++++++ออกมาเตือนน้องๆเกี่ยวกับการลงทุนครับ!!!!!!!!+++++++++
-
- Verified User
- โพสต์: 25
- ผู้ติดตาม: 0
++++++ออกมาเตือนน้องๆเกี่ยวกับการลงทุนครับ!!!!!!!!+++++++++
โพสต์ที่ 1
ถ้าจะลงทุนแล้วอยากให้เลือกลงทุนเอง เลือกบริษัทที่ดีที่เราเข้าใจและซื้อด้วยราคาที่สมเหตุสมผล ไม่ใช่ตามแห่นะครับ
คือว่า นักลงทุนบางคนอาจจะใช้ชื่อเสียงที่ตนมีอยู่เพื่อเข้าเก็บหุ้นก่อน โดยหุ้นที่เค้าเลือกไว้ อาจไม่ใช่ บริษัทที่สุดยอด คือ เป็นบริษัทกลางๆ ไม่ใช่ Greate Company แต่เป็นบริษัทที่มีจำนวนหุ้นอยู่น้อยๆๆ (มีหุ้นจดทะเบียนในตลาดน้อยๆ) หรือสภาพคล่องต่ำๆที่ไม่มีใครสนใจ
ขั้นตอน คือ
1.แอบเก็บหุ้นก่อน
2.เริ่มออกมาให้ข้อมูล (หรือเชียร์หุ้นนั่นเอง) จากชื่อเสียงที่ตนมีอยู่
3.ป่าวประกาศหรือบอกเพื่อนฝูงในกลุ่มสมาชิก ซึ่งในกลุ่มนักลงทุนเหล่านั้นมีขนาดเม็ดเงินที่ใหญ่มากๆ โดยสามารถชี้นำราคาหุ้นขนาดเล็กๆหรือขนาดกลางๆได้เลย
4.เริ่มช่วยกันวิเคราะห๋ โดยเอาปัจจัยพื้นฐานมาอ้างอิง เพื่อให้ดูมีเหตุผล
5.ต่อมาก้อเข้าสู่เฟสที่รายใหม่ๆเข้ามาติดกับ คือ อาจจะซื้อราคายอดดอย เพราะเริ่มมีคนสนใจมากขึ้นแล้ว หรือเป็นราคาที่ผู้ถือหุ้นแรกๆต้องการขายแล้ว เพราะราคา+สภาพคล่องพุ่งมาเยอะเหลือเกิน ซึ่งในภาวะปกติ บางทีอาจจะขายไม่ได้
6.สุดท้ายหากเกิดปัจจัยไม่คาดคิดขึ้นมา อ้าว...พวกเราช่วยกันทุบ ต่างคนต่างทุบ สุดท้ายคนที่เข้ามาทีหลังก้อติดยอดดอยครับ 555+
ลองดูย้อนหลังหุ้นหลายๆตัวก้อได้นะครับ เพื่อเป็นตัวอย่าง :shock:
แค่มาเตือนนะครับ ไม่ได้กล่าวหาใคร ว่าการลงทุนต้องตัดสินใจซื้อขายด้วยตนเอง อย่าตามแห่ และช่วงนี้เป็นช่วงที่ตลาดบ้าคลั่งมาก หุ้นบางตัวไม่ได้ถูกซื้อขายด้วยเหตุผล แต่เกิดจากความละโมบ โลภมากของคน โดยดูได้จากราคาแต่ละตัวทำ new high หรือ ราคากลับไปที่จุดเดิมก่อนวิกฤตแล้ว แต่รายได้และผลกำไรยังไม่ได้ตามมาเลย ถูกซื้อที่ราคาแห่งความเฟ้อฝัน แถมมีการไล่ราคาเป็นแผงๆตามแต่ละอุตสาหกรรมด้วย บางทีอีกไม่นานก้อได้ที่ตลาดอาจจะเกิดการปรับฐานอย่างหนักก้อเป็นได้ เพราะความไม่มีเหตุผลของมนุษย์นั่นเอง
สวัสดีครับ :lol:
คือว่า นักลงทุนบางคนอาจจะใช้ชื่อเสียงที่ตนมีอยู่เพื่อเข้าเก็บหุ้นก่อน โดยหุ้นที่เค้าเลือกไว้ อาจไม่ใช่ บริษัทที่สุดยอด คือ เป็นบริษัทกลางๆ ไม่ใช่ Greate Company แต่เป็นบริษัทที่มีจำนวนหุ้นอยู่น้อยๆๆ (มีหุ้นจดทะเบียนในตลาดน้อยๆ) หรือสภาพคล่องต่ำๆที่ไม่มีใครสนใจ
ขั้นตอน คือ
1.แอบเก็บหุ้นก่อน
2.เริ่มออกมาให้ข้อมูล (หรือเชียร์หุ้นนั่นเอง) จากชื่อเสียงที่ตนมีอยู่
3.ป่าวประกาศหรือบอกเพื่อนฝูงในกลุ่มสมาชิก ซึ่งในกลุ่มนักลงทุนเหล่านั้นมีขนาดเม็ดเงินที่ใหญ่มากๆ โดยสามารถชี้นำราคาหุ้นขนาดเล็กๆหรือขนาดกลางๆได้เลย
4.เริ่มช่วยกันวิเคราะห๋ โดยเอาปัจจัยพื้นฐานมาอ้างอิง เพื่อให้ดูมีเหตุผล
5.ต่อมาก้อเข้าสู่เฟสที่รายใหม่ๆเข้ามาติดกับ คือ อาจจะซื้อราคายอดดอย เพราะเริ่มมีคนสนใจมากขึ้นแล้ว หรือเป็นราคาที่ผู้ถือหุ้นแรกๆต้องการขายแล้ว เพราะราคา+สภาพคล่องพุ่งมาเยอะเหลือเกิน ซึ่งในภาวะปกติ บางทีอาจจะขายไม่ได้
6.สุดท้ายหากเกิดปัจจัยไม่คาดคิดขึ้นมา อ้าว...พวกเราช่วยกันทุบ ต่างคนต่างทุบ สุดท้ายคนที่เข้ามาทีหลังก้อติดยอดดอยครับ 555+
ลองดูย้อนหลังหุ้นหลายๆตัวก้อได้นะครับ เพื่อเป็นตัวอย่าง :shock:
แค่มาเตือนนะครับ ไม่ได้กล่าวหาใคร ว่าการลงทุนต้องตัดสินใจซื้อขายด้วยตนเอง อย่าตามแห่ และช่วงนี้เป็นช่วงที่ตลาดบ้าคลั่งมาก หุ้นบางตัวไม่ได้ถูกซื้อขายด้วยเหตุผล แต่เกิดจากความละโมบ โลภมากของคน โดยดูได้จากราคาแต่ละตัวทำ new high หรือ ราคากลับไปที่จุดเดิมก่อนวิกฤตแล้ว แต่รายได้และผลกำไรยังไม่ได้ตามมาเลย ถูกซื้อที่ราคาแห่งความเฟ้อฝัน แถมมีการไล่ราคาเป็นแผงๆตามแต่ละอุตสาหกรรมด้วย บางทีอีกไม่นานก้อได้ที่ตลาดอาจจะเกิดการปรับฐานอย่างหนักก้อเป็นได้ เพราะความไม่มีเหตุผลของมนุษย์นั่นเอง
สวัสดีครับ :lol:
- picklife
- Verified User
- โพสต์: 2565
- ผู้ติดตาม: 0
++++++ออกมาเตือนน้องๆเกี่ยวกับการลงทุนครับ!!!!!!!!+++++++++
โพสต์ที่ 2
แต่ผมว่าในTVIนี้ไม่มีหรอกครับ ในTVIเท่าที่สัมผัสมาเพื่อนๆพี่ๆทุกๆคนน่ารักมากๆ ถามอะไรก็ตอบด้วยใจจริง ดีใจครับที่มีสังคมนี้......
ส่วนเรื่องการที่คนมีชื่อเสียงผมว่าแล้วแต่วิจารณ์ณานมากกว่าครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อนๆชาวTVIก็เก่งๆกันหลายคน ถ้ามั่วจริง ไม่รอดหูรอดตาหรอกครับ
ส่วนคนเก่งๆเขาก็ต้องดูหุ้นที่ตัวเองคิดว่าดีที่สุดจริงๆ สำหรับเขา เท่าที่ผมอ่านเจอเทพๆหลายๆคนไม่มีใครมาบอกซักคนว่าตัวนี้ราคาเป้าเท่านี้ ส่วนมากจะไม่ค่อยอยากพูดมากเดี๋ยวกลัวจะโดนแง่ลบมากกว่า ถามไปก็ไม่เต็มใจตอบกัน
ขนาดไปถามหลังไม ดีไม่ดีเจอสอยกลับมาไม่เป้นท่า ผมเองก็เคยครับ ส่วนมากเซียนๆเขาชอบให้เราวิเคราห์กันเองมากกว่านะครับ....
