ตลท.ปลดโซ่หุ้นบลูชิพ แจงกำไรล่วงหน้าได้

[vichit]

ตลท.ปลดโซ่หุ้นบลูชิพ แจงกำไรล่วงหน้าได้
ตลท.เลิกปิดปากผู้บริหารบจ.ให้แถลงผลประกอบการล่วงหน้าได้ทุกไตรมาส เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนกลับคืนหลังหุ้นดิ่งนรก เซ็ต 50 นำโดยปตท.เตรียมเปิดตัวรายแรก พร้อมแผนซื้อหุ้นคืน "โอฬาร"ระบุวิกฤตการเงินสหรัฐเริ่มคลี่คลาย พร้อมซื้อหุ้นคืนจากต่างชาติ 1.1 แสนล้านบาท

ดร.คณิต แสงสุพรรณ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง(สวค.) เปิดเผยในงานสัมมนา "ทางเลือกกองทุนรวมสู้วิกฤต" จัดโดยหนังสือพิมพ์รายวัน "ข่าวหุ้นธุรกิจ" ร่วมกับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  (ตลท.) ว่าได้หารือร่วมกันระหว่างกระทรวงการคลัง ตลาดหลักทรัพย์ฯ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อยกเว้นกฎเกณฑ์ของตลท.เป็นการชั่วคราว โดยอนุญาตให้บริษัทจดทะเบียนในเซ็ต 50 สามารถแถลงประมาณการตัวเลขผลประกอบการล่วงหน้าได้ทุกไตรมาส โดยเฉพาะบริษัทที่มีแผนซื้อหุ้นคืน อาทิ บมจ.ปตท. บมจ.ปตท.สผ. และบริษัทในเครือ รวมทั้งบมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ เป็นต้น ซึ่งจะเริ่มมีผลในสัปดาห์นี้

"เหตุการณ์ที่หุ้นไทยร่วงลงมากผิดปกติขณะ ส่งผลให้ราคาหุ้นพื้นฐานดี หลายตัวตกต่ำกว่าราคาพื้นฐานที่แท้จริง ดังนั้นจึงมีการหารือกันว่าจะอนุญาตให้บจ.ที่มีผลประกอบการณ์ดี ออกมาแถลงตัวเลขประมาณการล่วงหน้า เพื่อสร้างความมั่นใจต่อนักลงทุน และเป็นข้อมูลในการตัดสินใจว่าควรจะขายเพราะแรงตกใจ หรือถือหุ้นลงทุนในระยะยาวเพื่อรอกินปันผล"

ดร.คณิต กล่าวว่าการยอมให้ออกมาแถลงประมาณการกำไรร่วงหน้า ไม่ได้หมายถึงการปั่นราคาหุ้น บจ.ที่ออกมาประกาศก็จะไม่มีความผิด ฐานละเมิดกฎตลาดฯ ซึ่งที่ผ่านมาแม้จะมีโบรกเกอร์ออกมาทำนายผลประกอบการบ้างก็ตาม แต่ก็ยังไม่น่าเชื่อถือเท่ากับผู้บริหารบริษัทออกมาพูดเอง

อย่างไรก็ตามสำหรับกลุ่มหุ้นเก็งกำไร จะไม่อนุญาตให้ทำเรื่องดังกล่าว เนื่องจากผลประกอบการที่แท้จริงยังไม่ดีพอ อาจทำให้นักลงทุนเข้าใจผิดไปลงทุนจนเกิดความเสียหายขึ้นมาได้นั้น

โดยปัจจุบันกองทุนในประเทศ อาทิ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวมทั้งเปิดและปิด แม็ตชิ่งฟันด์ รวมทั้งผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เตรียมที่จะเข้าไปเก็บหุ้นแล้ว เนื่องจากมีราคาที่ต่ำถึงจุดที่มีความเสี่ยงต่ำ หากคิดแค่เงินปันผลก็คุ้มแล้ว

