หุ้นยอดฮิตของThaivi ในอนาคต
- << New >>
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1145
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นยอดฮิตของThaivi ในอนาคต
โพสต์ที่ 1
สืบเนื่องจากกระทู้ของพี่ Romee
อดีตหุ้นฮิตๆ ของเวบTVI มีอะไรกันบ้างหว่า
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=43532
โดยการลงทุนนั้นมองอนาคตเป็นหลัก บางตัวที่ฮิตๆในอดีต ก็เลิกฮิตไปแล้ว
บางตัวก็อาจมีสิทธิกับมาฮิตใหม่
กระทู้นี้เลยเป็นการส่งประกวดหุ้นที่คาดว่าจะฮิตในอนาคต
ขอเหตุผลประกอบว่าทำไมถึงจะฮิตด้วยก็ดีครับ
อดีตหุ้นฮิตๆ ของเวบTVI มีอะไรกันบ้างหว่า
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=43532
โดยการลงทุนนั้นมองอนาคตเป็นหลัก บางตัวที่ฮิตๆในอดีต ก็เลิกฮิตไปแล้ว
บางตัวก็อาจมีสิทธิกับมาฮิตใหม่
กระทู้นี้เลยเป็นการส่งประกวดหุ้นที่คาดว่าจะฮิตในอนาคต
ขอเหตุผลประกอบว่าทำไมถึงจะฮิตด้วยก็ดีครับ
อยากสูงต้องเขย่ง อยากเก่งต้องขยัน
- SEHJU
- Verified User
- โพสต์: 1238
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นยอดฮิตของThaivi ในอนาคต
โพสต์ที่ 5
ตอบเป็นตัวหุ้นก็คงไม่รู้อ่ะ แต่ผมมองว่ามันจะเป็นหุ้นในกลุ่มพวก วัฏจักร เทิร์นอะราวด์ แล้ว โกรท ครับ...
ผมว่ามันเป็นเทรนด์ที่นักลงทุนมาสนใจกันมากขึ้นเพราะให้ผลตอบแทนดี แต่ทั้งสามประเภทนั้นก็เล่นยากและต้องใช้ฝีมือเยอะทีเดียว..
ผมว่ามันเป็นเทรนด์ที่นักลงทุนมาสนใจกันมากขึ้นเพราะให้ผลตอบแทนดี แต่ทั้งสามประเภทนั้นก็เล่นยากและต้องใช้ฝีมือเยอะทีเดียว..
-
- Verified User
- โพสต์: 257
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นยอดฮิตของThaivi ในอนาคต
โพสต์ที่ 6
ปูเสื่อรอฟังด้วยคนครับ :D<< New >> เขียน:อะอ้าว ถามเองโดนเองซะแล่ว ...
ขอไปรวบรวมข้อมูลมาแปปนึงเด๋วมาตอบครับ
"If the day were the last day of my life, what i want to do what i am about to do today? and whenever the answer has been "No" for to many day in a row, i know i need to change something" Steve Jobs
- << New >>
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1145
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นยอดฮิตของThaivi ในอนาคต
โพสต์ที่ 7
เอาตัวที่ผมลงทุนอยู่ละกัน พี่ๆบางคนอาจจะรู้อยู่แล้ว Preb ครับ
ธุรกิจของบริษัท มี 3 อย่างคือ งานรับเหมา , แผ่นพื้นสำเร็จรูป, แล้วก็ ทำคอนโดขายเอง ผู้บรืหารหลักคือคุณวิโรจน์ และคุณชัยรัตน์ ซึ่งคุณชัยรัตน์ อยู่กับ AP ตั้งแต่วันแรกที่บริษัทAPก่อตั้ง
1) งานรับเหมา: ในอดีตเน้นรับงานบ้านและทาวเฮ้าส์ของบริษัทแม่ AP ซึ่งได้มาร์จิ้นไม่ดี ทำให้มีผลการดำเนินงานแย่มาตลอด
บริษัทจึงได้มีการปรับเปลี่ยนหันไปรับงานก่อสร้างอาคารสำนักงาน อาคารโรงงาน และ คอนโดมิเนี่ยมแทน โดยมาจากหลายบริษัทเช่นในเครือ TCC, SC etc.
