จะมีหุ้น บ.ใดเข้าเกณฑ์นี้แล้วได้รับผลกระทบบ้างไหมครับพาณิชย์เคาะเกณฑ์อำนาจเหนือตลาดใหม่ยอดขาย 500ล้าน
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
Share
TOOLS
คัดลอก URL นี้เเบบย่อhelp
คัดลอก
ขนาดตัวอักษร
พิมพ์ข่าวนี้
ส่งต่อให้เพื่อน
แบ่งปันข่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
คอลัมน์อื่นๆ
Coporate Movement
กสทช.เปิดผลสอบสัญญา'ทรู-กสท'ส่อขัดกม.
ไทยออยล์เตรียม5 หมื่นล้านฮุบ"เอสโซ่"
HR Management
อาภา อรรถบูรณ์วงศ์ ทำธุรกิจต้อง 'ยืดหยุ่น'
พุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ ไต่เพดานบินเร็ว เผชิญทุกทัศนวิสัย
Marketing
โฟร์โมสต์ ฉลองวันดื่มนมโลก
สกู๊ปรีเทลส์ ดีเทลส์ : “ช้อปปิ้งเซ็นเตอร์” ยกเครื่องใหญ่
"พาณิชย์"เคาะเกณฑ์ผู้มีอำนาจเหนือตลาดใหม่ ลดยอดขายต่อปีเหลือแค่ 500 ล้านบาท จากเดิม 1,000 ล้านบาท ชี้ช่วยควบคุมดูแลธุรกิจผูกขาดง่ายขึ้น
นายอนุรุทธิ์ โค้วคาสัย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการเชี่ยวชาญเฉพาะเรื่องการกำหนดเกณฑ์ผู้มีอำนาจเหนือตลาด เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ ได้มีมติให้กำหนดเกณฑ์ผู้มีอำนาจเหนือตลาด เป็นเกณฑ์เดียวที่ใช้กับทุกธุรกิจ โดยกำหนดให้ผู้ประกอบการธุรกิจที่อยู่ในเกณฑ์มียอดเงินขายตั้งแต่ 500ล้านบาทขึ้นไป จากเดิมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาท โดยอยู่ระหว่างการนำเสนอร่างดังกล่าวต่อนางพรทิวา
นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อนำเรื่องเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าพิจารณา และจากนั้นจะนำเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป
การกำหนดเกณฑ์ผู้มีอำนาจเหนือตลาดดังกล่าว กำหนดเป็น 3 ระดับ คือ ระดับที่ 1 มีส่วนแบ่งการตลาด ตั้งแต่ 50% ขึ้นไป ระดับที่ 2 มีส่วนแบ่งการตลาด ตั้งแต่ 30% ขึ้นไป และระดับที่ 3 มีส่วนแบ่งตลาด 3 รายรวมกัน ตั้งแต่ 75% ขึ้นไป ซึ่งในระดับที่ 2 และ 3 จะต้องมีการพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย ได้แก่ ความสามารถในการควบคุมตลาด อุปสรรคการเข้าสู่ตลาด ศักยภาพของคู่แข่ง การจำกัดการแข่งขัน และอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ได้กำหนดเกณฑ์ยกเว้นสำหรับผู้ประกอบธุรกิจรายใดรายหนึ่ง ที่มีส่วนแบ่งตลาดในปีที่ผ่านมาต่ำกว่า 10% หรือ ยอดเงินขายต่ำกว่า 500 ล้านบาท
"การจัดทำเกณฑ์ผู้มีอำนาจเหนือตลาดใหม่นี้ ได้มีการพิจารณาเทียบเคียงกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทั้งในสหรัฐฯ ยุโรป เอเชีย และกลุ่มอาเซียน โดยปรับให้ทันสมัยและเหมาะสมกับการทำธุรกิจของไทย"นายอนุรุทธิ์กล่าว
นายอนุรุทธิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ประกอบธุรกิจในประเทศไทย มีรายใหญ่อยู่จำนวนมาก ได้มีการขยายกิจการออกไป ทั้งแนวนอนและแนวดิ่ง เช่น การทำธุรกิจครบวงจร การตั้งบริษัทในเครือ เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมากฎหมายไทยมีช่องว่างการตีความให้ผู้ประกอบรายเดียว คือ 1 นิติบุคคล ทำให้คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าไม่สามารถที่จะเอาผิดได้ เพราะเมื่อพิจารณาในส่วนของยอดขาย หรือ Market Share ก็จะไม่เข้าเกณฑ์ ดังนั้น การปรับหลักเกณฑ์การพิจารณาอำนาจเหนือตลาดตามมาตรา 25 พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้าพ.ศ.2542 จะช่วยลดช่องว่างทางข้อกฎหมาย ทำให้ตลาดในไทยมีการแข่งขันที่เป็นธรรมมากยิ่งขึ้น ผู้ประกอบธุรกิจไทยขนาดกลางและเล็ก (SMEs)จะสามารถแข่งขันและเติบโตในตลาดได้และที่สำคัญ คือ การนำมาซึ่งความเป็นธรรมแก่ผู้บริโภคในประเทศ
ทั้งนี้ หากเกณฑ์ดังกล่าวได้รับการเห็นชอบ จะทำให้กลุ่มธุรกิจบางประเภทเข้าข่ายเฝ้าระวังเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาด เช่น น้ำมันดีเซล เบียร์ ปุ๋ยเคมี แผ่นเหล็กเคลือบดีบุก นมถั่วเหลือง ปลากระป๋องในซอส เม็ดพลาสติกPE ยางรถยนต์ เยื่อกระดาษ
นอกจากนี้จะเสนอให้เพิ่มเติมคำจำกัดความ"ผู้ประกอบธุรกิจ" และ"ผู้มีอำนาจเหนือตลาด"ให้ครอบคลุมไปถึงบริษัทในเครือตามหลักสากล เพื่อให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรมในตลาด
จะมีหุ้น บ.ใดเข้าเกณฑ์นี้แล้วได้รับผลกระทบบ้างไหมครับ
- jo7393
- Verified User
- โพสต์: 2486
- ผู้ติดตาม: 0
จะมีหุ้น บ.ใดเข้าเกณฑ์นี้แล้วได้รับผลกระทบบ้างไหมครับ
โพสต์ที่ 1
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด