คุยกับคุณสุทธิ อัชฌาศัย และคุณประสาร มฤคพิทักษ์

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
pornchokchai
Verified User
โพสต์: 96
ผู้ติดตาม: 0

คุยกับคุณสุทธิ อัชฌาศัย และคุณประสาร มฤคพิทักษ์

โพสต์ที่ 1

โพสต์

คุยกับคุณสุทธิ อัชฌาศัย และคุณประสาร มฤคพิทักษ์
ดร.โสภณ พรโชคชัย ([email protected])

            ผมได้เขียนบทความ 10 ประเด็นที่ขาดเหตุผลในการชุมนุมปิดมาบตาพุดที่ไม่ชอบธรรม <1> และ ติงให้ฟังมติมหาชนชาวมาบตาพุดแทนไปฟังผู้ชุมนุม <2> และได้รับจดหมายเปิดผนึกจากคุณสุทธิ อัชฌาศัย <3> เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พร้อมกับบทความของคุณประสาร มฤคพิทักษ์ <4> ผมจึงขออนุญาตแลกเปลี่ยนดังนี้:

ต่อความเห็นของคุณสุทธิ
            คุณสุทธิได้กรุณาคุยกับผมในหลายประเด็นดังนี้:
            1. คุณสุทธิบอกถึงการช่วยเหลือชาวมาบตาพุดและชาวระยอง ข้อนี้คุณสุทธิมีเจตนาที่ดี แต่ชาวมาบตาพุดส่วนใหญ่ต้องการอุตสาหกรรม จึงอาจไม่ต้องการให้ช่วย  ส่วนผู้ที่ได้รับผลกระทบ รัฐต้องชดใช้ให้ตามความเหมาะสม การเวนคืนเป็นสิ่งจำเป็น โปรดอ่านรวมเรียงความชนะเลิศชิงโล่พระราชทานของสมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาฯ เรื่อง ประเมินค่าทรัพย์สินให้เป็นธรรมก่อนการเวนคืนเพื่อพัฒนาชาติที่ผมจัดประกวดขึ้น <5>
            2. คุณสุทธิบอกว่า ผมไม่เคยเอ่ยคำพูดที่มีผลกระทบในทางลบกับตัวท่านเลยนะครับ และบอกว่า ผมชักสงสัยว่า ท่านทำแบบนี้ทำไมครับ?  ข้อนี้ผม (โสภณ) ขออภัยหากทำให้เข้าใจผิด  ที่ผมเห็นต่างเรื่องมาบตาพุดนั้น อาจมองคนละจุด แต่เราต่างเห็นแก่ชาวบ้านและประเทศชาติ  เราไม่เคยรู้จักกันเป็นส่วนตัว  และไม่มีอะไรกันเป็นส่วนตัว
            3. ที่ผมตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการเงินนั้น  นับเป็นเรื่องดีที่คุณสุทธิยืนยันว่าไม่ได้รับเงินจากใคร  ผมจึงขอเสนอแนะเพื่อความสบายใจของคุณเองว่า คุณควรแจงที่มาของเงินต่าง ๆ ในการเคลื่อนไหว แจงบัญชีรายรับรายจ่ายของเครือข่ายของคุณรายเดือนและทุกการเคลื่อนไหว  สังคมจะได้ไม่เข้าใจผิด  และถ้าเป็นไปได้ ควรให้สังคมได้รับรู้ว่ากลุ่มของคุณมีสมาชิกกี่คน บ้านอยู่แถวไหน มีรายชื่ออ้างอิงหรือไม่
            4. ที่ผมเขียนว่า ถ้าจะช่วยชาวบ้านจริงต้องคอยติดตามต่อเนื่อง ไม่ใช่แบบจุดพลุอย่างเช่น มลพิษก็มีคนแอบปล่อยเป็นระยะๆ ถ้าเรารักชาวบ้านจริง ควรคอยสังเกตการณ์ใครปล่อยเมื่อไหร่ ซึ่งปกติชาวบ้านชาวช่องก็รู้ เราก็ควรพาเจ้าหน้าที่ นักข่าว หรือตัวแทนองค์การอิสระไปแฉหรือจับเลย ถ้าทำแบบนี้มาตลอดคงไม่มีปัญหาถึงวันนี้ เพราะเจ้าหน้าที่จะไม่กล้าปล่อยปละ การทำเป็นวูบๆ วาบๆ จะทำให้เห็นเป็นว่าทำตามคำสั่งเป็นครั้งคราว หรือเคลื่อนไหวแบบมีจุดประสงค์แอบแฝงได้  ข้อนี้ผมขอขอบพระคุณที่เราเห็นด้วยกันครับ
            5. ที่ผมเขียนว่า คุณอ้างงานวิจัยนับ 1,000 ชิ้น แต่ควรเปิดเผยให้ประชาชนตระหนัก ถ้าเป็นของจริง ไม่ใช่แค่การกล่าวหา สังคมคงเชื่อถือมากกว่าการอ้างจำนวนงานวิจัย  คุณสุทธิตอบว่าพร้อมที่จะเปิดเผยข้อมูลทั้งหมด  ผม (โสภณ) ขอเรียนอีกครั้งว่า คุณควรเปิดเผยต่อเนื่องเพื่อให้สังคมได้วินิจฉัย  อย่างไรก็ตามผลสำรวจล่าสุดของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง ก็ระบุว่า กลุ่มเป้าหมายและกลุ่มเสี่ยงจำนวน 10,000 คน ไม่มีโรคประจำตัวร้อยละ 72.6 มีโรคประจำตัวร้อยละ 27.4 โรคประจำตัวที่พบส่วนใหญ่เป็นโรคความดันโลหิตสูงร้อยละ 9 รองลงมาโรคภูมิแพ้ร้อยละ 5.5 โรคเบาหวานร้อยละ 3.8 โรคหอบหืดร้อยละ 2.1 ตามลำดับ แต่กลุ่มผู้ชุมนุมก็ยังไม่พอใจ
