ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
-
- Verified User
- โพสต์: 1230
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 1
เชื่อว่านักลงทุนส่วนใหญ่ที่เดินตามแนวที่ถูกต้อง รายตัวอาจถูกบ้างผิดบ้าง แต่โดยรวมในที่สุดจะชนะตลาด
ถามว่าทำไม เพราะ เราได้ลงทุนในธุรกิจที่เราคัดสรรแล้ว น่าจะอยู่ใน top 30 ตัวแรก (ในการประเมินของเรา)
แต่ดูจาก poll ผลตอบแทนปี 53 นี้ มีสมาชิกกว่า 20% แพ้หรือเสมอตลาด
จึงอยากขอให้เพื่อน ๆ ช่วยกัน แลกเปลี่ยนความคิดประสบการณ์ ที่ดี ที่ถูกต้อง และ อยากให้แชร์ที่ไม่ดี และ ไม่ถูกต้อง ข้อผิดพลาดด้วย เพื่อเราจะได้เป็นนักลงทุนที่ดีต่อไป
ถามว่าทำไม เพราะ เราได้ลงทุนในธุรกิจที่เราคัดสรรแล้ว น่าจะอยู่ใน top 30 ตัวแรก (ในการประเมินของเรา)
แต่ดูจาก poll ผลตอบแทนปี 53 นี้ มีสมาชิกกว่า 20% แพ้หรือเสมอตลาด
จึงอยากขอให้เพื่อน ๆ ช่วยกัน แลกเปลี่ยนความคิดประสบการณ์ ที่ดี ที่ถูกต้อง และ อยากให้แชร์ที่ไม่ดี และ ไม่ถูกต้อง ข้อผิดพลาดด้วย เพื่อเราจะได้เป็นนักลงทุนที่ดีต่อไป
- kotaro
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1495
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 2
เพราะต้องการเอาชนะ จึงพ่ายแพ้
ผมคิดว่า ในตลาดขาขึ้น นักลงทุนที่ลงทุนแบบ aggressive โดยมุ่งเป้าจะเอาชนะตลาด
ให้ได้ มีโอกาสแพ้สูง
และคิดว่า การลงทุนที่ถูกต้อง ไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบกับผลตอบแทนของตลาด และไม่จำเป็นต้องชนะตลาดเสมอไปด้วยครับ
Merry x'mas ครับพี่ กาละมัง
ผมคิดว่า ในตลาดขาขึ้น นักลงทุนที่ลงทุนแบบ aggressive โดยมุ่งเป้าจะเอาชนะตลาด
ให้ได้ มีโอกาสแพ้สูง
และคิดว่า การลงทุนที่ถูกต้อง ไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบกับผลตอบแทนของตลาด และไม่จำเป็นต้องชนะตลาดเสมอไปด้วยครับ
Merry x'mas ครับพี่ กาละมัง
“Laughter is timeless. Imagination has no age. And dreams are forever.” ― Walt Disney Company
-
- Verified User
- โพสต์: 1219
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 3
ปีนี้ผมชนะตลาดครับ
แต่จำได้ว่าในช่วงการลงทุน2-3ปีแรกผมก็แพ้ตลาด
แม้ว่าจะเริ่มต้นด้วยการศึกษาการลงทุนแนววีไอเลยก็ตาม
ที่แพ้ตลาดเพราะความรู้ยังน้อยมากครับ
เลือกหุ้นไม่เป็น เห็นใครว่าตัวไหนดีก็ซื้อตาม แม้ไตร่ตรองแล้วแต่หลักการและมุมมองยังไม่ชัดเจน
(วันนี้ก็ยังไม่ค่อยชัดเจนมากนัก แต่จะเลือกถือหุ้นเฉพาะที่ตัวเองพอเข้าใจธุรกิจ/
พอเข้าใจการเติบโตและที่มาของรายได้และกำไร/
และที่สำคัญคือตัวเองต้องสามารถประเมินมูลค่าหุ้นคร่าวๆได้)
สำหรับผมช่วงแรกที่แพ้ คิดว่าเพราะขาดความรู้และประสบการณ์ในการลงทุนครับ
แต่จำได้ว่าในช่วงการลงทุน2-3ปีแรกผมก็แพ้ตลาด
แม้ว่าจะเริ่มต้นด้วยการศึกษาการลงทุนแนววีไอเลยก็ตาม
ที่แพ้ตลาดเพราะความรู้ยังน้อยมากครับ
เลือกหุ้นไม่เป็น เห็นใครว่าตัวไหนดีก็ซื้อตาม แม้ไตร่ตรองแล้วแต่หลักการและมุมมองยังไม่ชัดเจน
(วันนี้ก็ยังไม่ค่อยชัดเจนมากนัก แต่จะเลือกถือหุ้นเฉพาะที่ตัวเองพอเข้าใจธุรกิจ/
พอเข้าใจการเติบโตและที่มาของรายได้และกำไร/
และที่สำคัญคือตัวเองต้องสามารถประเมินมูลค่าหุ้นคร่าวๆได้)
สำหรับผมช่วงแรกที่แพ้ คิดว่าเพราะขาดความรู้และประสบการณ์ในการลงทุนครับ
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
- CHOOKY
- Verified User
- โพสต์: 540
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 4
หาหุ้นได้ ซื้อหุ้นเป็น
แต่..... ขายไม่เป็น....
แต่..... ขายไม่เป็น....
"ค้นหาคุณค่าให้พบ แล้วซื้อหุ้นกิจการที่ดีนั้น ซึ่งมีกำไรต่อเนื่อง ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ ในเวลาที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ และถือมันไว้ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดี และยังมีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง"
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 5
Case 1 : มองหุ้นผิดตัว => "เจ๊งครับ!!!(ไม่ต้องคิดมากเลย)"
Case 2 : มองหุ้นถูกตัว ซื้อถูกจังหวะ แต่ดันขายผิดจังหวะ => "ขายหมู"
Case 3 : มองหุ้นถูกตัว แต่ซื้อผิดจังหวะ => "ดอย" หรือไม่ก็ "ต้องทนถือไปนาน ทำให้เกิดการแพ้ตลาดขึ้นมา"
Case 4 : มองหุ้นถูกตัว ซื้อถูกจังหวะ และขายได้ถูกจังหวะ => "กำไร"
^
^
^
การลงทุนไม่ใช่ง่ายๆนะครับ น้ำหนักส่วนสูงต้องมาครบหมด
กล่าวคือ "ต้องมอให้งถูกตัว, ต้องซื้อให้ถูกจังหวะ และต้องขายให้ถูกจังหวะเช่นกัน"
สำหรับ Case 3 ซึ่งทำให้เกิดการแพ้ตลาดขึ้นมา
ผมมองว่า ต้องมองในระยะยาวเช่นกันครับ
มองภาพแคบเกินไป อาจไม่รู้เรื่องครับ (หุ้นบางตัวใช้เวลา 3 วัน ซิลลิ่ง 3 วันซ้อนๆก็มี)
วันนี้ "เต่า" อาจจะดูเดินช้าในสายตาหลายๆคน
แต่ไม่แน่นะครับ "กระต่าย" ทำเป็นดี๊ด๊าไป อาจจะแพ้เต่าเข้าสักวันก็ได้นะขอรับ
Case 2 : มองหุ้นถูกตัว ซื้อถูกจังหวะ แต่ดันขายผิดจังหวะ => "ขายหมู"
Case 3 : มองหุ้นถูกตัว แต่ซื้อผิดจังหวะ => "ดอย" หรือไม่ก็ "ต้องทนถือไปนาน ทำให้เกิดการแพ้ตลาดขึ้นมา"
Case 4 : มองหุ้นถูกตัว ซื้อถูกจังหวะ และขายได้ถูกจังหวะ => "กำไร"
^
^
^
การลงทุนไม่ใช่ง่ายๆนะครับ น้ำหนักส่วนสูงต้องมาครบหมด
กล่าวคือ "ต้องมอให้งถูกตัว, ต้องซื้อให้ถูกจังหวะ และต้องขายให้ถูกจังหวะเช่นกัน"
สำหรับ Case 3 ซึ่งทำให้เกิดการแพ้ตลาดขึ้นมา
ผมมองว่า ต้องมองในระยะยาวเช่นกันครับ
มองภาพแคบเกินไป อาจไม่รู้เรื่องครับ (หุ้นบางตัวใช้เวลา 3 วัน ซิลลิ่ง 3 วันซ้อนๆก็มี)
วันนี้ "เต่า" อาจจะดูเดินช้าในสายตาหลายๆคน
แต่ไม่แน่นะครับ "กระต่าย" ทำเป็นดี๊ด๊าไป อาจจะแพ้เต่าเข้าสักวันก็ได้นะขอรับ
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
- leaderinshadow
- Verified User
- โพสต์: 1765
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 7
ต้องเทียบใน Long term หน่อยครับ
เช่น 3 ปี 5 ปี
เพราะช่วงฟองสบู่ดอทคอม ปู่บัฟเฟ็ทก็แพ้ตลาด
แต่โดยรวมหลายๆปี ก็ชนะกระจุยกระจาย :lol:
เช่น 3 ปี 5 ปี
เพราะช่วงฟองสบู่ดอทคอม ปู่บัฟเฟ็ทก็แพ้ตลาด
แต่โดยรวมหลายๆปี ก็ชนะกระจุยกระจาย :lol:
- unnop.t
- Verified User
- โพสต์: 924
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 8
ถึงปีนี้ผมจะชนะตลาด แต่ปีหน้าไม่ได้มีอะไรรับประกันว่าจะชนะตลาดเลย
สิ่งที่สำคัญคือ return โดยรวมเราได้ตามเป้าที่วาง 15-20% ต่อปี บางครั้งผมไม่ซีเรียสว่าจะต้องชนะตลาด
เพราะว่าเดี๋ยวเราจะทำอะไรที่เสี่ยงมากขึ้น และเบี่ยงออกจากหลักการลงทุนของเราครับ
ผมคิดว่าคนที่แพ้ตลาด ส่วนหนึ่งอาจจะทำการเปลี่ยนหุ้นบ่อยเกินไป เพื่อไปหาหุ้นตัวที่กำลังร้อน และทิ้งหุ้นที่ดีไป
สิ่งที่สำคัญคือ return โดยรวมเราได้ตามเป้าที่วาง 15-20% ต่อปี บางครั้งผมไม่ซีเรียสว่าจะต้องชนะตลาด
เพราะว่าเดี๋ยวเราจะทำอะไรที่เสี่ยงมากขึ้น และเบี่ยงออกจากหลักการลงทุนของเราครับ
ผมคิดว่าคนที่แพ้ตลาด ส่วนหนึ่งอาจจะทำการเปลี่ยนหุ้นบ่อยเกินไป เพื่อไปหาหุ้นตัวที่กำลังร้อน และทิ้งหุ้นที่ดีไป
ตลาดหุ้นมักจะหลอกเราด้วย ความโลภ และความกลัว.....