ส่วนการดูว่าเซี่ยนเล่นตัวไหนก็มีประโยชน์นะครับ ไม่ใช่เพื่อลอก(ถ้าใครลอกเลยก็สมควรขาดทุนนะครับ) แต่เพื่อดูเป็นแนวทางแล้วเอามาศึกษาจะได้ไม่ต้องไปนั่งหาหุ้นต้อง500กว่าตัวในตลาดหากันทั้งปีก็ไม่หมดครับ แต่เราเห็นว่าเซียนถือตัวไหนเราก็เอามาดูต่าว่าดีจริงหรือปล่าว ดีตรงไหน จุดไหนเด่น จุดไหนอ่อน ยิ่งถ้าเราไปถามเขาส่วนมาเต้มใจตอบกันมากๆครับว่าตัวไหน ดีตรงไหน เด่นตรงไหน เพราะอะไรแล้วเราก็เอามาศึกษาต่อว่าจริงไหมอย่างไร
เมื่อเจอว่าดีจริงทุกอย่างโอเคก็เข้าซื้อ....แต่พอซื้อแล้วก็ต้องตาม ซื้อหุ้นก็ไม่ต่างกับลูกซื้อแล้วต้องดูแล ต้องคอยตาม ว่าสิ่งดีๆตอนที่เราดูอยู่นั้นมันยังดีอยู่หรือปล่าวถ้าวันหนึ่งเห็นว่าไม่ดีก็ไม่มีความจำเป็นต้องถือต่อ แม้นเทพเองยังไม่มั่นใจเลยว่ามันดีตลอดกาล ก็ต้องติดตามข่าวเรื่อยๆเผื่อมีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง.....
สรุป...ขอบคุณมากครับ รู้ว่าหวังดีมากๆๆๆ แต่ในTVIไม่น่าจะมีนะครับกลุ่มที่พูดมา...ถึงมีจริงแล้วคุณเป็นเหยื่อคุณก็โทษใครไม่ได้โทษตัวคุณเองครับ....ที่ไม่รู้จักศึกษาหุ้นที่เราถือให้ดีพอ
ส่วนเรื่องการที่คนมีชื่อเสียงผมว่าแล้วแต่วิจารณ์ณานมากกว่าครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อนๆชาวTVIก็เก่งๆกันหลายคน ถ้ามั่วจริง ไม่รอดหูรอดตาหรอกครับ
ส่วนคนเก่งๆเขาก็ต้องดูหุ้นที่ตัวเองคิดว่าดีที่สุดจริงๆ สำหรับเขา เท่าที่ผมอ่านเจอเทพๆหลายๆคนไม่มีใครมาบอกซักคนว่าตัวนี้ราคาเป้าเท่านี้ ส่วนมากจะไม่ค่อยอยากพูดมากเดี๋ยวกลัวจะโดนแง่ลบมากกว่า ถามไปก็ไม่เต็มใจตอบกัน
ขนาดไปถามหลังไม ดีไม่ดีเจอสอยกลับมาไม่เป้นท่า ผมเองก็เคยครับ ส่วนมากเซียนๆเขาชอบให้เราวิเคราห์กันเองมากกว่านะครับ....
ส่วนการดูว่าเซี่ยนเล่นตัวไหนก็มีประโยชน์นะครับ ไม่ใช่เพื่อลอก(ถ้าใครลอกเลยก็สมควรขาดทุนนะครับ) แต่เพื่อดูเป็นแนวทางแล้วเอามาศึกษาจะได้ไม่ต้องไปนั่งหาหุ้นต้อง500กว่าตัวในตลาดหากันทั้งปีก็ไม่หมดครับ แต่เราเห็นว่าเซียนถือตัวไหนเราก็เอามาดูต่าว่าดีจริงหรือปล่าว ดีตรงไหน จุดไหนเด่น จุดไหนอ่อน ยิ่งถ้าเราไปถามเขาส่วนมาเต้มใจตอบกันมากๆครับว่าตัวไหน ดีตรงไหน เด่นตรงไหน เพราะอะไรแล้วเราก็เอามาศึกษาต่อว่าจริงไหมอย่างไร
เมื่อเจอว่าดีจริงทุกอย่างโอเคก็เข้าซื้อ....แต่พอซื้อแล้วก็ต้องตาม ซื้อหุ้นก็ไม่ต่างกับลูกซื้อแล้วต้องดูแล ต้องคอยตาม ว่าสิ่งดีๆตอนที่เราดูอยู่นั้นมันยังดีอยู่หรือปล่าวถ้าวันหนึ่งเห็นว่าไม่ดีก็ไม่มีความจำเป็นต้องถือต่อ แม้นเทพเองยังไม่มั่นใจเลยว่ามันดีตลอดกาล ก็ต้องติดตามข่าวเรื่อยๆเผื่อมีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง.....
สรุป...ขอบคุณมากครับ รู้ว่าหวังดีมากๆๆๆ แต่ในTVIไม่น่าจะมีนะครับกลุ่มที่พูดมา...ถึงมีจริงแล้วคุณเป็นเหยื่อคุณก็โทษใครไม่ได้โทษตัวคุณเองครับ....ที่ไม่รู้จักศึกษาหุ้นที่เราถือให้ดีพอ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
++++++ออกมาเตือนน้องๆเกี่ยวกับการลงทุนครับ!!!!!!!!+++++++++
โพสต์ที่ 3
picklife เขียน: แต่ผมว่าในTVIนี้ไม่มีหรอกครับ ในTVIเท่าที่สัมผัสมาเพื่อนๆพี่ๆทุกๆคนน่ารักมากๆ ถามอะไรก็ตอบด้วยใจจริง ดีใจครับที่มีสังคมนี้......
ส่วนเรื่องการที่คนมีชื่อเสียงผมว่าแล้วแต่วิจารณ์ณานมากกว่าครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อนๆชาวTVIก็เก่งๆกันหลายคน ถ้ามั่วจริง ไม่รอดหูรอดตาหรอกครับ
ส่วนคนเก่งๆเขาก็ต้องดูหุ้นที่ตัวเองคิดว่าดีที่สุดจริงๆ สำหรับเขา เท่าที่ผมอ่านเจอเทพๆหลายๆคนไม่มีใครมาบอกซักคนว่าตัวนี้ราคาเป้าเท่านี้ ส่วนมากจะไม่ค่อยอยากพูดมากเดี๋ยวกลัวจะโดนแง่ลบมากกว่า ถามไปก็ไม่เต็มใจตอบกัน
ขนาดไปถามหลังไม ดีไม่ดีเจอสอยกลับมาไม่เป้นท่า ผมเองก็เคยครับ ส่วนมากเซียนๆเขาชอบให้เราวิเคราห์กันเองมากกว่านะครับ....
ส่วนการดูว่าเซี่ยนเล่นตัวไหนก็มีประโยชน์นะครับ ไม่ใช่เพื่อลอก(ถ้าใครลอกเลยก็สมควรขาดทุนนะครับ) แต่เพื่อดูเป็นแนวทางแล้วเอามาศึกษาจะได้ไม่ต้องไปนั่งหาหุ้นต้อง500กว่าตัวในตลาดหากันทั้งปีก็ไม่หมดครับ แต่เราเห็นว่าเซียนถือตัวไหนเราก็เอามาดูต่าว่าดีจริงหรือปล่าว ดีตรงไหน จุดไหนเด่น จุดไหนอ่อน ยิ่งถ้าเราไปถามเขาส่วนมาเต้มใจตอบกันมากๆครับว่าตัวไหน ดีตรงไหน เด่นตรงไหน เพราะอะไรแล้วเราก็เอามาศึกษาต่อว่าจริงไหมอย่างไร
เมื่อเจอว่าดีจริงทุกอย่างโอเคก็เข้าซื้อ....แต่พอซื้อแล้วก็ต้องตาม ซื้อหุ้นก็ไม่ต่างกับลูกซื้อแล้วต้องดูแล ต้องคอยตาม ว่าสิ่งดีๆตอนที่เราดูอยู่นั้นมันยังดีอยู่หรือปล่าวถ้าวันหนึ่งเห็นว่าไม่ดีก็ไม่มีความจำเป็นต้องถือต่อ แม้นเทพเองยังไม่มั่นใจเลยว่ามันดีตลอดกาล ก็ต้องติดตามข่าวเรื่อยๆเผื่อมีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง.....
สรุป...ขอบคุณมากครับ รู้ว่าหวังดีมากๆๆๆ แต่ในTVIไม่น่าจะมีนะครับกลุ่มที่พูดมา...ถึงมีจริงแล้วคุณเป็นเหยื่อคุณก็โทษใครไม่ได้โทษตัวคุณเองครับ....ที่ไม่รู้จักศึกษาหุ้นที่เราถือให้ดีพอ
คมจริงๆ ยอดๆ
- nasesus
- Verified User
- โพสต์: 1276
- ผู้ติดตาม: 0
++++++ออกมาเตือนน้องๆเกี่ยวกับการลงทุนครับ!!!!!!!!+++++++++
โพสต์ที่ 4
1.ไม่รู้แอบมั้ยแต่ถ้ามีวางที่ราคาตัวเองพอใจก็ซื้อครับขั้นตอน คือ
1.แอบเก็บหุ้นก่อน
2.เริ่มออกมาให้ข้อมูล (หรือเชียร์หุ้นนั่นเอง) จากชื่อเสียงที่ตนมีอยู่
3.ป่าวประกาศหรือบอกเพื่อนฝูงในกลุ่มสมาชิก ซึ่งในกลุ่มนักลงทุนเหล่านั้นมีขนาดเม็ดเงินที่ใหญ่มากๆ โดยสามารถชี้นำราคาหุ้นขนาดเล็กๆหรือขนาดกลางๆได้เลย
4.เริ่มช่วยกันวิเคราะห๋ โดยเอาปัจจัยพื้นฐานมาอ้างอิง เพื่อให้ดูมีเหตุผล
5.ต่อมาก้อเข้าสู่เฟสที่รายใหม่ๆเข้ามาติดกับ คือ อาจจะซื้อราคายอดดอย เพราะเริ่มมีคนสนใจมากขึ้นแล้ว หรือเป็นราคาที่ผู้ถือหุ้นแรกๆต้องการขายแล้ว เพราะราคา+สภาพคล่องพุ่งมาเยอะเหลือเกิน ซึ่งในภาวะปกติ บางทีอาจจะขายไม่ได้
6.สุดท้ายหากเกิดปัจจัยไม่คาดคิดขึ้นมา อ้าว...พวกเราช่วยกันทุบ ต่างคนต่างทุบ สุดท้ายคนที่เข้ามาทีหลังก้อติดยอดดอยครับ 555+
2.เชียร์ไม่ขึ้นครับ ชื่อเสียงไม่มียังต้องถามเซียนๆทั้งหลายอยู่
3.บอกเพื่อนที่สนิทกันในเอ็มครับสามสี่คนครับ เม็ดเงินน้อยนิด แล้วก็จบด้วยซื้อคนเดียวโดดเดี่ยวเปลี่ยวใจ
4.ส่วนใหญ่จะวิเคราะห์ก่อนแล้วค่อยเข้าตามจำนวนที่ต้องการครับ การวิเคราะห์ก็ตามงบกับจินตนาการใจจิตใจครับบวกกัน วาดราคาว่าต้องไปได้เท่านั้นเท่านี้
5.ส่วนใหญ่ซื้้้อแล้วมักจะแดงครับผม เพราะผมไม่มีคำว่ารอในจิตใจ มักซื้อขวาครับแล้วก็แดงทันตาเห็นวันนั้นเลย แต่ถ้าซื้อมาแล้วถือต่อมาราคาวิ่งขึ้นไปเรื่อยๆก็จะมีราคาในใจ แต่ถ้าเจอตัวที่ดีกว่าก็พร้อมตีจากทุกเมื่อไม่ต้องบอกใครว่าขายแล้ว(ก็ตอนชวนไม่มีใครตามเรามานี่นา)
6.ส่วนใหญ่ปัจจัยไม่คาดคิดผมมักรู้หลังชาวบ้านครับ คือหุ้นหล่นหนักๆถึงไปนั่งหาสาเหตุ กว่าจะรู้ตัวส่วนใหญ่ค้อนปอนด์หล่นใส่หัวไปวันสองวันแล้ว
[/quote]
ทางที่ไม่มีไฟ ใช่ว่าไม่มีทาง เพียงแค่การก้าวไปข้างหน้าต้องใช้มากกว่าการหวังพึ่งแค่ดวงตา
- SEHJU
- Verified User
- โพสต์: 1238
- ผู้ติดตาม: 0
++++++ออกมาเตือนน้องๆเกี่ยวกับการลงทุนครับ!!!!!!!!+++++++++
โพสต์ที่ 5
เข้าใจในความปราถนาดีครับ...
-
- Verified User
- โพสต์: 558
- ผู้ติดตาม: 0
++++++ออกมาเตือนน้องๆเกี่ยวกับการลงทุนครับ!!!!!!!!+++++++++
โพสต์ที่ 6
เรื่อง สุดมือสอย ก็ปล่อยมันไป
เมื่อคุณชี้แจงไปแล้ว เขาก็ควรจะยอมรับฟัง แต่เมื่อเขาไม่ฟัง และคุณก็ได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างดีที่สุดไปแล้ว ก็คงต้อง ปล่อยมันไป
ในโลกนี้ มีเรื่องอะไรต่อมิอะไรหลายอย่างที่เราไม่สามารถให้เวลากับมัน หรือไม่สามารถทำในสิ่งนั้นให้ดีที่สุด แต่แล้วเราก็ต้องปล่อยให้สิ่งเหล่านั้นผ่านไป เพราะหากเรามัว แต่จะนับเม็ดทรายในแม่น้ำคงคา (มีความหมายว่า จะพยายามทำให้คนทั้งโลกรู้สึกพอใจตัวเองในทุกเรื่อง) เวลาของคุณคงไม่พอเป็นแน่
ดังนั้น ทำอะไรก็ตาม ควรทำเท่าที่เราทำได้ เมื่อทำอย่างดีที่สุดแล้ว คนเขาไม่เห็นว่าดีก็ต้อง ปล่อยมันไป
เลือกทำในสิ่งที่เห็นว่า เราถนัดที่สุด และมีความสุขที่จะทำก็พอแล้ว อะไรก็ตาม ที่เราไม่ถนัด หรือถึงถนัด แต่ไม่มีความสุขที่จะทำ ก็อย่าทำ
เรามีเวลาไม่มากนักหรอกที่จะแบกสารพัดภาระในโลกนี้ ควรมองไหล่ของตัวเองดูสักหน่อยว่า
พร้อมจะแบกเป้หลังที่มีน้ำหนักมากน้อยเพียงใด อย่าแบกอะไรที่เกินกำลังของตัวเอง
เพราะไม่เพียงแต่มันจะทำให้คุณเป็นทุกข์ แต่บางทีอาจมีผลต่อการยืนตรงๆ อย่างยาวนานของคุณด้วย
เมื่อคุณชี้แจงไปแล้ว เขาก็ควรจะยอมรับฟัง แต่เมื่อเขาไม่ฟัง และคุณก็ได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างดีที่สุดไปแล้ว ก็คงต้อง ปล่อยมันไป
ในโลกนี้ มีเรื่องอะไรต่อมิอะไรหลายอย่างที่เราไม่สามารถให้เวลากับมัน หรือไม่สามารถทำในสิ่งนั้นให้ดีที่สุด แต่แล้วเราก็ต้องปล่อยให้สิ่งเหล่านั้นผ่านไป เพราะหากเรามัว แต่จะนับเม็ดทรายในแม่น้ำคงคา (มีความหมายว่า จะพยายามทำให้คนทั้งโลกรู้สึกพอใจตัวเองในทุกเรื่อง) เวลาของคุณคงไม่พอเป็นแน่
ดังนั้น ทำอะไรก็ตาม ควรทำเท่าที่เราทำได้ เมื่อทำอย่างดีที่สุดแล้ว คนเขาไม่เห็นว่าดีก็ต้อง ปล่อยมันไป
เลือกทำในสิ่งที่เห็นว่า เราถนัดที่สุด และมีความสุขที่จะทำก็พอแล้ว อะไรก็ตาม ที่เราไม่ถนัด หรือถึงถนัด แต่ไม่มีความสุขที่จะทำ ก็อย่าทำ
เรามีเวลาไม่มากนักหรอกที่จะแบกสารพัดภาระในโลกนี้ ควรมองไหล่ของตัวเองดูสักหน่อยว่า
พร้อมจะแบกเป้หลังที่มีน้ำหนักมากน้อยเพียงใด อย่าแบกอะไรที่เกินกำลังของตัวเอง
เพราะไม่เพียงแต่มันจะทำให้คุณเป็นทุกข์ แต่บางทีอาจมีผลต่อการยืนตรงๆ อย่างยาวนานของคุณด้วย
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1588
- ผู้ติดตาม: 0
++++++ออกมาเตือนน้องๆเกี่ยวกับการลงทุนครับ!!!!!!!!+++++++++
โพสต์ที่ 8
ขอบคุณที่มาเตือนสติครับ
ขอชื่นชมความกล้าที่กล้าpostอะไรที่สุ่มเสี่ยงต่อตัวเอง
ขอบคุณครับ
ขอชื่นชมความกล้าที่กล้าpostอะไรที่สุ่มเสี่ยงต่อตัวเอง
ขอบคุณครับ
คนรู้ไม่พูด คนพูดไม่รู้
- jung_oh
- Verified User
- โพสต์: 734
- ผู้ติดตาม: 0
++++++ออกมาเตือนน้องๆเกี่ยวกับการลงทุนครับ!!!!!!!!+++++++++
โพสต์ที่ 9
Login ใหม่ แต่ใจถึง
สังคม Webboard เปิดก็งี้ครับ
มีทั้งคนที่เข้ามาโดยความบริสุทธ์ใจ และ เข้ามาโดยหวังอะไรบางอย่าง
สุดท้าย อยู่ที่ตัวคุณแหละครับ
ผมว่า มือใหม่ โดนๆไปก็ดี จะได้ รู้สึกตัวเอง เรื่องอย่างงี้ ยิ่งรู้เร็ว ยิ่งเป็นประโยชน์กับตัวเองนะครับ
ว่าการจับปลา ควรจะจับด้วยตัวเอง ส่วนวิธี ก็ค่อยๆหาไปให้ตรงจริต
สังคม Webboard เปิดก็งี้ครับ
มีทั้งคนที่เข้ามาโดยความบริสุทธ์ใจ และ เข้ามาโดยหวังอะไรบางอย่าง
สุดท้าย อยู่ที่ตัวคุณแหละครับ
ผมว่า มือใหม่ โดนๆไปก็ดี จะได้ รู้สึกตัวเอง เรื่องอย่างงี้ ยิ่งรู้เร็ว ยิ่งเป็นประโยชน์กับตัวเองนะครับ
ว่าการจับปลา ควรจะจับด้วยตัวเอง ส่วนวิธี ก็ค่อยๆหาไปให้ตรงจริต
- Jazzman
- Verified User
- โพสต์: 388
- ผู้ติดตาม: 0
++++++ออกมาเตือนน้องๆเกี่ยวกับการลงทุนครับ!!!!!!!!+++++++++
โพสต์ที่ 10
คุณ picklife สุดยอดเลยคับนี่ ซื้อแล้ว เหมือนกับ "ลูก" ต้องดูแลเลยนะคับ สำหรับผมนั้น คงได้แค่แฟน ที่ยังทิ้งแบบไร้เยื่อใยได้ :lol: :lol: แอบแซว เอิ๊กๆๆpicklife เขียน::กัน
แต่พอซื้อแล้วก็ต้องตาม ซื้อหุ้นก็ไม่ต่างกับลูกซื้อแล้วต้องดูแล ต้องคอยตาม
ลงทุนในสิ่งที่เพิ่ม " ค่า " ไปเรื่อยๆ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1588
- ผู้ติดตาม: 0
++++++ออกมาเตือนน้องๆเกี่ยวกับการลงทุนครับ!!!!!!!!+++++++++
โพสต์ที่ 11
ไม้แข็งนะครับเนี่ยjung_oh เขียน:Login ใหม่ แต่ใจถึง
สังคม Webboard เปิดก็งี้ครับ
มีทั้งคนที่เข้ามาโดยความบริสุทธ์ใจ และ เข้ามาโดยหวังอะไรบางอย่าง
สุดท้าย อยู่ที่ตัวคุณแหละครับ
ผมว่า มือใหม่ โดนๆไปก็ดี จะได้ รู้สึกตัวเอง เรื่องอย่างงี้ ยิ่งรู้เร็ว ยิ่งเป็นประโยชน์กับตัวเองนะครับ
ว่าการจับปลา ควรจะจับด้วยตัวเอง ส่วนวิธี ก็ค่อยๆหาไปให้ตรงจริต
คนรู้ไม่พูด คนพูดไม่รู้
-
- Verified User
- โพสต์: 1455
- ผู้ติดตาม: 0
++++++ออกมาเตือนน้องๆเกี่ยวกับการลงทุนครับ!!!!!!!!+++++++++
โพสต์ที่ 13
jung_oh เขียน:Login ใหม่ แต่ใจถึง
สังคม Webboard เปิดก็งี้ครับ
มีทั้งคนที่เข้ามาโดยความบริสุทธ์ใจ และ เข้ามาโดยหวังอะไรบางอย่าง
สุดท้าย อยู่ที่ตัวคุณแหละครับ
ผมว่า มือใหม่ โดนๆไปก็ดี จะได้ รู้สึกตัวเอง เรื่องอย่างงี้ ยิ่งรู้เร็ว ยิ่งเป็นประโยชน์กับตัวเองนะครับ
ว่าการจับปลา ควรจะจับด้วยตัวเอง ส่วนวิธี ก็ค่อยๆหาไปให้ตรงจริต
:D
อย่าทำตัวเป็นนักแสดง เป็นเพียงผู้ดูก็พอ..
-
- Verified User
- โพสต์: 1455
- ผู้ติดตาม: 0
++++++ออกมาเตือนน้องๆเกี่ยวกับการลงทุนครับ!!!!!!!!+++++++++
โพสต์ที่ 14
พี่เด่นใจดีแปลไว้ให้อีกทีหนึ่ง เอามาให้อ่าน :D
Paul Krugman เคยสรุปจากการสัมนากับผู้จัดการกองทุนที่ฮ่องกงนานมากแล้ว
สาเหตุที่การลงทุนผิดพลาด
1. มีความคิดเห็นระยะสั้น
2. มีความโลภ
3. เชื่อในความเห็นของคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
4. วิ่งตามผู้อื่นเหมือนกับฝูงแกะ
5.ชอบต่อว่าสิ่งต่างๆอย่างเหมารวม
6.ตามกระแส
7. ไปเล่นกับคนของคนอื่น
Paul Krugman เคยสรุปจากการสัมนากับผู้จัดการกองทุนที่ฮ่องกงนานมากแล้ว
สาเหตุที่การลงทุนผิดพลาด
1. มีความคิดเห็นระยะสั้น
2. มีความโลภ
3. เชื่อในความเห็นของคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
4. วิ่งตามผู้อื่นเหมือนกับฝูงแกะ
5.ชอบต่อว่าสิ่งต่างๆอย่างเหมารวม
6.ตามกระแส
7. ไปเล่นกับคนของคนอื่น
อย่าทำตัวเป็นนักแสดง เป็นเพียงผู้ดูก็พอ..
-
- Verified User
- โพสต์: 248
- ผู้ติดตาม: 0
++++++ออกมาเตือนน้องๆเกี่ยวกับการลงทุนครับ!!!!!!!!+++++++++
โพสต์ที่ 17
ก็ถ้าลอกการบ้านโดยไม่คิดเองต่อ
โดนหักคะแนนบ้าง สอบตกบ้างก็สมควรแล้วครับ
โดนหักคะแนนบ้าง สอบตกบ้างก็สมควรแล้วครับ
มโนปุพพังคมาธัมมา - ในตัวของเรามีใจเป็นใหญ่
มโนเสฏฐา มโนมยา - ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นธรรมชาติถึงก่อน
มะนะสา เจ ปสันเนนะ - ทุกสิ่งทุกอย่างสำเร็จแล้วแต่ใจ
มโนเสฏฐา มโนมยา - ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นธรรมชาติถึงก่อน
มะนะสา เจ ปสันเนนะ - ทุกสิ่งทุกอย่างสำเร็จแล้วแต่ใจ
-
- Verified User
- โพสต์: 25
- ผู้ติดตาม: 0
++++++ออกมาเตือนน้องๆเกี่ยวกับการลงทุนครับ!!!!!!!!+++++++++
โพสต์ที่ 18
สไตล์ของนักลงทุน
by ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
การลงทุนนั้นน่าจะเป็นวิทยาศาสตร์อยู่สัก 30% อีก 70% เป็นเรื่องของศิลปะ ดังนั้น นักลงทุนที่ลงทุนมานานหรือคนที่มุ่งมั่นฝึกฝนมาเป็นอย่างดีจึงมักจะมี สไตล์ เป็นของตนเอง
สไตล์นั้น ผมคิดว่าส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นเนื่องจากประสบการณ์ของนักลงทุน นั่นคือ ตั้งแต่เริ่มเข้ามาซื้อขายหุ้น พวกเขาก็จะพยายามเรียนรู้ว่าวิธีการหรือเท็คนิคแบบไหนที่เขาใช้แล้วมักจะทำให้เขาได้กำไร เท็คนิคแบบไหนหรือการซื้อขายหุ้นแบบไหนที่ทำแล้วมักจะขาดทุน ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ละครั้งจะถูก บันทึก เอาไว้ในสมองซึ่งจะสะสมไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดเขาก็มักจะสรุปว่า มีวิธีการลงทุนแบบหนึ่งที่สร้างผลลัพธ์การลงทุนที่ดีที่สุด และหลังจากนั้น เขาก็จะใช้มันเป็นหลัก และนี่คือ สไตล์การลงทุน ของเขา
ในระดับของ เซียน ระดับโลกทุกคนนั้น แน่นอนว่าแต่ละคนจะต้องมีสไตล์การลงทุนที่ชัดเจน เริ่มตั้งแต่ เบน เกรแฮม บิดาแห่งการลงทุนแบบ Value Investment ซึ่งเน้นการลงทุนแบบ Quantitative หรือเน้นดูตัวเลขข้อมูลทางการเงินเป็นหลัก โดยไม่ค่อยสนใจข้อมูลด้านคุณภาพซึ่งเขามองว่าวัดไม่ได้และอาจเป็นภาพลวงตาที่สร้างขึ้นโดยผู้บริหารของบริษัท หุ้นที่เขาลงทุนนั้นจะเป็นหุ้นที่มีราคาถูกมากโดยเฉพาะที่วัดจากทรัพย์สินของบริษัท การลงทุนของ เบน เกรแฮม นั้น จะเน้นในด้านของความปลอดภัยเป็นพิเศษ โดยหุ้นที่ลงทุนจะต้องมี Margin Of Safety สูง และพอร์ตโฟลิโอของเขาจะมีการกระจายการถือหุ้นจำนวนมาก เช่นเดียวกับการถือพันธบัตรในสัดส่วนที่สูง
วอเร็น บัฟเฟตต์ นักลงทุนที่มีชื่อเสียงและรวยที่สุดในโลกนั้น มีสไตล์ที่โดดเด่นอยู่ที่การถือหุ้นของกิจการที่ ดีที่สุด ในแง่ของธุรกิจ และเขาชอบที่จะถือมันในสัดส่วนที่มาก บ่อยครั้งเขาถือมันร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นเจ้าของคนเดียว เขาถือหุ้นน้อยตัวและไม่ค่อยขายหุ้นหรือกิจการเหล่านั้นออกไป สไตล์ของวอเร็น บัฟเฟตต์ นั้น ถ้าจะว่าไป เขาไม่ได้ลงทุนใน หุ้น แต่เขาลงทุนใน ธุรกิจ
ปีเตอร์ ลินช์ อดีตผู้บริหารกองทุนรวมที่มีสถิติการทำผลตอบแทนที่ดีเยี่ยมและมีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งของโลกนั้น มีสไตล์การลงทุนที่ ซื้อเกือบทุกอย่างที่วิเคราะห์แล้วพบว่าดี และ/หรือ ถูก โดยที่เขาจะมีวิธีการจัดหุ้นเป็นกลุ่ม ๆ ที่จะทำให้ง่ายต่อการวิเคราะห์ถึงคุณสมบัติของกิจการและหาจังหวะในการเข้าซื้อและขายหุ้น
Value Investor ในบ้านเรานั้น หลังจากผ่านกระบวนการเรียนรู้ในการซื้อขายหุ้นมาหลายปีจนถึงปัจจุบันก็เริ่มมี สไตล์ เป็นของตนเอง จากการสังเกตของผม Value Investor รุ่นบุกเบิกหลายคนซึ่งมักจะมีอายุมากหน่อยก็มักจะเน้นลงทุนในหุ้นที่มีราคาถูก มีผลกำไรและการจ่ายปันผลที่สม่ำเสมอและอยู่ในระดับที่พอใช้ได้ กิจการมักเป็นกิจการที่ไม่หวือหวาโตเร็วและไม่ใช่เป็นกิจการ แห่งอนาคต และนั่นก็คือสไตล์การลงทุนแบบ VI ในยุคแรก ๆ ซึ่งผมไม่แน่ใจว่ายังมีคนใช้อยู่มากน้อยแค่ไหนแต่ดูเหมือนว่าคนรุ่นใหม่ ๆ จะไม่สนใจสไตล์การลงทุนในแนวนี้สักเท่าไรเพราะผลตอบแทนที่ผ่านมาดูเหมือนว่าจะไม่ใคร่น่าประทับใจ
สไตล์การลงทุนของ VI ในช่วงเร็ว ๆ นี้มีมากมายหลากหลายมากจนยากที่จะบรรยายหรือเข้าใจได้หมด แต่สไตล์ที่สร้างผลตอบแทนหวือหวาดูเหมือนว่าจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมาก สาเหตุคงเป็นเพราะว่าช่วงหลายปีที่ผ่านนั้นเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูงมากทั้งขาขึ้นและขาลงซึ่งทำให้เกิดกำไร-ขาดทุนที่สูงมากในระยะเวลาอันสั้น คนที่ทำกำไรได้สูงนั้น แน่นอน ต้อง ซื้อ สไตล์ที่เขาคิดว่าทำผลตอบแทนได้ดีมากซึ่งก็มีหลายแบบ
สไตล์หนึ่งที่นิยมกันในช่วงนี้ก็คือ การเล่นหุ้นของกิจการขนาดเล็กที่มี กำไรดีและกำลังเติบโต มองจากข้อมูลตัวเลขที่ผ่านมาเร็ว ๆ นี้ หุ้นดังกล่าวอาจจะไม่ใคร่มีสภาพคล่องนักแต่เจ้าของหรือผู้บริหารมีความตั้งใจและเอาใจใส่กับราคาหุ้นและพร้อมที่จะนำเสนอข้อมูลดี ๆ ของบริษัท เช่นเดียวกัน กิจการก็มีความกระตือรือร้นที่จะขยายงานหรือหาธุรกิจใหม่ ๆ ทำเพื่อสร้างการเจริญเติบโตต่อไป นักลงทุนที่เล่นหุ้นสไตล์นี้นั้น เมื่อซื้อหุ้นแล้วก็ต้องมีกระบวนการในการ โฆษณา หรือเผยแพร่เพื่อชักจูงนักลงทุนคนอื่นให้เห็นถึงคุณสมบัติที่ ดีเยี่ยม และซื้อหุ้นตาม ในหลาย ๆ กรณี หุ้นมีราคาเพิ่มขึ้นมากและทำให้นักลงทุนชุดแรก ๆ ที่มองเห็นก่อนสามารถทำกำไรได้อย่างงดงามในระยะเวลาอันสั้น อย่างไรก็ตาม หุ้นหลายตัวหลังจากขึ้นไปแล้ว กลับตกลงมาอย่างหนักจนทำให้คนที่ซื้อทีหลังขาดทุนจำนวนมากเช่นกัน