            6. เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 67 นั้น ข้อนี้เห็นชัดแจ้งอยู่แล้วว่ามาตราดังกล่าวไม่เหมาะสม เพราะในการแต่งตั้งองค์การอิสระนั้น ระบุให้แต่งตั้งเฉพาะผู้แทนองค์การเอกชนด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ และผู้แทนสถาบันอุดมศึกษาที่จัดการการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมหรือทรัพยากรธรรมชาติหรือด้านสุขภาพ  ปัญหามลพิษนี้เป็นปัญหาระดับชาติ จำเป็นต้องมีผู้รู้หลายด้าน  คุณสุทธิก็บอกเองว่าควรพิจารณาจากมุมมองของ ทั้งนักกฎหมาย นักรัฐศาสตร์ นักสิ่งแวดล้อม นักสิทธิมนุษยชน นักสังคมสงเคราะห์ ภาคประชาชน นักเศรษฐศาสตร์ นักสาธารณสุข นักลงทุน. . .
            7. เรื่องคณะกรรมการ 4 ฝ่าย คุณสุทธิบอกว่า ถึงแม้เขา (ผู้นำชุมชน) ไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการ 4 ฝ่าย แต่เขาก็มีสิทธิในการเข้าร่วมประชุมเสนอความคิดเห็น . . . ยังได้รับการแต่งตั้งเป็นอนุกรรมการ  กรณีนี้ผม (โสภณ) เห็นว่า ไม่ชอบธรรมครับ ปัญหาของชาวมาบตาพุดแท้ ๆ แต่พวกเขากลับไม่ได้เป็นกรรมการ แสดงว่าไม่ได้ให้ความสำคัญกับชาวบ้านจริง
            คุณสุทธิยังว่าท่านอานันท์ ปันยารชุนให้โอกาสชาวบ้านทำงานร่วมกัน  แต่ความจริงก็คือ คณะกรรมการก็ไม่เคยตระหนักว่า ชาวบ้านส่วนใหญ่ต้องการให้อุตสาหกรรมขยายตัวต่อไป ไม่เคยทำประชามติ ไม่เคยสำรวจความเห็นของชาวบ้านอย่างเป็นระบบ  คุณสุทธิว่าให้ผมไปถามนายกรัฐมนตรีว่าทำไมแต่งตั้งกรรมการ 4 ฝ่าย โดยที่ไม่มีชาวมาบตาพุด  ผมเคยทำหนังสือเรียนท่านแล้วเมื่อเดือนธันวาคม 2552 <6>  คุณสุทธิยังแนะนำให้ผมไปฟ้องศาลปกครองให้เพิกถอนตัวแทนภาคประชาชนในกรรมการ  4  ฝ่าย  ข้อนี้ผมคงไม่ถนัดค้าความครับ
            8. เรื่องเอ็นจีโอนั้น  คุณสุทธิก็บอกเองว่าเคยเป็น ผมก็ได้อ้างอิงเว็บต่าง ๆ เช่นเว็บแนะนำเกี่ยวกับตัวท่านในเว็บของพรรคการเมืองใหม่ <7> หรือจากแหล่งอื่น  สังคมอาจเข้าใจไขว้เขวเพราะเร็ว ๆ นี้คุณยังไปร่วมประชุมกับกลุ่มเอ็นจีโอกรีนพีชจนถูกตำรวจอินโดนีเซียจับกุมและได้โทรศัพท์ติดต่อคนใกล้ชิดนายกฯ ประสานให้ปล่อยตัว <8>  คุณสุทธิควรบอกให้สังคมทราบว่าประกอบอาชีพอะไร มีรายได้ทางไหน เพื่อให้สังคมไม่เข้าใจเป็นอื่นครับ
            เรื่องที่คุณเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ ผมก็ไม่เคยเขียนในลักษณะให้ร้าย  ผมก็รู้จักกรรมการ-สมาชิกพรรคนี้  แต่ความจริงที่คุณเขียนไว้เองก็คือคุณเคยเป็นกรรมาการบริหารพรรคการเมืองใหม่ และลาออก เนื่องจากลาอุปสมบทเดือนเมษายน 2553  ข้อนี้แสดงว่าเมื่อคุณรับตำแหน่งตัวแทนภาคประชาชนในคณะกรรมการ 4 ฝ่าย คุณยังเป็นกรรมการบริหารพรรค
            9. เรื่องปิดการจราจร ผมเขียนชัดครับว่า กลุ่มผู้ชุมนุมได้ปิดการจราจร 1 ช่องทางตามข่าว ซึ่งอาจหมิ่นเหม่ต่อกฎหมาย เพราะเคยมีการปิดการจราจรโดยพราหมณ์ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลเมื่อช่วงเดือนเมษายน 2553 จนศาลพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 8 เดือนโดยไม่รอลงอาญาไปแล้ว รวมทั้งเคยมีการจำคุกชาวนาที่ปิดการจราจรด้วย <9>  ส่วนกลุ่มเอ็นจีโอกรีนพีช ก็ปิดทางเข้าออกสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดจริงตามภาพข่าวอยู่แล้วครับ
            10. คุณบอกว่า ทุกวันนี้ขอทำงานในนาม ภาคประชาชน ดีกว่า. . . ไม่ต้องการตำแหน่ง, ไม่ต้องการลาภยศ ชื่อเสียงหรือสิ่งอื่นใด. . .  ผม (โสภณ) ก็ขออนุโมทนาด้วยครับ และคุณต้องใจเย็นให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวคุณเอง  คุณสุทธิยังว่า ผมขอเดินบนดินจนสิ้นลมในนามประชาชน ต่อสู้เพื่อคนทุกข์ คนยาก (พร้อมบทกวีของคุณสุวิทย์ วัดหนู)  ผม (โสภณ) ขอสนับสนุนด้วยใจจริงครับ  ถ้าคุณสุวิทย์ ยังมีชีวิตอยู่ ผมเชื่อว่าเขาคงช่วยอธิบายเกี่ยวกับตัวผมให้คุณสบายใจได้เช่นกันครับ  และในแผ่นดินนี้ยังมีคนทุกข์ยากที่อื่นต้องการคุณมากกว่าชาวมาบตาพุดนะครับ  คุณสุทธิยังบอกว่า ผมขอยืนยันว่า ผมไม่ใช่ศัตรูของท่าน. . . ผมคิดว่าท่านคือมิตร. . .  ผม (โสภณ) ขอขอบพระคุณครับ

