เห็นเพื่อนๆในนี้ใช้มาร์จิ้นกันเยอะข่าวนี้มีผลอะไรรึเปล่าครับ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
atsu
Verified User
โพสต์: 1218
ผู้ติดตาม: 0

เห็นเพื่อนๆในนี้ใช้มาร์จิ้นกันเยอะข่าวนี้มีผลอะไรรึเปล่าครับ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

TSFCล้มละลายบอร์ดประเมินเพิ่มทุนเหลว

ทีเอสเอฟซี ขอเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูฯ หลังจากประเมินผู้ถือหุ้นไม่ใส่เงินเพิ่มทุน 26 ธ.ค.นี้ ด้าน ก.ล.ต. จี้ให้ส่งแผนฟื้นฟู พร้อมเปิดเผยฐานะสินทรัพย์-หนี้สินต่อผู้เกี่ยวข้อง

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2551  บริษัทหลักทรัพย์เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ (ทีเอสเอฟซี) ได้มีหนังสือแจ้งว่าที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติให้มีการเพิ่มทุนภายในวันที่ 26 ธันวาคม 2551 ซึ่งคณะกรรมการบริษัทเห็นว่า อาจมีแนวโน้มที่ผู้ถือหุ้นจะไม่ซื้อหุ้นเพิ่มทุน


จึงมีมติที่จะดำเนินการเพื่อนำบริษัทเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ภายใต้ พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 โดยคณะกรรมการบริษัทเห็นว่าการฟื้นฟูกิจการจะเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาที่สามารถให้ความคุ้มครองเจ้าหนี้ของบริษัทและลดข้อจำกัดในการปรับโครงสร้างทุน ที่บริษัทจะเสนอแผนต่อผู้ถือหุ้นเพื่อลดทุนและเพิ่มทุนเพื่อสะสางผลขาดทุนซึ่งจะทำให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนมีความมั่นใจในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท

ทั้งนี้คณะกรรมการกำกับตลาดทุนพิจารณาแนวทางในการแก้ไขฐานะการเงินของบริษัทแล้ว เห็นว่าเพื่อประโยชน์ของผู้ที่มีส่วนได้เสียของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหนี้ ลูกค้า และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องคณะกรรมการกำกับตลาดทุนจึงมีมติให้เวลาแก่บริษัทเพื่อจัดทำเอกสารประกอบการขอความยินยอมในการฟื้นฟูกิจการของบริษัทต่อสำนักงาน ก.ล.ต.โดยให้ส่งเอกสารเพื่อประกอบการพิจารณาของ สำนักงาน ก.ล.ต. ภายในวันที่ 12 มกราคม 2552

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้คณะกรรมการกำกับตลาดทุนได้มีคำสั่งให้ทีเอสเอฟซี เพิ่มเงินกองทุนให้เพียงพอตามที่กฎหมายกำหนด เป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 279 ล้านบาท โดยให้จัดส่งหลักฐานเป็นหนังสือที่แสดงว่ามีผู้ถือหุ้นแสดงเจตนาแบบไม่มีเงื่อนไขที่จะจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนหรือหุ้นกู้ด้อยสิทธิต่อ ก.ล.ต. ภายในวันที่ 11 ธันวาคม 2551 พร้อมสั่งห้ามขยายกิจการและลงทุนเพิ่มเติมในตราสารที่มีความเสี่ยง

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่าจากการที่ บอร์ดทีเอสเอฟซี ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า บริษัทมีปัญหาด้านฐานะการเงินอย่างร้ายแรง ถึงขั้นมีมติให้ทีเอสเอฟซี ต้องเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ  ก.ล.ต. เห็นว่าทีเอสเอฟซี ควรจะต้องเปิดเผยข้อมูลฐานะการเงินของบริษัทที่เป็นปัจจุบันที่แสดงถึงสินทรัพย์แต่ละประเภทตามราคาตลาดและหนี้สินให้เจ้าหนี้และผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบโดยทันทีเพื่อที่บุคคลเหล่านี้จะสามารถตัดสินใจในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

แหล่งข่าวโบรกเกอร์กล่าวว่า การที่ทีเอสเอฟซีตัดสินใจขอเข้ากระบวนการฟื้นฟู เพราะประเมินแล้วว่าคงเพิ่มทุนไม่สำเร็จ โบรกเกอร์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใน ทีเอสเอฟซี หลายบริษัทไม่ต้องการที่จะใส่เงินเพิ่มทุน แต่มีข้อเสนอที่จะรับซื้อหนี้มาร์จินในส่วนที่ลูกค้าแต่ละโบรกเกอร์กลับไปบริหารเอง ขณะที่กระทรวงการคลังและกองทุนเพื่อการพัฒนาและฟื้นฟูสถาบันการเงิน เท่าที่ทราบทั้งสองหน่วยงานใส่เงินเพิ่มทุนเช่นกัน  

ทั้งนี้ผู้ถือหุ้นหลักของทีเอสเอฟซี คือ คลัง 10.734% ธนาคารทหารไทย  6.7% ธนาคารไทยธนาคาร 6.6 % ธนาคารกรุงไทย  6.1% ธนาคารออมสิน 5% ตลาดหลักทรัพย์ 5 % ธนาคารนครหลวงไทย  2.2% ธนาคารพาณิชย์ไทยอื่น 9.3% กองทุนฟื้นฟู 28.69% และบล.-บง. 19.5 %
ที่มาhttp://www.bangkokbiznews.com/2008/12/16/news_320435.php

แต่ลูกหนี้คงไม่กระทบมากมั๊ง
ต่อไปคงต้องแก้หลักการปล่อยกู้ให้ยากขึ้น รัดกุมขึ้น

ปล.ผมไม่เคยใช้มาร์จิ้นเลยเพราะกลัว เลยไม่ค่อยรู้รายละเอียดการใช้วงเงิน
fantasia
Verified User
โพสต์: 674
ผู้ติดตาม: 0

เห็นเพื่อนๆในนี้ใช้มาร์จิ้นกันเยอะข่าวนี้มีผลอะไรรึเปล่าครับ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

รอดูอยู่ครับว่า TSFC จะใช้วิธีอะไรในการทำให้ลูกหนี้ชำระเงินคืน

ก่อนหน้านั้นเริ่มจากลดวงเงินกู้สูงสุดก่อน
ห้ามกู้เพิ่มทุกกรณี
ขึ้นดอกเบี้ย 1%
ขึ้นดอกเบี้ยอีก 1% (ตอนนี้ 8.5% แล้ว)
ถอดหุ้นที่เคยให้ margin ออกจากรายการ หรือลดวงเงินให้กู้

ถ้าปิดบริษัทบังคับให้คืนเงินจริง ลูกหนี้ส่วนใหญ่คงกระจายไปกู้กับโบรกอื่น ๆ แหละครับ

ผลที่เห็นแล้วก็คืน ตอนนี้ phillip ขึ้นดอกเบี้ย credit balance แล้ว (อยู่ที่ 7%)
โบรคอื่น ๆ ก็คงเช่นเดียวกัน ซึ่งเรื่องแปลกที่ RP, MLR ลงแต่ดอกกู้ credit balance ขึ้น

ผลอีกอย่างที่จะเกิดหาก TSFC มีการเรียกชำระเงินกู้คืนจากลูกค้าก็คือ หุ้นหลาย ๆ ตัวที่ TSFC ปล่อยกู้แต่โบรกอื่นไม่ปล่อยจะถูกบังคับขาย
ซึ่งน่าจะทำให้ติด floor ได้อย่างง่าย ๆ

โบรคเกอร์ซึ่งส่วนใหญ่ปล่อย margin โดยอิงจากรายชื่อหุ้นที่ TSFC ประกาศเป็นหลัก (แต่ให้ margin น้อยกว่า) ต่อจากนี้ก็ต้องมาคิดกันเองว่าจะให้เท่าไร
ซึ่งถ้าปอดมาก ก็อาจจะตัดออกไปหลายตัว

สถาณการณ์ตอนนี้ที่หุ้นขึ้นมาจากจุดต่ำสุดพอสมควรทำให้ปัญหาพวกนี้ไม่น่ากลัวเท่าไร แต่ถ้าหุ้นกลับไปทำ new low ได้จะน่ากลัวมาก
เพราะตอนนี้ระบบ credit balance กดดันลูกค้าให้ขายหุ้นมาลดหนี้มากตามที่ได้กล่าวไปข้างต้นครับ

เขียนไปก็เซ็งไปเพราะเพิ่งไปเปิดวงเงินกับ TSFC มาเมื่อต้นที เสียค่าธรรมเนียมไปตั้ง 10,000 บาท
ภาพประจำตัวสมาชิก
atsu
Verified User
โพสต์: 1218
ผู้ติดตาม: 0

เห็นเพื่อนๆในนี้ใช้มาร์จิ้นกันเยอะข่าวนี้มีผลอะไรรึเปล่าครับ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ถ้าเค้าเจ๊งแล้วจะทวงหนี้คืนมาเสริมสภาพคล่อง
เค้าบังคับเราขายได้เลยเหรอครับ :shock:
หมายถึงกรณีที่ราคายังไม่ลงจนต้องเพิ่มเงินนะครับ
fantasia
Verified User
โพสต์: 674
ผู้ติดตาม: 0

เห็นเพื่อนๆในนี้ใช้มาร์จิ้นกันเยอะข่าวนี้มีผลอะไรรึเปล่าครับ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

atsu เขียน:ถ้าเค้าเจ๊งแล้วจะทวงหนี้คืนมาเสริมสภาพคล่อง
เค้าบังคับเราขายได้เลยเหรอครับ :shock:
หมายถึงกรณีที่ราคายังไม่ลงจนต้องเพิ่มเงินนะครับ
ถ้าว่ากันตามสัญญาก็ได้ครับ แค่เปลี่ยน im จาก 50% เป็น 100% ก็เท่ากับบังคับขายทุกกรณีแล้ว

ซึ่งปกติก็มีการปรับอัตรา margin กันอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว
ที่ผ่านมาก็ถอดหุ้นที่เคยให้ margin ไปหลายตัวแล้ว

อยู่ที่ว่าจะทำหรือเปล่าและถ้าทำจะทำแบบละมุนล่ะม่อม (ให้เวลามากหน่อย) หรือจะทำแบบหักดิบ (ให้เวลาวันเดียว)
ภาพประจำตัวสมาชิก
น้ำครึ่งแก้ว
Verified User
โพสต์: 1098
ผู้ติดตาม: 0

เห็นเพื่อนๆในนี้ใช้มาร์จิ้นกันเยอะข่าวนี้มีผลอะไรรึเปล่าครับ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ถามโบรกเกอร์ที่พอรู้จัก  เห็นว่าลูกค้าใหม่นี่งดเปิด บช. มาร์จินชั่วคราว
(ไม่รู้ว่านานแค่ไหนนะ ไอ้ชั่วคราวนี่)  ส่วนลูกค้าเก่าก็พยายามลดวงเงิน
ลงเรื่อยๆตามสภาพของพอร์ตแต่ละคนนะครับ

จริงเท็จเช่นใด  ต้องรอผู้รู้มาเฉลยอีกทีนะครับ

ขอบคุณครับ
" ชีวิตไม่เคยขาดความหวาน "
โพสต์โพสต์