มีเงิน 10000 บาท เปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ไปยังครับ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mactavish
Verified User
โพสต์: 87
ผู้ติดตาม: 0

มีเงิน 10000 บาท เปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ไปยังครับ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

แล้วถ้าได้ควรจะเปิดกับที่ไหนดีครับ
ขอบคุณมากครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
raiden
Verified User
โพสต์: 236
ผู้ติดตาม: 0

มีเงิน 10000 บาท เปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ไปยังครับ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

หวัดดีครับ
Captain Mactavish
คนดี คนเก่ง คนรวย คนกล้าหาญ เป็นกันได้ โดยใช้คีย์บอร์ด
ภาพประจำตัวสมาชิก
Packky
Verified User
โพสต์: 856
ผู้ติดตาม: 0

มีเงิน 10000 บาท เปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ไปยังครับ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

10000 เปิดได้ครับ แต่การเปิดพอร์ตซื้อขายมีหลายประเภท เช่น cash balance, credit balance เป็นต้น ต้องตรวจสอบรายละเอียดกับโบรกเกอร์อีกทีนะครับ

หลักการเลือกโบรกเกอร์
ในการลงทุนในตลาดทุน ทั้งตลาดหุ้นและอนุพันธ์  ผู้ลงทุนทุกคนน่าจะรู้จักบริษัทหลักทรัพย์ หรือที่มักเรียกกันว่าโบรกเกอร์ ซึ่งก็คือผู้ที่ให้บริการในการรับคำสั่งซื้อขายหุ้นจากผู้ลงทุน รวมไปถึงการรับชำระค่าหุ้น การส่งมอบ ไปจนสิ้นสุดกระบวนการ โดยคิดค่าบริการจากผู้ลงทุนเป็นค่าธรรมเนียม นอกจากนี้ยังมีบริการหลังการซื้อขาย โดยดูแลเรื่องเงินปันผล การจองซื้อหุ้นที่ออกใหม่ รวมถึงการวิเคราะห์หุ้น และให้ข้อมูลข่าวสารประกอบการตัดสินใจ
ในปัจจุบัน โบรกเกอร์ส่วนใหญ่มีบริการซื้อขายทั้งผ่านเจ้าหน้าที่การตลาดโดยตรงและซื้อขายด้วยตัวเองผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีสมาชิกทั้งสิ้น 39 โบรกเกอร์ ในจำนวนนั้นมีโบรกเกอร์ 33 ราย ที่ให้บริการซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตควบคู่กัน

สิ่งที่ควรพิจารณาในการสรรหาโบรกเกอร์คู่ใจในการซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ต  ผู้ลงทุนต้องพิจารณาเลือกผู้ที่มีความน่าเชื่อถือ ไว้ใจได้ ทั้งในแง่ของตัวบริษัท และเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการแก่ผู้ลงทุนโดยตรง ซึ่งนอกเหนือจากใบอนุญาตการประกอบธุรกิจการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ซึ่งได้รับจากสำนักงานก.ล.ต.แล้ว ผู้ลงทุนต้องพิจารณาในเรื่องสำคัญอื่น ๆ เช่น

1. ฐานะทางการเงินของบริษัท ดูว่าบริษัทมีฐานะการเงินที่มั่นคงน่าเชื่อถือหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้อาจตรวจเช็คได้จากงบการเงินของบริษัทว่ามีฐานะเป็นอย่างไร มั่นคงพอหรือไม่ การดำเนินงานมีกำไรขาดทุนเป็นอย่างไร มีการเตรียมการรองรับกรณีจำเป็นด้านการเงินไว้เพียงพอหรือไม่ เป็นต้น

2. ระบบการบริหารงาน ดูว่าระบบการบริหารเป็นอย่างไร คณะผู้บริหารควรเป็นผู้มีประสบการณ์และความรู้ในเรื่องธุรกิจหลักทรัพย์เป็นอย่างดี สังเกตเจ้าหน้าที่ที่ติดต่อด้วยว่าเขามีความรู้ ความชำนาญ มีเครื่องมือพร้อมที่จะให้บริการหรือไม่ รวมถึงระบบการปฏิบัติงานต้องได้มาตรฐานมีประสิทธิภาพ

3. ข้อมูลและเครื่องมือช่วยตัดสินใจลงทุน เนื่องจากการซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ต ผู้ลงทุนต้องศึกษาข้อมูลและตัดสินใจด้วยตนเองจากข้อมูลที่โบรกเกอร์บริการส่งให้ทางอีเมลหรือบนเว็บไซต์ ดังนั้นผู้ลงทุนควรพิจารณาในแง่ของความน่าเชื่อถือของบทวิเคราะห์ และความรวดเร็วในการจัดส่งข่าวสารข้อมูลต่างๆ ซึ่งผู้ลงทุนอาจลองอ่านบทวิเคราะห์เปรียบเทียบกับโบรกเกอร์อื่นๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจเลือกโบรกเกอร์

4.การให้บริการแก่ลูกค้า ทีมงานช่วยเหลือเมื่อลูกค้ามีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้งานระบบ รวมทั้งการให้บริการหลังการซื้อขายต่าง ๆ เช่น การชำระเงิน การโอนหุ้น ติดตามและดูแลผลประโยชน์ของลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ สิ่งเหล่านี้ ผู้ลงทุนควรพิจารณาให้ดี โดยอาจลองโทรถามเพื่อทราบเกี่ยวกับวิธีการแก้ปัญหาและการให้บริการของเจ้าหน้าที่แต่ละโบรกเกอร์เพื่อเปรียบเทียบระหว่างกัน

