CSR VS Externality
-
- Verified User
- โพสต์: 143
- ผู้ติดตาม: 0
CSR VS Externality
โพสต์ที่ 1
แนวทาง CSR (Corporate Social Responsibility) ที่ธุรกิจมักจะทำกันในปัจจุบัน กับ Externality ทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ นั้น มันคือหลักการและเหตุผลเดียวกันรึป่าวครับ แล้วมีใครพอจะทราบประวัติของ CSR บ้างครับว่า หน่วยธุรกิจ หรือ บริษัทไหน เริ่มต้นทำ (และเรียกว่าตัวเองทำ csr) เป็นเจ้าแรกครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 86
- ผู้ติดตาม: 0
CSR VS Externality
โพสต์ที่ 2
ถ้าพูดถึงเป้าหมายคือสังคม ก็คงได้ผลที่ไม่ต่างกัน เพราะสังคมได้ประโยชน์ แต่ได้ประโยชน์แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย หรือ สังคมได้ประโยชน์เป็นผลพลอยได้ คงดูได้จากแนวคิดการเริ่มที่แตกต่างกัน โดยถ้ามองไปที่ unit ที่เป็นรูปของบริษัท มึความแตกต่างกันมากครับ
ในเชิงของ CSR (Corporate Social Responsibility) แนวคิดนี้จะอยู่ในรูปของการตลาดเป็นหลัก ปฎิเสธไม่ได้คือ หนึ่งในเป้าหมายที่บริษัทบรรลุในเชิงการตลาดคือภาพลักษณ์ของบริษัทดี่ขึ้น (4P ตัว P- Promotion ในร่มเงาของ PR -- Public Relation) ซึ่งส่งผลทำให้ผู้บริโภครู้สึกดีขึ้น ว่านอกจากได้ซือของเพื่อไปอุปโภคและบริโภคแล้วยังได้ช่วยสังคมด้วยเนอะ (ผู้ซื้อและผู้ขายต่างอิ่มอกอิ่มใจ)
ส่วน externality ซึ่งเป็นได้ทั้งผลกระทบในแง่บวกหรือแง่ลบ มีหลักในการคิดเพื่อให้สังคมได้รับประโยชน์สูงสูด โดยที่บริษัทจะต้องละ กำไรสูงสุดออกไป social Cost มากกวา private Cost ซึ่งต้องมีการปรับตัว externaltiy ทำให้ระบบกลับมาสมดุลย์ จนกระทั่ง Social Benefit = Social Cost ซึ่งสังคมจะพยายามทำให้บรรลุ เช่น การออกกฎ regulation ต่างๆ อาทิโรงงานปล่อยน้ำเสียออกมา แน่นอนหากไม่มีเครื่องบำบัด ต้นทุนของสินค้าก็จะถูกลง ซึ่งรัฐออกจะออกมาตรฐานมาว่าห้ามปล่อยเกิด บริษัทก็ต้องมี cost ในการผลิตมากชึ้น นำไปสุ่ต้นทุนขายที่มากขึ้น (ละทิ้งเป้าหมายของบริษัทในการทำกำไรสูงสุด)
ฉะนั้นหากสรุปให้รวบรัด CSR จะเป็นในเชิง Marketing เพื่อสร้างภาพของบริษัทเสียมากกว่า ส่วน externality จะเน้นไปที่การสร้างสังคมที่สามารถอยู่ร่วมกันผ่านเครื่องมือที่หลากหลายมากกว่า
แต่ทั้งนี้ ก็ยังมีแนวคิดของบริษัทบางประเภทที่ตั้งขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการสร้างสังคมเป็นหลัก เกิดขึ้นในโลก นอกจากเป้าหมายของกำไรสูงสุด ซึ่งเรารู้จักกันในเรื่องของ Social Enterprise อาทิธนาคารกรามิน ของยุนุส ซึ่งได้รับรางวัลโนเบิล
แต่อย่างไรก็ตามแต่ จะ CSR , การออก regulation (Externality) หรือ Social Enterprise ต่างก็ทำให้สังคมดีขึ้น มากบ้างน้อยบ้าง แต่ก็ดีกว่าไม่มีคนคิด ไม่มีคนทำไม่ใช่หรือครับ
ในเชิงของ CSR (Corporate Social Responsibility) แนวคิดนี้จะอยู่ในรูปของการตลาดเป็นหลัก ปฎิเสธไม่ได้คือ หนึ่งในเป้าหมายที่บริษัทบรรลุในเชิงการตลาดคือภาพลักษณ์ของบริษัทดี่ขึ้น (4P ตัว P- Promotion ในร่มเงาของ PR -- Public Relation) ซึ่งส่งผลทำให้ผู้บริโภครู้สึกดีขึ้น ว่านอกจากได้ซือของเพื่อไปอุปโภคและบริโภคแล้วยังได้ช่วยสังคมด้วยเนอะ (ผู้ซื้อและผู้ขายต่างอิ่มอกอิ่มใจ)
ส่วน externality ซึ่งเป็นได้ทั้งผลกระทบในแง่บวกหรือแง่ลบ มีหลักในการคิดเพื่อให้สังคมได้รับประโยชน์สูงสูด โดยที่บริษัทจะต้องละ กำไรสูงสุดออกไป social Cost มากกวา private Cost ซึ่งต้องมีการปรับตัว externaltiy ทำให้ระบบกลับมาสมดุลย์ จนกระทั่ง Social Benefit = Social Cost ซึ่งสังคมจะพยายามทำให้บรรลุ เช่น การออกกฎ regulation ต่างๆ อาทิโรงงานปล่อยน้ำเสียออกมา แน่นอนหากไม่มีเครื่องบำบัด ต้นทุนของสินค้าก็จะถูกลง ซึ่งรัฐออกจะออกมาตรฐานมาว่าห้ามปล่อยเกิด บริษัทก็ต้องมี cost ในการผลิตมากชึ้น นำไปสุ่ต้นทุนขายที่มากขึ้น (ละทิ้งเป้าหมายของบริษัทในการทำกำไรสูงสุด)
ฉะนั้นหากสรุปให้รวบรัด CSR จะเป็นในเชิง Marketing เพื่อสร้างภาพของบริษัทเสียมากกว่า ส่วน externality จะเน้นไปที่การสร้างสังคมที่สามารถอยู่ร่วมกันผ่านเครื่องมือที่หลากหลายมากกว่า
แต่ทั้งนี้ ก็ยังมีแนวคิดของบริษัทบางประเภทที่ตั้งขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการสร้างสังคมเป็นหลัก เกิดขึ้นในโลก นอกจากเป้าหมายของกำไรสูงสุด ซึ่งเรารู้จักกันในเรื่องของ Social Enterprise อาทิธนาคารกรามิน ของยุนุส ซึ่งได้รับรางวัลโนเบิล
แต่อย่างไรก็ตามแต่ จะ CSR , การออก regulation (Externality) หรือ Social Enterprise ต่างก็ทำให้สังคมดีขึ้น มากบ้างน้อยบ้าง แต่ก็ดีกว่าไม่มีคนคิด ไม่มีคนทำไม่ใช่หรือครับ