ดร.โอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี มองว่า วิกฤตการเงินสหรัฐเริ่มจะคลี่คลายไปในทางที่ดี หลังจากรัฐมนตรีคลังสหรัฐประกาศเข้าไปอุ้มสถาบันการเงิน โดยเข้าซื้อหุ้นธนาคารต่างๆ ตามแผน 7 แสนล้านดอลล่าร์ ซึ่งจะส่งผลดีต่อหุ้นทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย หลังจากที่หุ้นไทยตกติดต่อกันมาตลอดสัปดาห์

อย่างไรก็ตามหากนักลงทุนต่างชาติยังคงขายต่อ เราก็มีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ เพียงพอ ที่จะรองรับการขายหุ้นในพอร์ตของต่างชาติ ที่เหลืออยู่ประมาณ 1.1 แสนล้านบาท หรือ ประมาณ 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐได้ทั้งหมด ขณะที่ปัจจุบันไทยมีทุนสำรองกว่า 8.7 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ ขอเพียงนักลงทุนสถาบันอย่าขายตามเท่านั้น

"หากต่างชาติจะขายหุ้นไทยออกมาทั้งหมดที่ถืออยู่ในขณะนี้ โดยอยู่บนสมมุติฐานที่ ว่าขายวันละ 2-3 พันล้านบาท ก็คงต้องใช้เวลาในการขายถึง 40-50 วันทำการ ซึ่งขณะนี้ทางการก็ได้ เตรียมความพร้อม และเตรียมมาตรการเพื่อรองรับกรณีดังกล่าวแล้ว"

นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้สนับสนุนให้หน่วยงานทั้งของภาครัฐ เอกชน ทั้งที่เป็นสถาบันการเงิน และบริษัท ทั่วไป ตั้งกองทุนเพื่อเข้าซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้งกองทุนแมทชิ่ง ฟันด์ เข้าไปซื้อหุ้นในตลาดฯที่อยู่ในระดับต่ำกว่าพื้นฐานที่แท้จริง

ดร.โอฬาร แนะนำให้นักลงทุนทยอยซื้อหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีขณะนี้ได้แล้ว หากเหตุการณ์ต่างๆเริ่มดีขึ้น หุ้นเหล่านั้นก็จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

ขณะที่วันอังคารนี้ กระทรวงการคลังจะเสนอขยายเพดานสำหรับการลงทุนในกองทุนหุ้นเพื่อการเกษียณอายุ(RMF) และกองทุนหุ้นระยะยาว LTF เข้าสู่ที่ประชุมครม. โดยยกเว้นภาษีกรณีที่นำเงินมาลงทุนได้ไม่เกิน 15% หรือไม่เกิน 500,000 บาท เป็นไม่เกิน 30% หรือไม่เกิน 700,000 บาท เพื่อส่งเสริมให้ลงทุนผ่านกองทุนรวมดังกล่าว

+++++++++++++++++++
วันที่ 13 ต.ค. 2551 แสดงข่าวมาแล้ว 1ช.ม. 30นาที
 


http://www.kaohoon.com/pg.newspaper/fir ... ?cid=19561

[tok]

อย่างไรก็ตามหากนักลงทุนต่างชาติยังคงขายต่อ เราก็มีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ เพียงพอ ที่จะรองรับการขายหุ้นในพอร์ตของต่างชาติ ที่เหลืออยู่ประมาณ 1.1 แสนล้านบาท หรือ ประมาณ 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐได้ทั้งหมด ขณะที่ปัจจุบันไทยมีทุนสำรองกว่า 8.7 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ ขอเพียงนักลงทุนสถาบันอย่าขายตามเท่านั้น

"หากต่างชาติจะขายหุ้นไทยออกมาทั้งหมดที่ถืออยู่ในขณะนี้ โดยอยู่บนสมมุติฐานที่ ว่าขายวันละ 2-3 พันล้านบาท ก็คงต้องใช้เวลาในการขายถึง 40-50 วันทำการ ซึ่งขณะนี้ทางการก็ได้ เตรียมความพร้อม และเตรียมมาตรการเพื่อรองรับกรณีดังกล่าวแล้ว"

ทำไมทุกสถาบันการเงินที่มาลงทุนในไทยต้องขายหุ้นออกมาทั้งหมดด้วยครับ  

แล้วนับรวม AIA ด้วยหรือเปล่า