มาบตะพุด
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4740
- ผู้ติดตาม: 0
มาบตะพุด
โพสต์ที่ 1
ผลการประชุมคณะทำงานแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของมาบตาพุด ครั้งที่ 2/2552
มติคณะรัฐมนตรี -- 4 นาทีที่แล้ว
คณะรัฐมนตรีรับทราบผลการประชุมคณะทำงานแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของมาบตาพุด ครั้งที่ 2/2552 และเห็นชอบในหลักการเพื่อดำเนินโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของมาบตาพุด และพื้นที่ในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553-2555 รวม 5 โครงการ วงเงินรวม 877,031,500 ล้านบาท ตามที่คณะทำงานแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของมาบตาพุด เสนอ
สำหรับงบประมาณอนุมัติให้ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 405,236,000 ล้านบาท สำหรับ 4 โครงการ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
1) โครงการก่อสร้างขยายเขตจำหน่ายน้ำประปา พื้นที่อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง จำนวน 134,541,200 บาท
2) โครงการก่อสร้างปรับปรุงท่อและขยายขอบเขตจำหน่ายน้ำ พื้นที่เทศบาลเมืองมาบตาพุดและเทศบาลเมืองบ้านฉาง จำนวน 173,187,900 บาท
3) โครงการพัฒนาศักยภาพการให้บริการของโรงพยาบาลในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง จำนวน 73,278,100 บาท โดยผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554-2555 จำนวน 73,672,500 บาท และ 25,672,500 บาท ตามลำดับ รวมเป็นเงิน 172,623,100 บาท
4) โครงการตรวจสุขภาพและเฝ้าระวังโรคของประชาชนในเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง จำนวน 24,228,800 บาท
ทั้งนี้ ให้การประปาส่วนภูมิภาค และสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนกรณีมีโครงการซึ่งจะต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อเนื่อง ซึ่งแจ้งว่าจะใช้เงินจำนวน 97,693,800 บาท ให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554-2555 ตามความจำเป็นต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 1 ธันวาคม 2552 --จบ--
มติคณะรัฐมนตรี -- 4 นาทีที่แล้ว
คณะรัฐมนตรีรับทราบผลการประชุมคณะทำงานแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของมาบตาพุด ครั้งที่ 2/2552 และเห็นชอบในหลักการเพื่อดำเนินโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของมาบตาพุด และพื้นที่ในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553-2555 รวม 5 โครงการ วงเงินรวม 877,031,500 ล้านบาท ตามที่คณะทำงานแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของมาบตาพุด เสนอ
สำหรับงบประมาณอนุมัติให้ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 405,236,000 ล้านบาท สำหรับ 4 โครงการ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
1) โครงการก่อสร้างขยายเขตจำหน่ายน้ำประปา พื้นที่อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง จำนวน 134,541,200 บาท
2) โครงการก่อสร้างปรับปรุงท่อและขยายขอบเขตจำหน่ายน้ำ พื้นที่เทศบาลเมืองมาบตาพุดและเทศบาลเมืองบ้านฉาง จำนวน 173,187,900 บาท
3) โครงการพัฒนาศักยภาพการให้บริการของโรงพยาบาลในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง จำนวน 73,278,100 บาท โดยผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554-2555 จำนวน 73,672,500 บาท และ 25,672,500 บาท ตามลำดับ รวมเป็นเงิน 172,623,100 บาท
4) โครงการตรวจสุขภาพและเฝ้าระวังโรคของประชาชนในเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง จำนวน 24,228,800 บาท
ทั้งนี้ ให้การประปาส่วนภูมิภาค และสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนกรณีมีโครงการซึ่งจะต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อเนื่อง ซึ่งแจ้งว่าจะใช้เงินจำนวน 97,693,800 บาท ให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554-2555 ตามความจำเป็นต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 1 ธันวาคม 2552 --จบ--
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- newbie_12
- Verified User
- โพสต์: 2904
- ผู้ติดตาม: 0
มาบตะพุด
โพสต์ที่ 5
ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาคดีที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และบริษัท เหมราช อีสเทิร์นซีบอร์ด อินดัสเตรียล เอสเตท จำกัด อุทธรณ์คำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ระงับการลงทุน 76 โครงการ ที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชน โดยพิพากษาให้แก้คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ระงับทั้ง 76 โครงการ ว่า โครงการที่เป็นอุตสาหกรรมสะอาดสามารถดำเนินการต่อไปได้ เช่น โครงการลำดับที่ 16 22 37 41 45 50 และ 54 ซึ่งในส่วนของคมนาคม คือ โครงการลำดับที่ 2 3 4 และ 6
นอกจากนั้น โครงการที่ไม่ผ่านในเรื่องผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมต่อชุมชน ยังต้องพิจารณาและให้ชะลอโครงการออกไปก่อน
นอกจากนั้น โครงการที่ไม่ผ่านในเรื่องผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมต่อชุมชน ยังต้องพิจารณาและให้ชะลอโครงการออกไปก่อน
.
