โพสต์
นักวิเคราะห์หลายๆ คนพูดกันมานานแล้วว่า ปี 54 นี้ การลงทุนจะมีสภาพผันผวนขึ้นๆ ลงๆ คาดหวังกำไรได้บ้าง แต่อย่าฝันเห็นสวรรค์เหมือนปี 53
ย้อน ไปถึงเมื่อ พ.ย.53 วันนั้นผลสำรวจสมาชิกสมาคมนักวิเคราะห์ฯ ได้ข้อมูลออกมาว่า สำนักวิจัยโดยเฉลี่ยแล้วคาดการณ์ปี 54 นี้ หุ้นจะขึ้นลงในกรอบ 907 ถึง 1,201 จุด แต่คาดว่าสุดท้ายปลายปี จะตะกายขึ้นไปที่ 1,133 จุด
การคาดการณ์ที่สำคัญๆ ได้แก่ ปี 54 GDP จะโต 4.3% มีเงินเฟ้อ 3.4% อัตราดอกเบี้ย RP 1วัน คงขึ้นไปหลายครั้งจนถึง เฉลี่ย 2.6%
ส่วนใหญ่พยากรณ์ที่ 2.5-2.75%) เป็นต้นจากวันนั้นถึงวันนี้ SET Index วนขึ้นจนลงในกรอบ 937-1,056 จุด หลายๆ ปัจจัยอยู่ในคาดการณ์ของบรรดานักวิเคราะห์ ผมเองก็ได้ตามดูเหตุการณ์มาเรื่อยๆ ถึงปลาย ก.พ.ก็ยังเห็นว่า การคาดการณ์ต่างๆ ยังไม่ต้องรีบสำรวจปรับสมมติฐานกันใหม่
แต่เมื่อถึง มี.ค. สถานการณ์ที่ลิเบียและอีกหลายประเทศในตะวันออกกลางดูเหมือนจะยืดเยื้อเกินคาด ทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกทยานขึ้นอย่างรวดเร็วใกล้ระดับ 100 เหรียญต่อบาร์เรล และต่อด้วยวิกฤตแผ่นดินไหวต่อเนื่องในญี่ปุ่น ลามมาเป็นวิกฤตกัมมันตภาพรังสีรั่วจนสร้างแรงสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นกับตลาดหุ้นทั่วโลก
ผมคิดว่าถึงเวลาต้องเจาะลึกปรับเลขคาดการณ์ด้านต่างๆ ขนานใหญ่กันแล้ว ซึ่งเท่าที่ติดตามถามดู หลายๆ สำนักกำลังศึกษาผลกระทบจากเหตุการณ์วุ่นทั้งโลกดังกล่าวกันยังไม่เสร็จสิ้นดี สมาคมนักวิเคราะห์ฯ จึงให้เวลาทำการบ้านพร้อมๆ กับตามดูความคืบหน้าในญี่ปุ่นและตะวันออกกลางกันอีกสัก 1-2 สัปดาห์ แบบสอบถามจะร่อนไปถึงทุกสำนักและจะนำมาแถลงให้ประชาชนและสื่อมวลชนทราบในอีกราว 2 สัปดาห์ข้างหน้า
เจาะลึกก่อนที่งานมหกรรมวิเคราะห์หลักทรัพย์
การพูดนั้นย่อมดำเนินการได้เร็วกว่าเขียน และยิ่งเป็นการรวบรวมสำรวจทุกสำนักมารวมกันก็ใช้เวลาอีกทอดหนึ่ง
งานมหกรรมวิเคราะห์ฯ ของสมาคมนักวิเคราะห์ฯ จัดเป็นปีที่ 9 วันที่ 25-27 มี.ค. กูรูของแต่ละด้าน จะ ขึ้นวิเคราะห์เจาะลึกกันบนเวที ซึ่งจัดที่สภาวิชาชีพบัญชี ต้นๆ ถ.อโศก (ห่างจากสถานีรถใต้ดินสุขุมวิท 100 เมตร ตรงข้ามโรงแรมแกรนด์มิลเลเนียม) ผมคิดว่าน่าจะเป็นเวทีแรกๆ ภายหลังวิกฤตนิวเคลียร์ และเป็นการฟังฟรี
