Miss a few days, return plummets
- reiter
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2308
- ผู้ติดตาม: 0
Miss a few days, return plummets
โพสต์ที่ 1
ผมเคยอ่านงานวิจัยชิ้นหนึ่งของวารสาร The street เรื่อง questioning the Buy-and-Hold Strategy เนื้อหาในบทความสรุปสั้นๆก็คือว่า ผู้วิจัยได้เก็บสถิติของการลงทุนในดัชนี S&P 500 ในช่วงปี 90 ไว้ แล้วได้ข้อสรุปอย่างหนึ่งว่า ถึงแม้ตลาดหุ้นจะเป็นตลาดที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดเทียบกับการลงทุนอื่นๆ แต่ถ้าผู้ลงทุนไม่มีจิตใจเข้มแข็งพอ พยายามคาดเดาการขึ้นลงของดัชนีด้วยการซื้อๆขายๆ แล้วบังเอิญโชคร้าย ไม่ได้ถือหุ้น ( ในที่นี้คือถือดัชนี S&P 500 ) ในวันที่ตลาดบวกมากที่สุดเพียงแค่ 10 วัน ( ในรอบ 1 ปี ) ผลตอบแทนจะหายไปถึง 40% และถ้าโชคร้ายกว่านั้น ไม่ได้ถือหุ้น ในวันที่ตลาดบวกมากที่สุด 20 วัน ผลตอบแทนจะหายไปมากถึง 55 %
อย่าง ไรก็ดี ถ้าหันกลับมามองที่ตลาดบ้านเรา งานวิจัยชิ้นนี้อาจจะนำมาประยุกต์ใช้ไม่ได้มาก เนื่องจากตลาดบ้านเราไม่ได้มีแนวโน้มใหญ่เป็นขาขึ้นตลอดเวลาดังเช่นตลาด นิวยอร์ค ( ด้วยสภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ที่แตกต่างกัน ) นลท.ที่ buy and hold ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง ป่านนี้ก็ยังน่าจะขาดทุนอยู่
แต่ ผมมองว่างานวิจัยชิ้นนี้ น่าจะนำมาประยุกต์ใช้กับการลงทุนแนวเน้นคุณค่าได้ดีพอสมควร กล่าวคือ ถ้าเราลงทุนในหุ้นที่เรามองเห็นแล้วว่าพื้นฐานดี มีการเติบโตต่อเนื่อง และราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ซึ่งหุ้นทำนองนี้ใน long term แล้ว ย่อมมีแนวโน้มใหญ่เป็นขาขึ้น ( ตามผลประกอบการณ์ที่ดี ) ซึ่งสอดคล้องกับ background ของงานวิจัย
สมมติว่าเราลงทุนในหุ้น AAA ซึ่งพื้นฐานแข็งแกร่ง มีการเติบโตสม่ำเสมอ ที่ราคา 5 บาท และเรามองว่ามูลค่าที่แท้จริงของหุ้น AAA อยู่ที่ 10 บาท..... แน่นอนว่าเราคงไม่ไปสามารถกะเกณฑ์ได้ว่าตลาดจะปรับราคาให้กับหุ้นของเราวัน ไหน.... ถามว่ากลยุทธ์ในการถือหุ้นตัวนี้ของเราควรจะเป็นอย่างไร
ด้วย ข้อมูลจากงานวิจัยชิ้นนี้ ผมมองว่ากลยุทธ์ BUY and HOLD น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่ง เพราะถ้าหากเราพยายามคาดเดาตลาด ด้วยการพยายามสับเข้าสับออก แล้วเราบังเอิญโชคร้าย พลาดวันที่ดีที่สุดของหุ้นตัวนี้ไปเพียง 10 วันแทนที่เราจะได้ก้ผลตอบแทน 100% จากหุ้นตัวนี้ ผลตอบแทนเราจะเหลือเพียงแค่ 60% แทน
หลาย ท่านอาจจะมองกลับกันว่า แล้วถ้าเราหลีกเลี่ยงวันที่เลวร้ายที่สุด 10 วันไปได้ ผลตอบแทนเราจะไม่ขึ้นเป็น 200% หรือ คำตอบก็คืออาจจะเป็นไปได้ แต่ประเด็นที่ผมอยากจะชี้ให้เห็นก็คือว่า การพยายามคาดเดาตลาดอาจทำให้ผลตอบแทนของเราลดลงได้มาก ทั้งที่เราอาจจะวิเคราะห์ตัวกิจการและมูลค่าที่แท้จริงมาอย่างดีเยี่ยมแล้ว... ดังนั้นการพยายามไม่คาดเดาตลาดจะเป็นการการันตีผลตอบแทนที่ดีของเรา สมกับที่เราวิเคราะห์และประเิมินมูลค่ากิจการมาอย่างดี