- picklife
- Verified User
- โพสต์: 2565
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 10
คนที่แพ้ตลาด มีทั้งรู้ว่าเราพลาดที่อะไร
และยังไม่รู้ว่าเราพลาดที่อะไร
และวิธีชนะตลาดก็มีเซียนหลายท่านโพสไว้เยอะมากมาย
ดังนั้นถ้าจะให้เห็นภาพชัด รบกวนคนที่แพ้ตลาดช่วยมาแชร์ให้ฟัง
จะได้เห็นภาพจัดเจนมากขึ้นครับ ว่าทางปฏิบัติจริงๆ คนเราพลาดที่อะไรบ้าง!!!
และยังไม่รู้ว่าเราพลาดที่อะไร
และวิธีชนะตลาดก็มีเซียนหลายท่านโพสไว้เยอะมากมาย
ดังนั้นถ้าจะให้เห็นภาพชัด รบกวนคนที่แพ้ตลาดช่วยมาแชร์ให้ฟัง
จะได้เห็นภาพจัดเจนมากขึ้นครับ ว่าทางปฏิบัติจริงๆ คนเราพลาดที่อะไรบ้าง!!!
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
- Highway_Star
- Verified User
- โพสต์: 440
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 11
ทำไว้เป็น log สำหรับตัวเองอ่านก็ดีเหมือนกัน 555
เล่นหุ้นมาประมาณ 1 ปี 2 เดือน โดยรวมสิ้นปีนี้ก็คิดว่าน่าจะชนะตลาดนิดๆ ไม่กี่ %
สาเหตุก็คือ หุ้นที่ได้เลือกซื้อไว้เป็นหุ้นที่ดี แต่พอราคาขึ้นมาเยอะๆ ประเมินแล้วคิดว่า
upside น่าจะเหลือน้อย แต่กลับมองไม่เห็นโอกาสของหุ้นตัวอื่นๆ ที่ยังมี upside เหลือเยอะ
(ก็คือจริงๆ น่าจะเปลี่ยนไปถือตัวนั้น) ตรงนี้คิดว่าตัวเองน่าจะพลาดเรื่องความขยันในการหาข้อมูล
ของหุ้นที่เราไม่เคยมอง รวมถึงพลังในการมองอนาคตของธุรกิจต่างๆ ด้วย
อย่างเช่น AJ, PTL ก็เคยมีพี่ที่เก่งๆ แนะนำไว้ตั้งแต่ราคา 4 บาท
แต่ก็มองไม่ออกเรื่อง demand/supply ก็เลยพลาดไป
แต่ก็คิดซะว่า ไม่เป็นไรถือเป็นบทเรียนของความไม่ขยัน
พลาดกำไร ดีกว่าขาดทุน
อ่อ จริงๆ แล้วการวัด % ว่าได้เป็นกี่เท่าของตลาดเนี่ย มันมีข้อจำกัดนิดหน่อยนะครับ
ถ้าสมมติว่ามีหุ้นตัวที่เราเพิ่งเจอว่ามันน่าสนใจมาเจอตอนท้ายๆปี
แล้วซื้อไปเยอะๆ มันก็ทำให้ผลตอบแทน คิดเป็น % ของเราลดลงเช่นกัน เนื่องจากราคายังไม่สะท้อนมูลค่า
ดังนั้น พยายามอย่าไปคิดเทียบเป็น % จนเคยตัวนะครับ
ตัวเงินที่ได้มานั่นแหละที่สำคัญ ไม่ใช่ %
เล่นหุ้นมาประมาณ 1 ปี 2 เดือน โดยรวมสิ้นปีนี้ก็คิดว่าน่าจะชนะตลาดนิดๆ ไม่กี่ %
สาเหตุก็คือ หุ้นที่ได้เลือกซื้อไว้เป็นหุ้นที่ดี แต่พอราคาขึ้นมาเยอะๆ ประเมินแล้วคิดว่า
upside น่าจะเหลือน้อย แต่กลับมองไม่เห็นโอกาสของหุ้นตัวอื่นๆ ที่ยังมี upside เหลือเยอะ
(ก็คือจริงๆ น่าจะเปลี่ยนไปถือตัวนั้น) ตรงนี้คิดว่าตัวเองน่าจะพลาดเรื่องความขยันในการหาข้อมูล
ของหุ้นที่เราไม่เคยมอง รวมถึงพลังในการมองอนาคตของธุรกิจต่างๆ ด้วย
อย่างเช่น AJ, PTL ก็เคยมีพี่ที่เก่งๆ แนะนำไว้ตั้งแต่ราคา 4 บาท
แต่ก็มองไม่ออกเรื่อง demand/supply ก็เลยพลาดไป
แต่ก็คิดซะว่า ไม่เป็นไรถือเป็นบทเรียนของความไม่ขยัน
พลาดกำไร ดีกว่าขาดทุน
อ่อ จริงๆ แล้วการวัด % ว่าได้เป็นกี่เท่าของตลาดเนี่ย มันมีข้อจำกัดนิดหน่อยนะครับ
ถ้าสมมติว่ามีหุ้นตัวที่เราเพิ่งเจอว่ามันน่าสนใจมาเจอตอนท้ายๆปี
แล้วซื้อไปเยอะๆ มันก็ทำให้ผลตอบแทน คิดเป็น % ของเราลดลงเช่นกัน เนื่องจากราคายังไม่สะท้อนมูลค่า