ต่อความเห็นของคุณประสาร
            คุณประสารเป็นผู้มีพระคุณของผมเองครับ ท่านเป็นที่ปรึกษาของบริษัทผมมาตั้งแต่แรกตั้ง  ศรีภรรยาท่านก็เป็นครูผมอยู่ที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ แต่เรื่องมาบตาพุด เราคงมองต่างมุมกันตามประสาญาติมิตรครับ
            1. เรื่องมลพิษ  แม้ศาลมีคำสั่งประกาศให้พื้นที่มาบตาพุดเป็นเขตควบคุมมลพิษ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าที่นี่มีอันตรายหนัก  ที่คุณประสารอ้างว่าระยองเป็นจังหวัดที่เป็นมะเร็งสูงสุดนั้น ท่านควรมีอ้างอิง  อย่างไรก็ตาม Link ที่คุณประสารอ้างนั้น ผมเปิดไปไม่พบข้อมูลครับ  ในทางตรงกันข้าม หลักฐานของทางราชการกลับระบุว่าการตายของชาวระยองเกิดจากสาเหตุภายนอก (อุบัติเหตุ ฆ่าตัวตาย ถูกฆ่าตาย) เป็นสำคัญ  การตายด้วยโรคมะเร็ง. . . มีแนวโน้มสูงขึ้น แต่ต่ำกว่าระดับประเทศ ยกเว้นปี 2548 สูงกว่าระดับประเทศ. . . ไม่อาจบ่งชี้ได้ว่าสาเหตุของการเกิดมะเร็ง (ในระยอง) เป็นผลเนื่องมาจากมลภาวะ. . . <10>
            2. ในอีกแง่หนึ่งหากมีมลพิษมากจริง ก็ควรที่จะย้ายชุมชนออกเพื่อประโยชน์ต่อทุกฝ่าย ยิ่งหากรัฐบาลซื้อหรือเวนคืนที่ดินตามราคาตลาดรวมค่ารื้อถอน ประชาชนคงยินดี   อย่างไรก็ตามผลสำรวจพบว่า มีประชาชนเพียงส่วนน้อยที่คิดย้ายออก ซึ่งการนี้อาจแสดงถึงความมั่นใจต่อความปลอดภัยในการอยู่อาศัยในระดับหนึ่ง  โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมซึ่งส่วนมากเป็นบริษัทมหาชนย่อมมีความปลอดภัยในระดับสูงกว่าโรงงานในพื้นที่อื่นทั่วประเทศ  ไม่เช่นนั้น กลุ่มคนงานก็คงไม่กล้าทำงาน และคงรับรู้และหนีไปก่อนชาวบ้านทั่วไปเสียอีก
            3. ผู้ที่ได้รับผลกระทบจริงได้รับค่าเวนคืนและได้ย้ายไปตั้งแต่ 30 ปีที่แล้ว  ความจริงที่ต้องยอมรับก็คือ การขยายตัวของอุตสาหกรรมมีความจำเป็นเพราะในประเทศไทยมีที่นี่เพียงแห่งเดียวที่กำหนดให้เป็นอุตสาหกรรมปิโตรเคมี สร้างความ โชติช่วงชัชวาล ให้กับประเทศไทย ไม่ใช่เขตอุตสาหกรรมสีเขียวหรืออุตสาหกรรมเบา  การถมทะเล การสร้างท่าเรือ-โรงไฟฟ้าเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรม ล้วนมีความจำเป็นทั้งสิ้น และเกิดขึ้นในทุกประเทศเพื่อนบ้านของเรา แต่เกิดขึ้นได้ยากเหลือเกินในประเทศไทย และนี่จึงเป็นข้อกังขาของสังคมว่ามีขบวนการรับจ้างมากีดขวางความเจริญของประเทศ เอาประโยชน์สุขของประชาชนส่วนรวมมาต่อรองเพื่อประโยชน์เฉพาะตัวหรือไม่ แต่ผมเชื่อว่าคงไม่ใช่คุณสุทธิ