ถ้าดูปริมาณงานที่รับของ AP สอดคล้องกับผลการดำเนินงานจะเห็นภาพชัดขึ้น
ปี 2550 บ. ลดรับงานAP เหลือประมาณ 9%
ปี 2551 เหลือ 0.7%
ปัจจุบัน บ. ไม่มีงานของ AP เลย
ในส่วนของรับเหมา
จุดเด่นของ Preb คือเป็นบริษัทรับเหมาที่ใช้ Technology แบบ Pre-cast (คล้ายๆกับที่ PS, LPN ใช้ก่อสร้าง)
บริษัทสามารถรับงานได้full capacity ประมาณ 3000 ล้าน ปัจจุบัน มีbacklog ประมาณ 2,600 ล้านบาท
โดยทั่วไปบ.รับเหมาประเด็นทีน่าสนใจ คือ margin มากกว่ารายได้
ในเรื่องของ margin ตาม sence ผมเข้าใจว่าแปรผันตรงกับงานคือ ถ้างานน้อย marginก็จะต่ำ
เวลาไม่มีอะไรกิน แม้แต่เศษเนื้อก็ต้องเอาไว้ก่อน
แต่ถ้างานเยอะเกินรับไหวก็ต้องเอาเน้นๆ
เวลาไปกิน Buffett คงไม่มีใครมานั่งแทะกระดูก
ยิ่ง บ. ใกล้ full capcity งานที่จะรับก็ควรเลือกที่ margin สูงๆไว้ก่อน
ตอนนี้ ถ้าดูจากการเติบโตของโครงการอสังหาในปัจจุบัน มีการเติบโตเป็นอย่างมาก ผู้รับเหมาเป็นต้นน้ำจึงมีส่วนได้อานิสงไปด้วย
ในตอนหลังบ. ได้ออก บ. ลูก Buildland ขึ้นมาเพื่อทำคอนโดขายเอง โดย Buildland ก็ได้จ้าง Preb ก่อสร้าง
ในส่วนของรับเหมา ดีตรงที่ว่าโครงการแต่ละโครงการเป็นเงินคนอื่น และฐานรายได้ใหญ่
ส่วนของการขายแผ่นพื้น
บ. ทำแผ่นพื้นคอนกรีต,เสารูปตัว I, คอนกรีตเสริมใยหิน ซึ่งโดยปกติเทคโนโลยีการผลิตไม่ซับซ้อน ทำให้มีการแข่งขันด้านราคา
ในระยะหลังบ. ทำคอนโดขายเอง อาจเป็นการเอื้อประโยชน์ในเรื่องของต้นทุนมากขึ้น แต่คิดว่าไม่น่ามีนัยยะอะไรมากนัก
ส่วนของการทำคอนโดขายเอง
ผมว่าอันนี้น่าจะเป็นตัวที่น่าสนใจในหุ้น preb และน่าจะเป็นตัว contribute profit หลัก ให้ Preb ในอนาคต
โครงการแรกคือ The Tempo อยู่ตรงเพลินจิต ซอยร่วมฤดี 79 ยูนิต ประมาณ 240.5 ตรว.
บริษัทตั้งใจเก็บไว้ประมาณ 10 ห้องเพื่อ mark margin ขายสูงขึ้น ตามการเพิ่มขึ้นของมูลค่า ที่เหลือบริษัทขายหมดภายในวันเดียว โดยที่ยังไม่ได้สร้างห้องตัวอย่าง โดยมูลค่าโครงการของ Tempo1 ก็ได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ทำให้โอกาสที่คนจองซื้อไปตอนแรกจะทิ้งเงินจองต่ำ หากไม่มีเงินมาซื้อจริงๆเอาไปขายต่อยังได้กำไร ( ดูความคืบหน้า ได้ที่ websitehttp://www.tempocondo.com/news.php )
ผมก็มานั่งลองหาประเมินกำไร รายได้ - รายจ่าย คร่าวๆดู
มูลค่าโครงการ - *ค่าก่อสร้าง - **ค่าที่ = กำไรขั้นต้น
350 - 156 - 76 = 118 ล้าน
หมายเหตุ อันนี้เป็นการคิดกำไรขั้นต้นของคอนโด1 แบบคร่าวๆ ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นๆอย่าง พนักงาน ภาษี น้ำไฟ แล้วก็ยังไม่รวม กำไรเพิ่มจากส่วนที่มูลค่าโครงการขึ้นจากที่ยังไม่ได้ขาย
ตัวเลข
*ค่าก่อสร้างจาก http://www.prebuilt.co.th/home/1_tempo.html
**ค่าที่ในงบจะมีที่ดินรอการพัฒนาเหลือตัดมาจากโครงการร่วมฤดี 60ตรว. มูลค่า19ล้าน ตกวาละ 3 แสนกว่า
โครงการสองคือ The Tempo2 อยู่ตรงพหล2 79 unit 300 กว่าตารางวา
ไม่ไกลกันมี Prom condo เปิดขายอยู่ ของพรอมมี 122 unit ตอนนี้เหลือประมาณ 10 unit
แต่ทำเลของ Tempo2 ดีกว่าตรงที่ใกล้รถไฟฟ้าเป็นระยะเดิน ไม่ได้อยู่ลึกเข้าซอยไปอีก
สมการเดิม
มูลค่าโครงการ - ค่าก่อสร้าง - ค่าที่ = กำไรขั้นต้น
370 - *156 - **71.5 = 142 ล้าน
*ค่าก่อสร้างอันนี้ยังไม่ออกเลยใช้ตัวเลขเดิมไปก่อนเวลาออกค่อยมาเปลี่ยน
**ค่าที่ดินจากงบ Buildland หน้า 7 ตรงส่วนเงินมัดจำค่าที่ดิน
คอนโด Tempo 3 กำลังหาที่อยู่
โดยในส่วนสร้างนี้ Preb มีแผนที่จะทำอสังหาของตัวเองปีละประมาณ 1000 ล้านบาท ลองดูได้จากข่าวใน 100คน100หุ้น
ผมลองประมาณกำไรของคอนโด + กำไรของรับเหมา เทียบกับ mkt cap ปัจจุบัน 600 กว่าล้าน และนโยบายปันผลดู จากดูvdoประชุมผถห Preb จะปันผล 50% ของกำไรครับ
ที่คิดว่ามีสิทธิฮิตในอนาคตเพราะว่าปัจจุบันในงบ Preb ยังเป็นส่วนของรับเหมาอยู่ และส่วนของที่เป็นพัฒนาที่ดินน่าจะเข้ามาตั้งแต่ Q4 ปีนี้เป็นต้นไป
ธุรกิจของบริษัท มี 3 อย่างคือ งานรับเหมา , แผ่นพื้นสำเร็จรูป, แล้วก็ ทำคอนโดขายเอง ผู้บรืหารหลักคือคุณวิโรจน์ และคุณชัยรัตน์ ซึ่งคุณชัยรัตน์ อยู่กับ AP ตั้งแต่วันแรกที่บริษัทAPก่อตั้ง
1) งานรับเหมา: ในอดีตเน้นรับงานบ้านและทาวเฮ้าส์ของบริษัทแม่ AP ซึ่งได้มาร์จิ้นไม่ดี ทำให้มีผลการดำเนินงานแย่มาตลอด
บริษัทจึงได้มีการปรับเปลี่ยนหันไปรับงานก่อสร้างอาคารสำนักงาน อาคารโรงงาน และ คอนโดมิเนี่ยมแทน โดยมาจากหลายบริษัทเช่นในเครือ TCC, SC etc.
ถ้าดูปริมาณงานที่รับของ AP สอดคล้องกับผลการดำเนินงานจะเห็นภาพชัดขึ้น
ปี 2550 บ. ลดรับงานAP เหลือประมาณ 9%
ปี 2551 เหลือ 0.7%
ปัจจุบัน บ. ไม่มีงานของ AP เลย
ในส่วนของรับเหมา
จุดเด่นของ Preb คือเป็นบริษัทรับเหมาที่ใช้ Technology แบบ Pre-cast (คล้ายๆกับที่ PS, LPN ใช้ก่อสร้าง)
บริษัทสามารถรับงานได้full capacity ประมาณ 3000 ล้าน ปัจจุบัน มีbacklog ประมาณ 2,600 ล้านบาท
โดยทั่วไปบ.รับเหมาประเด็นทีน่าสนใจ คือ margin มากกว่ารายได้
ในเรื่องของ margin ตาม sence ผมเข้าใจว่าแปรผันตรงกับงานคือ ถ้างานน้อย marginก็จะต่ำ
เวลาไม่มีอะไรกิน แม้แต่เศษเนื้อก็ต้องเอาไว้ก่อน
แต่ถ้างานเยอะเกินรับไหวก็ต้องเอาเน้นๆ
เวลาไปกิน Buffett คงไม่มีใครมานั่งแทะกระดูก
ยิ่ง บ. ใกล้ full capcity งานที่จะรับก็ควรเลือกที่ margin สูงๆไว้ก่อน
ตอนนี้ ถ้าดูจากการเติบโตของโครงการอสังหาในปัจจุบัน มีการเติบโตเป็นอย่างมาก ผู้รับเหมาเป็นต้นน้ำจึงมีส่วนได้อานิสงไปด้วย
ในตอนหลังบ. ได้ออก บ. ลูก Buildland ขึ้นมาเพื่อทำคอนโดขายเอง โดย Buildland ก็ได้จ้าง Preb ก่อสร้าง
ในส่วนของรับเหมา ดีตรงที่ว่าโครงการแต่ละโครงการเป็นเงินคนอื่น และฐานรายได้ใหญ่
ส่วนของการขายแผ่นพื้น
บ. ทำแผ่นพื้นคอนกรีต,เสารูปตัว I, คอนกรีตเสริมใยหิน ซึ่งโดยปกติเทคโนโลยีการผลิตไม่ซับซ้อน ทำให้มีการแข่งขันด้านราคา
ในระยะหลังบ. ทำคอนโดขายเอง อาจเป็นการเอื้อประโยชน์ในเรื่องของต้นทุนมากขึ้น แต่คิดว่าไม่น่ามีนัยยะอะไรมากนัก
ส่วนของการทำคอนโดขายเอง
ผมว่าอันนี้น่าจะเป็นตัวที่น่าสนใจในหุ้น preb และน่าจะเป็นตัว contribute profit หลัก ให้ Preb ในอนาคต
โครงการแรกคือ The Tempo อยู่ตรงเพลินจิต ซอยร่วมฤดี 79 ยูนิต ประมาณ 240.5 ตรว.
