ความเชื่อ กับการลงทุนแนว Value investment

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
sai
Verified User
โพสต์: 4090
ผู้ติดตาม: 2

ความเชื่อ กับการลงทุนแนว Value investment

โพสต์ที่ 1

โพสต์

สมัยก่อนเวลาเข้ามาอ่านข้อมุลในเวปนี้ มักมีรุ่นพี่บางท่านมักจะพุดว่า ถ้าหุ้นตัวxxx ลงมาถึงราคานี้จริงจริงจะขายบ้านไปซื้อเลย  แต่พักหลังนี้ไม่ค่อยเห้นแล้วครับ เข้าใจว่าหลายหลายคนคงเริ่มเห็นความน่ากลัวของตลาดหุ้นขาลง(หรือขายบ้านไปซื้อแล้วก็ไม่รู้ ) ดูสิครับ ราคาที่ไม่คิดว่าจะเห้นเดี๋ยวนี้เห็นได้ทุกวัน  พื้นฐานหุ้น กำไรต่อหุ้น คุณภาพของกำไร คนเริ่มให้ความสนใจน้อยลงเรื่อยเรื่อย เริ่มหันไปสนใจข่าวการเมือง ข่าวเศรษฐกิจมหภาค และ ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศเป็นหลัก  บัญชี tfex ทั้งฟิวเจอร์และ ออฟชั่นมีจำนวนลูกค้ามาเปิดเป้นจำนวนมาก เชื่อว่าคนที่เชื่อและศรัทธาในแนวทางการลงทุนแบบ vi คงลดน้อยลง แม้แต่ในตัวเราเองก็คงมีความสั่นคลอนกับความเชื่อกับการลงทุนแนว vi ไปบ้างไม่มากก็น้อย (ธรรมชาตินิครับเรามันก็คนธรรมดา) เลยอยากมาขอช่วยกันย้ำเตือนแนวทางการลงทุนแนว vi คนละข้อสองข้อว่ามีจุดเด่นกว่าการลงทุนแนวอื่นอย่างไรบ้างครับ  
ผมเริ่มก่อนเลยนะครับ ส่วนตัวผมเองคิดว่าการลงทุนแนว Vi เป็นแนวทางการลงทุนที่ไม่ต้องทำการซื้อขายหุ้นบ่อยนัก ลองคิดดูเล่นเล่นสิครับถ้าเรามีเงินทุน 1000000 บาท แล้วเราซื้อขายหุ้นเฉลี่ยวันละ 2 ครั้ง หนึ่งปีมีวันทำการราว200กว่าวัน เอาแค่ 200 วันพอ เราจะเสียค่าคอมมิสชั่นกับvat (เอาแบบขั้นต่ำสุดนะครับ 0.15+7%) 1605*2*200 = 642000 บาทต่อปี ถ้าเราซื้อขายหุ้นแล้วได้กำไรกับขาดทุึนเท่าเท่ากัน เราจะเหลือเงินต้นเพียง 1000000-642000= 358000 บาท เท่านั้น ผมจึงคิดว่าการค้นหาหุ้นที่ดีที่ต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานแล้วถือไว้ให้นานโดยทำการซื้อขายเท่าที่จำเป็นจะทำให้เราลดค่าใช้จ่ายในส่วนตรงนี้ได้อย่างมหาศาลในระยะยาวครับ  รออ่านของพี่พี่บ้างนะครับ ขอบคุณมากครับ
Small Details Make a Big Difference
ภาพประจำตัวสมาชิก
sorawut
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2455
ผู้ติดตาม: 1

ความเชื่อ กับการลงทุนแนว Value investment

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ของผมมีเงื่อนไขว่าหุ้นที่ undervalue เป็นกิจการที่เราชอบด้วย :wink:

ทำให้กินอิ่มนอนหลับครับ :lol:
ตัดสินใจว่า ธุรกิจไหนที่คุณต้องการจะเป็นเจ้าของ
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
adi
Verified User
โพสต์: 1155
ผู้ติดตาม: 0