เราคนไทยด้วยกันครับ
            ท่าน เปลว สีเงิน ลงบทความของผม ยังถูกต่อว่าโดย หลายท่านเขียนมาตอบโต้บ้าง ชี้แจงบ้าง ให้ข้อมูลบ้าง ตัดพ้อบ้าง ด่าทอบ้าง ทำนองว่า เสียแรงที่เคยนับถือ รับจ้างบริษัทในมาบตาพุดมาเขียน. . .  ผมเศร้าใจว่า การเห็นต่างกันทำไมต้องถูกมองในแง่ร้ายถึงเพียงนี้  ยิ่งผมในฐานะคนเขียนคงถูกอาฆาตมาดร้ายเป็นอย่างยิ่ง  ผมไม่ได้กลัว แต่ขอความเมตตาคุณสุทธิโปรดช่วยชี้แจงให้ทางกลุ่มเข้าใจ พวกเขาเองจะได้สบายใจกันขึ้นครับ
            ผมเรียนด้วยความสัตย์ว่าผมไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย  แต่ผมเกรงว่าเราอาจกำลังอ้างและตัดสินใจแทนประชาชนจนกระทั่งบิดเบือนหลักการโดยไม่ฟังเสียงประชาชนส่วนใหญ่  เป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย  ผมหวั่นเกรงการทำลายล้างเศรษฐกิจไทยด้วยความเข้าใจที่สับสนด้านสิ่งแวดล้อม
            เราคนไทยด้วยกันต้องมีความเพียรที่จะคุยกันฉันมิตร สร้างสังคมอุดมปัญญามากกว่ามาประท้วงริมถนนครับ