บริษัทตั้งใจเก็บไว้ประมาณ 10 ห้องเพื่อ mark margin ขายสูงขึ้น ตามการเพิ่มขึ้นของมูลค่า ที่เหลือบริษัทขายหมดภายในวันเดียว โดยที่ยังไม่ได้สร้างห้องตัวอย่าง โดยมูลค่าโครงการของ Tempo1 ก็ได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ทำให้โอกาสที่คนจองซื้อไปตอนแรกจะทิ้งเงินจองต่ำ หากไม่มีเงินมาซื้อจริงๆเอาไปขายต่อยังได้กำไร ( ดูความคืบหน้า ได้ที่ websitehttp://www.tempocondo.com/news.php )
ผมก็มานั่งลองหาประเมินกำไร รายได้ - รายจ่าย คร่าวๆดู
มูลค่าโครงการ - *ค่าก่อสร้าง - **ค่าที่ = กำไรขั้นต้น
350 - 156 - 76 = 118 ล้าน
หมายเหตุ อันนี้เป็นการคิดกำไรขั้นต้นของคอนโด1 แบบคร่าวๆ ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นๆอย่าง พนักงาน ภาษี น้ำไฟ แล้วก็ยังไม่รวม กำไรเพิ่มจากส่วนที่มูลค่าโครงการขึ้นจากที่ยังไม่ได้ขาย
ตัวเลข
*ค่าก่อสร้างจาก http://www.prebuilt.co.th/home/1_tempo.html
**ค่าที่ในงบจะมีที่ดินรอการพัฒนาเหลือตัดมาจากโครงการร่วมฤดี 60ตรว. มูลค่า19ล้าน ตกวาละ 3 แสนกว่า
โครงการสองคือ The Tempo2 อยู่ตรงพหล2 79 unit 300 กว่าตารางวา
ไม่ไกลกันมี Prom condo เปิดขายอยู่ ของพรอมมี 122 unit ตอนนี้เหลือประมาณ 10 unit
แต่ทำเลของ Tempo2 ดีกว่าตรงที่ใกล้รถไฟฟ้าเป็นระยะเดิน ไม่ได้อยู่ลึกเข้าซอยไปอีก
สมการเดิม
มูลค่าโครงการ - ค่าก่อสร้าง - ค่าที่ = กำไรขั้นต้น
370 - *156 - **71.5 = 142 ล้าน
*ค่าก่อสร้างอันนี้ยังไม่ออกเลยใช้ตัวเลขเดิมไปก่อนเวลาออกค่อยมาเปลี่ยน
**ค่าที่ดินจากงบ Buildland หน้า 7 ตรงส่วนเงินมัดจำค่าที่ดิน
คอนโด Tempo 3 กำลังหาที่อยู่
โดยในส่วนสร้างนี้ Preb มีแผนที่จะทำอสังหาของตัวเองปีละประมาณ 1000 ล้านบาท ลองดูได้จากข่าวใน 100คน100หุ้น
ผมลองประมาณกำไรของคอนโด + กำไรของรับเหมา เทียบกับ mkt cap ปัจจุบัน 600 กว่าล้าน และนโยบายปันผลดู จากดูvdoประชุมผถห Preb จะปันผล 50% ของกำไรครับ
ที่คิดว่ามีสิทธิฮิตในอนาคตเพราะว่าปัจจุบันในงบ Preb ยังเป็นส่วนของรับเหมาอยู่ และส่วนของที่เป็นพัฒนาที่ดินน่าจะเข้ามาตั้งแต่ Q4 ปีนี้เป็นต้นไป
อยากสูงต้องเขย่ง อยากเก่งต้องขยัน
- << New >>
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1145
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นยอดฮิตของThaivi ในอนาคต
โพสต์ที่ 9
[quote="akekarat"]หุ้นดีในใจเรา กับหุ้นยอดฮิตใน TVI มันแตกต่างกันนะครับ
ในพอร์ตผมทั้งพอร์ตไม่มีหุ้นยอดฮิตใน TVI ซักตัว เว้นหุ้นนางฟ้าตกสวรรค์ตัวเดียว
แต่ตอนนี้เธอ comeback มาแรงกว่าเก่าแล้วล่ะ
ในพอร์ตผมทั้งพอร์ตไม่มีหุ้นยอดฮิตใน TVI ซักตัว เว้นหุ้นนางฟ้าตกสวรรค์ตัวเดียว
แต่ตอนนี้เธอ comeback มาแรงกว่าเก่าแล้วล่ะ
อยากสูงต้องเขย่ง อยากเก่งต้องขยัน
- wpong
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1336
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นยอดฮิตของThaivi ในอนาคต
โพสต์ที่ 12
ขออนุญาติ Comment ต่ออีกนิดนะครับ
ของ PREB ได้ประมาณ 34%
ที่ Gross Margin 40% ส่วนใหญทำ Net Profit Margin ได้ประมาณ 15-20 % ของ PREB จะได้ประมาณเท่าไหร่ครับ
