หุ้นที่มีค่า PE สูงสุดของแต่ละกลุ่ม
- baby-investor
- Verified User
- โพสต์: 312
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นที่มีค่า PE สูงสุดของแต่ละกลุ่ม
โพสต์ที่ 2
ผมไม่เคยดูเหมือนกันครับสำหรับหุ้น PE สูงสุด ปกติจะดูแต่หุ้นที่เราสนใจ แล้วดูว่า PE เหมาะสมหรือไม่ แต่ผมคิดว่าเราสามารถหาข้อมูล PE สูงสุดในแต่ละกล่มได้จากหนังสือพิมพ์หุ้นครับ เช่น ผู้จัดการ กรุงเทพธุรกิจ ฯลฯ ซึ่งปกติผมดูอยู่เป็นประจำ ผมว่าเป็นข้อมูลเบื้องต้นที่ช่วยได้ครับ
- sai
- Verified User
- โพสต์: 4090
- ผู้ติดตาม: 2
หุ้นที่มีค่า PE สูงสุดของแต่ละกลุ่ม
โพสต์ที่ 5
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตอบยากครับ เพราะหลายคนก็ตอบได้หลายเหตุผล รวมรวมก็ถ้ากิจการเติบโตมั่นคงเป็นเบอร์ 1 ,ปันผลมาก ,หนี้สินน้อย , เป็นธรุกิจเก็บเงินสด , มีคูเมืองป้องกันคู่แข่งไม่ให้เข้ามาแชร์ส่วนแบ่งได้ง่ายง่าย , เป็นธรุกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตในระยะยาวค่อนข้างแน่นอน เป็นต้นครับ ยังไงต้องรอท่านถัดไปนะครับ :lol:b4solid เขียน:คืออยากศึกษาดูว่าทำไมตลาดถึงให้ค่า PE ตัวนั้นสูง ทำไม เป็นเพราะอะไรนะครับ
แต่ไปดูที่ settrade มาแล้ว
ขอบคุณครับ
Small Details Make a Big Difference
- baby-investor
- Verified User
- โพสต์: 312
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นที่มีค่า PE สูงสุดของแต่ละกลุ่ม
โพสต์ที่ 6
การที่ตลาดให้ PE หุ้นตัวไหนหรือกลุ่มไหนสูง ไม่สูง ผมคิดว่าน่าจะมาจากสาเหตุหลายประการ พอสรุปเบื้องต้นตามมุมมองส่วนตัวได้ดังนี้ครับ
1. หุ้นตัวนั้นๆมีผู้ถือหุ้นหรือนักลงทุนเป็นกลุ่มไหน ต่างชาติ สถาบัน รายย่อย กรณีถ้าเป็นต่างชาติซึ่งสามารถเลือกลงทุนได้หลายประเทศ เขาคงเทียบ PE ของหุ้นในไทยกับในต่างประเทศ ทำให้ไม่แปลกเลยที่หุ้นบางตัวที่กำลังอยู่ในกระแสที่ต่างชาตินิยมจะมี PE ที่สูงกว่า
2. ความได้เปรียบของบริษัท ซึ่งรวมถึงบริษัทที่นักลงทุนสามารถเห็นได้ง่ายๆจากการใช้บริการนั้น ถ้ากิจการไหนดี ก็เห็นได้ชัด นักลงทุนก็มั่นใจ PE ก็สูง ในทางตรงข้าม ถ้ากิจการไหนแย่กว่า ก็เห็นได้ชัดเช่นกัน จึงทำให้นักลงทุนให้ราคาที่ต่ำกว่า
3. จำนวนเงินปันผล ถ้าปันผลสูง นักลงทุนก็ให้ความสนใจ และให้ราคาสูงเช่นกัน
4. การเติบโตของบริษัท คือถ้าบริษัทกำลังโต นักลงทุนจะมองอนาคตครับ ดังนั้นนักลงทุนจึงให้ราคาล่วงหน้า เช่น PE ตลาดปัจจุบันประมาณ 19 เท่า แต่นักลงทุนคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจกำลังจะฟื้นช่วงปลายปี ซึ่งหลายๆสำนักคาดการณ์ว่ากำไรบริษัทจะฟื้นสัก 50% ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ PE ในอนาคตเหลือเพียง 12 เท่า จึงทำให้เกิดการไล่ซื้อในช่วงที่ผ่านมา
5. สินทรัพย์ของบริษัท หรือบางคนอาจดูที่ PB ครับ ถ้า PB ต่ำมากๆ ยังไงก็คุ้มที่จะลงทุนครับ เพราะแค่เราซื้อสินทรัพย์ก็คุ้มแล้ว กำไรลดลงเพียงเล็กน้อย ซึ่งทำให้ PE สูง ก็ไม่เป็นสิ่งที่น่ากังวลเท่าไหร่
6. การปั่นหุ้น อันนี้คาดเดาไม่ได้เลยครับ ขึ้นอยู่กับเจ้ามือว่าจะเข้าตัวไหน พื้นฐานไม่เกี่ยว มีเงินอย่างเดียว ไล่ราคาจน PE สูง ยังไงต้องระวังหุ้นอย่างนี้ให้มากครับ
1. หุ้นตัวนั้นๆมีผู้ถือหุ้นหรือนักลงทุนเป็นกลุ่มไหน ต่างชาติ สถาบัน รายย่อย กรณีถ้าเป็นต่างชาติซึ่งสามารถเลือกลงทุนได้หลายประเทศ เขาคงเทียบ PE ของหุ้นในไทยกับในต่างประเทศ ทำให้ไม่แปลกเลยที่หุ้นบางตัวที่กำลังอยู่ในกระแสที่ต่างชาตินิยมจะมี PE ที่สูงกว่า
2. ความได้เปรียบของบริษัท ซึ่งรวมถึงบริษัทที่นักลงทุนสามารถเห็นได้ง่ายๆจากการใช้บริการนั้น ถ้ากิจการไหนดี ก็เห็นได้ชัด นักลงทุนก็มั่นใจ PE ก็สูง ในทางตรงข้าม ถ้ากิจการไหนแย่กว่า ก็เห็นได้ชัดเช่นกัน จึงทำให้นักลงทุนให้ราคาที่ต่ำกว่า
3. จำนวนเงินปันผล ถ้าปันผลสูง นักลงทุนก็ให้ความสนใจ และให้ราคาสูงเช่นกัน
4. การเติบโตของบริษัท คือถ้าบริษัทกำลังโต นักลงทุนจะมองอนาคตครับ ดังนั้นนักลงทุนจึงให้ราคาล่วงหน้า เช่น PE ตลาดปัจจุบันประมาณ 19 เท่า แต่นักลงทุนคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจกำลังจะฟื้นช่วงปลายปี ซึ่งหลายๆสำนักคาดการณ์ว่ากำไรบริษัทจะฟื้นสัก 50% ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ PE ในอนาคตเหลือเพียง 12 เท่า จึงทำให้เกิดการไล่ซื้อในช่วงที่ผ่านมา
5. สินทรัพย์ของบริษัท หรือบางคนอาจดูที่ PB ครับ ถ้า PB ต่ำมากๆ ยังไงก็คุ้มที่จะลงทุนครับ เพราะแค่เราซื้อสินทรัพย์ก็คุ้มแล้ว กำไรลดลงเพียงเล็กน้อย ซึ่งทำให้ PE สูง ก็ไม่เป็นสิ่งที่น่ากังวลเท่าไหร่
6. การปั่นหุ้น อันนี้คาดเดาไม่ได้เลยครับ ขึ้นอยู่กับเจ้ามือว่าจะเข้าตัวไหน พื้นฐานไม่เกี่ยว มีเงินอย่างเดียว ไล่ราคาจน PE สูง ยังไงต้องระวังหุ้นอย่างนี้ให้มากครับ