Why Dividends Matter จากนิตยสาร Forbes ครับ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

ล็อคหัวข้อ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ayethebing
Verified User
โพสต์: 2125
ผู้ติดตาม: 0

Why Dividends Matter จากนิตยสาร Forbes ครับ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ตัดมาให้อ่านครับ

Forbes Magazine
Why Dividends Matter
Thursday April 1, 6:32 pm ET
By David Dreman



Widow-and-orphan stocks, meaning those that pay high dividends, are back in vogue. Recent tax code changes have dropped the rate for dividends from high ordinary income levels (35% top bracket) to a maximum of 15%. The change has inspired companies to initiate or hike dividends.
But there is more. Contrary to conventional wisdom, dividend-paying stocks do better in the long run than do nonpayers--and those with the highest payouts do best of all. Sure, in the manic 1990s investors flocked to nonpayers, mainly hot tech stocks. But when you ride through years of bull and bear markets, dividend stocks have the edge. Seeking the next Dell Computer, investors pay too much for growth and wind up with disappointments.

A Standard & Poor's study of total returns (price appreciation plus dividend income) shows that payers outdistanced nonpayers by 1.9 percentage points annually from 1980 through 2003.

Another study paints an even brighter picture for dividend-issuing stocks. This study, which I conducted in collaboration with Vladimira Ilieva of the Institute of Psychology & Markets in Jersey City, N.J., looks at a broader universe of equities, the Compustat 1500 (1,500 of the largest companies trading in U.S. markets), and goes back longer, to 1970. We sliced up the 1,500 names into quintiles according to payouts and compared the top with the bottom layers (the bottom was mostly nonpayers, with the rest low-yielding issues).

The contrast is stark (see table, below). From 1970 through 2003 the top fifth of the payers had an annual 14.5% total return, while the lowest-yielding group gave you only 8.8%. The highest yielders also outperformed both the Compustat average and the S&P 500 by 1.9 and 3.2 points annually over the 34-year life of the study.

What about the past ten years, which covers the mid-1990s bubble, the bust that started in March 2000 and the (lately fitful) recovery under way since fall 2002? This period is a perfect illustration of how solid dividends can sustain you through market extremes. The stodgy old-style stocks, buoyed by their quarterly dividend checks, did very well here, too. Over the past ten years the highest-yielding stocks returned 13.3%, a full 4.2 points better than the low-yield bunch.

In fact, high-dividend payers have run ahead of the market since the start of this year, possibly indicating a swing back to better-quality equities and away from speculative high-tech issues.

Yes, anyone can quibble with these findings, but the bottom line is that both our study and S&P's show conclusively that the supposedly safe stocks delegated for widows and orphans outperform by a country mile more risky stocks bought for capital appreciation.

A caution: Although many common and preferred stocks qualify for the 15% tax rate, some stocks, like those of real estate investment trusts, do not. Before putting high-yielders in a taxable account, make sure that they qualify for the lower rate.

Here are several stocks with high yields and good prospects:

Ameren (NYSE:AEE - News) (46) is a utility that delivers electricity and gas to 2.2 million customers in Missouri and Illinois. It trades at 14 times trailing earnings. Earnings growth is in the low single digits, but its strong finances should safeguard the 5.5% yield and permit an increase.

With its coming acquisition of Fleet Boston Financial, Bank of America (NYSE:BAC - News) (80) will be the country's third-largest bank. The merger, likely to be consummated in April, should prove moderately dilutive. Nonetheless, BofA should still show earnings growth of 5% this year and in double digits next year. The stock trades 11 times earnings and yields 4.0%.

UST (NYSE:UST - News) (35) has a 70% market share in smokeless tobacco. Earnings have been growing in the low single digits in the last few years, as low-cost brands have gained. This is likely to prove a temporary phenomenon: UST is beefing up marketing and is pushing its own low-cost brand, Red Seal. It's cheap at 12 times earnings. It pays a 5.9% dividend, which has been hiked in all but one of the past 18 years.
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ayethebing
Verified User
โพสต์: 2125
ผู้ติดตาม: 0

Why Dividends Matter จากนิตยสาร Forbes ครับ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

สรุปก็คือ หุ้นที่จ่ายเงินปันผล จากงานวิจัยนี้ได้ผลตอบแทนดีกว่าหุ้นที่ไม่จ่ายเงินปันผลเค้าทำตารางมาให้ดูด้วย

Source: Dreman Value Management. Paying You to Own Them
The top-yielding 20% of the Compustat 1500 outdoes everyone else in total return (capital gains plus dividends), especially the lowest-yielding quintile--mostly nondividend payers.

ANNUALIZED TOTAL RETURNS
10-Year(1994 - 2003) 20-Year(1984 - 2003) Since Inception(1970 - 2003)

High yield 13.3% 14.7% 14.5%
(ปันผลสูง)
Low yield 9.1% 9.7% 8.8%
(ปันผลต่ำ)
S&P500 11.0% 12.9% 11.3%


อันนี้เป็นหุ้นที่อเมริกา ไม่รู้บ้านเราใครเคยมีทำสถิติอย่างนี้เหรอเปล่านะครับ พวก Broke เค้าน่าจะให้ทุนพวกนักเรียนมหาลัยในการทำวิจัยนี้นะ อยากรู้จังว่าบ้านเราเป็นไง



อิอิ เจออันนี้เพราะมีหุ้นที่เค้าพูดถึงอยู่ด้วยคือ UST ครับ

อยากดูเต็มๆ แบบไม่แปลงรูปแบบ อันนี้ครับ

http://biz.yahoo.com/fo/040401/54ee09fd ... cb6_1.html
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
Dr.T
Verified User
โพสต์: 1608
ผู้ติดตาม: 0

Why Dividends Matter จากนิตยสาร Forbes ครับ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

เหอๆๆ แล้ว berkshire hathaway ล่ะครับ? รายนั้นก็ไม่จ่ายปันผลมานานแล้วนี่ :lol:
มนุษย์เห่อลูก :lol:
http://tyakon.multiply.com
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 0

Why Dividends Matter จากนิตยสาร Forbes ครับ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

น่าสนใจมากครับ ขอบคุณครับ

ของตลาดบ้านเรา High Yield ก็อาจจะพลาดได้ครับ เช่น CEI
ซึ่งเคยจ่ายปันผลสูงมาตลอด แต่บางบริษัทที่ประสบปัญหา
ก็สามารถพลิกกลับมาทำกำไรและจ่ายปันผลต่อได้

ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือคุณธรรมของผู้บริหารเองครับ ไม่
ว่าราคาจะถูกหรือแพงแค่ไหน งบการเงินดีเพียงใด ถ้าผู้บริหาร
คิดไม่ซื่อก็มีโอกาสหมดตัวครับ

เมื่อคิดได้ดังนี้ ณ. วันนี้ ผมยอมซื้อหุ้นราคาไม่ถูก แต่ผู้บริหาร
มี Integrity และบริษัทจ่ายปันผลสม่ำเสมอ ดีกว่าซื้อหุ้นที่ราคา
น่าจะวิ่งไปเท่าตัวในสองเดือน เพราะผู้บริหารออกข่าวต่างๆ เพื่อ
ดันราคาหุ้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
ayethebing
Verified User
โพสต์: 2125
ผู้ติดตาม: 0

Why Dividends Matter จากนิตยสาร Forbes ครับ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ทั้งหมดมันเป็น "ค่าเฉลี่ย" ครับ

ผมว่าประเด็นของบทความน่าจะอยู่ที่การซื้อหุ้นที่ defensive แบบมีปันผลไม่ใช่ว่าจะทำให้ผลตอบแทนในระยะยาวน้อยกว่าหุ้นประเภท "สุดร้อน" หรือ "ยอดฮิต" นะครับ ดังนั้นการถือหุ้นแบบ defensive จึงเป็นกลยุทธ์การเล่นหุ้นที่ยังใช้ได้ครับ

แน่นอนว่าการเลือกหุ้นยังจำเป็นและสำคัญอยู่ หุ้นที่มีอัตราปันผลต่อกำไรสม่ำเสมอ และกำไรเติบโตต่อเนื่อง ผู้บริหารคบได้ (สำนวนเพชรพระอุมาเล็กน้อย :lol: ) เหมือนที่พี่ CK ว่ายังเป็นปัจจัยสำคัญอยู่ครับ

ในกรณีของ CEI ผมว่าน่าสนใจเป็นกรณีศึกษาเหมือนกัน

จากกิจการที่เคยมีผลประกอบการที่ดีค่อนข้างต่อเนื่อง ที่สำคัญมีค่า ROE และ ROA สูงมากมาโดยตลอด เกิดอะไรขึ้น

ปัญหาที่เกิดกับ CEI คือ การมีลูกค้าน้อยราย พอลูกค้านั้นถึงเวลาที่ต้องต่อสัญญาทำให้เกิดปัญหากับ CEI

การเปิดโรงงานใหม่และต้นทุนสูงนะ ผมว่ายังไม่ใช่ปัญหาหลักของ CEI นะ

อันนี้อาจจะต้องเชิญทั้งพี่ครรชิตและอีกหลายๆ ท่านมาช่วยกันคุยถึง CEI เลย ว่าจากหุ้นดีๆ กลายเป็นหุ้นที่ต้องลุ้นให้ turn-around ได้ไง

ท่าน DR. T ครับ แหมเราไม่ได้หาหุ้น Berkshire Hartaway ที่เป็นปรากฏการณ์ของหุ้นได้บ่อยๆ หรอกใช่มั้ยครับ
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ครรชิต ไพศาล
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 4623
ผู้ติดตาม: 1

Why Dividends Matter จากนิตยสาร Forbes ครับ

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ผมยังจับตา ดู CEI อยู่ครับ เป็นบริษัทที่มีผลกำไรดีมาตลอด ปันผลดีมาตลอด ฐานะการเงินก็ดีมาตลอด หากปัญหาแก้ไขได้ในปีหน้า อาจเป็นหุ้นVALUE ที่ TURN AROUND ที่น่าสนใจทีเดียว ครับ

บริษัทเคยผ่านการตกต่ำสุดๆมาแล้ว เมื่อ ปี 1995 ดูจากข้อมูลข้างล่าง ผมปรับเทียบ กับ พาร์ 1 บาทแล้ว

แต่ตลอด 10 ปี บริษัทไม่เคยขาดทุนเลย

EPS ลดจาก 2.1 ในปี 1994 มาเป็น 0.44 ในปี 1995 แล้วก็กลับมาเป็น 0.77 แล้วก็ 1.57 แล้วก็กลับมาดีใหม่

ปีนี้คงจะเป็นปีที่จะพิสูจน์ CEI อย่างแท้จริง ว่าจะเสียประวัติ ถึงกับ EPS ทั้งปีจะน้อยกว่า 0 หรือไม่

โค้ด: เลือกทั้งหมด

CEI	 par 1	 par 1	 par 1	 par 1	par 1	par 1
ปี	1999	2000	2001	2002	2003	2004
Q1	-0.098	0.101	0.147	0.179	0.081	0.027
Q2	0.305	0.529	0.834	0.933	0.120	-0.200
Q3	0.810	1.293	1.986	2.018	0.810
Q4	1.111	1.074	1.033	0.845	0.909
งบปี	2.128	2.997	4.000	3.975	1.920	1.546
แต่ผมตอนนี้ สำหรับ CEI ผมใช้ EPS04 = EPS03*0.4 = 1.92*0.4 =0.768 ให้ต่ำไปก่อน
ไม่รู้จะออกสูงหรือออกต่ำ ต้องรอดูผล Q3 และ Q4
ซึ่งจะเห็นว่าจะสูงกว่า Q1และQ2 ทุกปี


โค้ด: เลือกทั้งหมด

NAME	ราคา30/12/03	DATE	LAST	+/-(%)	(%)วันนี้	EPS	P/E	P/BV	D/P%	
CEI	17.80	5/4/2004	9.65	-45.79	-7.21	0.77	12.53	1.26	12.95	

สินทรัพย์	หนี้สิน	ผู้ถือหุ้น	หนี้/EQ	ทุน	รายได้	กำไร	ROA(%)	ROE(%)	PM(%)	PAR	MarCap	
1,977.18	532.48	1,444.70	0.37	188.30	318.26	5.00	8.14	10.47	1.57	1.00	

เติบโต%	EPS03	EPS02	EPS01	EPS00	EPS99	EPS98	EPS97	EPS96	EPS95	EPS94	
1,817.10	-59.90	0.77	1.92	3.24	3.98	4.00	0.62	1.57	0.72	0.44	2.10	

วันXD	วันจ่าย	ปันผล	ทั้งปี	หมวด	ชื่อ	บริษัท	เว็บไซต์
21/11/2003	4/12/2003	1.25	1.25	ELEC	CEI	บริษัทคอมพาสส์ อี๊สต์ อินดัสตรี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)       	http://www.ceifan.com 


รูปภาพ
ความสุขอื่น ยิ่งกว่าความสงบใจไม่มี นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ
หัดเล่น Facebook กะเขาบ้างแล้วนะครับ ใช้ชื่อ Kanchit Paisan ครับ
Facebook เพจ Eps16year Settrade Set ตลาดหลักทรัพย์ งบดุล ปันผล อัตราส่วนการเงิน กราฟ
Google เพจ kanchitpaisan
Google+ KANCHIT PAISAN
ล็อคหัวข้อ