สมมติว่าคอนโดที่สร้างใช้เวลา 3 ปีสร้างเสร็จ ก็ เวลาทำ Forward PE ก็ลองประมาณดูว่าแต่ละปีได้ PE เท่าไหร่
ผมไม่ได้บอกว่าไม่ดีนะครับ เพียงแต่จะ Share วิธีคิดด้วยคนครับ
ปกติ Condo เขาทำ Gross Margin ได้กันประมาณ 40%มูลค่าโครงการ - *ค่าก่อสร้าง - **ค่าที่ = กำไรขั้นต้น
350 - 156 - 76 = 118 ล้าน
ของ PREB ได้ประมาณ 34%
ที่ Gross Margin 40% ส่วนใหญทำ Net Profit Margin ได้ประมาณ 15-20 % ของ PREB จะได้ประมาณเท่าไหร่ครับ
สมมติว่าคอนโดที่สร้างใช้เวลา 3 ปีสร้างเสร็จ ก็ เวลาทำ Forward PE ก็ลองประมาณดูว่าแต่ละปีได้ PE เท่าไหร่
ผมไม่ได้บอกว่าไม่ดีนะครับ เพียงแต่จะ Share วิธีคิดด้วยคนครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1230
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นยอดฮิตของThaivi ในอนาคต
โพสต์ที่ 14
ปัจจุบัน ผมว่า full capacity ที่รับงานได้ ประมาณ 4000-5000ล้านบาท ไม่ใช่แค่ 3000 ลบ ยังไง ไว้ sure เมื่อไร จะมา confirm ให้ครับ<< New >> เขียน: บริษัทสามารถรับงานได้full capacity ประมาณ 3000 ล้าน ปัจจุบัน มีbacklog ประมาณ 2,600 ล้านบาท
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นยอดฮิตของThaivi ในอนาคต
โพสต์ที่ 18
MKR ( MK Restaurant )
:lol:
:lol:
ลงทุนเพื่อชีวิต
- SEHJU
- Verified User
- โพสต์: 1238
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นยอดฮิตของThaivi ในอนาคต
โพสต์ที่ 19
ปัจจุบัน ผมว่า full capacity ที่รับงานได้ ประมาณ 4000-5000ล้านบาท ไม่ใช่แค่ 3000 ลบกาละมัง เขียน:<< New >> เขียน: บริษัทสามารถรับงานได้full capacity ประมาณ 3000 ล้าน ปัจจุบัน มีbacklog ประมาณ 2,600 ล้านบาท
- picklife
- Verified User
- โพสต์: 2565
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นยอดฮิตของThaivi ในอนาคต
โพสต์ที่ 20
[quote="akekarat"]หุ้นดีในใจเรา กับหุ้นยอดฮิตใน TVI มันแตกต่างกันนะครับ
ในพอร์ตผมทั้งพอร์ตไม่มีหุ้นยอดฮิตใน TVI ซักตัว เว้นหุ้นนางฟ้าตกสวรรค์ตัวเดียว
แต่ตอนนี้เธอ comeback มาแรงกว่าเก่าแล้วล่ะ
ในพอร์ตผมทั้งพอร์ตไม่มีหุ้นยอดฮิตใน TVI ซักตัว เว้นหุ้นนางฟ้าตกสวรรค์ตัวเดียว
แต่ตอนนี้เธอ comeback มาแรงกว่าเก่าแล้วล่ะ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
- yodfah
- Verified User
- โพสต์: 124
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นยอดฮิตของThaivi ในอนาคต
โพสต์ที่ 22
ผมชอบบริษัทนี้มากเลย สร้างสรรดีthaloengsak เขียน:MKR ( MK Restaurant )
:lol:
แต่ต้องเอางบการเงินมานั่งกางดูก่อนว่าไปได้ขนาดไหน
- ลูกพ่อขุนเม็งราย
- Verified User
- โพสต์: 178
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นยอดฮิตของThaivi ในอนาคต
โพสต์ที่ 24
แล้วคุณ SEHJU คิดว่าหุ้นกลุ่มไหนที่เข้าข่าย วัฏจักร เทิร์นอะราวด์ โกรท บ้างหล่ะครับSEHJU เขียน:ตอบเป็นตัวหุ้นก็คงไม่รู้อ่ะ แต่ผมมองว่ามันจะเป็นหุ้นในกลุ่มพวก วัฏจักร เทิร์นอะราวด์ แล้ว โกรท ครับ...