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4740
- ผู้ติดตาม: 0
มาบตะพุด
โพสต์ที่ 6
ฟังมาคร่าวๆ พวกที่ส่งเสริมการรักษาสิ่งแวดล้อม และไม่เ้กี่ยวกับมลพิษ 11 โครงการ รอดตัว
ส่วนที่เหลือต้องไปปฏิบัติตาม มาตรา 67 ครับ
ส่วนที่เหลือต้องไปปฏิบัติตาม มาตรา 67 ครับ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- tummeng
- Verified User
- โพสต์: 3665
- ผู้ติดตาม: 0
มาบตะพุด
โพสต์ที่ 8
เปิดโผ 11 โครงการลงทุนในมาบตาพุด ที่ศาลฯให้สามารถเดินหน้าได้ มีโครงการแยกก๊าซแห่งที่ 6 ของ ปตท. -โรงกลั่นน้ำมันระยอง -สตาร์ปิโตรเลียมฯ
รายงานข่าวจากศาลปกครองสูงสุด เปิดเผยว่า 11 โครงการลงทุนในนิคม
อุตสาหกรรมมาบตาพุด ที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ดำเนินการลงทุนต่อไปได้เนื่อง
จากโครงการดังกล่าวไม่น่าจะก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรง แต่เป็นโครงการที่มุ่ง
ควบคุมหรือบำบัดมลพิษ หรือติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมเท่านั้น มีดังนี้
1.โครงการเชื้อเพลิงสะอาด และปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์ บมจ.โรงกลั่น
น้ำมันระยอง 2. โครงการปรับปรุงระบบหมุนเวียนก๊าซกลับคืนของโรงงานผลิตเม็ด
พลาสติก ชนิด โพลีโพรพิลีน บริษัท เอ็ชเอ็มซี โปลีเมอร์ส จำกัด 3. โครงการผลิต
เชื้อเพลิงสะอาด ติดตั้งหน่วยควบคุมไอน้ำมันเชื้อเพลิง และเพิ่มผลิตภัณฑ์ไบโอ
ดีเซล บริษัทสตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง 4.โครงการติดตั้งระบบควบคุมไอน้ำมันเชื้อ
เพลิง และเพิ่มประเภทผลิตภัณฑ์ไบโอดีเซล บมจ.ปตท.อะโรเมติกส์ และการกลั่น
5.การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและ
ระบบบำบัดมลพิษทางอากาศ โรงงานผลิต Purified Terephthalic Acid บริษัท อิน
โดรามา ปิโตรเคม จำกัด
6. โครงการโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 6 บมจ.ปตท. 7.
การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโรงงานผลิตคลอ-อัลคาลี และ อีพิคลอโรไฮดริน และ
การปรับเปลี่ยนขนาดถึงบรรจุคลอลีนเหลว บริษัท อดิตยา เบอร์ล่า เคมีคัลส์
(ประเทศไทย) จำกัด 8.โครงการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งและขนาดถังวัตถุดิบและ
ผลิตภัณฑ์ บริษัท มาบตาพุดแท็งค์ เทอร์มินัล จำกัด 9. โครงการเปลี่ยนแปลงราย
ละเอียด โครงการท่าเทียบเรือและโครงการผลิตภัณฑ์บมจ.ปตท. เคมิคอล
10. รายงานการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการขยายท่าเทียบเรือขนถ่าย
สารปิโตรเคมี และคลังเก็บวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ บริษัท มาบตาพุดแท็งค์ เทอร์มินัล
และ 11.โครงการติดตั้ง Loading Arm เพิ่มเติมที่ท่าเทียบเรือของโรงกลั่นน้ำมันสตาร์
บริษัท สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด
รายงาน โดย ปิยะณัฐ สวนอภัย
เรียบเรียง โดย พรทิพย์ พลสิทธิ์
อนุมัติ โดย พิมพ์รภัส ศิริไพรวัน
อีเมล์แสดงความคิดเห็น [email protected]
ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 02/12/09 เวลา 15:19:48
รายงานข่าวจากศาลปกครองสูงสุด เปิดเผยว่า 11 โครงการลงทุนในนิคม
อุตสาหกรรมมาบตาพุด ที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ดำเนินการลงทุนต่อไปได้เนื่อง
จากโครงการดังกล่าวไม่น่าจะก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรง แต่เป็นโครงการที่มุ่ง
ควบคุมหรือบำบัดมลพิษ หรือติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมเท่านั้น มีดังนี้
1.โครงการเชื้อเพลิงสะอาด และปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์ บมจ.โรงกลั่น
น้ำมันระยอง 2. โครงการปรับปรุงระบบหมุนเวียนก๊าซกลับคืนของโรงงานผลิตเม็ด
พลาสติก ชนิด โพลีโพรพิลีน บริษัท เอ็ชเอ็มซี โปลีเมอร์ส จำกัด 3. โครงการผลิต
เชื้อเพลิงสะอาด ติดตั้งหน่วยควบคุมไอน้ำมันเชื้อเพลิง และเพิ่มผลิตภัณฑ์ไบโอ
ดีเซล บริษัทสตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง 4.โครงการติดตั้งระบบควบคุมไอน้ำมันเชื้อ
เพลิง และเพิ่มประเภทผลิตภัณฑ์ไบโอดีเซล บมจ.ปตท.อะโรเมติกส์ และการกลั่น
5.การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและ
ระบบบำบัดมลพิษทางอากาศ โรงงานผลิต Purified Terephthalic Acid บริษัท อิน
โดรามา ปิโตรเคม จำกัด
6. โครงการโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 6 บมจ.ปตท. 7.
การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโรงงานผลิตคลอ-อัลคาลี และ อีพิคลอโรไฮดริน และ
การปรับเปลี่ยนขนาดถึงบรรจุคลอลีนเหลว บริษัท อดิตยา เบอร์ล่า เคมีคัลส์
(ประเทศไทย) จำกัด 8.โครงการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งและขนาดถังวัตถุดิบและ
ผลิตภัณฑ์ บริษัท มาบตาพุดแท็งค์ เทอร์มินัล จำกัด 9. โครงการเปลี่ยนแปลงราย
ละเอียด โครงการท่าเทียบเรือและโครงการผลิตภัณฑ์บมจ.ปตท. เคมิคอล
10. รายงานการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการขยายท่าเทียบเรือขนถ่าย
สารปิโตรเคมี และคลังเก็บวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ บริษัท มาบตาพุดแท็งค์ เทอร์มินัล
และ 11.โครงการติดตั้ง Loading Arm เพิ่มเติมที่ท่าเทียบเรือของโรงกลั่นน้ำมันสตาร์
บริษัท สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด
รายงาน โดย ปิยะณัฐ สวนอภัย
เรียบเรียง โดย พรทิพย์ พลสิทธิ์
อนุมัติ โดย พิมพ์รภัส ศิริไพรวัน
อีเมล์แสดงความคิดเห็น [email protected]
ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 02/12/09 เวลา 15:19:48
- newbie_12
- Verified User
- โพสต์: 2904
- ผู้ติดตาม: 0
มาบตะพุด
โพสต์ที่ 9
โึครงการที่ไม่ถูกระงับกับมาบตาพุด vote [ถูกใจ] [แจ้งลบ]
16. โครงการเชื้อเพลิงสะอาดและปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์ (โรงกลั่นน้ำมันระยอง)
22. โครงการปรับปรุงระบบหมุนเวียนก๊าซกลับคืนของโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกชนิดโพลีโพรพิลีน (
บริษัทเอ็ชเอ็มซี โปลีเมอร์)
37. โครงการผลิตเชื้อเพลิงสะอาด ติดตั้งหน่วยควบคุมไอน้ำมันเชื้อเพลิง และเพิ่มประเภท
ผลิตภัณฑ์ไบโอดีเซล (STAR ปิโตรเลียม)
41. โครงการติดตั้งระบบควบคุมไอน้ำมันเชื้อเพลิง และเพิ่มประเภทผลิตภัณฑ์ไบโอดีเซล
(PTTAR)
45. การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการปรับปรุงเพื้อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และระบบบำบัดมล
พิษทางอากาศ โรงงานผลิต PTA (IRP)
50. โครงการโรงแยกแก๊ซธรรมชาติ หน่วยที่ 6 (PTT)
54. การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโรงงานผลิตคลอลีน (บริษัทอดิตยา เบอร์ล่า เคมีคัลล์)
2. โครงการขยายส่วนผลิตเหล็กแผ่นปรับสภาพผิว (GSTEEL)
3. โครงการโรงงานผลิตสารเอทานอลเอมีน (บริษัทไทยเอทานอล เอมีน)
4. โครงการโรงผลิตอีพอกซี (บริษัทอดิตยา เบอร์ล่า เคมีคัลล์)
6. โครงการโรงงานผลิตแผ่นเหล็กเคลือบผิวส่วนขยาย (บริษัทสยามแผ่นเหล็กวิลาส)
-----
เย้ๆๆๆ IRP รอด
16. โครงการเชื้อเพลิงสะอาดและปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์ (โรงกลั่นน้ำมันระยอง)
22. โครงการปรับปรุงระบบหมุนเวียนก๊าซกลับคืนของโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกชนิดโพลีโพรพิลีน (
บริษัทเอ็ชเอ็มซี โปลีเมอร์)
37. โครงการผลิตเชื้อเพลิงสะอาด ติดตั้งหน่วยควบคุมไอน้ำมันเชื้อเพลิง และเพิ่มประเภท
ผลิตภัณฑ์ไบโอดีเซล (STAR ปิโตรเลียม)
41. โครงการติดตั้งระบบควบคุมไอน้ำมันเชื้อเพลิง และเพิ่มประเภทผลิตภัณฑ์ไบโอดีเซล
(PTTAR)
45. การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการปรับปรุงเพื้อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และระบบบำบัดมล
พิษทางอากาศ โรงงานผลิต PTA (IRP)
50. โครงการโรงแยกแก๊ซธรรมชาติ หน่วยที่ 6 (PTT)
54. การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโรงงานผลิตคลอลีน (บริษัทอดิตยา เบอร์ล่า เคมีคัลล์)
2. โครงการขยายส่วนผลิตเหล็กแผ่นปรับสภาพผิว (GSTEEL)
3. โครงการโรงงานผลิตสารเอทานอลเอมีน (บริษัทไทยเอทานอล เอมีน)
4. โครงการโรงผลิตอีพอกซี (บริษัทอดิตยา เบอร์ล่า เคมีคัลล์)
6. โครงการโรงงานผลิตแผ่นเหล็กเคลือบผิวส่วนขยาย (บริษัทสยามแผ่นเหล็กวิลาส)
-----
เย้ๆๆๆ IRP รอด
.
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4740
- ผู้ติดตาม: 0
มาบตะพุด
โพสต์ที่ 11
ผมนึกว่ามีเฉพาะ กรมบังคับคดี ผู้มีอำนาจ อกกหนังสือให้ลูกความทำตามคำสั่งศาล สมาคมฯ นี้ใหญ่ หนอส.ลดภาวะโลกร้อนน้อมรับคำสั่งศาล, รอ 181โครงการหากเพิกเฉยจะฟ้องต้นปี 53
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 1 ชั่วโมง 6 นาทีที่แล้ว
นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน น้อมรับคำสั่งศาลปกครองสูง สุดในวันนี้ เนื่องจากเห็นว่าทั้ง 11 โครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดที่ศาลอนุญาตให้ดำเนินการต่อนั้นไม่ ได้ส่งผลกระทบด้านมลพิษ แต่โครงการอื่นๆ ที่เหลืออีก 65 โครงการ ก็ไม่ได้เป็นการปิดกั้นการลงทุน หากดำเนินตามขั้นตอนครบถ้วนตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรค 2 กำหนดไว้ ก็สามารถจะยื่นขอออกจากมาตรการคุ้มครองชั่วคราวได้ในภายหลัง
"ยอมรับ เป็นไปตามคาดว่าศาลจะคุ้มครองในเรื่องของสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ไม่เฉพาะแต่โครงการในมาบตาพุดเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปยังพื้นที่ทั่วประเทศด้วย"นายศรีสุวรรณ ระบุ
ส่วนการตรวจสอบโครงการลงทุนอีก 181 โครงการทั่วประเทศนั้น ทางสมาคมฯ ได้ทำหนังสือแจ้งให้เจ้าของโครงการไปดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว ซึ่งจะรอเวลาประมาณ 1 เดือนเพื่อสรุปผล หากโครงการใดเพิกเฉยที่จะปฏิบัติตามกฎหมาย สมาคมฯ จะดำเนินการตามแนวทางของศาลปกครองที่ได้ให้ไว้ในวันนี้ต่อไป
"หลังปีใหม่จะพิจารณา หากโครงการใดยังเพิกเฉยก็จะดำเนินการตามแนวทางที่ศาลปกครองให้ได้" นายศรีสุวรรณ กล่าว
นายศรีสุวรรณ ยังออกมาเรียกร้องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาชุดที่ 1 และชุดที่ 5 ออกมาแสดงความรับผิดชอบ หลังจากได้วินิจฉัยว่าโครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดทั้ง 76 โครงการสามารถดำเนินการต่อไปได้ เนื่องจากยังไม่มีกฎหมายลูกออกมา ซึ่งการวินิจฉัยของกฤษฎีกาดังกล่าว ถือว่าขัดต่อคำสั่งของศาลปกครองสูง สุดในวันนี้ เพราะแม้ยังไม่มีกฎหมายกำหนดในรายละเอียดเรื่องนั้นๆ ก็ตาม แต่ตามเจตนารมย์ของกฎหมายจะต้องคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในเรื่อง ของสุขภาพ และสิ่งแวดล้อม
ด้านนายสุทธิ อัชฌาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก ระบุว่า ยอมรับได้และพอใจกับคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดในวันนี้ และคำตัดสินดังกล่าวก็เป็นไปตามที่ทางเครือข่ายฯ ได้คาดการณ์ไว้แล้ว ซึ่งศาลปกครองสูง สุดได้ดำเนินการไปตามรัฐธรรมนูญเพื่อไม่ให้ประชาชนและชุมชนในมาบตาพุดต้อง ได้รับความเดือดร้อน อีกทั้ง 11 โครงการลงทุนที่ศาลเห็นควรให้ดำเนินการต่อไปได้นั้น มีการประเมินแล้วว่าเป็นโครงการที่ช่วยลดมลพิษให้แก่ชุมชนได้