5.ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ ลองเปรียบเทียบว่าแต่ละโบรกเกอร์มีการคิดค่าธรรมเนียมขั้นต่ำแตกต่างกันอย่างไร คิดจากยอดแต่ละรายการหรือคิดจากยอดรวม ณ สิ้นวัน ซึ่งบางโบรกเกอร์อาจคิดค่าธรรมเนียมขั้นต่ำในอัตราที่สูงกว่าโบรกเกอร์อื่น แต่ก็ต้องพิจารณาถึงบริการต่างๆที่จัดให้ว่าเหมาะสมกับค่าธรรมเนียมหรือไม่

6.บริการเสริม ปัจจุบันโบรกเกอร์ที่ให้บริการซื้อหุ้นขายผ่านอินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่มักจะมีบริการซื้อขายผ่านมือถือหรือ PDA ควบคู่กันด้วย โดยใช้ User Name และ Password เดียวกันและไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ลงทุนที่ต้องเดินทางบ่อย ซึ่งผู้ลงทุนควรตรวจสอบข้อมูลดูว่ามีโบรกเกอร์ไหนให้บริการบ้าง เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสในการซื้อขาย

7. ความสะดวกสบายในการรับจ่ายเงินค่าหุ้น เนื่องจากโบรกเกอร์ในปัจจุบันมีการรับจ่ายเงินค่าหุ้นผ่านระบบตัดเงินอัตโนมัติที่เรียกว่า ATS เป็นส่วนใหญ่ (ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้ 1 เมษายน 2550) ผู้ลงทุนจึงควรหาข้อมูลว่าโบรกเกอร์นั้นๆใช้บริการธนาคารไหนอยู่บ้าง ผู้ลงทุนมีบัญชีกับธนาคารนั้นๆหรือไม่ เพื่อความสะดวกในการรับจ่ายเงินของตัวผู้ลงทุนเอง

หลังจากเลือกโบรกเกอร์ที่ถูกใจได้แล้ว ผู้ลงทุนสามารถเข้าไปลงทะเบียนในเว็บไซต์ของโบรกเกอร์นั้นๆ ในเว็บไซต์จะมี 2 เมนูย่อยคือ ทดลองใช้ฟรี (Free Trial) และในส่วนของการเปิดบัญชี (Open Account) ซึ่งถ้าเลือก Free Trial จะเป็นการทดลองใช้สามารถดูข้อมูลต่าง ๆ จากโปรแกรมได้แต่ยังไม่สามารถซื้อขายได้จริง ใช้ได้ในระยะเวลาที่กำหนด แต่ถ้าเลือกเมนู Open Account จะเป็นการเปิดบัญชีซื้อขายจริง ๆ จะต้องมีการส่งเอกสารยืนยันให้กับโบรกเกอร์ด้วย หากผู้ลงทุนต้องการเปิดบัญชี ผู้ลงทุนจะต้องกรอกรายละเอียดข้อมูลส่วนตัวต่างๆพร้อมตั้ง User Name & Password สำหรับเข้าใช้งาน ข้อมูลทั้งหมดจะถูกส่งไปยังเจ้าหน้าที่เพื่อใช้ในการติดต่อกลับ ซึ่งหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะจัดส่งเอกสารในการเปิดบัญชีกลับมา บางโบรกเกอร์ก็สามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มในการเปิดบัญชีจากเว็บไซต์ได้ด้วยตัวเอง ระหว่างรอการอนุมัติจากโบรกเกอร์ ผู้ลงทุนสามารถเข้าดูหน้าจอได้แต่ยังไม่สามารถส่งคำสั่งได้ เมื่อโบรกเกอร์ทำการเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์เรียบร้อยแล้ว จะมีจดหมายเแจ้งเลขที่บัญชี พร้อมทั้งรหัสผ่านสำหรับส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ (PIN) เพื่อใช้ในการซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ต

ผู้ลงทุนที่สนใจสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก www.settrade.com/itrade และสอบถามข้อสงสัยต่าง ๆ ได้ที่ S-E-T Call Center                0-2229-2222         0-2229-2222 หรืออีเมล [email protected]

ที่มา : http://edu.tsi-thailand.org/index.php?o ... mitstart=0
เพิ่มเติม
ลิงค์โบรกเกอร์ทั้งหมดครับ : http://www.settrade.com/S09_StaticRedir ... k/web2.htm
:8)  :8)  :8)
ภาพประจำตัวสมาชิก
picklife
Verified User
โพสต์: 2565
ผู้ติดตาม: 0

มีเงิน 10000 บาท เปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ไปยังครับ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

1หมื่น ผมว่าzmicoก็โอนะครับ ผมยังเคยมีเพื่อนเปิด5พันเลยครับ อิอิ
ส่วนบัญชีใช้แบบCashBalanceน่าจะเหมาะกับคนทุนน้อยครับ
ถ้าพอร์ทเกินแสนเมื่อไหร่ค่อยเล่นแบบcashครับ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
โพสต์โพสต์