ผมว่ามันเป็นเทรนด์ที่นักลงทุนมาสนใจกันมากขึ้นเพราะให้ผลตอบแทนดี แต่ทั้งสามประเภทนั้นก็เล่นยากและต้องใช้ฝีมือเยอะทีเดียว..
ไม่ต้องบอกเป็นตัวก็ได้ครับ เอาเป็นกลุ่มก็พอ ขอบคุณครับ
หุ้นดีคือหุ้นที่ซื้อแล้วกำไร
กำไรน้อยหรือมากไม่สำคัญ เท่ากับคำว่า "อย่าปล่อยกำไรให้กลายเป็นขาดทุน"
www.facebook.com/theptangnai
- Joga Bonito
- Verified User
- โพสต์: 278
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นยอดฮิตของThaivi ในอนาคต
โพสต์ที่ 27
1. พวก หุ้น super stock ที่ แพงๆ Growth เยอะๆ
วันนี้ฮิตยังไง อีกสามสี่ปี คงยังฮิตไม่เลิก
BGH CPALL CPN
ปล. มีหมดเลย :lol:
2. พวกหุ้น ที่มี turning point ในอีกสองสามปีข้างหน้า
GLOW, HEMRAJ, PREB
ถ้าสถานกาารณ์ เป็นไปตามคาด ทำกำไรโต ได้อย่างที่คิด
ราคา ก็คงไม่หนี จากที่คำนวณ ตอนนั้น คงได้ดี๊ด๊ากันใหญ่
วันนี้ฮิตยังไง อีกสามสี่ปี คงยังฮิตไม่เลิก
BGH CPALL CPN
ปล. มีหมดเลย :lol:
2. พวกหุ้น ที่มี turning point ในอีกสองสามปีข้างหน้า
GLOW, HEMRAJ, PREB
ถ้าสถานกาารณ์ เป็นไปตามคาด ทำกำไรโต ได้อย่างที่คิด
ราคา ก็คงไม่หนี จากที่คำนวณ ตอนนั้น คงได้ดี๊ด๊ากันใหญ่
-
- Verified User
- โพสต์: 61
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นยอดฮิตของThaivi ในอนาคต
โพสต์ที่ 28
ผมว่าไม่น่าจะนะครับ ตอนนี้ไทยเองก็มีคู่แข่งที่น่ากลัวอย่างเวียตนาม ที่รัฐบาลเขาส่งเสริมเรื่องนี้อย่างจริงจังน่ะครับKriangL เขียน:หุ้นเกี่ยวกับข้าว???
ไทยเองพยายามชูจุดขายเรื่องข้าวหอมมะลิ แต่เวลาต่างชาติเขาทานข้าว ผมว่าเขาแยกไม่ได้อ่ะครับ ว่าอะไรคือ rice อะไรคือ jasmin rice
ในอนาคตคงอาจต้องนำเข้าข้าวแทนครับ
ผมยังมองอุตสาหกรรมด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมครับ หวังว่าซักวันจะมีกฏหมายที่เข้มงวดในเรื่องนี้ออกมาจริงๆครับ
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
หุ้นยอดฮิตของThaivi ในอนาคต
โพสต์ที่ 29
3 ประเด็นครับ... จากใกล้ ไปหาไกล
1. กิจการที่ได้ประโยชน์จากมาตรฐานบัญชีใหม่ที่จะบังคับใช้ในปีหน้าครับ...
เรื่องบัญชีนี่เป็นเรื่องที่ขนาดนักลงทุนที่มีประสบการณ์บางทียังส่ายหน้า บอกว่า "ไอไม่เข้าใจ" เลยครับ...
ดังนั้น กว่าตลาดจะเข้าใจมาตรฐานบัญชีใหม่ได้อาจจะใช้เวลาเป็น ปีๆ ...
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงคิดว่า ใครทำความเข้าใจได้ก่อน ได้เปรียบครับ...
2. กิจการที่ได้ประโยชน์จาก FTA ที่นับว่า FTA จะมายิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ...