กูรูชื่อดังอย่าง ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ, มนตรี ศรไพศาล, ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ, มนูญ ศิริวรรณ, ภรณี ทองเย็น, ฐิภา นววัฒนทรัพย์YLG
, ชาติชาย พยุหนาวีชัย และสมบัติ นราวุฒิชัย จะทำหน้าที่ในวันแรกส่วนวันเสาร์-อาทิตย์นั้น มีชื่อดังอีก 17 คน สลับกันขึ้นเวที เจาะลึกหุ้น, ทอง และกลยุทธ์ลงทุน
รายละเอียดใน http://www.saa-thai.org และทางโพสต์ทูเดย์สัปดาห์หน้า)คู่มือผู้ลงทุนเป็นอีกทีเด็ดหนึ่งของงาน ที่ รวบรวมบทวิจัยของนักวิเคราะห์รางวัลยอดเยี่ยม และสำนักวิจัยใหญ่ๆ 25 แห่ง กับประมาณ 50 บทวิจัยรวมไว้เป็นคู่มือผู้ลงทุนยุคโลกวุ่นโดยขอค่าสนับสนุนการพิมพ์เพียง 100 บาท เฉพาะในงาน
ผลจากโลกวุ่นกระทบอะไรบ้าง
ผลที่ปรากฎในระยะสั้นกับในระยะปานกลาง อาจเป็นหนังคนละม้วนกันก็เป็นได้ เราลองมาดูผลระยะสั้นที่ปรากฎให้เราเห็นกันไปแล้วเทียบกับภาพในระยะปานกลาง 6 เดือนถึง 1 ปีข้างหน้าที่ควรจะเป็นนะครับ
ค่าเงิน ค่า เงินเยนแข็งค่าขึ้นอย่างมากไปที่ 78 เยนต่อดอลลาร์แทนที่จะอ่อนค่า จากผลกระทบที่จะมีกับภาวะเศรษฐกิจระยะสั้น รวมทั้งเมื่อรัฐบาลจะต้องเร่งบูรณะกอบกู้ความเสียหายในครึ่งปีหลัง ซึ่งก็จะทำให้ปัญหาหนี้สาธารณะของญี่ปุ่นที่บานไปที่ 200% ของ GDP อยู่แล้วต้องบานขึ้นอีก แนวโน้มอันดับเครดิตในระยะยาวที่น่าอ่อนแอลง รวมทั้งได้รับผลกระทบภาคส่งออกที่ชะงักชั่วคราว
เกมเก็งกำไรค่าเงินกลับเน้นไปที่ว่า ญี่ปุ่นน่าจะต้องดึงเงินกลับประเทศให้มากที่สุดเพื่อรองรับวิกฤตครั้งนี้
เมื่อดอลลาร์อ่อนค่า (เมื่อเทียบกับเยน) เงินบาทจึงแข็งค่าด้วยเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ผมอยากฝากไว้นิดนึงว่าในระยะ 2 เดือนข้างหน้า ถ้าความเชื่อที่ว่า บริษัทญี่ปุ่นอาจต้องพยายามดึงเงินกลับไปหนุนบริษัทแม่นั้นเป็นจริง บริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทยมีไม่ใช่น้อยและเมื่อถึงฤดูปิดบัญชีประจำปีเสร็จ ฤดูจ่ายปันผลกลับ ค่าบาทก็คงต้องอ่อนกลับบ้าง
น้ำมัน เรื่องที่ลิเบียและตะวันออกกลางยังไม่จบ เพียงแต่ไฮไลต์ของโลกวกไปจับข่าวญี่ปุ่นแทน ตลาดเก็งกำไรเล่มเกมว่าปัญหาของญี่ปุ่นอาจทำให้นักเก็งกำไรเทขายสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวลงหลายวัน ทั้งๆ ที่ในระยะยาว วิกฤตนิวเคลียร์นี้น่าจะทำให้ทุกประเทศในโลกแตะเบรคโครงการพลังงานนิวเคลียร์ (รวมทั้งไทยด้วย) รวมทั้งญี่ปุ่นเองที่ไฟไหม้ไปหลายโรง Demand ความต้องการพลังงานจากน้ำมันและถ่านหินควรจะงอกเงยขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