ความเชื่อ กับการลงทุนแนว Value investment

โพสต์ที่ 3

โพสต์

valuation ก็เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าถึงผลการทำธุรกิจของบริษัทในอนาคต ดังนั้นจึงต้องมีการปรับเปลี่ยนการคาดการณ์ตามสภาวะทางเศรษฐกิจเช่นกัน ดังนั้น intrinsic value ก็ต้องมีการ update เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ราคาที่เมื่อก่อนว่าถูก แล้วตอนนี้ว่าแพงเป็นเพราะเราปรับผลประกอบการของบริษัทนั้นๆลงตามภาวะเศรษฐกิจขณะนี้ หลายๆคนจึงยังไม่ขายบ้านซื้อเพราะตอนนี้เค้าเห็นว่าแพง
A Cynic Knows the Price of Everything and the Value of Nothing
-Oscar Wilde, Lady Windemeres Fan
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 0

ความเชื่อ กับการลงทุนแนว Value investment

โพสต์ที่ 4

โพสต์

adi เขียน:valuation ก็เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าถึงผลการทำธุรกิจของบริษัทในอนาคต ดังนั้นจึงต้องมีการปรับเปลี่ยนการคาดการณ์ตามสภาวะทางเศรษฐกิจเช่นกัน ดังนั้น intrinsic value ก็ต้องมีการ update เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ราคาที่เมื่อก่อนว่าถูก แล้วตอนนี้ว่าแพงเป็นเพราะเราปรับผลประกอบการของบริษัทนั้นๆลงตามภาวะเศรษฐกิจขณะนี้ หลายๆคนจึงยังไม่ขายบ้านซื้อเพราะตอนนี้เค้าเห็นว่าแพง
:cool:  :cool:  :cool:
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
007-s
Verified User
โพสต์: 2496
ผู้ติดตาม: 0

ความเชื่อ กับการลงทุนแนว Value investment

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ไม่มีใครศรัทธาน้อยลงหรอก พี่ sai อย่าคิดมากค่ะ

ส่วนตัวผมเองคิดว่าการลงทุนแนว Vi เป็นแนวทางการลงทุนที่ไม่ต้องทำการซื้อขายหุ้นบ่อยนัก
เขาก็กะลังรอทำแบบนั้นกันอยู่ค่ะ

แต่การที่จะทำ "สิบปีซื้อที"  มันต้องใจเย็นๆ มันต้องตกตะกอนทางความคิด ต้องดูจังหวะและสถานการณ์ว่าอะไรเป้นยังไง แค่ไหนแล้ว

จังหวะ สิบปีซื้อที กับจังหวะ หนึ่งปีซื้อที หรือจังหวะ หนึ่งไตรมาสซื้อที
จริงๆ ลีลาก็คล้ายคลึงกัน มันต่างกันที่ช่วงระยะของแต่ละสเตปท์ในการกระทำ มันจะยืดยาวไม่เท่ากัน

ถ้าหนึ่งปีซื้อที ต้องใจเย็นมากแค่ไหน งั้นสิบปีซื้อที จังหวะนี้ ก็แน่นอนว่ามันต้องเย็นกว่าอย่างน้อยก็หลายๆเท่าหน่อย

ใช่มิใช่คะ

:D
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3227
ผู้ติดตาม: 4

Re: ความเชื่อ กับการลงทุนแนว Value investment

โพสต์ที่ 6

โพสต์

sai เขียน:...พื้นฐานหุ้น กำไรต่อหุ้น คุณภาพของกำไร คนเริ่มให้ความสนใจน้อยลงเรื่อยเรื่อย เริ่มหันไปสนใจข่าวการเมือง ข่าวเศรษฐกิจมหภาค และ ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศเป็นหลัก...
ผมชอบ VI เพราะ มันคือวิธีการลงทุนที่มองจากล่างขึ้นบน ไม่ใช่บนลงล่าง ซึ่งมันสอดคล้องกับการทำธุรกิจมากกว่า ที่จะให้ความสำคัญกับลูกค้าและพนักงานของเรา(ด้านล่าง) มากกว่าผู้บริหาร ผู้กู้ หรือผู้ถือหุ้น (ด้านบน) ซึ่งมุมมองแบบนี้ช่วยให้เราสามารถหาโอกาสทางธุรกิจอยู่เสมอ ไม่ใช่เอาแต่รอฟ้ารอฝน รอให้เศรษฐกิจดีค่อยทำธุรกิจ หรือเลิกกิจการเมื่อเศรษฐกิจภาพใหญ่ดูไม่ดี

เมื่อเราทำธุรกิจและเผชิญหน้ากับวิกฤต เราต้องพยายามเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส ข่าวการเมือง ข่าวเศรษฐกิจ ผมได้แต่อ่านผ่านๆ เอาแค่ข้อเท็จจริงที่มีสาระสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจในระยะกลาง-ยาว มาปรับกลยุทธในทางธุรกิจ

ผมเรียนจบเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศมา เคยทำงานในแผนกที่เกี่ยวข้องกับตลาดเงินและตลาดทุนระหว่างประเทศ โดยดูแลสินค้าจำพวกตลาดสารอนุพันธ์ในธนาคารแห่งหนึ่ง ได้เรียนรู้ ได้สัมผัส และลงไปปฎิบัติในสิ่งที่บางคนในที่แถวนี้เรียกว่า "fund flow" ได้เข้าเกี่ยวข้องกับการลงทุนใน CDO รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สุดแสนจะพิศดารเกินกว่าที่คนทั่วๆ ไปนึกถึง

ผลจากการได้ทำงานในแวดวงนี้ทำให้ผมได้เห็นสัญญาณฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ที่ส่อเค้าว่าจะแตกตั้งแต่ 2-3 ปีก่อนหน้า จนกระทั่งมาแตกไปต่อหน้าต่อตา อย่างไรก็ตามสิ่งที่ผมพบเห็น กลับทำให้ผมเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่า ความน่าจะเป็นที่จะใช้เศรษฐศาสตร์มหภาคมาหากำไรจากการลงทุนหุ้นและได้กำไรกลับไปมีน้อยกว่าวิธีการลงทุนแบบ Value Investing

ทั้งนี้เพราะ นักค้า (Trader) เก่งๆ หลายๆ ที่ผมรู้จักและสนิทสนมด้วย (นักค้าที่เก่งๆ สามารถทำรายได้จากเงินเดือนและโบนัสปีละหลายล้านบาทไปจนถึงหลายสิบล้านบาท) คนที่น่าจะเชี่ยวชาญใน (สิ่งที่คุณเรียกกันว่า) "fund flow" ที่สุดในตลาดแล้ว เค้ายังตอบไม่ได้เลยว่าตลาดเป็นยังไงต่อไป โอเคเค้าอาจมีความเชื่อว่าในระยะสั้น ในระยะกลาง ในระยะยาวแล้ว มันจะไปตรงไหน แต่ความเชื่อนั้นพร้อมที่จะเปลี่ยนภายในไม่กี่วินาทีที่มีข้อมูลบางอย่างเปลี่ยนไป ความสามารถสำคัญที่สุดที่นักค้าพวกนี้ต้องมีเป็นแบบเดียวกับสิ่งที่นักพนันมืออาชีพต้องมี ความเป็นนักเศรษฐศาสตร์อาจจะต้องมีบ้าง แต่ไม่ใช่สาระสำคัญอะไร

ปีที่ผ่านมาผมเผชิญกับสภาวะตลาดที่เลวร้าย การตัดสินใจที่ผิดพลาด และพบกว่าความเสียหายกับพอร์ตการลงทุนของผมอย่างสาหัส แม้กระนั้นผมไม่เคยคิดแม้แต่ครั้งเดียวว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้น เนื่องจากผมไม่สนใจ fund-flow ผมกลับโทษว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นมาจากการที่ผมควบคุมความโลภให้สมดุลกับความรู้ไม่ได้ และนั่นก็คือเงินที่ผมต้องจ่ายในการเรียนรู้ที่จะควบคุมความโลภของตัวเอง

ถ้าผมจำไม่ผิด แม้แต่ John Maynard Keynes นักเศรษฐกิจมหภาคผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ก็ยังเลือกที่จะเำพิกเฉยและไม่นำเศรษฐศาสตร์มหภาคมาใช้ในการลงทุน เพราะเค้ามองว่ามันไม่เกี่ยวข้องกับการลงทุน และสุดท้ายเค้าประสพความสำเร็จในการลงทุน ไม่เหมือนกับ Adam Smith, Issac Newton หรือไอสไตน์

สรุปก็คือ ผมยังเป็นคนหัวแข็ง ไม่เชื่อว่าการเอา fund flow มาใช้ในการลงทุน จะทำให้ชีวิตของผมดีขึ้น แม้ว่าผมจะเล่าได้เป็นฉากๆ ถึงวิกฤตที่เกิดขึ้น และคาดการณ์ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปให้พ่อฟังได้ จนโดนพ่อด่าว่าแล้วทำไมถึงไม่ดึงเงินลงทุนออกมาในเมื่อมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างอยู่แล้ว

อย่างงี้เค้าเรียกว่า เจ็บแล้วไม่จำครับ

:lol:  :lol:  :lol:
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6447
ผู้ติดตาม: 0