นายสุทธิ กล่าวว่า การตัดสินของศาลปกครองสูง สุดถือว่าเป็นการตัดสินที่ดีที่สุดแล้ว และต้องการให้เป็นแบบอย่างในการปฏิบัติแก่ภาครัฐต่อไปในอนาคตสำหรับการ พิจารณาอนุมัติโครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ที่จำเป็นต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ตลอดจนให้ความสำคัญกับสุขภาพอนามัยของประชาชนในชุมชนด้วย
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- newbie_12
- Verified User
- โพสต์: 2904
- ผู้ติดตาม: 0
มาบตะพุด
โพสต์ที่ 17
**ระงับชั่วคราว 65 โครงการ
นายเกษม กล่าวว่า จากการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด เห็นว่า คำฟ้องที่ขอให้ระงับ โครงการในมาบตาพุดชั่วคราวนั้น ถือว่าเป็นคดีที่มีมูล ซึ่งสามารถยื่นฟ้องได้ ขณะที่เห็นว่าการสั่งระงับโครงการในมาบตาพุดนั้น แม้ฝ่ายผู้ถูกฟ้องจะแย้งว่า กระทบต่อการบริหารของรัฐบาล
แต่ศาลฯเห็นว่า เป็นผลสืบเนื่องจากความล่าช้าของหน่วยงานภาคครัฐ
ที่ไม่ดำเนินการให้โครงการปฏิบัติตามกฏหมายมาตรา 67 วรรคสอง แห่งรัฐธรรมนูญ
อีกทั้งการที่ศาลปกครองกลางออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ให้ระงับโครงการชั่วคราวนั้นยัง ถือเป็นการแก้ปัญหาในระยะยาว เพื่อไม่ให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบในด้านสุขภาพ อนามัยและ
เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จนยากที่จะเยียวยาแก้ไขให้กลับมาดีได้
ส่วนกรณีที่ผู้ถูกฟ้อง ระบุว่า การดำเนินการของหน่วยงานภาครัฐที่ให้โครงการเปิดทำการได้นั้น มีการตีความของคณะกรรมการกฤษฏีกาแล้ว ว่า สามารถทำได้นั้น ศาลปกครองสูงสุด เห็นว่า ในประเด็น มาตรา 67 วรรคสองนั้น ศาลรัฐธรรมนูญได้เคยวินิจฉัยแล้ว ว่าโครงการใดที่เข้าข่ายจะสร้างผลกระทบที่รุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ต้องปฏิบัติตามกฏหมายมาตราดังกล่าว
นอกจากนี้ กฏหมายรัฐธรรมนูญ ถือเป็นกฏหมายสุด ซึ่งกฤษฏีกาก็ต้องผูกพันและยึดตามกฏหมาย รัฐธรรมนูญดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ โครงการที่ถูกสั่งระงับชั่วคราว เช่น โครงการขยายกำลังการผลิตเหล็ก, โครงการ ผลิตสารเอทธิลีนออกไซด์ สารอคริโลไนโตรล์ บิสฟีนอลเอ และโพลีเอทีลีน
ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 กำหนดให้โรงงานที่อาจก่อผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง นอกจากจะต้องทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) แล้วยังต้องได้รับความเห็นชอบเรื่องรายงานผลกระทบด้านสุขภาพ (HIA) รวมถึงมีกระบวนการรับฟังความเห็นในพื้นที่ และต้องได้รับความ เห็นจากองค์กรอิสระสิ่งแวดล้อมและสุขภาพด้วย
-----------------------------------------------------
ต้องได้รับความเห็นชอบไม่ต่ำกว่า 4 องค์กร และคงไม่พ้น NGO ที่ไม่เคยจะเอาอะไรเลย เขื่อนก็ไม่เอา โรงไฟฟ้าก็ไม่เอา โรงเหล็กก็ไม่เอา
สงสัยต้องพับโครงการและก้มหน้ารับกรรมกันต่อไป เลือกประเทศเกิดไม่ได้ก็แบบนี้
นายเกษม กล่าวว่า จากการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด เห็นว่า คำฟ้องที่ขอให้ระงับ โครงการในมาบตาพุดชั่วคราวนั้น ถือว่าเป็นคดีที่มีมูล ซึ่งสามารถยื่นฟ้องได้ ขณะที่เห็นว่าการสั่งระงับโครงการในมาบตาพุดนั้น แม้ฝ่ายผู้ถูกฟ้องจะแย้งว่า กระทบต่อการบริหารของรัฐบาล