สรุปแล้วโลกทุกวันนี้ บารมีของการเก็งกำไรระยะสั้นยังคงสูงกว่าการอ่านผลในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันและหุ้นพลังงานที่ปรับตัวระยะสั้นน่าจะเป็นโอกาสดีของผู้ลงทุนที่เน้นเกมมองผลระยะยาว
หุ้น ตลาดหุ้นญี่ปุ่นลงอ่วมไป 14% ยุโรปและสหรัฐก็ลงไปประมาณ 4% แต่หุ้นไทยและเอเซียกลับเหนียวแน่น เปิดเสร็จลงไปแค่ 2% โดยฝากความหวังไปที่ว่าญี่ปุ่นจะต้องนำเข้าวัสดุก่อสร้าง อาหาร รวมทั้งบรรดาโรงกลั่นน้ำมันจะมีค่าการกลั่นดีขึ้น ทำให้หุ้นที่ว่า ดูดีมีชาติตระกูลขึ้นทันที
อย่างไรก็ตาม ภาพในระยะปานกลางตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสที่จะต้องปรับเนื้อปรับตัวลงไปมากกว่านี้ได้ เพราะแรงกดดันของเงินเฟ้อมากขึ้นเรื่อยๆ อัตราดอกเบี้ยที่ขยับขึ้นอีก ขณะที่ดัชนียังอยู่เกิน 1,000 จุดนั้น แรงเชื่อมั่นนักลงทุนมักขาดหายไป ซึ่งเป็นไปเช่นนี้มา 5 เดือนแล้ว
ทองคำ กลับปรับตัวลงในช่วง 2-3 วัน ที่ผ่านมา ซึ่งเท่าที่ดูจากสถิติพฤติกรรมทองคำย้อนไปหลายๆ ปี ทองคำเมื่อลงไปประมาณ 5% ก็มักจะเป็นโอกาสช้อน และฟื้นขึ้นไป คือ เป็นขวัญใจของนักเก็งกำไรอยู่เสมอมา ขณะนี้ลงมาแล้ว 2-3% จากจุดสูงสุด 1,440 เหรียญ เหลือ 1,396 เหรียญ
อย่างไรก็ตาม เรื่องทองคำนั้น ผมแนะนำให้ตามไปฟังผู้เชี่ยวชาญมากๆ ด้านทองคำอย่างคุณฐิภา YLG ที่ จะขึ้นเวทีมหกรรมวิเคราะห์หลักทรัพย์และการลงทุน วันศุกร์ที่ 25 มี.ค.บ่ายโมง หรือ คุณธนสิน (ออสสิริส) ที่จะขึ้นเวทีวันอาทิตย์ที่ 27 มี.ค. นอกจากนั้นทั้ง 2 ค่ายก็ได้เขียนบทวิเคราะห์ทองคำมาลงไว้ใน “คู่มือผู้ลงทุน” ที่จะมีจำหน่ายในงานมหกรรมฯ
แล้วพบกันที่งานนะครับ
มหกรรมวิเคราะห์หลักทรัพย์และการลงทุน ของสมาคมนักวิเคราะห์ฯ ศ. 25-อา.27 มี.ค.นี้ ที่อาคารสภาวิชาชีพบัญชี ถ.อโศก ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสุขุมวิท (ตรงข้าม รร.แกรนด์ มิลเลนเนียม) สัมมนาฟังฟรี · พบนักวิเคราะห์ชื่อดังที่สุดของแต่ละด้าน (หุ้น, ทอง และการลงทุนซื้อคอนโด)· คู่มือผู้ลงทุนของสมาคมฯ
http://portal.settrade.com/blog/sombat/2011/03/17/998
บันทึกไม่สำเร็จ