อ้างอิง
<1> โปรดอ่านได้ที่ http://researchers.in.th/blog/0003/3915
<2> โปรดอ่านได้ที่ http://www.housingyellow.com/thaisocial ... p?topic=62
<3> โปรดอ่านได้ที่ http://www.facebook.com/note.php?note_i ... 5187772394
<4> โปรดอ่านได้ที่ http://www.thaipost.net/news/051010/28297
<5> การประกวดเรียงความชิงโล่รางวัลพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เรื่อง ประเมินค่าทรัพย์สินให้เป็นธรรมก่อนการเวนคืนเพื่อพัฒนาชาติ ณ http://www.thaiappraisal.org/thai/essay/essay50.htm
<6> โปรดดูหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ลว. 7 ธันวาคม 2552 เรื่อง  ประชาชนมาบตาพุดต้องการอุตสาหกรรมต่อไป และโปรดพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ณ http://www.thaiappraisal.org/thai/letter/letter17.htm
<7> เว็บนี้ http://www.newpoliticsparty.net/about-party (แต่ตอนนี้เข้าไม่ได้แล้ว)
<8> ข่าว สุทธิ เครือข่ายปชช.ตอ.ถูกตำรวจอินโดนีเซียจับกุมพร้อมกลุ่มกรีนพีซรวม 15 คน ณ http://www.rayong-news.com/kidnap/kn_0258.html
<9> โปรดดูอ้างอิงตามข้อ <2>
<10> จากกรมควบคุมมลพิษ http://www.pcd.go.th/info_serv/pol_Maptapoot_env2.html
โพสต์โพสต์