FCF=NORPAD+D&A-CAPEX-สามเหลี่ยมWC
- gnomeller
- Verified User
- โพสต์: 425
- ผู้ติดตาม: 0
FCF=NORPAD+D&A-CAPEX-สามเหลี่ยมWC
โพสต์ที่ 1
การหา NOPAT เพื่อมาคิด FCF
เราต้องตัด ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ออกหรือเปล่าครับ ?
กำลังหัดหาค่า FCF ครับ งงกับสูตรมากๆ
FCF=NORPAD+D&A-CAPEX-สามเหลี่ยมWC
เราต้องตัด ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ออกหรือเปล่าครับ ?
กำลังหัดหาค่า FCF ครับ งงกับสูตรมากๆ
FCF=NORPAD+D&A-CAPEX-สามเหลี่ยมWC
- gnomeller
- Verified User
- โพสต์: 425
- ผู้ติดตาม: 0
FCF=NORPAD+D&A-CAPEX-สามเหลี่ยมWC
โพสต์ที่ 2
เรื่องที่คาดว่าจะงงต่อไปคือ D&A ครับ ว่าการคิดค่า D&A เนี่ยเราจะต้องรวมเอา "ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย" ซึ่ง D&A เนี่ยรวมเอา " ค่าตัดจำหน่ายและสำรองสินค้าเสื่อมสภาพ" และ "ค่าเผื่อการด้อยค่าของเงินลงทุนระยะยาว" และ "ค่าเผื่อการด้อยค่าและตัดจำหน่ายสินทรัพย์อื่นและหนี้สินอื่น"
และสรุปคือ ค่าอะไรบ้างที่เราต้องเอามารวมกันบ้างครับ สำหรับ D&A ?
ปล.ขอปรึกษาวิธีหา FCF แบบนี้หน่อยครับ ว่าถ้าเราหามูลค่าด้วยวิธีนี้เนี่ย สามารถใช้กับธุรกิจที่ลงทุนใน สิ่งก่อสร้าง และอสังหาได้หรือเปล่าครับ อสังหาที่ว่านี่ไม่ใช่แบบ LH อะไรแบบนี้นะครับ เพียงแต่่ว่าเป้นธุรกิจที่ไปลงทุนใน อสังหาบ้าง เป็นเป็นธุรกิจที่มีพวก ที่ดินและสิ่งก่อสร้างเยอะครับ แบบนี้จะทำให้การคิดมูลค่าป่วนหรือเปล่า เพราะธุรกิจพวกนี้จะต้องมีหนี้เยอะเป้นปกติในการลงทุน แต่เงินหมุนเวียนเค้าก็เยอะเหมือนกัน...
และสรุปคือ ค่าอะไรบ้างที่เราต้องเอามารวมกันบ้างครับ สำหรับ D&A ?
ปล.ขอปรึกษาวิธีหา FCF แบบนี้หน่อยครับ ว่าถ้าเราหามูลค่าด้วยวิธีนี้เนี่ย สามารถใช้กับธุรกิจที่ลงทุนใน สิ่งก่อสร้าง และอสังหาได้หรือเปล่าครับ อสังหาที่ว่านี่ไม่ใช่แบบ LH อะไรแบบนี้นะครับ เพียงแต่่ว่าเป้นธุรกิจที่ไปลงทุนใน อสังหาบ้าง เป็นเป็นธุรกิจที่มีพวก ที่ดินและสิ่งก่อสร้างเยอะครับ แบบนี้จะทำให้การคิดมูลค่าป่วนหรือเปล่า เพราะธุรกิจพวกนี้จะต้องมีหนี้เยอะเป้นปกติในการลงทุน แต่เงินหมุนเวียนเค้าก็เยอะเหมือนกัน...
- kornjackrit
- Verified User
- โพสต์: 1524
- ผู้ติดตาม: 0
FCF=NORPAD+D&A-CAPEX-สามเหลี่ยมWC
โพสต์ที่ 3
ผมว่าไม่ต้องนะครับ เพราะเป็นค่าใช้จ่ายปกติของบริษัืทการหา NOPAT เพื่อมาคิด FCF
เราต้องตัด ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ออกหรือเปล่าครับ ?