Re: ความเชื่อ กับการลงทุนแนว Value investment

โพสต์ที่ 7

โพสต์

picatos เขียน:
ผมชอบ VI เพราะ มันคือวิธีการลงทุนที่มองจากล่างขึ้นบน ไม่ใช่บนลงล่าง ซึ่งมันสอดคล้องกับการทำธุรกิจมากกว่า ที่จะให้ความสำคัญกับลูกค้าและพนักงานของเรา(ด้านล่าง) มากกว่าผู้บริหาร ผู้กู้ หรือผู้ถือหุ้น (ด้านบน) ซึ่งมุมมองแบบนี้ช่วยให้เราสามารถหาโอกาสทางธุรกิจอยู่เสมอ ไม่ใช่เอาแต่รอฟ้ารอฝน รอให้เศรษฐกิจดีค่อยทำธุรกิจ หรือเลิกกิจการเมื่อเศรษฐกิจภาพใหญ่ดูไม่ดี

เมื่อเราทำธุรกิจและเผชิญหน้ากับวิกฤต เราต้องพยายามเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส ข่าวการเมือง ข่าวเศรษฐกิจ ผมได้แต่อ่านผ่านๆ เอาแค่ข้อเท็จจริงที่มีสาระสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจในระยะกลาง-ยาว มาปรับกลยุทธในทางธุรกิจ

ผมเรียนจบเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศมา เคยทำงานในแผนกที่เกี่ยวข้องกับตลาดเงินและตลาดทุนระหว่างประเทศ โดยดูแลสินค้าจำพวกตลาดสารอนุพันธ์ในธนาคารแห่งหนึ่ง ได้เรียนรู้ ได้สัมผัส และลงไปปฎิบัติในสิ่งที่บางคนในที่แถวนี้เรียกว่า "fund flow" ได้เข้าเกี่ยวข้องกับการลงทุนใน CDO รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สุดแสนจะพิศดารเกินกว่าที่คนทั่วๆ ไปนึกถึง

ผลจากการได้ทำงานในแวดวงนี้ทำให้ผมได้เห็นสัญญาณฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ที่ส่อเค้าว่าจะแตกตั้งแต่ 2-3 ปีก่อนหน้า จนกระทั่งมาแตกไปต่อหน้าต่อตา อย่างไรก็ตามสิ่งที่ผมพบเห็น กลับทำให้ผมเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่า ความน่าจะเป็นที่จะใช้เศรษฐศาสตร์มหภาคมาหากำไรจากการลงทุนหุ้นและได้กำไรกลับไปมีน้อยกว่าวิธีการลงทุนแบบ Value Investing

ทั้งนี้เพราะ นักค้า (Trader) เก่งๆ หลายๆ ที่ผมรู้จักและสนิทสนมด้วย (นักค้าที่เก่งๆ สามารถทำรายได้จากเงินเดือนและโบนัสปีละหลายล้านบาทไปจนถึงหลายสิบล้านบาท) คนที่น่าจะเชี่ยวชาญใน (สิ่งที่คุณเรียกกันว่า) "fund flow" ที่สุดในตลาดแล้ว เค้ายังตอบไม่ได้เลยว่าตลาดเป็นยังไงต่อไป โอเคเค้าอาจมีความเชื่อว่าในระยะสั้น ในระยะกลาง ในระยะยาวแล้ว มันจะไปตรงไหน แต่ความเชื่อนั้นพร้อมที่จะเปลี่ยนภายในไม่กี่วินาทีที่มีข้อมูลบางอย่างเปลี่ยนไป ความสามารถสำคัญที่สุดที่นักค้าพวกนี้ต้องมีเป็นแบบเดียวกับสิ่งที่นักพนันมืออาชีพต้องมี ความเป็นนักเศรษฐศาสตร์อาจจะต้องมีบ้าง แต่ไม่ใช่สาระสำคัญอะไร

ปีที่ผ่านมาผมเผชิญกับสภาวะตลาดที่เลวร้าย การตัดสินใจที่ผิดพลาด และพบกว่าความเสียหายกับพอร์ตการลงทุนของผมอย่างสาหัส แม้กระนั้นผมไม่เคยคิดแม้แต่ครั้งเดียวว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้น เนื่องจากผมไม่สนใจ fund-flow ผมกลับโทษว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นมาจากการที่ผมควบคุมความโลภให้สมดุลกับความรู้ไม่ได้ และนั่นก็คือเงินที่ผมต้องจ่ายในการเรียนรู้ที่จะควบคุมความโลภของตัวเอง

