เปิดเทรดสต๊อกฟิวเจอร์สวันนี้ PTT-PTTEP-ADVANC นำร่อง

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
vichit
Verified User
โพสต์: 15833
ผู้ติดตาม: 0

เปิดเทรดสต๊อกฟิวเจอร์สวันนี้ PTT-PTTEP-ADVANC นำร่อง

โพสต์ที่ 1

โพสต์

24 พฤศจิกายน 2551 08:51  
เปิดเทรดสต๊อกฟิวเจอร์สวันนี้ PTT-PTTEP-ADVANCนำร่อง-โบรกแนะเล่นตามหุ้นแม่



--------------------------------------------------------------------------------
ทันหุ้น-  วันนี้เป็นวันแรกที่ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) เปิดให้ซื้อขายสัญญาหุ้นรายตัวล่วงหน้า หรือ สต๊อกฟิวเจอร์ส (Stock Futures) ในหุ้น 3 บริษัทคือ   PTT, PTTEP และ ADVANC โบรกเกอร์แนะให้เล่นตามทิศทางราคาหุ้นแม่ในกระดานหลัก   ประเมินสัญญาณราคาหุ้น PTT, PTTEP  ระยะกลางไม่เกิน 3 เดือน อยู่ในแนวโน้มขาลง โดย PTT มีแนวรับ/แนวต้านที่ 130/160 PTTEP มีแนวรับ/แนวต้านที่ 80/95 ขณะที่ ADVANC มีแนวรับ/แนวต้านที่ 75/83   โดยให้นักลงทุน เปิดสถานะขาย (Short)  ตามแนวต้าน และเปิดสถานะ (Long) บริเวณแนวรับ
    นายชาญชัย กงทองลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด กล่าวว่า การเปิดการซื้อขายวันแรกของ Stock Futures หุ้น 3 ตัว คือ PTT, PTTEP และ ADVANC นั้นมองว่า จะเป็นการเพิ่มสีสันด้านการลงทุนในตลาดหุ้นผันผวนได้ดี เพราะมีเครื่องมือให้นักลงทุนเลือกกลยุทธ์ในการลงทุน และยังเป็นการป้องกันความเสี่ยงด้านการลงทุนได้
    ส่วนกลยุทธ์การเลือกลงทุน Stock Futures ในหุ้น 3 ตัวแรก PTT, PTTEP และ ADVANC นั้น มองว่าขึ้นอยู่กับความถนัดของนักลงทุน ซึ่งต้องประกอบด้วยการพิจารณาทางเทคนิค  และปัจจัยพื้นฐานของหุ้นดังกล่าว  
    การลงทุนใน Stock Futures ให้อิงหุ้นแม่เป็นหลัก ซึ่งราคาหุ้นแม่ไปทางไหนก็ให้ลงทุนตามนั้น ซึ่งหากราคาหุ้นแม่ลงก็ให้เปิดสถานะ Short (ขาย) และหากหุ้นแม่ราคาบวกให้เปิดสถานะ Long (ซื้อ) และอิ่งกับดัชนีตลาดรวมด้วยว่าจะขึ้นหรือลงนายชาญชัยกล่าว
เทคนิคเกาะติดหุ้นแม่
    นายกิดาการ สุวรรณธรรมา ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจอนุพันธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กลยุทธ์การลงทุนใน Stock Futures นั้น ควรหาจังหวะที่ตลาดรีบาวน์ให้เปิดสถานะ Long (ซื้อ) และ Shor (ขาย) เมื่อตลาดรวมปรับตัวลดลง เนื่องจากมองว่าทิศทางตลาดหุ้นยังอยู่ในช่วงขาลง
     การเคลื่อนไหวของดัชนีใน Set 50 ขึ้นอยู่กับหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่ม หนีไม่พ้นหุ้นกลุ่มน้ำมัน 2 ตัวหลักๆที่นำมาใช้เป็นตัวเลือกในการลงทุนครั้งนี้ ซึ่งยังได้รับแรงกดดันจากปัจจัยการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก และทิศทางของตลาดหุ้นต่างประเทศ จากวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ย่ำแย่ลงนายกิดาการกล่าว
    นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การลงทุนในหุ้น 3 ตัวที่อยู่ใน Stock Futures นั้นจะต้องสอดคล้องกับราคาหุ้นแม่ และคาดว่าวันแรกที่มีการซื้อขายวอลุ่มไม่น่าจะคึดคักมากนัก เพราะยังเป็นตลาดใหม่ ซึ่งคาดว่านักลงทุนรายใหญ่ หรือสถาบันจะเข้ามาเล่นก่อน
    ส่วนกลยุทธ์การลงทุนแนะนำว่าหากดัชนีตลาดหุ้นฟื้นตัวให้ Short (ขาย) และ Long (ซื้อ) เมื่อตลาดปรับตัวลดลง เพราะตลาดหุ้นอยู่ในช่วงผันผวนสูง บวกกับยังไม่มีปัยจัยบวกใหม่ที่จะสนับสนุนให้เข้ามาลงทุน แม้ว่าพื้นฐานของแม่จะดีก็ตาม
ส่องพื้นฐานหุ้น Stock Futures
บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุว่า ธุรกิจ PTT ในช่วงครึ่งปีหลังนี้แตกต่างจากช่วงครึ่งปีแรก รวมถึงช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคาดการณ์กำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีหลังอ่อนแอหนักจากโรงกลั่น และปิโตรเคมี สำหรับธุรกิจท่อของ PTT และธุรกิจก๊าซของ PTTEP ก็มีกำไรลดลงตามราคาน้ำมัน