ผมว่าขึ้นอยู่กับธุรกิจที่บริษัททำและความเสี่ยงของสินทรัพย์นั้นๆเรื่องที่คาดว่าจะงงต่อไปคือ D&A ครับ ว่าการคิดค่า D&A เนี่ยเราจะต้องรวมเอา "ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย" ซึ่ง D&A เนี่ยรวมเอา " ค่าตัดจำหน่ายและสำรองสินค้าเสื่อมสภาพ" และ "ค่าเผื่อการด้อยค่าของเงินลงทุนระยะยาว" และ "ค่าเผื่อการด้อยค่าและตัดจำหน่ายสินทรัพย์อื่นและหนี้สินอื่น"
และสรุปคือ ค่าอะไรบ้างที่เราต้องเอามารวมกันบ้างครับ สำหรับ D&A ? แ
ที่จะลดค่าลง แต่ถ้าเอาแบบอนุรักษ์นิยม ผมว่าเอาแค่ค่าเสื่อมที่สำคัญๆ
ที่มีผลต่อบริษัทมากๆก็พอครับ
อันนี้ผมไม่ทราบจริงๆครับปล.ขอปรึกษาวิธีหา FCF แบบนี้หน่อยครับ ว่าถ้าเราหามูลค่าด้วยวิธีนี้เนี่ย สามารถใช้กับธุรกิจที่ลงทุนใน สิ่งก่อสร้าง และอสังหาได้หรือเปล่าครับ อสังหาที่ว่านี่ไม่ใช่แบบ LH อะไรแบบนี้นะครับ เพียงแต่่ว่าเป้นธุรกิจที่ไปลงทุนใน อสังหาบ้าง เป็นเป็นธุรกิจที่มีพวก ที่ดินและสิ่งก่อสร้างเยอะครับ แบบนี้จะทำให้การคิดมูลค่าป่วนหรือเปล่า เพราะธุรกิจพวกนี้จะต้องมีหนี้เยอะเป้นปกติในการลงทุน แต่เงินหมุนเวียนเค้าก็เยอะเหมือนกัน...
แต่ผมว่าการคิดมูลค่าหุ้น
ควรจะประเมินหลายๆวิธี
และควรคำนึงถึงลักษณะธุรกิจนั้นๆด้วย
เช่นบางบริษัทเงินทุนหมุนเวียนติดลบ
อย่างพวกค้าปลีก หนี้สินหมุนเวียนมักจะมากกว่าทรัพย์สินหมุนเวียน
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่ เพราะเป็นธรรมชาติของธุรกิจแบบนี้
นอกจากนั้นผมว่าการหามูลค่าหุ้นหลายๆวิธี
จะทำให้้เราได้มูลค่าหุ้นใกล้เคียงกับมูลค่าของมันจริงๆ
ณ เวลานั้นมากที่สุด
และช่วยไม่ให้เรายึดติดหรือพึ่งพิงกับการหามูลค่าหุ้นแบบใดแบบหนึ่ง
มากเกินไปเพราะเราอาจจะใช้สมมุิติฐานผิดพลาด ก็เป็นได้
When you become famous, the first thing you should have to remember is not your success story but those who help you along the way.