ดังนั้น พยายามอย่าไปคิดเทียบเป็น % จนเคยตัวนะครับ
ตัวเงินที่ได้มานั่นแหละที่สำคัญ ไม่ใช่ %
-
- Verified User
- โพสต์: 2595
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 13
ตามนั้น ครับพี่ Chooky ของผมขอเพิ่มอีกนิด คือ ยังไม่เป็น VI(สำนัก Buffett) อย่างเเท้จริง เพราะถ้า Port ยังเป็นเเบบวันเเรกที่เล่นหุ้น(22/6/2009) ทุกตัวใน Port อย่างน้อยสองเด้ง มีบินไทย ซีพีและ Noble เกินสองเด้ง
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
- LittleChicky
- Verified User
- โพสต์: 277
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 15
แพ้ตลาดเพราะซื้อหุ้นที่กำลังมีข่าวร้ายครับ :lovl: แล้วหวังว่าซักวันข่าวร้ายหมดแล้วมันจะกลับมาดี
นักลงทุนผู้ชาญฉลาดไม่ควรซื้อหุ้นสามัญเพียงเพราะว่ามันมีราคาถูก แต่ควรซื้อเฉพาะว่ามันสัญญาว่าจะทำกำไรงดงามให้กับเขา...ฟิลลิป เอ พิชเชอร์
- CHOOKY
- Verified User
- โพสต์: 540
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 16
หมายถึง ขาย ในเวลาที่ไม่ควรจะขาย ครับ ถ้าขายเป็น ไม่น่าจะน้อยกว่า 2 เด้งCHOOKY เขียน:หาหุ้นได้ ซื้อหุ้นเป็น
แต่..... ขายไม่เป็น....
"ค้นหาคุณค่าให้พบ แล้วซื้อหุ้นกิจการที่ดีนั้น ซึ่งมีกำไรต่อเนื่อง ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ ในเวลาที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ และถือมันไว้ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดี และยังมีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง"
- murder_doll
- Verified User
- โพสต์: 1608
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 17
ปรัชญานี้ สวยงามมากครับkotaro เขียน:เพราะต้องการเอาชนะ จึงพ่ายแพ้
เงินทองเป็นของมายา
ข้าวปลาคือของจริง
ข้าวปลาคือของจริง
- กล้วยไม้ขาว
- Verified User
- โพสต์: 1074
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 18
ปีที่แล้วตอนผมเพิ่งเริ่มลงทุนได้เกือบสองปี
ผมแพ้ตลาดหลุดลุ่ยคือกำไีีร 15% ของทั้งพอร์ทไม่รวมปันผล
ทั้งๆ ที่ตลาดขึ้นมาอย่างมาก
ผมนำสิ่งที่ผมพบในการลงทุนในปีนั้นมา่คิด
ว่าทำไมเราถึงยังไม่ได้อย่างที่หวัง
ตรงไหนที่ควรแก้ ตรงไหนต้องเพิ่ม ตรงไหนต้องลด
ผลสรุปคือปีนี้พอร์ทผมโตขึ้น 100% กว่าๆ ไม่รวมปันผล
หวังว่าจะมีประโยชน์ครับ
ปล.ปีนี้ผมอาจจะแค่โชคดีเื่ท่านั้นครับ
แต่ผมจะพัฒนาตัวเองต่อไป เพื่อที่จะได้โชคดีอยู่เสมอ
ผมแพ้ตลาดหลุดลุ่ยคือกำไีีร 15% ของทั้งพอร์ทไม่รวมปันผล
ทั้งๆ ที่ตลาดขึ้นมาอย่างมาก
ผมนำสิ่งที่ผมพบในการลงทุนในปีนั้นมา่คิด
ว่าทำไมเราถึงยังไม่ได้อย่างที่หวัง
ตรงไหนที่ควรแก้ ตรงไหนต้องเพิ่ม ตรงไหนต้องลด
ผลสรุปคือปีนี้พอร์ทผมโตขึ้น 100% กว่าๆ ไม่รวมปันผล
หวังว่าจะมีประโยชน์ครับ
ปล.ปีนี้ผมอาจจะแค่โชคดีเื่ท่านั้นครับ
แต่ผมจะพัฒนาตัวเองต่อไป เพื่อที่จะได้โชคดีอยู่เสมอ
-
- Verified User
- โพสต์: 37
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 19
เล่นหุ้นที่วิ่งตามตลาดเครียดค่ะ
