TFEXมีหลักการยังไงเหรอครับ
มันป้องกันความเสี่ยงยังไง
เพราะผมว่ามัน
น่าจะเสี่ยงกว่า
ขอถามครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2266
- ผู้ติดตาม: 0
ขอถามครับ
โพสต์ที่ 2
tfex ซื้อขายได้สองทาง
คือ Long คุณจะได้กำไรเมือ index ขึ้น
และ Short กำไรเมือ index ลง
index ที่เมืองไทยใช้อยุ่คือ SET 50
เหมือนเป็นการเดาตลาดนั่นแหละครับ
จริงๆ มันเกิดมาจากในอดีต คนต้องการขายสินค้าในราคา ล่วงหน้า
เช่น ข้าวจะเก็บเกี่ยวเสร็จเดือนสิงหา ชาวบ้านก็อยากขายที่ราคาที่ตกลงล่วงหน้า เพื่อfix ราคาสินค้า
เช่นเดียวกันกับคนรับซื้อข้าวก็อยากได้ข้าวที่ราคาที่ตกลงไว้ล่วงหน้าเพื่อจะกำหนดราคาขายต่อได้
เช่น ตอนนี้เดือน july ก็อาจตกลงซื้อข้าว ที่จะส่งมอบเดือนสิงหา ที่ราคา 13000 บาทต่อตัน
อย่างนี้เรียกว่า เรียกว่า Forward คือมีการส่งมอบจริงๆ
อย่างนี้เป็นการป้องกันความเสียง ของทั้งสองฝ่าย
แต่สัญญาแต่ละสัญญาขึนกับการตกลงระหว่างคนซื้อกับคนขาย
ทั้งขนาด คุณภาพ และวันที่ส่งของ ซึ่งแต่ละสัญญาจะไม่เหมือนกัน
ต่อมา เค้าก็มีการทำสัญญา forward ที่ว่านี่แหละ เอามาทำให้มีมาตราฐาน
เพือให้ซื้อขายง่ายขึ้น
เช่น ข้าว ต้องความขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์ หน้าหนักเท่าไหร่ และ กำหนดวันส่งมอบ
TFEX ก็เป็นผลผลิตในรูปแบบหลัง คือ เอา SET 50 มาเป็นสินค้า ที่มีวันส่งมอบ แต่ไม่ต้องส่งมอบสินค้าจริงๆ
คือเดาว่า SET 50 ในวันสิ้นสัญญานั้นจะอยู่ที่เท่าไหร่
มันใช้ป้องกันความเสี่ยงเช่น
ถ้าพอร์ตเฉลี่ยเท่ากับ SET 50 พวกกองทุน passive แล้วกำไรมาพอแล้ว
ก็ทำการ Short TFEX เพือให้ lock กำไรคงที่
เช่น ตอนนี้กำไรแล้ว 10% ก็ทำการ short tfex ให้เท่ากับที่กองทุนถือ จะทำให้ผลตอบแทนของกองทุนได้ประมาณ 10 % ทั้งปี
หรือ ขายหุ้นไม่ได้เพราะไม่มีสภาพคล่องก็ทำการ short tfex เพือลดความเสี่ยง ถ้าตลาดโดยรวมลง
นอกจากนี้ยังมีอีกเยอะครับ
แต่ตอนนี้ไม่มีใครใช้ลดความเสี่ยงส่วนใหญ่ เอามาเก็งกำไรกันหมด
เหนือยจังพิมพ์เยอะ :lol:
คือ Long คุณจะได้กำไรเมือ index ขึ้น
และ Short กำไรเมือ index ลง
index ที่เมืองไทยใช้อยุ่คือ SET 50
เหมือนเป็นการเดาตลาดนั่นแหละครับ
จริงๆ มันเกิดมาจากในอดีต คนต้องการขายสินค้าในราคา ล่วงหน้า
เช่น ข้าวจะเก็บเกี่ยวเสร็จเดือนสิงหา ชาวบ้านก็อยากขายที่ราคาที่ตกลงล่วงหน้า เพื่อfix ราคาสินค้า
เช่นเดียวกันกับคนรับซื้อข้าวก็อยากได้ข้าวที่ราคาที่ตกลงไว้ล่วงหน้าเพื่อจะกำหนดราคาขายต่อได้
เช่น ตอนนี้เดือน july ก็อาจตกลงซื้อข้าว ที่จะส่งมอบเดือนสิงหา ที่ราคา 13000 บาทต่อตัน
อย่างนี้เรียกว่า เรียกว่า Forward คือมีการส่งมอบจริงๆ
อย่างนี้เป็นการป้องกันความเสียง ของทั้งสองฝ่าย
แต่สัญญาแต่ละสัญญาขึนกับการตกลงระหว่างคนซื้อกับคนขาย
ทั้งขนาด คุณภาพ และวันที่ส่งของ ซึ่งแต่ละสัญญาจะไม่เหมือนกัน
ต่อมา เค้าก็มีการทำสัญญา forward ที่ว่านี่แหละ เอามาทำให้มีมาตราฐาน
เพือให้ซื้อขายง่ายขึ้น
เช่น ข้าว ต้องความขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์ หน้าหนักเท่าไหร่ และ กำหนดวันส่งมอบ
TFEX ก็เป็นผลผลิตในรูปแบบหลัง คือ เอา SET 50 มาเป็นสินค้า ที่มีวันส่งมอบ แต่ไม่ต้องส่งมอบสินค้าจริงๆ
คือเดาว่า SET 50 ในวันสิ้นสัญญานั้นจะอยู่ที่เท่าไหร่
มันใช้ป้องกันความเสี่ยงเช่น
ถ้าพอร์ตเฉลี่ยเท่ากับ SET 50 พวกกองทุน passive แล้วกำไรมาพอแล้ว
ก็ทำการ Short TFEX เพือให้ lock กำไรคงที่
เช่น ตอนนี้กำไรแล้ว 10% ก็ทำการ short tfex ให้เท่ากับที่กองทุนถือ จะทำให้ผลตอบแทนของกองทุนได้ประมาณ 10 % ทั้งปี
หรือ ขายหุ้นไม่ได้เพราะไม่มีสภาพคล่องก็ทำการ short tfex เพือลดความเสี่ยง ถ้าตลาดโดยรวมลง
นอกจากนี้ยังมีอีกเยอะครับ
แต่ตอนนี้ไม่มีใครใช้ลดความเสี่ยงส่วนใหญ่ เอามาเก็งกำไรกันหมด
เหนือยจังพิมพ์เยอะ :lol:
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่