- gnomeller
- Verified User
- โพสต์: 425
- ผู้ติดตาม: 0
FCF=NORPAD+D&A-CAPEX-สามเหลี่ยมWC
โพสต์ที่ 4
แล้วถ้าเป้นอย่างที่คุณว่าก็คือ หนี้สินหมุนเวียนมักจะมากกว่าทรัพย์สินหมุนเวียน เนี่ยครับ ขั้นต้นเราใช้วิธีไหนในการหามูลค่าดีครับ
ปล.โดยใช้วิธีอ้างอิงจากหนังสือ "วัดมูลค่าหุ้นด้วยตัวคุณเอง" ของคุณ สุมาอี้ นะครับ ผมกำลังหัดคิดมูลค่าอยู่
ปล.โดยใช้วิธีอ้างอิงจากหนังสือ "วัดมูลค่าหุ้นด้วยตัวคุณเอง" ของคุณ สุมาอี้ นะครับ ผมกำลังหัดคิดมูลค่าอยู่
- kornjackrit
- Verified User
- โพสต์: 1524
- ผู้ติดตาม: 0
FCF=NORPAD+D&A-CAPEX-สามเหลี่ยมWC
โพสต์ที่ 5
อ่านเล่มเดียวกันเลยครับ
:8)
คุณ สุมาอี้แนะนำำว่าถ้าหนี้สินหมุนเวียนมากกว่าทรัพย์สินหมุนเวียน
ซึ่งก็คือเงินทุนหมุนเวียนติดลบมาอย่างต่อเนื่อง ให้ใช้เป็น 0 ครับ
จนกว่่าบริษัทจะหยุดการเติบโต ซึ่งตอนนั้นเงินทุนหมุนเวียนก็จะไม่ติดลบครับ
ส่วนวิธีการหามูลค่าหุ้นนั้นผมใช้
ทั้ง 2 วิธีที่คุณสุมาอี้ใช้ในหนังสือ และก็ใช้พวกค่า P/E P/BV ประกอบ
เฉลี่ยถ่วงน้ำหนักเอาตามความเหมาะสมของธุรกิจครับ
เช่น ถ้าเป็นพวกปันผลสม่ำเสมอ ผมจะให้น้ำหนัก DDM มากกว่าครับ
:8)
คุณ สุมาอี้แนะนำำว่าถ้าหนี้สินหมุนเวียนมากกว่าทรัพย์สินหมุนเวียน
ซึ่งก็คือเงินทุนหมุนเวียนติดลบมาอย่างต่อเนื่อง ให้ใช้เป็น 0 ครับ
จนกว่่าบริษัทจะหยุดการเติบโต ซึ่งตอนนั้นเงินทุนหมุนเวียนก็จะไม่ติดลบครับ
ส่วนวิธีการหามูลค่าหุ้นนั้นผมใช้
ทั้ง 2 วิธีที่คุณสุมาอี้ใช้ในหนังสือ และก็ใช้พวกค่า P/E P/BV ประกอบ
เฉลี่ยถ่วงน้ำหนักเอาตามความเหมาะสมของธุรกิจครับ
เช่น ถ้าเป็นพวกปันผลสม่ำเสมอ ผมจะให้น้ำหนัก DDM มากกว่าครับ
When you become famous, the first thing you should have to remember is not your success story but those who help you along the way.
- gnomeller
- Verified User
- โพสต์: 425
- ผู้ติดตาม: 0
FCF=NORPAD+D&A-CAPEX-สามเหลี่ยมWC
โพสต์ที่ 6
กำลังดูหุ้นตัวหนึ่งอยู่ครับ
ปรับลงสูงสุด เกิน50%กว่า จากจุดสูงสุดที่ แถวๆ16 ตอนนี้ ป้วนเปี้ยนอยู่ 6-8 บาท
เมื่อก่อนโบรคจากที่เคยให้ P/BV (Bt) ปี08เป็น 3.6
ตอนนี้
PE 17.2
P/BV 2.9
มีอะไรแนะนำบ้างครับ ส่วนตัวผมสนใจฐุรกิจเค้ามากพอดู แม้มองว่า PE สูงอยู่นะ แต่ถ้ามองในการให้ค่าบวก ค่าพัฒนา Brand ของเค้าจนมาถึงทุกวันนี้ ก็ยกให้ได้อีกหน่อยนึง.....