ปวดหัว แต่เล่นหุ้นหุ้น VI เน้นลงทุนยาวๆ จะไม่เครียดค่ะ
ตัวอย่าง AJ เป็นหุ้นตัวแรกที่ถือแล้วสบายใจ
ถือตอน 18 แต่ตอนนี้ขายไปแล้ว พลาดไปนิดหน่อย
รวมๆ ตอนนี้ยังไม่กำไรเลยคะ่
เพราะตัวเองแท้ๆ ถือ TOP มาตั้งสองปี
อีกนิดเดียวทนไม่ได้ ทิ้งไปซะงั้น
เจ็บ จำไปตลอดเลยอะ
ปวดหัว แต่เล่นหุ้นหุ้น VI เน้นลงทุนยาวๆ จะไม่เครียดค่ะ
ตัวอย่าง AJ เป็นหุ้นตัวแรกที่ถือแล้วสบายใจ
ถือตอน 18 แต่ตอนนี้ขายไปแล้ว พลาดไปนิดหน่อย
รวมๆ ตอนนี้ยังไม่กำไรเลยคะ่
เพราะตัวเองแท้ๆ ถือ TOP มาตั้งสองปี
อีกนิดเดียวทนไม่ได้ ทิ้งไปซะงั้น
เจ็บ จำไปตลอดเลยอะ
-
- Verified User
- โพสต์: 737
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 22
ตั้งแต่ต้น ๆ ปี ผมเลือกหุ้นจากร้อยคนร้อยหุ้น อ่านข้อมูลที่พี่ ๆ เพื่อน ๆ แชร์เข้ามา กลั่นกลองอีกทีด้วยตัวเอง
พยายามทำตามระบบ เพือเป็น VI ทีดี
หา MOS ลงมาไม่ถึงไม่ซื้อ ลงมาถึงซื้อเลย
หา target price ถึงแล้วขายเลย ขาย(หมู)แล้ววิ่งต่อก็ช่างมัน
แต่บางทีก็อดไม่ได้ยอมเสียค่าคอมให้มาร์ ยอมขายทิ้งซื้อกลับ ขายทิ้งซื้อกลับ เพราะเทรนขาขึ้นยังไม่หยุด
ปลาย ๆ ปีลอง daytrade เอามัน ผลก็คือ
สรุปทั้งปี ปีนี้ชนะตลาด ได้เกินร้อย%ครับ
ขอยอมรับเลยว่า ชนะทั้ง ๆ ทีฝีมืออ่อนหัดกว่าหลาย ๆ คนในนี้เยอะมากกกกกก
ถ้าปีหน้า ตัวเองยังฝีมือระดับนี้ เชื่อว่า เอาตัวไม่รอดถ้าตลาดไม่ดี(มาก ๆ)เหมือนปีนี้
ปีนี้หยุดแล้วครับ รอปีหน้าเริ่มนับหนึ่งใหม่ครับ
พยายามทำตามระบบ เพือเป็น VI ทีดี
หา MOS ลงมาไม่ถึงไม่ซื้อ ลงมาถึงซื้อเลย
หา target price ถึงแล้วขายเลย ขาย(หมู)แล้ววิ่งต่อก็ช่างมัน
แต่บางทีก็อดไม่ได้ยอมเสียค่าคอมให้มาร์ ยอมขายทิ้งซื้อกลับ ขายทิ้งซื้อกลับ เพราะเทรนขาขึ้นยังไม่หยุด
ปลาย ๆ ปีลอง daytrade เอามัน ผลก็คือ
สรุปทั้งปี ปีนี้ชนะตลาด ได้เกินร้อย%ครับ
ขอยอมรับเลยว่า ชนะทั้ง ๆ ทีฝีมืออ่อนหัดกว่าหลาย ๆ คนในนี้เยอะมากกกกกก
ถ้าปีหน้า ตัวเองยังฝีมือระดับนี้ เชื่อว่า เอาตัวไม่รอดถ้าตลาดไม่ดี(มาก ๆ)เหมือนปีนี้
ปีนี้หยุดแล้วครับ รอปีหน้าเริ่มนับหนึ่งใหม่ครับ
SURE I AM OF THIS
THAT YOU HAVE ONLY TO ENDURE
TO CONQUER
THAT YOU HAVE ONLY TO ENDURE
TO CONQUER
-
- Verified User
- โพสต์: 2545
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 23
ก่อนอื่นต้องขอบคุณสำหรับกระทู้ของพี่กาละมังครับ ที่ตั้งกระทู้เพื่อเตือนสติ และให้ข้อคิดการลงทุนที่ดี ติดตามข้อคิดของพี่กาละมังมาตลอดครับ :lol:
ความเห็นผมในเรื่องนี้ ผมคิดว่าประเด็นหลักสำคัญของการลงทุนผมนึกถึงคำพูดของบัฟเฟทที่ว่า
การลงทุนต้องคำนึงถึงความเสี่ยงที่ว่า
1. อย่าขาดทุน
2. หากยังขาดทุนให้กลับไปดูข้อที่ 1
คำพูดนี้ฟังดูเหมือนเป็นคำพูดที่ตลก แต่ในความเป็นจริงแล้ว คำพูดนี้หละครับที่เป็นตัวปกป้องการลงทุนแนว Vi เป็นอย่างดี
อย่าขาดทุนข้อที่ 1 ผมคิดว่า เป็นเรื่องการลงทุนแต่ละครั้งต้องมี MOS ของแต่ละคนที่ตั้งระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้อย่างเหมาะสม ตามประเภทและลักษณะการสร้างมูลค่าของ Model ธุรกิจที่เราลงทุนประกอบ