ผม เคยเรียน เศรษฐศาตร์มา ทฤษฎีการค้าระหว่างประเทศ (ถ้าจำไม่ผิด) บอกว่าผลกระทบระหว่าง FTA กับปริมาณการค้าระหว่างประเทศ มีความสัมพันธ์ที่ยิ่งกว่า exponential function ถ้าภาษา Computer น่าจะเป็น Big O n กำลัง n เพราะว่า ความสัมพันธ์การค้าระหว่างประเทศมันเป็นแบบ Star ดังนั้นเมื่อมีประเทศหนึ่งเข้ามาอยู่ใน FTA จำนวนการค้าจะเพิ่มขึ้นเท่ากับ n x (n+1)
ผล จาก FTA และ Inter Trade ที่ดีขึ้น ก็จะำทำให้ประสิทธิภาพของการจัดทรัพยากรดียิ่งขึ้น และเราก็จะใช้ของได้ถูกลง... สุดท้าย ใครตามคนอื่นไม่ทันก็ตาย ใครเก่งกว่าก็จะยิ่งเก่งขึ้นไปเรื่อยๆ
แต่ที่แน่ๆ ผมเชื่อว่า FTA ทำให้ Logistic ดีแน่ๆ ... พี่ KIAT ถึงได้แปลงร่างจากรถสิบล้อ กลายเป็นจรวดได้...
3. Trend ของโลกในการเข้าสู่ยุค Ubiquitous Society
มาลองดู นิยามของ Ubiquitous Society กันก่อน
"ยู บิควิตัสเทคโนโลยี (Ubiquitous technology) สังคมยูบิควิตัส (Ubiquitous society) หรือ ยูบิคอมบ์ (Ubicomp) เป็นทำให้เกิดสภาพแวดล้อมของการสื่อสารใหม่และเป็นแนวโน้มของสังคมสารสนเทศ ยูบิควิตัส เป็นภาษาลาติน มีความหมายว่า อยู่ในทุกแห่ง หรือ มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง มาร์ค ไวเซอร์ (Mark Weiser) แห่งศูนย์วิจัย Palo Alto ของบริษัท Xerox ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ให้คำนิยาม "ยูบิควิตัสคอมพิวติง" ไว้ว่า เราสามารถเข้าถึงคอมพิวเตอร์ได้ทุกหนทุกแห่ง-สภาพแวดล้อมที่สามารถใช้ คอมพิวเตอร์เชื่อมต่อกับเครือข่าย ไม่ว่าจะอยู่ในที่แห่งใด
จุดเด่นของยูบิควิตัส ได้แก่
1. การเชื่อมต่อกับเครือข่ายไม่ว่าผู้ใช้งาน จะเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ต่างๆ
2. การ สร้างสภาพการใช้งานโดยผู้ใช้ไม่รู้สึกว่ากำลังใช้คอมพิวเตอร์อยู่
3. การให้บริการที่สามารถเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ทั้ง สถานที่ อุปกรณ์ ปัจจัยทางกายภาพอื่นๆ "
ที่มา http://www.hrtothai.com/index.php?Itemi ... &task=view
gadget ต่างๆ ที่ออกมาในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น iPad หรือ Smart Phone ต่างๆ เป็นแค่จุดเริ่มต้นของยุคนี้เท่านั้นนะครับ... ผมเชื่อว่า เมื่อมือถือเข้าสู่ยุค 4G แบบเต็มรูปแบบ เมื่อนั้น Infrastructure ของยูบิคอมบ์ก็จะถือว่าครบองค์ ทีนี้ สนุกครับ... มันอาจจะเป็นตัวแบ่งสังคมแบบยุคเก่า กับยุคใหม่ออกจากกันไปโดยสิ้นเชิง... ใครเห็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Gadget เหล่านี้ หรือ Lifestyle ที่เปลี่ยนไปเหล่านี้ ผมว่ารีบๆ ซื้อได้เลยนะครับ... ผมเชื่อว่าเรามีเวลาแค่ 5 ปี เท่านั้นครับ ในการเข้าสู่ยุค ยูบิคอมบ์
ไม่ เชื่อก็ลองจินตนาการย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อนหน้าดูสิครับ... 2 ปีที่แล้ว เรายังไม่มี Android เน็ตเราช้ากว่านี้ 5 เท่า ถ้าจำไม่ผิดคนใช้ BB ยังจำกัดอยู่ในวงแคบๆ Facebook นี่วันๆ นึงมีคน update กันน้อยมาก...
แต่ลองดูวันนี้สิครับ แล้วจินตการออกไปสัก 5 ปี...
1. กิจการที่ได้ประโยชน์จากมาตรฐานบัญชีใหม่ที่จะบังคับใช้ในปีหน้าครับ...
เรื่องบัญชีนี่เป็นเรื่องที่ขนาดนักลงทุนที่มีประสบการณ์บางทียังส่ายหน้า บอกว่า "ไอไม่เข้าใจ" เลยครับ...
ดังนั้น กว่าตลาดจะเข้าใจมาตรฐานบัญชีใหม่ได้อาจจะใช้เวลาเป็น ปีๆ ...