แต่ศาลฯเห็นว่า เป็นผลสืบเนื่องจากความล่าช้าของหน่วยงานภาคครัฐ
ที่ไม่ดำเนินการให้โครงการปฏิบัติตามกฏหมายมาตรา 67 วรรคสอง แห่งรัฐธรรมนูญ
อีกทั้งการที่ศาลปกครองกลางออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ให้ระงับโครงการชั่วคราวนั้นยัง ถือเป็นการแก้ปัญหาในระยะยาว เพื่อไม่ให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบในด้านสุขภาพ อนามัยและ
เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จนยากที่จะเยียวยาแก้ไขให้กลับมาดีได้
ส่วนกรณีที่ผู้ถูกฟ้อง ระบุว่า การดำเนินการของหน่วยงานภาครัฐที่ให้โครงการเปิดทำการได้นั้น มีการตีความของคณะกรรมการกฤษฏีกาแล้ว ว่า สามารถทำได้นั้น ศาลปกครองสูงสุด เห็นว่า ในประเด็น มาตรา 67 วรรคสองนั้น ศาลรัฐธรรมนูญได้เคยวินิจฉัยแล้ว ว่าโครงการใดที่เข้าข่ายจะสร้างผลกระทบที่รุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ต้องปฏิบัติตามกฏหมายมาตราดังกล่าว
นอกจากนี้ กฏหมายรัฐธรรมนูญ ถือเป็นกฏหมายสุด ซึ่งกฤษฏีกาก็ต้องผูกพันและยึดตามกฏหมาย รัฐธรรมนูญดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ โครงการที่ถูกสั่งระงับชั่วคราว เช่น โครงการขยายกำลังการผลิตเหล็ก, โครงการ ผลิตสารเอทธิลีนออกไซด์ สารอคริโลไนโตรล์ บิสฟีนอลเอ และโพลีเอทีลีน
ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 กำหนดให้โรงงานที่อาจก่อผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง นอกจากจะต้องทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) แล้วยังต้องได้รับความเห็นชอบเรื่องรายงานผลกระทบด้านสุขภาพ (HIA) รวมถึงมีกระบวนการรับฟังความเห็นในพื้นที่ และต้องได้รับความ เห็นจากองค์กรอิสระสิ่งแวดล้อมและสุขภาพด้วย
-----------------------------------------------------
ต้องได้รับความเห็นชอบไม่ต่ำกว่า 4 องค์กร และคงไม่พ้น NGO ที่ไม่เคยจะเอาอะไรเลย เขื่อนก็ไม่เอา โรงไฟฟ้าก็ไม่เอา โรงเหล็กก็ไม่เอา
สงสัยต้องพับโครงการและก้มหน้ารับกรรมกันต่อไป เลือกประเทศเกิดไม่ได้ก็แบบนี้
.
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
- Joga Bonito
- Verified User
- โพสต์: 278
- ผู้ติดตาม: 0
มาบตะพุด
โพสต์ที่ 21
[quote="newbie_12"][quote="farmer"][quote="newbie_12"]**ระงับชั่วคราว 65 โครงการ
- tea_for_two
- Verified User
- โพสต์: 216
- ผู้ติดตาม: 0
มาบตะพุด
โพสต์ที่ 23
m(_ _)mลองถามตัวเองดูซิว่า เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในช่วง 2 ถึง 3 ปีนี้ ทำลายความมั่นใจของต่างชาติมากน้อยแค่ไหน
勝利は苦しさを越えて
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 0
มาบตะพุด
โพสต์ที่ 24
สารพิษตอนนี้เกิดจากโรงงานเก่า น่าจะแก้ที่ตรงนี้ ไม่น่าไปห้ามโรงงานใหม่
เหมือนแก้กันไม่ตรงจุด
เหมือนแก้กันไม่ตรงจุด
-
- Verified User
- โพสต์: 97
- ผู้ติดตาม: 0
มาบตะพุด
โพสต์ที่ 25
ผิดรัฐธรรมนูญปี 50 มาตรา 67 วรรคสอง
อ่านดูแล้ว แทบไม่มีอะไร พวกสมาคมฯ พวกนี้ เล่นแง่ กม. เพื่ออะไร