คราวนี้คำพูดที่ 2 หากเราลงทุนในบางภาวะที่นายตลาดพาไป แต่มันมีความเสี่ยงทีจะขาดทุนมาก โดยเฉพาะภาวะตลาดกระทิง หรือฟองสบู่ ที่ดูแล้ว ราคาหุ้นมันไม่ถูกเพียงพอที่จะป้องกันความเสี่ยงได้
เราก็ต้องกลับมาพื้นฐานข้อที่ 1 คือ อย่าขาดทุน
ผมได้ข้อคิดนี้จากบทความของคุณสุมาอื้ ตามข้อเขียนนี้ครับ ซึ่งเป็นข้อเขียนที่ผมนำมาใช้เตือนสติตนเอง เพื่อไม่ให้ กลัวในขณะที่คนอื่นกล้า และให้กล้าในขณะที่คนอื่นกำลังกลัว
http://api.settrade.com/blog/1001ii/2008/10/17/354
ดังนั้นข้อที่ 2 ก็คือ เป็นเรื่องของการอดทนรอคอยเพื่อให้ได้จังหวะการลงทุนที่เหมาะสมด้วย
ขออนุญาตยกข้อความบางส่วนของบทความนี้มาให้อ่านกันอีกครั้งครับ
ในรอบหลายๆ ปี วอเรน บัฟเฟตถึงจะซื้อหุ้นในปริมาณที่มีนัยสำคัญสักครั้งหนึ่ง บัฟเฟตเองเคยพูดว่า เขาต้องรอถึง 16 ปีกว่าจะได้ซื้อหุ้นโค้ก ในช่วง Tech Bubble นั้น เขาไม่ได้ซื้อหุ้นอะไรอย่างมีนัยสำคัญเลย เป็นเวลาติดต่อกันนานถึง 7 ปี เขาบอกว่า เขาไม่พบหุ้นที่มีราคาที่น่าสนใจ เขาจึงไม่ซื้อ ไม้บรรทัดของบัฟเฟตนั้นจึงน่าจะเป็นไม้บรรทัดที่ใช้ความระมัดระวังสูงมากทีเดียว
การอดทนในข้อที่ 2 ตรงนี้หละครับคือเคล็ดลับที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่เป็นภูมิคุ้มกันการลงทุนของ VI ด้วย
ตรงนี้จึงอยู่ที่ไม้บรรทัดของผู้ลงทุนแต่ละคนที่จะมีวินัยการลงทุนอย่างไร
เพราะผลตอบแทนสูง ก็นำมาซึ่งความเสี่ยงที่สูง
ซึ่งเป็นที่มาของการลงทุนที่ส่วนใหญ่จะได้ผลตอบแทนที่เท่ากับค่าเฉลี่ยของตลาด
และเป็นเคล็ดลับสำคัญที่ผมคิดว่าทำไม บัฟเฟทถึงได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าตลาดได้
เพราะมีไม้บรรทัดที่สำคัญตามปรัชญาการลงทุนดังกล่าวนั้นเอง
จึงไม่อยากให้มองที่ผลตอบแทนการลงทุนอย่างเดียว
แต่ต้องมองว่า ในแต่ละปี เราจะมีภูมิป้องกันการขาดทุน หรือมองกระจกหลังบ้าง แทนที่จะมองที่กระจกหน้า แล้วลุยดะเพื่อผลตอบแทนสูง ๆ อย่างเดียว
เพื่อไม่ให้ต้องกลับไปถอยหลังใหม่ หรือถอยรถกลับ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาอีกหลายปี กว่าจะเดินหน้าต่อได้ครับ
คำพูดสุดท้ายก็คือ อย่าประมาทครับ :lol:
ความเห็นผมในเรื่องนี้ ผมคิดว่าประเด็นหลักสำคัญของการลงทุนผมนึกถึงคำพูดของบัฟเฟทที่ว่า
การลงทุนต้องคำนึงถึงความเสี่ยงที่ว่า
1. อย่าขาดทุน
2. หากยังขาดทุนให้กลับไปดูข้อที่ 1
คำพูดนี้ฟังดูเหมือนเป็นคำพูดที่ตลก แต่ในความเป็นจริงแล้ว คำพูดนี้หละครับที่เป็นตัวปกป้องการลงทุนแนว Vi เป็นอย่างดี
อย่าขาดทุนข้อที่ 1 ผมคิดว่า เป็นเรื่องการลงทุนแต่ละครั้งต้องมี MOS ของแต่ละคนที่ตั้งระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้อย่างเหมาะสม ตามประเภทและลักษณะการสร้างมูลค่าของ Model ธุรกิจที่เราลงทุนประกอบ
คราวนี้คำพูดที่ 2 หากเราลงทุนในบางภาวะที่นายตลาดพาไป แต่มันมีความเสี่ยงทีจะขาดทุนมาก โดยเฉพาะภาวะตลาดกระทิง หรือฟองสบู่ ที่ดูแล้ว ราคาหุ้นมันไม่ถูกเพียงพอที่จะป้องกันความเสี่ยงได้
เราก็ต้องกลับมาพื้นฐานข้อที่ 1 คือ อย่าขาดทุน
ผมได้ข้อคิดนี้จากบทความของคุณสุมาอื้ ตามข้อเขียนนี้ครับ ซึ่งเป็นข้อเขียนที่ผมนำมาใช้เตือนสติตนเอง เพื่อไม่ให้ กลัวในขณะที่คนอื่นกล้า และให้กล้าในขณะที่คนอื่นกำลังกลัว
http://api.settrade.com/blog/1001ii/2008/10/17/354
ดังนั้นข้อที่ 2 ก็คือ เป็นเรื่องของการอดทนรอคอยเพื่อให้ได้จังหวะการลงทุนที่เหมาะสมด้วย
ขออนุญาตยกข้อความบางส่วนของบทความนี้มาให้อ่านกันอีกครั้งครับ
ในรอบหลายๆ ปี วอเรน บัฟเฟตถึงจะซื้อหุ้นในปริมาณที่มีนัยสำคัญสักครั้งหนึ่ง บัฟเฟตเองเคยพูดว่า เขาต้องรอถึง 16 ปีกว่าจะได้ซื้อหุ้นโค้ก ในช่วง Tech Bubble นั้น เขาไม่ได้ซื้อหุ้นอะไรอย่างมีนัยสำคัญเลย เป็นเวลาติดต่อกันนานถึง 7 ปี เขาบอกว่า เขาไม่พบหุ้นที่มีราคาที่น่าสนใจ เขาจึงไม่ซื้อ ไม้บรรทัดของบัฟเฟตนั้นจึงน่าจะเป็นไม้บรรทัดที่ใช้ความระมัดระวังสูงมากทีเดียว
การอดทนในข้อที่ 2 ตรงนี้หละครับคือเคล็ดลับที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่เป็นภูมิคุ้มกันการลงทุนของ VI ด้วย
ตรงนี้จึงอยู่ที่ไม้บรรทัดของผู้ลงทุนแต่ละคนที่จะมีวินัยการลงทุนอย่างไร
เพราะผลตอบแทนสูง ก็นำมาซึ่งความเสี่ยงที่สูง
ซึ่งเป็นที่มาของการลงทุนที่ส่วนใหญ่จะได้ผลตอบแทนที่เท่ากับค่าเฉลี่ยของตลาด
และเป็นเคล็ดลับสำคัญที่ผมคิดว่าทำไม บัฟเฟทถึงได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าตลาดได้
เพราะมีไม้บรรทัดที่สำคัญตามปรัชญาการลงทุนดังกล่าวนั้นเอง
จึงไม่อยากให้มองที่ผลตอบแทนการลงทุนอย่างเดียว
แต่ต้องมองว่า ในแต่ละปี เราจะมีภูมิป้องกันการขาดทุน หรือมองกระจกหลังบ้าง แทนที่จะมองที่กระจกหน้า แล้วลุยดะเพื่อผลตอบแทนสูง ๆ อย่างเดียว
เพื่อไม่ให้ต้องกลับไปถอยหลังใหม่ หรือถอยรถกลับ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาอีกหลายปี กว่าจะเดินหน้าต่อได้ครับ
คำพูดสุดท้ายก็คือ อย่าประมาทครับ :lol:
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
- peerasak_off
- Verified User
- โพสต์: 223
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 24
ผมเคยมานั่งวิเคราะห์ตัวเองเหมือนกันสำหรับความผิดพลาดที่ผ่านมาได้ข้อสรุป คือ ซื้อแบบไม่มีวางแผน คงไม่เฉพาะหุ้นผมว่าถ้าเราไม่วางแผนไว้ล่วงหน้าโอกาศแพ้สูง รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 25
ยังไม่สรุปว่าเป็นอย่างไงล่ะ
เพราะว่า ยังไม่จบปี
แต่คาดว่าใกล้เคียงกับตลาดครับ
ปีนี้ที่พลาด
ปัญหาเรื่องสภาพจิตใจมากที่สุด
และเรื่องของเวลาที่น้อยลงไปมากในการทำการบ้าน
เห็นแน่นอนว่าขึ้นเจอพายุเข้าก่อน แบบนี้ดวงไม่ดีในตอนเดือน 8
แต่พายุสงบแล้วก็เป็นมังกรทยานฟ้าเหมือนเดิม
ปีนี้ขาดทุนก็ขาดทุนหนัก
ได้ก็ได้เป็นมากเหมือนกัน
ไม่ค่อยมีตรงกลางเท่าไร
เพราะว่า ยังไม่จบปี
แต่คาดว่าใกล้เคียงกับตลาดครับ
ปีนี้ที่พลาด
ปัญหาเรื่องสภาพจิตใจมากที่สุด
และเรื่องของเวลาที่น้อยลงไปมากในการทำการบ้าน
เห็นแน่นอนว่าขึ้นเจอพายุเข้าก่อน แบบนี้ดวงไม่ดีในตอนเดือน 8
แต่พายุสงบแล้วก็เป็นมังกรทยานฟ้าเหมือนเดิม
ปีนี้ขาดทุนก็ขาดทุนหนัก
ได้ก็ได้เป็นมากเหมือนกัน
ไม่ค่อยมีตรงกลางเท่าไร
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 26
เอาน่า อย่าคิดมาก
อย่างน้อยก็มีปันผล
ที่สำคัญที่ชนะตลาดหรือแพ้
มันคือมูลค่า หรือ เงินสดที่ได้รับ
ถ้าชนะตามบัญชี ยังไม่ได้realize profit
มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรต้องกังวลเรื่องชนะหรือแพ้
มันก็แค่การreative กัน
อย่างน้อยก็มีปันผล
ที่สำคัญที่ชนะตลาดหรือแพ้
มันคือมูลค่า หรือ เงินสดที่ได้รับ
ถ้าชนะตามบัญชี ยังไม่ได้realize profit
มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรต้องกังวลเรื่องชนะหรือแพ้
มันก็แค่การreative กัน
show me money.
-
- Verified User
- โพสต์: 6427
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 27
ณ วันนี้ ผมชนะตลาดอยู่พอสมควร
แต่ ลึกๆแล้ว ควรจะชนะมากกว่านี้อีกเยอะมากๆ
เพราะด้วยวิถีแห่ง วีไอ แล้ว
ปีนี้ ควรเป็นปีทองของวีไอจริงๆ (ปีที่แล้วไม่ใช่ เพราะหลับตาจิ้ม ยังซื้อถูกตัวเลย)
แต่ ... ผมปล่อยหมูไปเกือบหมดเล้า
คิดเป็นมูลค่าที่ปล่อยไปก่อนกำหนด ... คงอยู่ราวๆ 30% ของพอร์ต
ดังนั้น
ผมคงต้องฝึกวิชา วีไอ อีกมากๆ แน่ๆ
แต่ ลึกๆแล้ว ควรจะชนะมากกว่านี้อีกเยอะมากๆ
เพราะด้วยวิถีแห่ง วีไอ แล้ว
ปีนี้ ควรเป็นปีทองของวีไอจริงๆ (ปีที่แล้วไม่ใช่ เพราะหลับตาจิ้ม ยังซื้อถูกตัวเลย)
แต่ ... ผมปล่อยหมูไปเกือบหมดเล้า
คิดเป็นมูลค่าที่ปล่อยไปก่อนกำหนด ... คงอยู่ราวๆ 30% ของพอร์ต
ดังนั้น
ผมคงต้องฝึกวิชา วีไอ อีกมากๆ แน่ๆ
คนที่รู้ว่าตัวเองยังไม่รู้ ย่อมมีโอกาสเรียนรู้
-
- Verified User
- โพสต์: 46
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 28
Return ของตลาดวัดยังไงครับ แล้วของปี 53 เท่าไร
- Sumotin
- Verified User
- โพสต์: 1131
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 30
ครับ ปีนี้ผมแพ้ตลาด เพราะถือ 2 ตัวหลักๆแล้วผลประกอบการในไตรมาส 3 ที่ผ่านมาไม่เป็นไปตามคาดทั้ง 2 ตัว จากตอนแรกที่ชนะตลาดกลับมาเป็นแพ้ประมาณ 15% แต่เมื่อคิดดูแล้ว การวัดอย่างนี้ก็เป็น one point in time ซึ่งเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
ผมเลยไม่ serious มากกับเรื่องนี้ครับเพราะราคานี้ยังไงก็ยังไม่ขายหุ้นที่ถือมาอยู่ดีต่อให้ราคาขึ้นอีกสัก 50%ก็ตาม ถ้ายังไม่มีสถานะการณ์ที่กระทบบริษัทอย่างมีนัยสำคัญครับ และผมมองว่ามองปีต่อปีค่อนข้าง short term มากเพราะปีก่อนก็ชนะตลาดมากกว่า 100% ก็สู้กันต่อไปครับ
ผมเลยไม่ serious มากกับเรื่องนี้ครับเพราะราคานี้ยังไงก็ยังไม่ขายหุ้นที่ถือมาอยู่ดีต่อให้ราคาขึ้นอีกสัก 50%ก็ตาม ถ้ายังไม่มีสถานะการณ์ที่กระทบบริษัทอย่างมีนัยสำคัญครับ และผมมองว่ามองปีต่อปีค่อนข้าง short term มากเพราะปีก่อนก็ชนะตลาดมากกว่า 100% ก็สู้กันต่อไปครับ
Timing is everything, no matter what you do.
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
CAGR of 34% in the past 15 years of investment