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงคิดว่า ใครทำความเข้าใจได้ก่อน ได้เปรียบครับ...
2. กิจการที่ได้ประโยชน์จาก FTA ที่นับว่า FTA จะมายิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ...
ผม เคยเรียน เศรษฐศาตร์มา ทฤษฎีการค้าระหว่างประเทศ (ถ้าจำไม่ผิด) บอกว่าผลกระทบระหว่าง FTA กับปริมาณการค้าระหว่างประเทศ มีความสัมพันธ์ที่ยิ่งกว่า exponential function ถ้าภาษา Computer น่าจะเป็น Big O n กำลัง n เพราะว่า ความสัมพันธ์การค้าระหว่างประเทศมันเป็นแบบ Star ดังนั้นเมื่อมีประเทศหนึ่งเข้ามาอยู่ใน FTA จำนวนการค้าจะเพิ่มขึ้นเท่ากับ n x (n+1)
ผล จาก FTA และ Inter Trade ที่ดีขึ้น ก็จะำทำให้ประสิทธิภาพของการจัดทรัพยากรดียิ่งขึ้น และเราก็จะใช้ของได้ถูกลง... สุดท้าย ใครตามคนอื่นไม่ทันก็ตาย ใครเก่งกว่าก็จะยิ่งเก่งขึ้นไปเรื่อยๆ
แต่ที่แน่ๆ ผมเชื่อว่า FTA ทำให้ Logistic ดีแน่ๆ ... พี่ KIAT ถึงได้แปลงร่างจากรถสิบล้อ กลายเป็นจรวดได้...
3. Trend ของโลกในการเข้าสู่ยุค Ubiquitous Society
มาลองดู นิยามของ Ubiquitous Society กันก่อน
"ยู บิควิตัสเทคโนโลยี (Ubiquitous technology) สังคมยูบิควิตัส (Ubiquitous society) หรือ ยูบิคอมบ์ (Ubicomp) เป็นทำให้เกิดสภาพแวดล้อมของการสื่อสารใหม่และเป็นแนวโน้มของสังคมสารสนเทศ ยูบิควิตัส เป็นภาษาลาติน มีความหมายว่า อยู่ในทุกแห่ง หรือ มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง มาร์ค ไวเซอร์ (Mark Weiser) แห่งศูนย์วิจัย Palo Alto ของบริษัท Xerox ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ให้คำนิยาม "ยูบิควิตัสคอมพิวติง" ไว้ว่า เราสามารถเข้าถึงคอมพิวเตอร์ได้ทุกหนทุกแห่ง-สภาพแวดล้อมที่สามารถใช้ คอมพิวเตอร์เชื่อมต่อกับเครือข่าย ไม่ว่าจะอยู่ในที่แห่งใด
จุดเด่นของยูบิควิตัส ได้แก่
1. การเชื่อมต่อกับเครือข่ายไม่ว่าผู้ใช้งาน จะเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ต่างๆ
2. การ สร้างสภาพการใช้งานโดยผู้ใช้ไม่รู้สึกว่ากำลังใช้คอมพิวเตอร์อยู่
3. การให้บริการที่สามารถเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ทั้ง สถานที่ อุปกรณ์ ปัจจัยทางกายภาพอื่นๆ "
ที่มา http://www.hrtothai.com/index.php?Itemi ... &task=view
gadget ต่างๆ ที่ออกมาในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น iPad หรือ Smart Phone ต่างๆ เป็นแค่จุดเริ่มต้นของยุคนี้เท่านั้นนะครับ... ผมเชื่อว่า เมื่อมือถือเข้าสู่ยุค 4G แบบเต็มรูปแบบ เมื่อนั้น Infrastructure ของยูบิคอมบ์ก็จะถือว่าครบองค์ ทีนี้ สนุกครับ... มันอาจจะเป็นตัวแบ่งสังคมแบบยุคเก่า กับยุคใหม่ออกจากกันไปโดยสิ้นเชิง... ใครเห็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Gadget เหล่านี้ หรือ Lifestyle ที่เปลี่ยนไปเหล่านี้ ผมว่ารีบๆ ซื้อได้เลยนะครับ... ผมเชื่อว่าเรามีเวลาแค่ 5 ปี เท่านั้นครับ ในการเข้าสู่ยุค ยูบิคอมบ์
ไม่ เชื่อก็ลองจินตนาการย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อนหน้าดูสิครับ... 2 ปีที่แล้ว เรายังไม่มี Android เน็ตเราช้ากว่านี้ 5 เท่า ถ้าจำไม่ผิดคนใช้ BB ยังจำกัดอยู่ในวงแคบๆ Facebook นี่วันๆ นึงมีคน update กันน้อยมาก...
แต่ลองดูวันนี้สิครับ แล้วจินตการออกไปสัก 5 ปี...