ศาลปกครองก็ตีความตาม รัฐธรรมนูญปี 50 ก็ต้องน้อมรับ
อีกหน่อยพวก NGO ตั้งสมาคมคุ้มครองมลภาวะทางเสียง มลภาวะทางอากาศ ฟ้องศาลปกครอง สั่งคุ้มครองชั่วคราว ปิดสนามบิน ปิดสถานีรถไฟ ปิดชั่วคราว ปิดกันให้สนุกเลย
คุ้มครองชั่วคราวโรงงาน คุ้มครองชั่วคราวสนามบิน สถานีรถไฟ คุ้มครองกันทั้งประเทศ
ไปเชื่อพวก NGO พวกสมาคมฯ ต่อต้านทุกเรื่อง ไม่เอาซักอย่าง ไม่ต้องสร้างเขื่อน ไม่ต้องสร้างโรงไฟฟ้า ไม่ต้องสร้างโรงงาน ไม่เซ็น MOU ไม่แปรรูป ไม่ไม่ไม่ อีกหน่อยประเทศคงเจริญฮวบๆ
เฮ้อ ประเทศสารขัณฑ์ มีแต่ผู้ดี จริยะธรรมสูงส่ง
อ่านดูแล้ว แทบไม่มีอะไร พวกสมาคมฯ พวกนี้ เล่นแง่ กม. เพื่ออะไร
ศาลปกครองก็ตีความตาม รัฐธรรมนูญปี 50 ก็ต้องน้อมรับ
อีกหน่อยพวก NGO ตั้งสมาคมคุ้มครองมลภาวะทางเสียง มลภาวะทางอากาศ ฟ้องศาลปกครอง สั่งคุ้มครองชั่วคราว ปิดสนามบิน ปิดสถานีรถไฟ ปิดชั่วคราว ปิดกันให้สนุกเลย
คุ้มครองชั่วคราวโรงงาน คุ้มครองชั่วคราวสนามบิน สถานีรถไฟ คุ้มครองกันทั้งประเทศ
ไปเชื่อพวก NGO พวกสมาคมฯ ต่อต้านทุกเรื่อง ไม่เอาซักอย่าง ไม่ต้องสร้างเขื่อน ไม่ต้องสร้างโรงไฟฟ้า ไม่ต้องสร้างโรงงาน ไม่เซ็น MOU ไม่แปรรูป ไม่ไม่ไม่ อีกหน่อยประเทศคงเจริญฮวบๆ
เฮ้อ ประเทศสารขัณฑ์ มีแต่ผู้ดี จริยะธรรมสูงส่ง
- dabudara
- Verified User
- โพสต์: 77
- ผู้ติดตาม: 0
มาบตะพุด
โพสต์ที่ 27
ก็น้อมรับคำตัดสินกันไป แต่จากนี้ไปจะทำกันอย่างไร
- โรงงานที่ยังคงถูกระงับอยู่ ก็ต้องไปทำ EIA HIA ใหม่?
- ตั้งองค์กรอิสระด้านสิ่งแวดล้อม เมื่อไหร่ถึงจะเสร็จ ใครจะเป็นเจ้าภาพ?
- โรงงานที่ได้รับอนุญาตก่อนรัฐธรรมนูญปี 50 จะมีผลบังคับใช้ ต้องปฏิบัติตามหรือเปล่า
- โรงงานเก่าที่ต้องการจะขอต่อใบอนุญาต หรือโรงงานที่จะขอเปิดสร้างใหม่ จะขออนุญาตกรมโรงงานอุตสาหกรรมดี หรือขออนุญาิตสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนดีกว่า ถ้าสมาคมเค้า say yes ก็สร้างได้ อนุมัติ
ถ้าทุกอย่างคลุมเครือ ไม่ชัดเจน คงไม่มีใครอยากเข้ามาลงทุน
และตอนนี้อีก 181 โครงการคงหนาวๆร้อนๆ เพราะเค้าจะยื่นฟ้องต่อแล้ว
- โรงงานที่ยังคงถูกระงับอยู่ ก็ต้องไปทำ EIA HIA ใหม่?
- ตั้งองค์กรอิสระด้านสิ่งแวดล้อม เมื่อไหร่ถึงจะเสร็จ ใครจะเป็นเจ้าภาพ?
- โรงงานที่ได้รับอนุญาตก่อนรัฐธรรมนูญปี 50 จะมีผลบังคับใช้ ต้องปฏิบัติตามหรือเปล่า
- โรงงานเก่าที่ต้องการจะขอต่อใบอนุญาต หรือโรงงานที่จะขอเปิดสร้างใหม่ จะขออนุญาตกรมโรงงานอุตสาหกรรมดี หรือขออนุญาิตสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนดีกว่า ถ้าสมาคมเค้า say yes ก็สร้างได้ อนุมัติ
ถ้าทุกอย่างคลุมเครือ ไม่ชัดเจน คงไม่มีใครอยากเข้ามาลงทุน
และตอนนี้อีก 181 โครงการคงหนาวๆร้อนๆ เพราะเค้าจะยื่นฟ้องต่อแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 1230
- ผู้ติดตาม: 0
มาบตะพุด
โพสต์ที่ 28
ก็ยังง ๆ อยู่ว่า ถ้าสอบผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมผ่าน (คือผ่าน EIA) แล้วจะมีผลกระทบต่อสุขภาพได้อย่างไร (ยังต้องทำ HIA)
ประเด็น คือ มีบริษัทไหนบ้างที่แหกกฎสร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม....นั่นแหละคือจำเลย
แทนที่จะเจาะจงจับผู้กระทำผิด NGO กลับฟ้องกวาดไปหมด ไม่สนใจว่าใครต้องได้รับผลกระทบต่อการฟ้องบ้าง (อย่างน้อย 11 โครงการที่ศาล ฯ ยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว น่าฟ้องกลับเรียกค่าเสียหายจริง ๆ )
**ประชาชนบอกว่า มีผลต่อสุขภาพ (แล้วทำไมคนงานบริษัทไม่เห็นร้องเลย พวกเขาไม่ได้ผลกระทบหรือ)
**NGO บอกว่า สุขภาพและสิ่งแวดล้อมสำคัญที่สุด (คนอื่นจะเป็นอย่างไรไม่สำคัญ)
**รัฐบาลบอกว่าเป็นกฎหมายใหม่ (การเมืองก็วุ่นวายมากอยู่แล้ว) เห็นใจกันบ้าง
**บริษัทต่าง ๆ บอกว่าอะไรหว่า ทำตามกฏข้อบังคับทุกอย่างแล้ว ใบอนุญาตก็ได้แล้ว ISO กี่ร้อย กี่พัน ก็ได้มาแล้ว อยู่ดี ๆ ก็มาสั่งระงับได้ ข้าผิดอะไร
**แต่ที่สำคัญที่สุดดันมากระทบนักลงทุนด้วยซิ.........วุ่นวายจริง ๆ
ประเด็น คือ มีบริษัทไหนบ้างที่แหกกฎสร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม....นั่นแหละคือจำเลย
แทนที่จะเจาะจงจับผู้กระทำผิด NGO กลับฟ้องกวาดไปหมด ไม่สนใจว่าใครต้องได้รับผลกระทบต่อการฟ้องบ้าง (อย่างน้อย 11 โครงการที่ศาล ฯ ยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว น่าฟ้องกลับเรียกค่าเสียหายจริง ๆ )
**ประชาชนบอกว่า มีผลต่อสุขภาพ (แล้วทำไมคนงานบริษัทไม่เห็นร้องเลย พวกเขาไม่ได้ผลกระทบหรือ)
**NGO บอกว่า สุขภาพและสิ่งแวดล้อมสำคัญที่สุด (คนอื่นจะเป็นอย่างไรไม่สำคัญ)
**รัฐบาลบอกว่าเป็นกฎหมายใหม่ (การเมืองก็วุ่นวายมากอยู่แล้ว) เห็นใจกันบ้าง
**บริษัทต่าง ๆ บอกว่าอะไรหว่า ทำตามกฏข้อบังคับทุกอย่างแล้ว ใบอนุญาตก็ได้แล้ว ISO กี่ร้อย กี่พัน ก็ได้มาแล้ว อยู่ดี ๆ ก็มาสั่งระงับได้ ข้าผิดอะไร
**แต่ที่สำคัญที่สุดดันมากระทบนักลงทุนด้วยซิ.........วุ่นวายจริง ๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 39
- ผู้ติดตาม: 0
อยากให้พวกมองกฏหมายผิดกลับไปคิดใหม่
โพสต์ที่ 29
ลองคิดดูถ้าบ้านเราไปตั้งอยู่ใกล้นิคมแบบนั้นและมีหุ้นของบริษัทใน 76 โครงการด้วย
เราจะเรียกร้องไหม พ่อ แม่พี่น้อง ลูก มันจะตายก่อนได้ใช้เงินจากหุ้นไหมครับ
โรงงานแถวนั้นปล่อยมลพิษ อยู่แล้ว แต่ถ้า ปล่อยให้มีเพิ่มอีก มันก็จะตายเร็วขึ้นถ้าไม่ป้องกันไว้ก่อน
เงินมันแค่กระดาษมีไว้แลกเปลี่ยนสินค้า แต่ ชีวิต มันแลกมาไม่ได้
เราจะเรียกร้องไหม พ่อ แม่พี่น้อง ลูก มันจะตายก่อนได้ใช้เงินจากหุ้นไหมครับ
โรงงานแถวนั้นปล่อยมลพิษ อยู่แล้ว แต่ถ้า ปล่อยให้มีเพิ่มอีก มันก็จะตายเร็วขึ้นถ้าไม่ป้องกันไว้ก่อน
เงินมันแค่กระดาษมีไว้แลกเปลี่ยนสินค้า แต่ ชีวิต มันแลกมาไม่ได้
GOOD
- BABY TERMITE
- Verified User
- โพสต์: 368
- ผู้ติดตาม: 0
มาบตะพุด
โพสต์ที่ 30
ถ้าอยู่มาวันนึง มีกลุ่มใหม่สมมติว่าชื่อ OGN ละกันรวมกลุ่มเรียกร้องให้คุ้มครองหยุดทำการเกษตรชั่วคราว เพราะการเกษตรมีการใช้ยาฆ่าแมลง สารเคมีปราบศัตรูพืชต่างๆมากมาย และมีการไหลปนเปื้อนสะสมลงแหล่งน้ำต่างๆมากมายส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากมาย เราจะทำยังไงกันดีล่ะนี่
ปลวกน้อยคอยวันเติบใหญ่