ถ้าผมจำไม่ผิด แม้แต่ John Maynard Keynes นักเศรษฐกิจมหภาคผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ก็ยังเลือกที่จะเำพิกเฉยและไม่นำเศรษฐศาสตร์มหภาคมาใช้ในการลงทุน เพราะเค้ามองว่ามันไม่เกี่ยวข้องกับการลงทุน และสุดท้ายเค้าประสพความสำเร็จในการลงทุน ไม่เหมือนกับ Adam Smith, Issac Newton หรือไอสไตน์

สรุปก็คือ ผมยังเป็นคนหัวแข็ง ไม่เชื่อว่าการเอา fund flow มาใช้ในการลงทุน จะทำให้ชีวิตของผมดีขึ้น แม้ว่าผมจะเล่าได้เป็นฉากๆ ถึงวิกฤตที่เกิดขึ้น และคาดการณ์ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปให้พ่อฟังได้ จนโดนพ่อด่าว่าแล้วทำไมถึงไม่ดึงเงินลงทุนออกมาในเมื่อมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างอยู่แล้ว

อย่างงี้เค้าเรียกว่า เจ็บแล้วไม่จำครับ

:lol:
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
sai
Verified User
โพสต์: 4090
ผู้ติดตาม: 2

Re: ความเชื่อ กับการลงทุนแนว Value investment

โพสต์ที่ 8

โพสต์

[quote="picatos"]

ถ้าผมจำไม่ผิด แม้แต่ John Maynard Keynes นักเศรษฐกิจมหภาคผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ก็ยังเลือกที่จะเำพิกเฉยและไม่นำเศรษฐศาสตร์มหภาคมาใช้ในการลงทุน เพราะเค้ามองว่ามันไม่เกี่ยวข้องกับการลงทุน และสุดท้ายเค้าประสพความสำเร็จในการลงทุน ไม่เหมือนกับ Adam Smith, Issac Newton หรือไอสไตน์

สรุปก็คือ ผมยังเป็นคนหัวแข็ง ไม่เชื่อว่าการเอา fund flow มาใช้ในการลงทุน จะทำให้ชีวิตของผมดีขึ้น แม้ว่าผมจะเล่าได้เป็นฉากๆ ถึงวิกฤตที่เกิดขึ้น และคาดการณ์ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปให้พ่อฟังได้ จนโดนพ่อด่าว่าแล้วทำไมถึงไม่ดึงเงินลงทุนออกมาในเมื่อมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างอยู่แล้ว

อย่างงี้เค้าเรียกว่า เจ็บแล้วไม่จำครับ

:lol:
Small Details Make a Big Difference
ภาพประจำตัวสมาชิก
sai
Verified User
โพสต์: 4090
ผู้ติดตาม: 2

ความเชื่อ กับการลงทุนแนว Value investment

โพสต์ที่ 9

โพสต์

มีคนจากห้องมือใหม่หัดลงทุน  บอกว่า การรู้จังหวะ กับ โชคช่วย มีเส้นบางบางกั้นอยู่นิดเดียว อันนี้ชอบจัง
Small Details Make a Big Difference
AuI_a VI
Verified User
โพสต์: 413
ผู้ติดตาม: 0

ความเชื่อ กับการลงทุนแนว Value investment

โพสต์ที่ 10

โพสต์

อยากเรียนถามเป็นความรู้ถึงเหตุผลในการตัดสินใจเวลานั้นของพี่ picatos ที่ไม่ดึงเงินลงทุนออกทั้งๆที่เห็นวิกฤตแล้วว่าเพราะอะไรหรอครับ ...ผมเห็นอีกคนนึงก็คือพี่หมอ mprandy ครับ...ถ้ายังไงอ. mprandy ได้กลิ่นธูปเรียกแล้วรบกวนมาช่วยแจมเป็นวิทยาทานด้วยอีกคนนะครับ
Even Sir Isaac Newton loss in stock market

"You can't predict the future, because the future depends on how you react to it."

ซื้อหุ้นเมื่อคนส่วนใหญ่หมดศรัทธาในหุ้นและเทขายอยู่  นั่นคือเวลาตี5ในการจ่ายตลาด....จาก สอง ว. ผู้ยิ่งใหญ่
leksmile
Verified User
โพสต์: 2126
ผู้ติดตาม: 0

Re: ความเชื่อ กับการลงทุนแนว Value investment

โพสต์ที่ 11

โพสต์

[quote="sai"]สมัยก่อนเวลาเข้ามาอ่านข้อมุลในเวปนี้ มักมีรุ่นพี่บางท่านมักจะพุดว่า ถ้าหุ้นตัวxxx ลงมาถึงราคานี้จริงจริงจะขายบ้านไปซื้อเลย
ภาพประจำตัวสมาชิก
Alastor
Verified User
โพสต์: 2590
ผู้ติดตาม: 0

ความเชื่อ กับการลงทุนแนว Value investment

โพสต์ที่ 12

โพสต์

โดนใจครับคุณ picotos :cheers:
Wir sind das Rar, der Stolz und der Wert
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3227
ผู้ติดตาม: 4

ความเชื่อ กับการลงทุนแนว Value investment

โพสต์ที่ 13

โพสต์

AuI_a VI เขียน:อยากเรียนถามเป็นความรู้ถึงเหตุผลในการตัดสินใจเวลานั้นของพี่ picatos ที่ไม่ดึงเงินลงทุนออกทั้งๆที่เห็นวิกฤตแล้วว่าเพราะอะไรหรอครับ ...ผมเห็นอีกคนนึงก็คือพี่หมอ mprandy ครับ...ถ้ายังไงอ. mprandy ได้กลิ่นธูปเรียกแล้วรบกวนมาช่วยแจมเป็นวิทยาทานด้วยอีกคนนะครับ
จริงแล้วมันก็เหมือนหลอกตัวเอง พอตัดสินใจว่าจะมาทาง VI แล้วก็กลัวธาตุไฟเข้าแทรกมั้งครับ 555

เอาเข้าจริงๆ แล้ว ผมคิดอย่างงี้ครับ คือ หุ้นที่ตอนที่ผมเลือกลงทุน ผมมองที่ผลตอบแทนระยะยาวมากกว่า พยายามเลือกหุ้นที่มัน undervalue อยู่เยอะๆ ถ้าผลประกอบการเป็นไปตามที่คาด ผลตอบแทนในระยะยาวที่ได้ก็น่าพึงพอใจอยู่แล้ว คิดเผื่อไปว่าถ้าหุ้นตัวอื่นมันลงเยอะๆ เอาไว้เปลี่ยนม้าขี่เพิ่มผลตอบแทนเอาก็ได้ ซึ่งถ้ามันลงกันทั้งตลาด ผมก็ยังเชื่อว่าผลตอบแทนในระยะยาวมันก็ยังเท่าเดิม

ครั้นพอจะโลภมากกะเพิ่มผลตอบแทนด้วยการ short against port ออกไปบางส่วนเพื่อซื้อคืนในราคาที่ถูกกว่าก็ไปติดข้อจำกัดบางอย่างจากการเล่น Margin เลยอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่สามารถเพิ่มผลตอบแทนในระยะยาวจากที่ควรจะเป็นได้ (ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าไม่ติดเรื่องมาร์จิ้นจะกล้า short ออกไปรึเปล่า เพราะ หลายๆ ทีที่ผมไม่ได้ติดอะไร และสัญญาณเทคนิคค่อนข้างชัดเจนจนทำให้ผมน้ำลายสออยากจะ short against port ใจจะขาด แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่มองตาปริบๆ ด้วยความเสียดายอยู่เล็กน้อย)

สรุป ทางใครก็ทางมันครับ... ผมก็แค่ชอบเดินทางเส้นนี้ แต่ยังเดินตั้มเตี้ยมไม่ถึงไหนเลย... เฮ้อ...  :roll:  :roll:
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

ความเชื่อ กับการลงทุนแนว Value investment

โพสต์ที่ 14

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

สมัยก่อนเวลาเข้ามาอ่านข้อมุลในเวปนี้ มักมีรุ่นพี่บางท่านมักจะพุดว่า ถ้าหุ้นตัวxxx ลงมาถึงราคานี้จริงจริงจะขายบ้านไปซื้อเลย  
555 มันเป็นมุกเปรียบเทียบ มั๊งครับ อย่าไปซีเรียสเลย

แต่ว่า ถ้า top ลงมา 11 บาท ก็น่าจะขายบ้านมาซื้อนะ โรงกลั่น ไม่เจ๊งหรอก อนาคต น้ำมันก็ต้องขึ้นราคาอย่างแน่ๆ

อิอิ
โพสต์โพสต์