อย่าง ไรก็ดี ถ้าหันกลับมามองที่ตลาดบ้านเรา งานวิจัยชิ้นนี้อาจจะนำมาประยุกต์ใช้ไม่ได้มาก เนื่องจากตลาดบ้านเราไม่ได้มีแนวโน้มใหญ่เป็นขาขึ้นตลอดเวลาดังเช่นตลาด นิวยอร์ค ( ด้วยสภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ที่แตกต่างกัน ) นลท.ที่ buy and hold ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง ป่านนี้ก็ยังน่าจะขาดทุนอยู่
แต่ ผมมองว่างานวิจัยชิ้นนี้ น่าจะนำมาประยุกต์ใช้กับการลงทุนแนวเน้นคุณค่าได้ดีพอสมควร กล่าวคือ ถ้าเราลงทุนในหุ้นที่เรามองเห็นแล้วว่าพื้นฐานดี มีการเติบโตต่อเนื่อง และราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ซึ่งหุ้นทำนองนี้ใน long term แล้ว ย่อมมีแนวโน้มใหญ่เป็นขาขึ้น ( ตามผลประกอบการณ์ที่ดี ) ซึ่งสอดคล้องกับ background ของงานวิจัย
สมมติว่าเราลงทุนในหุ้น AAA ซึ่งพื้นฐานแข็งแกร่ง มีการเติบโตสม่ำเสมอ ที่ราคา 5 บาท และเรามองว่ามูลค่าที่แท้จริงของหุ้น AAA อยู่ที่ 10 บาท..... แน่นอนว่าเราคงไม่ไปสามารถกะเกณฑ์ได้ว่าตลาดจะปรับราคาให้กับหุ้นของเราวัน ไหน.... ถามว่ากลยุทธ์ในการถือหุ้นตัวนี้ของเราควรจะเป็นอย่างไร
ด้วย ข้อมูลจากงานวิจัยชิ้นนี้ ผมมองว่ากลยุทธ์ BUY and HOLD น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่ง เพราะถ้าหากเราพยายามคาดเดาตลาด ด้วยการพยายามสับเข้าสับออก แล้วเราบังเอิญโชคร้าย พลาดวันที่ดีที่สุดของหุ้นตัวนี้ไปเพียง 10 วันแทนที่เราจะได้ก้ผลตอบแทน 100% จากหุ้นตัวนี้ ผลตอบแทนเราจะเหลือเพียงแค่ 60% แทน
หลาย ท่านอาจจะมองกลับกันว่า แล้วถ้าเราหลีกเลี่ยงวันที่เลวร้ายที่สุด 10 วันไปได้ ผลตอบแทนเราจะไม่ขึ้นเป็น 200% หรือ คำตอบก็คืออาจจะเป็นไปได้ แต่ประเด็นที่ผมอยากจะชี้ให้เห็นก็คือว่า การพยายามคาดเดาตลาดอาจทำให้ผลตอบแทนของเราลดลงได้มาก ทั้งที่เราอาจจะวิเคราะห์ตัวกิจการและมูลค่าที่แท้จริงมาอย่างดีเยี่ยมแล้ว... ดังนั้นการพยายามไม่คาดเดาตลาดจะเป็นการการันตีผลตอบแทนที่ดีของเรา สมกับที่เราวิเคราะห์และประเิมินมูลค่ากิจการมาอย่างดี
- ซุนเซ็ก
- Verified User
- โพสต์: 1104
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Miss a few days, return plummets
โพสต์ที่ 2
เยี่ยมครับพี่ไรเตอร์ ลินซ์เองก็พูดทำนองนี่เสมอว่าไม่ให้คาดเดาตลาด
เป็นบทความที่ออกมาเตือนสติได้จังหวะพอดีกับตลาดในช่วงนี้
เป็นบทความที่ออกมาเตือนสติได้จังหวะพอดีกับตลาดในช่วงนี้
ผมไม่ได้อยู่ในเว็บนี้แล้ว, มีอะไรติดต่อได้ทาง FB - 27/9/2555
"วิธีการที่ถูกต้อง มีได้มากกว่าหนึ่งวิธี"
สมุดบันทึกของผม http://suntse.wordpress.com
Facebook https://www.facebook.com/giggswalk
"วิธีการที่ถูกต้อง มีได้มากกว่าหนึ่งวิธี"
สมุดบันทึกของผม http://suntse.wordpress.com
Facebook https://www.facebook.com/giggswalk
-
- Verified User
- โพสต์: 201
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Miss a few days, return plummets
โพสต์ที่ 3
แล้วการ switch หุ้นจากตัวหนึ่งไปอีกตัวหนึ่ง ในช่วงตลาดแดงแบบนี้
เข้าข่ายทำให้ผลตอบแทนลดลงมั้ยครับเนี่ย
หรือว่าดีที่สุดคือการ buy and hold เท่านั้น
ขอบคุณครับ
เข้าข่ายทำให้ผลตอบแทนลดลงมั้ยครับเนี่ย
หรือว่าดีที่สุดคือการ buy and hold เท่านั้น
ขอบคุณครับ
- reiter
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2308
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Miss a few days, return plummets
โพสต์ที่ 4
ผมมองว่ากลยุทธ์ BUY and HOLD เป็นกลยุทธ์ที่ค่อนข้างการันตีผลตอบแทนที่ดีมากในระดับหนึ่งให้เรา แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด บางท่านที่มีความสามารถ การสวิตช์หุ้นหนี correction อาจจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า
อย่างไรก็ดี ขึ้นอยู่กับ mindset ของแต่ละท่านด้วย อย่างผมเองถ้าผมมีหุ้นที่เห็น upside 100% อยู่ข้างหน้า แต่อาจจะต้องรอผลประกอบการณ์อีก 1 -2 ปี แบบนี้ผมก็ซื้อแล้วถือรอ จนกว่าตลาดจะเห็นคุณค่า..... ผมพอใจที่จะได้ 100% มากกว่าที่จะไปเสี่ยงสวิตช์หุ้น ที่อาจทำให้ผลตอบแทนผมขึ้นเป็น 150% หรือลงเหลือ 50% ( ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่รวมกรณีที่ เมื่อผมพบหุ้นที่ดีกว่าและมี upside มากกว่า )
อย่างไรก็ดี ขึ้นอยู่กับ mindset ของแต่ละท่านด้วย อย่างผมเองถ้าผมมีหุ้นที่เห็น upside 100% อยู่ข้างหน้า แต่อาจจะต้องรอผลประกอบการณ์อีก 1 -2 ปี แบบนี้ผมก็ซื้อแล้วถือรอ จนกว่าตลาดจะเห็นคุณค่า..... ผมพอใจที่จะได้ 100% มากกว่าที่จะไปเสี่ยงสวิตช์หุ้น ที่อาจทำให้ผลตอบแทนผมขึ้นเป็น 150% หรือลงเหลือ 50% ( ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่รวมกรณีที่ เมื่อผมพบหุ้นที่ดีกว่าและมี upside มากกว่า )
- unnop.t
- Verified User
- โพสต์: 924
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Miss a few days, return plummets
โพสต์ที่ 5
ผมก็สนับสนุนการซื้อและถือ เพราะรู้ตัวเองว่าประเมินมูลค่าไม่เก่ง อาจผิดพลาดได้อย่างที่ว่า
นอกจากว่ามั่นใจค่อนข้างสูงว่ามี upside มากจริง ๆและความเสี่ยงต่ำ อาจจะ switch หุ้นก็ไ้ด้
แต่ส่วนตัวผมไม่ค่อยนิยมทำบ่อย
นอกจากว่ามั่นใจค่อนข้างสูงว่ามี upside มากจริง ๆและความเสี่ยงต่ำ อาจจะ switch หุ้นก็ไ้ด้
แต่ส่วนตัวผมไม่ค่อยนิยมทำบ่อย
ตลาดหุ้นมักจะหลอกเราด้วย ความโลภ และความกลัว.....
- Packky
- Verified User
- โพสต์: 856
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Miss a few days, return plummets
โพสต์ที่ 6
ขอบคุณครับ
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Miss a few days, return plummets
โพสต์ที่ 7
ค่อนข้างเห็นด้วยกับบทความ ส่วนตัวก็ใช้กลยุทธนี้อยู่
แต่เชื่อว่าหลายครั้งก็ต้องประเมินเสมอๆ ว่า หุ้นที่เราเลือกที่จะใช้วิธีนี้ ก็ต้องได้รับการประเมินมาเป็นอย่างดีว่า เป็นตัวที่ ใช่ สำหรับเรา
และก็เชื่อว่าหลายคนก็อาจจะไม่ถนัดวิธีนี้ เพราะถึงแม้จะมั่นใจปานใด การซื้อหุ้นทุกครั้งที่ราคาใดก็แล้วแต่ มันไม่ใช่ว่าราคาหุ้นนั้นจะขึ้นทันที ก็จะทำให้หลายๆคนลังเล
และแน่นอนการมี Bias ไม่มากก็น้อยก็คือรักหุ้นใด หุ้นหนึ่งมากไป หรือยึดติดก็มีส่วนที่ทำให้เกิดภาวะ buy and hold จริง แต่ซื้อเอาไว้แล้วก็อาจจะทำให้เสียโอกาสในการลงทุนหุ้นตัวอื่น ซืื่งอาจจะประเมินแล้วใช่กว่า
อีกประการหนึ่งที่เหมาะสมก็คือ ไม่รู้ว่าถ้าขายหุ้นที่เราลงทุน แล้วจะไปหาหุ้นไหน ที่จะเหมาะกว่าเดิม
ผมว่า กลยุทธใดๆ เจ้าตัวแต่ละคน เท่านั้นที่จะรู้ว่าจะเหมาะกับเราไหม
แต่เชื่อว่าหลายครั้งก็ต้องประเมินเสมอๆ ว่า หุ้นที่เราเลือกที่จะใช้วิธีนี้ ก็ต้องได้รับการประเมินมาเป็นอย่างดีว่า เป็นตัวที่ ใช่ สำหรับเรา
และก็เชื่อว่าหลายคนก็อาจจะไม่ถนัดวิธีนี้ เพราะถึงแม้จะมั่นใจปานใด การซื้อหุ้นทุกครั้งที่ราคาใดก็แล้วแต่ มันไม่ใช่ว่าราคาหุ้นนั้นจะขึ้นทันที ก็จะทำให้หลายๆคนลังเล
และแน่นอนการมี Bias ไม่มากก็น้อยก็คือรักหุ้นใด หุ้นหนึ่งมากไป หรือยึดติดก็มีส่วนที่ทำให้เกิดภาวะ buy and hold จริง แต่ซื้อเอาไว้แล้วก็อาจจะทำให้เสียโอกาสในการลงทุนหุ้นตัวอื่น ซืื่งอาจจะประเมินแล้วใช่กว่า
อีกประการหนึ่งที่เหมาะสมก็คือ ไม่รู้ว่าถ้าขายหุ้นที่เราลงทุน แล้วจะไปหาหุ้นไหน ที่จะเหมาะกว่าเดิม
ผมว่า กลยุทธใดๆ เจ้าตัวแต่ละคน เท่านั้นที่จะรู้ว่าจะเหมาะกับเราไหม