ดังนั้นเชื่อว่า PTT จะมีกำไรสุทธิไตรมาส 4/2551 เพียง 11,446 ล้านบาท และ PTTEP มีกำไรสุทธิไตรมาส 4/2551 เพียง 6,421 ล้านบาท Outlook ในช่วง 1 ไตรมาส กับอีก 1 ปีข้างหน้า ยังแย่อยู่ จึงแนะนำให้น้ำหนักลงทุน Underperform โดยให้ราคาเป้าหมาย 260 บาท/หุ้น โดยราคาหุ้นมีอัพไซด์ 84%
อย่างไรก็ตามในช่วงสั้นแนะนำ ซื้อเก็งกำไร เมื่อราคาหุ้นต่ำกว่า 150 บาท เพราะอย่างไรก็ตามจุดที่เลวร้ายสุดของธุรกิจมีโอกาสอยู่ที่ไตรมาส 4/2551 นี้เอง หากปีหน้าบริษัทลูกไม่เลวร้ายมีการทำกำไรได้อยู่บ้าง แต่ให้ขายหากหุ้นปรับตัวขึ้น เพราะอันตรายจากผลประกอบการย่ำแย่อาจมีต่อเนื่องไปอีก 2-3 ไตรมาสข้างหน้าได้
PTTEPเป้าเหลือ 102  บาท
    ส่วน PTTEP ได้ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิ และราคาเป้าหมายลง เนื่องจากการปรับการคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบในปี 2552 และราคา Long Term Target ใหม่ จากเดิม 80 เหรียญต่อบาร์เรล เป็น 60 เหรียญต่อบาร์เรล เนื่องจากเรามีความเชื่อว่าราคาน้ำมันอาจจะดีดกลับในปีหน้า และยืนในระดับ 60 เหรียญต่อบาร์เรลได้ ปรับลดราคาเป้าหมายลงจาก 136 บาท เหลือ 102  บาท แนะนำ ซื้อเก็งกำไร ใหม่ 83-102 บาท
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2551 คาดว่ากำไรลดลงจากไตรมาสก่อน และลดลงจากคาดการณ์เดิมที้ 10,077 ล้านบาท โดยคาดว่ามีกำไรสุทธิอยู่ที่ 6,421 ล้านบาท จากการที่ราคาน้ำมันลดลงอย่างต่อเนื่อง
    ทั้งนี้ประเมินว่าราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยปี 2551 อยู่ที่ 99.74 เหรียญต่อบาร์เรล และค่าเฉลี่ยน้ำมันดิบในไตรมาส 4/2551 เท่ากับ 60.94   เหรียญต่อบาร์เรลส่งผลกดดันให้ผลประกอบการอ่อนแอเมื่อเทียบกับปีก่อนนับตั้งแต่ไตรมาส 4/2551 ต่อเนื่องถึงปี 2552
    ดังนั้นจึงปรับลดกำไรสุทธิและราคาเหมาะสมลงโดยคาดว่ากำไรสุทธิในปี 2552 ของ PTTEP ลง 28% จาก 41,672 ล้านบาทเหลือ 30,501 ล้านบาท และปรับลดกำไรสุทธิปี 2553 ลง 31% จาก 42,608 ล้านบาท เหลือ 29,432 ล้านบาท ทำให้ต้องประเมินราคาเหมาะสมของ PTTEP ใหม่ตามวิธี DCF ได้มูลค่าเหมาะสม 102 บาท โดยให้คำแนะนำให้น้ำหนักลงทุน Underperform
ADVANC ราคาเป้า 92 บาท
    ขณะที่ ADVANC คาดว่าไตรมาส 4/2551 ยังคงมีความเสี่ยงจากการตั้งสำรองด้อยค่าความนิยม DPC ซึ่งแม้จะไม่กระทบกระแสเงินสด แต่ก็จะกดดันต่อผลภาพรวมผลการดำเนินงาน อีกทั้งแนวโน้มชะลอตัวของการเติบโตลูกค้าใหม่และความล่าช้าเรื่อง 3G เป็นเหตุผลสำคัญที่ให้คำแนะนำที่ ซื้อเก็งกำไร ให้ราคาเป้าหมาย 92 บาท
    สำหรับภาพรวมของผลการดำเนินงานปีนี้ดีขึ้นโดยต่อเนื่องตลอด 8 เดือนแรกของปี ก่อนที่จะปรับแย่ลงในช่วงเดือนกันยายน จากภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ความกังวลต่อสถานการณ์วิกฤติอเมริกา และสถานการณ์น้ำท่วมในนพื้นที่หลายจังหวัด ดังนั้นจึงปรับคาดการณ์กำไรปี 2551 เพิ่มขึ้น 3% อย่างไรก็ตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่เป็นลบ และคนชะลอการใช้จ่ายจะทยอยส่งผลกระทบต่อทุกอุตสาหกรรมโดยไม่มีข้อยกเว้น
    ส่วนการปรับคาดการณ์ผลการดำเนินงานปี 2552 เพื่อสะท้อนถึงความเสี่ยงจากการชะลอตัวในนาทีใช้งาน และรายได้ต่อเลขหมาย รวมทั้งประมาณการในส่วนของสัดส่วนรายได้จากไอซี ซึ่งทำให้คาดการณ์กำไรระหว่าง 2552 2554 ลดลงประมาณ 11-12% และราคาเหมาะสมลดลงเหลือ 87 บาท

 
http://www.thunhoon.com/home/
--------------------------------------------------------------------------------
โพสต์โพสต์