นอย่างไม่ลดละ ราคาก็ขึ้นไปได้เรื่อยๆ ถ้าเป็นพี่เจ๋ง PE สูงสุดที่พี่เคยซื้อนี่ไม่เกินเท่าไหร่ครับและเพราะเหตุใด?

[sarawut_p]

ใช่ครับ ในสนามนี้ มือใหม่กับแชมป์โลกต้องมาแข่งด้วยกันครับ

[densin]

มีแต้มต่อบางเรื่องนะ
คนพอร์ทใหญ่มากๆ จะเข้าหุ้นตัวเล็กๆก็ยากมาก
จะซื้อเยอะๆก็จะทำให้เกิดvolumeผิดปรกติให้พวกนักเก็งกำไรมาไล่ สกัดการเก็บ

คนพอร์ทเล็กอาจจะเก็บหุ้นเล็กๆง่ายกว่า

[pakhakorn]

สนามนี้ ....ไม่มีแต้มต่อ... จริงครับ

แต่ถ้าจะให้เห็นภาพง่ายขึ้น ในความเข้าใจผม สนามนี้ ก็เหมือนทะเลกว้าง มีคลื่น มีลม มีน้ำตื้น น้ำลึก มีชายฝั่ง มีเกาะแ่ก่ง มีปลาเล็ก มีปลาใหญ่ มีตัวเจ้าถิ่นกับตัวเพิ่งเกิด พร้อมสิ่งมีชีวิตอื่นๆอีกมากมาย ก็อยู่ในทะเลเดียวกัน ในห่วงโซ่อาหาร ทุกชีวิตเกิดมา..ไม่มีแต้มต่อ...พร้อมจะเป็นผู้ล่า และเป็นผู้ถูกล่าพร้อมๆกัน

แต่ชีวิตที่อยู่รอดได้...ต้องปรับตัว....ก็ต้องเรียนรู้เลือก..หาที่อยู่อาศัยที่มีอาหารและต้องระวังไม่ให้ตัวเองเป็นอาหารให้ตัวอื่นก่อน ตามความสามารถและศักยภาพของตัวเอง

พอร์ตใหญ่เข้าหุ้นเล็ก ไม่สะดวก ถูกพบได้ง่าย .... ก็เหมือนปลาใหญ่เข้าเขตน้ำตื้น ปลาเล็กก็ตัวรู้เร็ว
อันนี้ ...ไม่ใช่แต้มต่อ(เพราะไม่มีข้อ.... ห้ามไม่ให้เข้า)

เปรียบได้น่าเกลียด..น่ากลัว...เกินไปไหม ครับ พี่ Jeng

[Jeng]

สนามนี้ ....ไม่มีแต้มต่อ... จริงครับ

แต่ถ้าจะให้เห็นภาพง่ายขึ้น ในความเข้าใจผม สนามนี้ ก็เหมือนทะเลกว้าง มีคลื่น มีลม มีน้ำตื้น น้ำลึก มีชายฝั่ง มีเกาะแ่ก่ง มีปลาเล็ก มีปลาใหญ่ มีตัวเจ้าถิ่นกับตัวเพิ่งเกิด พร้อมสิ่งมีชีวิตอื่นๆอีกมากมาย ก็อยู่ในทะเลเดียวกัน ในห่วงโซ่อาหาร ทุกชีวิตเกิดมา..ไม่มีแต้มต่อ...พร้อมจะเป็นผู้ล่า และเป็นผู้ถูกล่าพร้อมๆกัน

แต่ชีวิตที่อยู่รอดได้...ต้องปรับตัว....ก็ต้องเรียนรู้เลือก..หาที่อยู่อาศัยที่มีอาหารและต้องระวังไม่ให้ตัวเองเป็นอาหารให้ตัวอื่นก่อน ตามความสามารถและศักยภาพของตัวเอง

พอร์ตใหญ่เข้าหุ้นเล็ก ไม่สะดวก ถูกพบได้ง่าย .... ก็เหมือนปลาใหญ่เข้าเขตน้ำตื้น ปลาเล็กก็ตัวรู้เร็ว
อันนี้ ...ไม่ใช่แต้มต่อ(เพราะไม่มีข้อ.... ห้ามไม่ให้เข้า)

เปรียบได้น่าเกลียด..น่ากลัว...เกินไปไหม ครับ พี่ Jeng

ชัดเจน