ปรับลงสูงสุด เกิน50%กว่า จากจุดสูงสุดที่ แถวๆ16 ตอนนี้ ป้วนเปี้ยนอยู่ 6-8 บาท
เมื่อก่อนโบรคจากที่เคยให้ P/BV (Bt) ปี08เป็น 3.6
ตอนนี้
PE 17.2
P/BV 2.9
มีอะไรแนะนำบ้างครับ ส่วนตัวผมสนใจฐุรกิจเค้ามากพอดู แม้มองว่า PE สูงอยู่นะ แต่ถ้ามองในการให้ค่าบวก ค่าพัฒนา Brand ของเค้าจนมาถึงทุกวันนี้ ก็ยกให้ได้อีกหน่อยนึง.....
- kornjackrit
- Verified User
- โพสต์: 1524
- ผู้ติดตาม: 0
FCF=NORPAD+D&A-CAPEX-สามเหลี่ยมWC
โพสต์ที่ 7
เอาในเชิงปริมาณนะครับ
P/E กับ P/BV แพงมาก
แต่ยังไงผมอยากให้เทียบกับในอดีตมากกว่า
ถ้าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตก็น่าพิจารณาต่อ
ลองประมาณการณ์กำไรในอนาคตครับว่าจะมากขึ้นหรือน้อยลง
ถ้าน้อยลง P/E อาจจะได้ได้ค่ามากกว่านี้
P/BV นั้น ในส่วน Book Value ควรจะตัดทรัพย์สินที่มูลค่าไม่แน่นอน
เพื่อให้ได้ Book value ที่ใกล้เคียงความจริงมากที่สุด
แต่ถ้ายังเกิน 2.5 เท่า ผมว่ายังแพงอยู่ดีนะครับ ถึง Brand จะดีมาก ก็ตาม
ทั้งนี้ต้องลองเปรียบเทียบกับ P/BV ในอดีตของตัวมันเองครับ
ถ้าต่ำกว่าก้อาจจะน่าสนใจ
P/E กับ P/BV แพงมาก
แต่ยังไงผมอยากให้เทียบกับในอดีตมากกว่า
ถ้าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตก็น่าพิจารณาต่อ
ลองประมาณการณ์กำไรในอนาคตครับว่าจะมากขึ้นหรือน้อยลง
ถ้าน้อยลง P/E อาจจะได้ได้ค่ามากกว่านี้
P/BV นั้น ในส่วน Book Value ควรจะตัดทรัพย์สินที่มูลค่าไม่แน่นอน
เพื่อให้ได้ Book value ที่ใกล้เคียงความจริงมากที่สุด
แต่ถ้ายังเกิน 2.5 เท่า ผมว่ายังแพงอยู่ดีนะครับ ถึง Brand จะดีมาก ก็ตาม
ทั้งนี้ต้องลองเปรียบเทียบกับ P/BV ในอดีตของตัวมันเองครับ
ถ้าต่ำกว่าก้อาจจะน่าสนใจ
When you become famous, the first thing you should have to remember is not your success story but those who help you along the way.
- tok
- Verified User
- โพสต์: 833
- ผู้ติดตาม: 0
Re: FCF=NORPAD+D&A-CAPEX-สามเหลี่ยมWC
โพสต์ที่ 8
FCF=NOPAT+D&A-CAPEX-∆WCgnomeller เขียน:การหา NOPAT เพื่อมาคิด FCF
เราต้องตัด ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ออกหรือเปล่าครับ ?
กำลังหัดหาค่า FCF ครับ งงกับสูตรมากๆ
FCF=NORPAD+D&A-CAPEX-สามเหลี่ยมWC
NOPAT (Net Operating Profit After Tax) คือ กำไรจากการดำเนินงาน(ปกติ)หลังหักภาษีเงินได้
กำไรจากการดำเนินงานปกติ จะไม่รวมรายได้หรือรายจ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ เช่น ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้ส่วนเสีย กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ดอกเบี้ยรับ เงินปันผลรับ เป็นต้น
กำไรจากการดำเนินการ = รายได้+รายได้อื่นๆ-ต้นทุนขาย-ค่าใช้จ่ายในการบริหาร-ดอกเบี้ยจ่าย