ผมเห็นหลายคนที่ "ตอนนี้กำลังรุ่ง" มักจะ "กร่าง!!" นึกว่า "กูนี่แน่ที่สุด เก่งที่สุด" ..แต่ท้ายสุด "---แป๊ก!!ในเวลาต่อมา..กลายเป็น คน "เจียมเจี้ยม" สงบปากสงบคำ Low Profile (มีตัวอย่างให้เห็นมากมายทั้งคนใกล้ตัว ไกลตัว) ..จริงๆชีวิตคนเรา มัน "ยาวนาน" ไม่มีใครหรอกครับ "รุ่งตลอดเวลา" ดังนั้น มันไม่ฉลาดเลย ที่เราจะ ไปสร้างศัตรู หรือ ทำให้คนอื่นหมั่นไส้ (อย่างบางคน พอได้ เลื่อนเป็นหัวหน้า หรือ ผู้จัดการ ก็วางท่า สั่งแหลก พอตนหลัง "แป๊ก!!" ไม่มีใครเหลียแล เลย)
เด็กวัยรุ่น สมัยนี้ จะต่างจาก วัยรุ่นสมัยก่อน เพราะแต่ละคน "มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง"..ไม่ใช่--ไม่ดี แต่ต้องระวังนั่นเอง!! --ในปัจจุบัน คนส่วนใหญ่พยายามส่งลูกหลานให้เรียนสูงๆ แต่ปรากฏว่า "ตลาดแรงงาน" ในบ้านเรา มันยังพัฒนาไม่ทันถึง "ความสามารถของคุณ" จุดนี้มันทำให้ เด็กรุ่นใหม่ Over Qualify ใน "ตำแหน่งงาน" --นี่แหละปัญหาเลย!! คือ อย่างแรก พอ "งาน" มันไม่เป็นอย่างที่เราคิด --เรียน ปริญญาโท มานั่ง พิมพ์คัดลอกเอกสาร ก็ทำให้ "จิตตก" ..พอเสนอไอเดียให้ "นาย" เขาก็หาว่า "ไอ้เด็กคนนี้ ไม่รู้กาลเทศะ" ท้ายสุดเลย "ต้องเปลี่ยนงานไปเรื่อยๆ" ..ผมว่า "จุดนี้มันคือปัญหานะ" เพราะการเปลี่ยนงานไปเรื่อยๆ มันเป็นการ Block ไม่ให้คุณขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น เพราะ "ตำแหน่งสูงๆเหล่านั้น ในเมืองไทยมัก "ไม่ได้เน้น ความรู้มากนัก (Know How)" แต่จะเน้นที่ "ความไว้วางใจมากว่า(Know Who)" นั่นหมายถึง "จุดขัดแย้งระหว่าง เด็กจบใหม่ กับ งานที่มีอยู่"
ผมว่าทางแก้ มันต้องแก้ที่ตัว "เด็กเอง" เพราะวันนี้ต้องยอมรับว่า "ไม่ว่าคุณจะเก่งแค่ไหน คุณก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง กิจการที่เน้น Know Who ได้..ทางออกคือ คุณ ต้องเปลี่ยนที่ตัวคุณเอง!!"... ผมว่าแทนที่เราจะกลายเป็น Grasshopper Generation ตาม Trend ที่เกิดคือ เปลี่ยนงานจน(กลายเป็นคนจับฉ่าย)ไร้แก่นสาร ...ให้เราไปเลือกทำงานที่ ไม่ตรงกับสายอาชีพแทน หรือ ไม่ก็ไปทำงานในประเทศอื่น อย่าง พม่า ลาว จีน
..(ข้อดี) คือ เมื่อเราทำงานในสภาวะที่เรา "รู้น้อย" จะส่งผลให้เรา "เปิดตัวเอง สำหรับการเรียนรู้ที่มากขึ้น" อย่างแรกมันทำให้คุณเป็นคน Open Mind ขึ้นมาทันที เพราะแท้จริงแล้ว งานส่วนใหญ่ มันไม่ได้อยู่ที่ว่า คุณเก่งในเชิงวิชาการเท่าไหร่ ..ชีวิตจริงมันอยู่กับ Commonsense และ การติดต่อกับ"คน"มากกว่า ดังนั้น การ Open mind จึงจะเป็นทางออกของคนรุ่นใหม่ รวมทั้ง สร้างให้เรามีมุมมองที่กว้างและหลากหลาย เป็นการเตรียมความพร้อมของ "โลกธุรกิจในอนาคต" ที่ Sector ต่างๆ จะ merge รวมกัน อย่าง 7-11 มาแข่งกับ ธนาคาร , บริษัทน้ำมัน มาแข่งกับ Shopping Strip อย่าง Siam Future, ธนาคารมาแข่งกับ ธุรกิจประกัน
ดังนั้น โอกาสของ ผู้นำในอนาคตคือ คนที่สามารถคิด นอกกรอบ สร้าง Cross Innovation ใช้มุมมองแบบ "สหวิทยาการ" สามารถผสมผสาน องค์ความรู้ที่ต่างกัน ให้เป็นองค์ความรู้ที่ใช้ด้วยกันได้ ..ใช่แล้ว!! ผมกำลังหมายถึง ผู้บริหาร PTT ที่กำลังวางแผน ศูนย์น้ำมันและ Shopping ครบวงจร แข่งกับ Central ..ในขณะที่ Tesco เข้ามาแข่งขัน "ขายปลีกน้ำมัน" เหมือนที่กำลังเกิดขึ้นในออสเตรเลีย
... ผมถามว่า "คุณพร้อมไหม กับตลาดแรงงานในอนาคต หรือ คุณ กำลังเดินสู่อนาคต ด้วยแนวคิดเก่าๆ แล้วตกยุคไปพร้อมกับ "คนส่วนใหญ่" ที่ปรับตัวไม่ทัน!!"
เขียนโดย pawawit ที่ http://pawawit.blogspot.com