สาวไทยมองชุดชั้นในเป็นแฟชั่นเปลี่ยนบ่อยซื้อเฉลี่ย3ชุด/ด.

[MacroArt]

ผู้จัดการรายวัน - ไทรอัมพ์ยิ้มรับเศรษฐกิจรุ่งดันตลาดรวมชุดชั้นในพลิกฟื้น ชี้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนนิยมซื้อชุดชั้นในเพิ่มตามแบบเสื้อผ้าแฟชั่น ล่าสุด เร่งออกคอลเลกชั่นใหม่ "แม็กซิไมเซอร์ แดนเจอร์รัส เคิร์ฟส์" ตามกระแสความนิยม หวังเบียดขอบวาโก้

นางวริสรา จงเกรียงไกร ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายผลิตภัณฑ์ บริษัท ไทรอัมพ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมาตลาดชุดชั้นในมีอัตราการเติบโตด้วยตัวเลขเพียงหลักเดียว ไม่เป็นที่น่าพอใจของผู้ประกอบการในตลาดนี้เท่าไรนัก เพราะว่าเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร แต่ปีนี้คาดว่าตลาดน่าจะเติบโตด้วยตัวเลข 2 หลัก เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจเริ่มจะดีขึ้นแล้ว โดยตลาดรวมชุดชั้นในมีมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท แข่งขันกันรุนแรงในแง่แฟชั่นและนวัตกรรม

พฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่เคยซื้อเพียงปีละ 2-3 ครั้ง ก็เปลี่ยนมาซื้อไม่ต่ำกว่า 3 ชุดต่อเดือนเนื่องจากผู้บริโภคเริ่มมองว่าชุดชั้นในเป็นสินค้าแฟชั่นเหมือนกับเสื้อผ้าที่ต้องเพิ่มความถี่ในการซื้อมากขึ้น เทรนด์ของชุดชั้นในจึงเน้นความเป็นแฟชั่นตามความต้องการของบริโภคด้วยเช่นกัน ปัจจัยเหล่านี้เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ตลาดรวมของชุดชั้นในเติบโต

ปีนี้บริษัทจึงหันมาเน้นออกผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นชุดชั้นในแนวแฟชั่นเพื่อรับกระแสความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มแม็กซิไมเซอร์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่เน้นความเป็นชุดชั้นในแฟชั่นระดับพรีเมี่ยมจึงทำให้ภาพลักษณ์ของสินค้ายังดูเฉยอยู่ แม้บริษัทจะพยายามปรับภาพลักษณ์ใหม่ให้กับรุ่นนี้ต่อเนื่อง ปีนี้จึงต้องเพิ่มความถี่ในการออกรุ่นใหม่ใหักับแม็กซิไมเซอร์จาก 20 รุ่นต่อปี เป็น 30 รุ่นต่อปี

ล่าสุด จึงออกชุดชั้นในรุ่นแม็กซิไมเซอร์คอลเลคชั่นใหม่ "แม็กซิไมเซอร์ แดนเจอร์รัส เคิร์ฟส์" (Maximizer Dangerous Curves) จับกลุ่มผู้หญิงรุ่นใหม่ วัยทำงานตอนต้นที่นิยมสินค้าแฟชั่น เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เติบโต และหวังเพิ่มส่วนแบ่งตลาดจากเดิมที่มีอยู่ 20% ขณะที่เจ้าตลาดชุดชั้นในยังคงเป็นวาโก้ที่ครองส่วนแบ่งตลาดมากถึง 40% พร้อมกันนี้ยังได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ภายใต้แนวคิด "แดร์ ทู บี แดนเจอร์รัส" (Dare To Be Dangerous)

นางวริสรากล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันไทรอัมพ์แบ่งผลิตภัณฑ์ออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ แม็กซิไมเซอร์, กลุ่มสร็อคกี้, กลุ่มบีดี และกลุ่มดีวา ซึ่งเป็นกลุ่มที่เจาะช่องทางดิสเคาน์สโตร์ ขณะที่รุ่นอื่นจะวางจำหน่ายเคาน์เตอรไทรอัมพ์ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไปและช่องทางที่เป็นร้านบูติคที่มีอยู่ประมาณ 10 แห่ง

http://www.manager.co.th/business/viewN ... 0000059191

[Mon money]

ข่าวนี้น่าสนใจนา ปล่อยไปได้ไง

ผมเองเดินผ่านส่วนโชว์ชุดชั้นในทีไรเห็นแบบแปลกๆใหม่ๆทุกที

มันอย่างนี้นี่เอง

พี่ครรชิตอ่านข่าวนี้น่าจะยิ้มอยู่นาน