อีกสไตล์หนึ่งที่ดูเหมือนว่าจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นก็คือ การลงทุนใน หุ้นวัฏจักร ซึ่งก็คือการลงทุนในกิจการที่ขายสินค้าที่มีลักษณะแบบสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีราคาขึ้นลงเป็นรอบ ๆ เท็คนิคก็คือ พยายามมองหาหุ้นของกิจการที่กำลังจะเป็น ขาขึ้น แต่หุ้นที่สนใจนั้น มักเป็นหุ้นของกิจการขนาดเล็กที่นักวิเคราะห์ไม่สนใจติดตาม ซึ่งจะทำให้ราคาหุ้นไม่ค่อยได้ปรับตัวตามวัฏจักรอย่างรวดเร็วตามที่ควรเป็น เมื่อพบแล้วก็เข้าซื้อ แล้วก็รอและโปรโมตหุ้นให้เป็นที่สนใจของนักลงทุนอื่น ๆ จนราคาดีดตัวขึ้นเมื่อผลการดำเนินงานที่โดดเด่นได้รับการประกาศออกมา พวกเขาก็มักจะขายเพื่อทำกำไรและมองหาหุ้นวัฏจักรตัวต่อไป
สไตล์สุดท้ายที่เริ่มมีคนยึดถือเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันก็คือการลงทุนในหุ้น Super Stock ในแบบของ วอเร็น บัฟเฟตต์ แม้ว่ากิจการในตลาดหุ้นไทยนั้นจะมีคุณสมบัติต่ำกว่าในสหรัฐอเมริกามาก แต่แนวที่นักลงทุนใช้ก็คือ ลงทุนเฉพาะในหุ้นกลุ่มที่มีคุณภาพดีที่สุด ในราคาที่ถูกหรือยุติธรรม ซึ่งก็มักเป็นช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงมาก ซื้อแล้วเก็บไว้ค่อนข้างนาน จนราคาปรับตัวขึ้นไปมากแล้วก็ขายและรอซื้อหุ้นตัวอื่นหรือตัวเดิมที่มีคุณภาพสูงและในราคาที่เหมาะสมต่อไป
ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพียงการลงทุนบางสไตล์ของ VI ที่มีให้เห็นโดดเด่น สไตล์เหล่านั้นอาจจะได้รับความนิยมนานหรือไม่ก็คงขึ้นอยู่กับผลงานการลงทุนที่นักลงทุนที่ใช้ทำได้ ถ้าสไตล์นั้นสามารถทำผลงานดีเด่นยาวนาน สไตล์นั้นก็น่าจะคงทน แต่หากสไตล์นั้นทำผลงานดีได้เพียงชั่วคราว ในไม่ช้ามันก็จะหมดความนิยมลง ในทางตรงกันข้าม เท็คนิคหรือสไตล์ใหม่ก็จะเกิดขึ้น เป็นเรื่องยากที่นักลงทุนคนหนึ่งจะสามารถปรับตัวให้เหมาะสมกับทุกสถานการณ์ ดังนั้น วิธีการที่ดีกว่าก็คือ หาสไตล์ที่ดีที่สุดในระยะยาวแล้วฝึกฝนจนชำนาญและใช้มันตลอดไป เฉกเช่นเดียวกับ วอเร็น บัฟเฟตต์ หรือ ปีเตอร์ ลินช์ หรือ เบน เกรแฮม ที่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จและกลายเป็นตำนานของนักลงทุนของโลก
หากทำให้ใครขัดเคืองใจ ก้อขออภัยครับ :(
by ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
การลงทุนนั้นน่าจะเป็นวิทยาศาสตร์อยู่สัก 30% อีก 70% เป็นเรื่องของศิลปะ ดังนั้น นักลงทุนที่ลงทุนมานานหรือคนที่มุ่งมั่นฝึกฝนมาเป็นอย่างดีจึงมักจะมี สไตล์ เป็นของตนเอง
สไตล์นั้น ผมคิดว่าส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นเนื่องจากประสบการณ์ของนักลงทุน นั่นคือ ตั้งแต่เริ่มเข้ามาซื้อขายหุ้น พวกเขาก็จะพยายามเรียนรู้ว่าวิธีการหรือเท็คนิคแบบไหนที่เขาใช้แล้วมักจะทำให้เขาได้กำไร เท็คนิคแบบไหนหรือการซื้อขายหุ้นแบบไหนที่ทำแล้วมักจะขาดทุน ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ละครั้งจะถูก บันทึก เอาไว้ในสมองซึ่งจะสะสมไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดเขาก็มักจะสรุปว่า มีวิธีการลงทุนแบบหนึ่งที่สร้างผลลัพธ์การลงทุนที่ดีที่สุด และหลังจากนั้น เขาก็จะใช้มันเป็นหลัก และนี่คือ สไตล์การลงทุน ของเขา
ในระดับของ เซียน ระดับโลกทุกคนนั้น แน่นอนว่าแต่ละคนจะต้องมีสไตล์การลงทุนที่ชัดเจน เริ่มตั้งแต่ เบน เกรแฮม บิดาแห่งการลงทุนแบบ Value Investment ซึ่งเน้นการลงทุนแบบ Quantitative หรือเน้นดูตัวเลขข้อมูลทางการเงินเป็นหลัก โดยไม่ค่อยสนใจข้อมูลด้านคุณภาพซึ่งเขามองว่าวัดไม่ได้และอาจเป็นภาพลวงตาที่สร้างขึ้นโดยผู้บริหารของบริษัท หุ้นที่เขาลงทุนนั้นจะเป็นหุ้นที่มีราคาถูกมากโดยเฉพาะที่วัดจากทรัพย์สินของบริษัท การลงทุนของ เบน เกรแฮม นั้น จะเน้นในด้านของความปลอดภัยเป็นพิเศษ โดยหุ้นที่ลงทุนจะต้องมี Margin Of Safety สูง และพอร์ตโฟลิโอของเขาจะมีการกระจายการถือหุ้นจำนวนมาก เช่นเดียวกับการถือพันธบัตรในสัดส่วนที่สูง
วอเร็น บัฟเฟตต์ นักลงทุนที่มีชื่อเสียงและรวยที่สุดในโลกนั้น มีสไตล์ที่โดดเด่นอยู่ที่การถือหุ้นของกิจการที่ ดีที่สุด ในแง่ของธุรกิจ และเขาชอบที่จะถือมันในสัดส่วนที่มาก บ่อยครั้งเขาถือมันร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นเจ้าของคนเดียว เขาถือหุ้นน้อยตัวและไม่ค่อยขายหุ้นหรือกิจการเหล่านั้นออกไป สไตล์ของวอเร็น บัฟเฟตต์ นั้น ถ้าจะว่าไป เขาไม่ได้ลงทุนใน หุ้น แต่เขาลงทุนใน ธุรกิจ
ปีเตอร์ ลินช์ อดีตผู้บริหารกองทุนรวมที่มีสถิติการทำผลตอบแทนที่ดีเยี่ยมและมีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งของโลกนั้น มีสไตล์การลงทุนที่ ซื้อเกือบทุกอย่างที่วิเคราะห์แล้วพบว่าดี และ/หรือ ถูก โดยที่เขาจะมีวิธีการจัดหุ้นเป็นกลุ่ม ๆ ที่จะทำให้ง่ายต่อการวิเคราะห์ถึงคุณสมบัติของกิจการและหาจังหวะในการเข้าซื้อและขายหุ้น
Value Investor ในบ้านเรานั้น หลังจากผ่านกระบวนการเรียนรู้ในการซื้อขายหุ้นมาหลายปีจนถึงปัจจุบันก็เริ่มมี สไตล์ เป็นของตนเอง จากการสังเกตของผม Value Investor รุ่นบุกเบิกหลายคนซึ่งมักจะมีอายุมากหน่อยก็มักจะเน้นลงทุนในหุ้นที่มีราคาถูก มีผลกำไรและการจ่ายปันผลที่สม่ำเสมอและอยู่ในระดับที่พอใช้ได้ กิจการมักเป็นกิจการที่ไม่หวือหวาโตเร็วและไม่ใช่เป็นกิจการ แห่งอนาคต และนั่นก็คือสไตล์การลงทุนแบบ VI ในยุคแรก ๆ ซึ่งผมไม่แน่ใจว่ายังมีคนใช้อยู่มากน้อยแค่ไหนแต่ดูเหมือนว่าคนรุ่นใหม่ ๆ จะไม่สนใจสไตล์การลงทุนในแนวนี้สักเท่าไรเพราะผลตอบแทนที่ผ่านมาดูเหมือนว่าจะไม่ใคร่น่าประทับใจ
สไตล์การลงทุนของ VI ในช่วงเร็ว ๆ นี้มีมากมายหลากหลายมากจนยากที่จะบรรยายหรือเข้าใจได้หมด แต่สไตล์ที่สร้างผลตอบแทนหวือหวาดูเหมือนว่าจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมาก สาเหตุคงเป็นเพราะว่าช่วงหลายปีที่ผ่านนั้นเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูงมากทั้งขาขึ้นและขาลงซึ่งทำให้เกิดกำไร-ขาดทุนที่สูงมากในระยะเวลาอันสั้น คนที่ทำกำไรได้สูงนั้น แน่นอน ต้อง ซื้อ สไตล์ที่เขาคิดว่าทำผลตอบแทนได้ดีมากซึ่งก็มีหลายแบบ
สไตล์หนึ่งที่นิยมกันในช่วงนี้ก็คือ การเล่นหุ้นของกิจการขนาดเล็กที่มี กำไรดีและกำลังเติบโต มองจากข้อมูลตัวเลขที่ผ่านมาเร็ว ๆ นี้ หุ้นดังกล่าวอาจจะไม่ใคร่มีสภาพคล่องนักแต่เจ้าของหรือผู้บริหารมีความตั้งใจและเอาใจใส่กับราคาหุ้นและพร้อมที่จะนำเสนอข้อมูลดี ๆ ของบริษัท เช่นเดียวกัน กิจการก็มีความกระตือรือร้นที่จะขยายงานหรือหาธุรกิจใหม่ ๆ ทำเพื่อสร้างการเจริญเติบโตต่อไป นักลงทุนที่เล่นหุ้นสไตล์นี้นั้น เมื่อซื้อหุ้นแล้วก็ต้องมีกระบวนการในการ โฆษณา หรือเผยแพร่เพื่อชักจูงนักลงทุนคนอื่นให้เห็นถึงคุณสมบัติที่ ดีเยี่ยม และซื้อหุ้นตาม ในหลาย ๆ กรณี หุ้นมีราคาเพิ่มขึ้นมากและทำให้นักลงทุนชุดแรก ๆ ที่มองเห็นก่อนสามารถทำกำไรได้อย่างงดงามในระยะเวลาอันสั้น อย่างไรก็ตาม หุ้นหลายตัวหลังจากขึ้นไปแล้ว กลับตกลงมาอย่างหนักจนทำให้คนที่ซื้อทีหลังขาดทุนจำนวนมากเช่นกัน
อีกสไตล์หนึ่งที่ดูเหมือนว่าจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นก็คือ การลงทุนใน หุ้นวัฏจักร ซึ่งก็คือการลงทุนในกิจการที่ขายสินค้าที่มีลักษณะแบบสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีราคาขึ้นลงเป็นรอบ ๆ เท็คนิคก็คือ พยายามมองหาหุ้นของกิจการที่กำลังจะเป็น ขาขึ้น แต่หุ้นที่สนใจนั้น มักเป็นหุ้นของกิจการขนาดเล็กที่นักวิเคราะห์ไม่สนใจติดตาม ซึ่งจะทำให้ราคาหุ้นไม่ค่อยได้ปรับตัวตามวัฏจักรอย่างรวดเร็วตามที่ควรเป็น เมื่อพบแล้วก็เข้าซื้อ แล้วก็รอและโปรโมตหุ้นให้เป็นที่สนใจของนักลงทุนอื่น ๆ จนราคาดีดตัวขึ้นเมื่อผลการดำเนินงานที่โดดเด่นได้รับการประกาศออกมา พวกเขาก็มักจะขายเพื่อทำกำไรและมองหาหุ้นวัฏจักรตัวต่อไป
สไตล์สุดท้ายที่เริ่มมีคนยึดถือเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันก็คือการลงทุนในหุ้น Super Stock ในแบบของ วอเร็น บัฟเฟตต์ แม้ว่ากิจการในตลาดหุ้นไทยนั้นจะมีคุณสมบัติต่ำกว่าในสหรัฐอเมริกามาก แต่แนวที่นักลงทุนใช้ก็คือ ลงทุนเฉพาะในหุ้นกลุ่มที่มีคุณภาพดีที่สุด ในราคาที่ถูกหรือยุติธรรม ซึ่งก็มักเป็นช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงมาก ซื้อแล้วเก็บไว้ค่อนข้างนาน จนราคาปรับตัวขึ้นไปมากแล้วก็ขายและรอซื้อหุ้นตัวอื่นหรือตัวเดิมที่มีคุณภาพสูงและในราคาที่เหมาะสมต่อไป
ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพียงการลงทุนบางสไตล์ของ VI ที่มีให้เห็นโดดเด่น สไตล์เหล่านั้นอาจจะได้รับความนิยมนานหรือไม่ก็คงขึ้นอยู่กับผลงานการลงทุนที่นักลงทุนที่ใช้ทำได้ ถ้าสไตล์นั้นสามารถทำผลงานดีเด่นยาวนาน สไตล์นั้นก็น่าจะคงทน แต่หากสไตล์นั้นทำผลงานดีได้เพียงชั่วคราว ในไม่ช้ามันก็จะหมดความนิยมลง ในทางตรงกันข้าม เท็คนิคหรือสไตล์ใหม่ก็จะเกิดขึ้น เป็นเรื่องยากที่นักลงทุนคนหนึ่งจะสามารถปรับตัวให้เหมาะสมกับทุกสถานการณ์ ดังนั้น วิธีการที่ดีกว่าก็คือ หาสไตล์ที่ดีที่สุดในระยะยาวแล้วฝึกฝนจนชำนาญและใช้มันตลอดไป เฉกเช่นเดียวกับ วอเร็น บัฟเฟตต์ หรือ ปีเตอร์ ลินช์ หรือ เบน เกรแฮม ที่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จและกลายเป็นตำนานของนักลงทุนของโลก
หากทำให้ใครขัดเคืองใจ ก้อขออภัยครับ :(
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1588
- ผู้ติดตาม: 0
++++++ออกมาเตือนน้องๆเกี่ยวกับการลงทุนครับ!!!!!!!!+++++++++
โพสต์ที่ 19
ขอบคุณครับ
ยังไม่เคยอ่านบทความของ Dr.อันนี้เลย
ยังไม่เคยอ่านบทความของ Dr.อันนี้เลย
คนรู้ไม่พูด คนพูดไม่รู้
-
- Verified User
- โพสต์: 1372
- ผู้ติดตาม: 0
++++++ออกมาเตือนน้องๆเกี่ยวกับการลงทุนครับ!!!!!!!!+++++++++
โพสต์ที่ 20
ผมคิดว่าสุดยอดเคล็ดวิชาเหาฉลามยังไงก็ใช้ได้
ปลาฉลามกินปลาอะไร เหาฉลามก็กินเศษปลานั้น
ก่อนเหาฉลามจะกินเศษปลาคงต้องดูก่อนว่าที่เห็นข้างหน้าเป็นเศษปลา
หรือเป็นขยะที่มนุษย์ทิ้งลงทะเล
อย่างไรก็ตามเหาฉลามก็ได้กินเพียงเศษปลาที่หลงเหลือจากการล่าของฉลาม
เหาฉลามหรือจะได้กินชิ้นปลามันอย่างเช่นปลาฉลาม
ไม่ผิดที่จะซื้อหุ้นตามเซียน
ผิดที่ซื้อตามโดยที่ไม่วิเคราะห์ให้ดีก่อน
หากคิดว่าซื้อหุ้นตามเซียนแล้วต้องได้ผลตอบแทนใกล้เคียงเซียนนั้นคิดผิดครับ
เซียนหุ้นทั้งหลายต้องทำงานอย่างหนักกว่าจะพบหุ้นดีๆสักตัว
คนที่เพียงอ่านข้อความหรือบทวิเคราะห์ของผู้อื่นแล้วซื้อตาม ดูเหมือนจะเอาเปรียบเกินไปหากอยากจะได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับคนที่ทำงานอย่างหนัก
ปลาฉลามกินปลาอะไร เหาฉลามก็กินเศษปลานั้น
ก่อนเหาฉลามจะกินเศษปลาคงต้องดูก่อนว่าที่เห็นข้างหน้าเป็นเศษปลา
หรือเป็นขยะที่มนุษย์ทิ้งลงทะเล
อย่างไรก็ตามเหาฉลามก็ได้กินเพียงเศษปลาที่หลงเหลือจากการล่าของฉลาม
เหาฉลามหรือจะได้กินชิ้นปลามันอย่างเช่นปลาฉลาม
ไม่ผิดที่จะซื้อหุ้นตามเซียน
ผิดที่ซื้อตามโดยที่ไม่วิเคราะห์ให้ดีก่อน
หากคิดว่าซื้อหุ้นตามเซียนแล้วต้องได้ผลตอบแทนใกล้เคียงเซียนนั้นคิดผิดครับ
เซียนหุ้นทั้งหลายต้องทำงานอย่างหนักกว่าจะพบหุ้นดีๆสักตัว
คนที่เพียงอ่านข้อความหรือบทวิเคราะห์ของผู้อื่นแล้วซื้อตาม ดูเหมือนจะเอาเปรียบเกินไปหากอยากจะได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับคนที่ทำงานอย่างหนัก
สติมา ปัญญาเกิด
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 200
- ผู้ติดตาม: 0
++++++ออกมาเตือนน้องๆเกี่ยวกับการลงทุนครับ!!!!!!!!+++++++++
โพสต์ที่ 21
TR , SNC , UMS , TRC
ยังคิดถึงคำพูด พี่ อะไรดีล่ะ ซึ่งโดนแบนไปแล้วอยู่เลย
" เล่นหุ้นแล้วขาดทุน ไม่ใช่ VI "
บางตัว จากราคาติดดิน
ก็เอาเรื่องของอนาคตมาเล่นข่าว
เล่นข่าวจนเรียกว่า
ราคาขึ้นจนแทบจะรวมอนาคตทั้งบริษัทใน 5 ปี ข้างหน้าไว้หมดแล้ว
ยิ่งกว่าราคาเต็มมูลค่าอีก
เป็นใคร ... ก็คงต้องขายครับ คงไปว่ากันไม่ได้หรอก
ก็ราคามันเกินพื้นฐาน ใครที่ไหนจะไปถือต่อ
ใครไม้สุดท้าย ก็รับไป ...
หุ้นบางตัวที่ราคาขึ้นไปสองเด้ง สามเด้งหรือมากกว่านั้น ในเวลาไม่กี่ปี
จริงๆมันก็เป็นหุ้นปั่นตัวนึง
แต่ปั่นโดยเอาพื้นฐานมารองรับ
ก็แค่นั้นเอง
ยังคิดถึงคำพูด พี่ อะไรดีล่ะ ซึ่งโดนแบนไปแล้วอยู่เลย
" เล่นหุ้นแล้วขาดทุน ไม่ใช่ VI "
บางตัว จากราคาติดดิน
ก็เอาเรื่องของอนาคตมาเล่นข่าว
เล่นข่าวจนเรียกว่า
ราคาขึ้นจนแทบจะรวมอนาคตทั้งบริษัทใน 5 ปี ข้างหน้าไว้หมดแล้ว
ยิ่งกว่าราคาเต็มมูลค่าอีก
เป็นใคร ... ก็คงต้องขายครับ คงไปว่ากันไม่ได้หรอก
ก็ราคามันเกินพื้นฐาน ใครที่ไหนจะไปถือต่อ
ใครไม้สุดท้าย ก็รับไป ...
หุ้นบางตัวที่ราคาขึ้นไปสองเด้ง สามเด้งหรือมากกว่านั้น ในเวลาไม่กี่ปี
จริงๆมันก็เป็นหุ้นปั่นตัวนึง
แต่ปั่นโดยเอาพื้นฐานมารองรับ
ก็แค่นั้นเอง
Speculators deal with greed.
Investors deal with fear.
Investors deal with fear.
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
++++++ออกมาเตือนน้องๆเกี่ยวกับการลงทุนครับ!!!!!!!!+++++++++
โพสต์ที่ 23
ประสบการณ์ผมนี่ตรงข้ามครับ
เลือกเองทีไรโดนทุ๊กที
ลอกการบ้านที่หนึ่งทีไรได้ทุ๊กที
ป๋านันคนข้างบนที่กระทู้ติดกัน
ผมก็ลอกมาหลายตัวแล้ว...ฮ่า...
ใหม่ๆก็ไม่ชินครับ
ลอกไปลอกไปก็ชินไปเอง...ฮ่า...
เลือกเองทีไรโดนทุ๊กที
ลอกการบ้านที่หนึ่งทีไรได้ทุ๊กที
ป๋านันคนข้างบนที่กระทู้ติดกัน
ผมก็ลอกมาหลายตัวแล้ว...ฮ่า...
ใหม่ๆก็ไม่ชินครับ
ลอกไปลอกไปก็ชินไปเอง...ฮ่า...
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- picklife
- Verified User
- โพสต์: 2565
- ผู้ติดตาม: 0
++++++ออกมาเตือนน้องๆเกี่ยวกับการลงทุนครับ!!!!!!!!+++++++++
โพสต์ที่ 26
555+ เข้าใจเปลียบเทียบtn143 เขียน:การลอกการบ้าน ต้องลอกให้ถูกจังหวะด้วยครับ
เห็นเซียนเขียน ก็ต้องรีบเขียนในระดับใกล้ๆกัน
แต่ถ้าเซียนหยิบยางลบ แล้วไม่ทันดู อย่างนี้ซวย
ว่าแต่Avatarคุณtn143เห็นทีไรเสียวจี๊ด 555+
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
-
- Verified User
- โพสต์: 210
- ผู้ติดตาม: 0
++++++ออกมาเตือนน้องๆเกี่ยวกับการลงทุนครับ!!!!!!!!+++++++++
โพสต์ที่ 27
เวลาผมลอกข้อสอบเพื่อน
ถ้าเห็นมันตอบ ก.
ผมจะเอามาคิดด้วยตัวเองก่อนว่า ก. จะถูกหรือไม่
วิเคราะห์ด้วยตัวเองอีกที
บางทีตัวเลือกที่เพื่อนตอบมันก็เป็นไกด์ให้เราคิดออกด้วยตัวเองครับ
แต่เวลาลอกหุ้น
ก็โหลดงบมานั่งอ่าน นั่งแคะแกะเกาทุกครั้งเช่นกัน
กำหนดราคาที่จะเข้าเก็บด้วยตัวเอง
บางครั้งตัวไหนไม่ถูกใจก็ปล่อยไปครับ
ต้นทุนต่างกัน ต่างเวลาต่างโอกาส
ยังไงคนตัดสินใจ และจะได้กำไรหรือขาดทุน ก็คือตัวเรา
อย่างที่เค้าบอกนั่นแหละครับ
คิดบวก คิดตาม แล้วจึงจะคิดเป็น
ลอกแล้วคิด
วันหน้าก็จะคิดเองได้
แต่ถ้าสักแต่ลอก สอบไล่มาก็คงตกแน่ๆครับ
ถ้าเห็นมันตอบ ก.
ผมจะเอามาคิดด้วยตัวเองก่อนว่า ก. จะถูกหรือไม่
วิเคราะห์ด้วยตัวเองอีกที
บางทีตัวเลือกที่เพื่อนตอบมันก็เป็นไกด์ให้เราคิดออกด้วยตัวเองครับ
แต่เวลาลอกหุ้น
ก็โหลดงบมานั่งอ่าน นั่งแคะแกะเกาทุกครั้งเช่นกัน
กำหนดราคาที่จะเข้าเก็บด้วยตัวเอง
บางครั้งตัวไหนไม่ถูกใจก็ปล่อยไปครับ
ต้นทุนต่างกัน ต่างเวลาต่างโอกาส
ยังไงคนตัดสินใจ และจะได้กำไรหรือขาดทุน ก็คือตัวเรา
อย่างที่เค้าบอกนั่นแหละครับ
คิดบวก คิดตาม แล้วจึงจะคิดเป็น
ลอกแล้วคิด
วันหน้าก็จะคิดเองได้
แต่ถ้าสักแต่ลอก สอบไล่มาก็คงตกแน่ๆครับ
- picklife
- Verified User
- โพสต์: 2565
- ผู้ติดตาม: 0
++++++ออกมาเตือนน้องๆเกี่ยวกับการลงทุนครับ!!!!!!!!+++++++++
โพสต์ที่ 28
[quote="leonleon"]เวลาผมลอกข้อสอบเพื่อน
ถ้าเห็นมันตอบ ก.
ผมจะเอามาคิดด้วยตัวเองก่อนว่า ก. จะถูกหรือไม่
วิเคราะห์ด้วยตัวเองอีกที
บางทีตัวเลือกที่เพื่อนตอบมันก็เป็นไกด์ให้เราคิดออกด้วยตัวเองครับ
แต่เวลาลอกหุ้น
ก็โหลดงบมานั่งอ่าน นั่งแคะแกะเกาทุกครั้งเช่นกัน
กำหนดราคาที่จะเข้าเก็บด้วยตัวเอง
บางครั้งตัวไหนไม่ถูกใจก็ปล่อยไปครับ
ต้นทุนต่างกัน ต่างเวลาต่างโอกาส
ยังไงคนตัดสินใจ และจะได้กำไรหรือขาดทุน ก็คือตัวเรา
อย่างที่เค้าบอกนั่นแหละครับ
คิดบวก
ถ้าเห็นมันตอบ ก.
ผมจะเอามาคิดด้วยตัวเองก่อนว่า ก. จะถูกหรือไม่
วิเคราะห์ด้วยตัวเองอีกที
บางทีตัวเลือกที่เพื่อนตอบมันก็เป็นไกด์ให้เราคิดออกด้วยตัวเองครับ
แต่เวลาลอกหุ้น
ก็โหลดงบมานั่งอ่าน นั่งแคะแกะเกาทุกครั้งเช่นกัน
กำหนดราคาที่จะเข้าเก็บด้วยตัวเอง
บางครั้งตัวไหนไม่ถูกใจก็ปล่อยไปครับ
ต้นทุนต่างกัน ต่างเวลาต่างโอกาส
ยังไงคนตัดสินใจ และจะได้กำไรหรือขาดทุน ก็คือตัวเรา
อย่างที่เค้าบอกนั่นแหละครับ
คิดบวก
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
++++++ออกมาเตือนน้องๆเกี่ยวกับการลงทุนครับ!!!!!!!!+++++++++
โพสต์ที่ 30
มันเป็นยังไงครับเนี่ยวิธีที่ว่า พอจะขยายความได้ไหมครับท่าน picklifepicklife เขียน:อย่าเพิ่งคิดว่าผมเก่งขึ้นนะครับ ผลเปลี่ยนมาใช้วิธี ควายกินไข่งู ตะหาก 5555+
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว