Update/ ตลท. เผย มูลค่ามาร์จิ้นปัจจุบันอยู่ที่ 2.7 หมื่นลบ. ยันยังเป็นระดับปกติ ระบุหากมี
การฟอร์ซเซลล์ ไม่กระทบตลาดหุ้นแน่นอน
ตลท. เผย มูลค่ามาร์จิ้นปัจจุบันอยู่ที่ 2.7 หมื่นลบ. ยังเป็นระดับปกติ ส่วนปริมาณการ
ทำชอร์ตเซลล์ปัจจุบันมีปริมาณน้อยมากแค่ 0.6-0.7% ของมูลค่าการซื้อขาย/เดือน และไม่ส่งผล
กระทบต่อตลาดหุ้น เตรียมเสนอคลัง ลดหย่อนภาษีเงินปันผล-แคปปิตอลเกน จากการลงทุนใน
พันธบัตร-หุ้นกู้ หวังกระตุ้นการลงทุน ด้านสมาคมบล.เตรียมหารือก.ล.ต.ปลายเดือนนี้เลื่อนใช้ค่า
คอมม์ขั้นบันไดออกไปอีก 2 ปี
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
(ตลท.) เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกันระหว่างตลท. กับสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ สมาคมบริษัท
หลักทรัพย์ต่างประเทศ สมาคมบริษัทจัดการลงทุนและสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ว่า จากการ
หารือพบว่า มูลค่ารวมของการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ทั้งระบบในปัจจุบันมีประมาณ 2.7 หมื่น
ล้านบาท ซึ่งถือเป็นระดับปกติหากมีการฟอร์ซเซลล์จะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น อย่างไรก็ตาม
สมาคมบริษัทหลักทรัพย์และตลท. จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
ขณะที่ปริมาณการทำธุรกรรมมีเพียง 0.6-0.7% ของมูลค่าการซื้อขายต่อเดือน จึงไม่
ใช่ปัจจัยหลักส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น ขณะที่เกณฑ์การทำ short sell ในตลาดหุ้นไทยมีความ
แตกต่างจากตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยกำหนดให้ทำได้เฉพาะหุ้นใน SET 50 ซึ่งมีขนาดใหญ่
และมีสภาพคล่องและราคาที่ไม่ต่ำกว่าราคาที่ตกลงซื้อขายครั้งสุดท้าย จึงไม่มีส่วนทำให้ราคาหุ้น
ปรับตัวลดลง
นอกจากนี้ยังต้องมีการยืมหุ้นเพื่อการส่งมอบด้วย โดยปัจจุบันธุรกรรมให้ยืมหุ้นเพื่อ
ทำ short sell มีจำนวนน้อยมาก ดังนั้นที่ประชุมจึงเห็นว่ายังไม่จำเป็นต้องมีมาตรการเพิ่มเติม
เกี่ยวกับทำ short sell
อีกทั้ง ตลท.จะพิจารณาขยายวงเงินลงทุนแมทชิ่งฟันด์ และพร้อมที่จะร่วมลงทุนให้กับ
ผู้ที่สนใจจะลงทุนเพิ่มเติมในลักษณะ Opportunity Fund โดยจะทำงานร่วมกับสมาคมบริษัท
หลักทรัพย์และสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ร่วมถึงสมาคมบริษัทจัดการลงทุน เพื่อประเมิน
เกี่ยวกับมูลค่าหุ้น โดยนำสถานการณ์ปัจจุบันเข้ามาพิจารณาร่วมด้วย
สำหรับตลท.จะทำงานร่วมกับสำนักงาน ก.ล.ต. และกระทรวงพาณิชย์ เพื่อพิจารณา
ปรับเกณฑ์สำหรับการซื้อหุ้นคืน เพื่อเอื้อประโยชน์ให้บริษัทจดทะเบียนทำได้ง่ายขึ้น โดยที่ผ่านมา
มีบริษัทจดทะเบียนสนใจซื้อหุ้นคืนแล้ว 14 บริษัท
นอกจากนี้ที่ประชุมวันนี้มีมติที่จะเสนอกระทรวงการคลัง ให้สนับสนุนมาตรการทาง
ภาษี เช่นการลดอย่อนภาษีเงินปันผล แคปปิตอบเกน สำหรับการลงทุนในพันธบัตรและหุ้นกู้ รวม
ทั้งเสนอให้กระทรวงการคลังทบทวนเรื่องการตั้งกองทุนรวมเพื่อการศึกษา เพื่อส่งเสริมการลงทุน
ของนักลงทุนทั่วไปและสถาบัน และหากกระทรวงการคลังขยายวงเงินลงทุนใน LTF และ RMF
ซึ่งน่าจะเป็นผลดีต่อการลงทุน โดยคาดว่าในช่วง 3 เดือนหลังของปีนี้จะมีการนำเงินเข้ามาลงทุน
ใน LTF และ RMF เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีเม็ดเงินลงทุนเข้ามามากกว่า 1 หมื่นล้านบาท4
สมาคมตลาดทุน ยัน ตลาดหุ้นยังอยู่ในภาวะปกติ ไม่จำเป็นต้องมีมาตรการเพิ่มเติม
ด้าน ดร.จงรัก ระรวยทรง กรรมการอำนวยการ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ เปิดเผยกับ
eFinanceThai.com ภายหลังการประชุมหารือระหว่างตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกับ 4
หน่วยงานตลาดทุน ว่า ผลของการหารือในครั้งนี้ได้ข้อสรุปว่า ไม่จำเป็นต้องมีมาตรการเพิ่มเติม
หรือปรับแก้มาตรการเดิมที่ดูแลตลาดหุ้น โดยในส่วนของการใช้เซอร์กิต เบรกเกอร์ เมื่อดัชนีฯ
ปรับตัวลดลง 10% มองว่าเป็นมาตรการที่เหมาะสมอยู่แล้ว
ส่วนการปล่อยมาร์จิ้น พบว่ามูลค่าการปล่อยมาร์จิ้นไม่ได้อยู่ในระดับสูงจนน่าเป็นห่วง
และการฟอร์ซเซลล์ที่เกิดขึ้นอยู่ในระดับปกติ
'ในการหารือครั้งนี้เป็นการรีวิวมาตราการที่ ตลท.มีอยู่ว่าเป็นอย่างไร ซึ่งเราเห็นตรงกัน
ว่ามาตรการเดิมยังใช้ได้อยู่ เพราะว่าตลาดหุ้นเราไม่ได้มีภาวะวิกฤต ซึ่งปัจจัยที่เข้ามากระทบ
เป็นเรื่องของโกลบอล' ดร.จงรัก กล่าว
อย่างไรก็ดี ในที่ประชุมมีการหารือเกี่ยวกับการออกบทวิเคราะห์ประเมินมูลค่าหุ้นว่า
จากนี้ไปจะต้องมีการอัพเดทข้อมูล และเพิ่มความถี่ในการออกบทวิเคราะห์ให้มากขึ้น เนื่องจาก
ตลาดหุ้นผันผวน ทำให้มูลค่าของหุ้นนแต่ละบริษัทฯเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ดี สมาคมโบรกเกอร์มีแผนจะเสนอให้ ก.ล.ต.พิจารณาเลื่อนการใช้ค่าคอม
มิสชั่นขั้นบันไดออกไปอีก 2 ปี จากเดิมที่จะเริ่มใช้ในวันที่ 1 ม.ค.2553-31 ธ.ค.2554 รวมทั้ง
ทบทวนแผนการเปิดเสรีใบอนุญาตทุกประเภทในปี 2555 เนื่องจากสมาคมฯ มีความเป็นห่วงว่า
หากเปิดเสรีใบอนุญาตเร็วเกินไปอาจกระทบอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ยังมีบทเรียนจากการที่ประเทศสหรัฐฯ มีการเปิดเสรีส่งผลให้เกิดปัญหา
วิกฤตสถาบันการเงินในปัจจุบัน ทั้งนี้สมาคมฯ จะนำเรื่องดังกล่าวเสนอสำนักงาน ก.ล.ต.ในการ
ประชุมประจำไตรมาสปลายเดือนต.ค.นี้
'จะคุยเรื่องเลื่อนการใช้ขั้นบันไดออกไปอีก 2 ปี รวมทั้งทบทวนการเปิดเสรีใบอนุญาต
เพราะเราดูแล้วเห็นว่าประเทศที่เปิดเสรีใบอนุญาตทำให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาประกอบธุรกิจ
ได้อย่างเสรี และสุดท้ายก็มีปัญหาตามมาเมื่อเกิดวิกฤต ซึ่งตอนนี้ประเทศเราโชคดีที่เปิดเสรีช้า
ทำให้ผลกระทบจากวิกฤตครั้งนี้ไม่มากเท่าหลายประเทศ' ดร.จงรัก กล่าว
ด้าน มล.ทองมกุฎ ทองใหญ่ ในฐานะนายกสมาคมโบรกเกอร์ต่างประเทศ กล่าวถึง
สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันว่า ไม่น่าจะแย่เหมือนครั้งวิกฤตสถาบันการเงินในปี 2540 ที่
อยู่ในช่วงต้มยำกุ้ง เพราะว่าปัจจุบันปัจจัยที่กดดันต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมาจากปัญหา
วิกฤตการเงินของสหรัฐอเมริกา เพราะหากพิจารณาพบว่าสถาบันการเงินของไทยค่อนข้างที่จะ
แข็งแรง ขณะที่สภาพคล่องภายในประเทศก็ยังดีอยู่
แต่อย่างไรก็ตามหวังว่าการร่วมหารือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)
และผู้ที่เกี่ยวข้องครั้งนี้ เป็นการระดมความคิดเห็นในการหาแนวทางฟื้นฟูตลาดฯ ซึ่งก็น่าจะช่วย
กระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนให้กลับคืนมาได้บ้าง
'ในบรรยากาศแบบนี้ผมว่าก็เป็นช่วงจังหวะที่ดีที่จะเข้าไปซื้อ LTF เพราะว่าผลตอบ
แทนที่จะเข้าไปซื้อตอนนี้มองว่าค่อนข้างดี และนักลงทุนที่มีเงินออม จังหวะนี้ก็เป็นจังหวะเหมาะ
ในการเข้ามาซื้อหุ้นพื้นฐาน เพราะว่าบจ.ในตลาดผลการดำเนินก็ยังดีอยู่'มล.ทองมกุฎ กล่าว
ด้าน นางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เปิด
เผยว่า หลังจากได้มีการประชุมร่วมกับตลาดหลักทรัพย์ฯ และหน่วยงานตลาดทุนที่เกี่ยวข้องใน
วันนี้ ได้มีการประเมินสถานการ์ณ์จากผลกระทบวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย
โดยเสนอให้พิจารณาปรับ Valuation ของหุ้นทั้งตลาด เพื่อสะท้อนถึงมูลค่าที่แท้จริงของราคา
หุ้น โดยไม่นำปัจจัยด้านเทคนิคมาพิจารณาร่วมด้วย
'ภาวะเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ นอกจากส่งผลต่อตลาดหุ้น ยังส่งผลกระทบต่อการส่ง
ออกของไทยให้ลดลง โดยควรปรับ Valuation ราคาหุ้นใหม่ บนพื้นฐานผลกระทบจากเศรษฐกิจ
โลก' นางวรวรรณ กล่าว
ด้านนายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยว่า ใน
วันนี้จะมีการส่งหนังสือขอความร่วมมือถึงนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิก เพื่อปรับ
Valuation ของหุ้นทั้งตลาดฯ โดยนำสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐฯที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจ
ไทย มาพิจารณาราคาหุ้นและสะท้อนถึงมูลค่าหุ้นที่แท้จริงหลังเกิดวิกฤตดังกล่าวตามคำเสนอแนะ
ของสมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการ
ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 10/10/08 เวลา 15:37:45
การฟอร์ซเซลล์ ไม่กระทบตลาดหุ้น หรือ
-
- Verified User
- โพสต์: 520
- ผู้ติดตาม: 0
การฟอร์ซเซลล์ ไม่กระทบตลาดหุ้น หรือ
โพสต์ที่ 2
การ force sell เป็นเครื่องมือทางการเงินชนิดหนึ่งของเจ้าครับ
ถ้าเจ้าต้องการแรงหนุนจากการกระหน่ำขาย ก็แค่กดลงให้ถึงจุด force sell ก็จะมีแรงมาช่วยกดหุ้นอีกมากมาย
ใครไม่เชื่อลองถามคุณประชาย เลี่ยวไพโรด ดูสิครับ
จริงๆน่าจะมี force buy บ้างเนอะ เวลาใครจะดึงขึ้นจะได้มีคนช่วยซื้อ อิอิ
แต่ตอนนี้ผมโดน force wait อยู่ครับ
ถ้าเจ้าต้องการแรงหนุนจากการกระหน่ำขาย ก็แค่กดลงให้ถึงจุด force sell ก็จะมีแรงมาช่วยกดหุ้นอีกมากมาย
ใครไม่เชื่อลองถามคุณประชาย เลี่ยวไพโรด ดูสิครับ
จริงๆน่าจะมี force buy บ้างเนอะ เวลาใครจะดึงขึ้นจะได้มีคนช่วยซื้อ อิอิ
แต่ตอนนี้ผมโดน force wait อยู่ครับ
In the long run, We are all dead.
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 380
- ผู้ติดตาม: 0
การฟอร์ซเซลล์ ไม่กระทบตลาดหุ้น หรือ
โพสต์ที่ 3
การ force sell เป็นเครื่องมือทางการเงินชนิดหนึ่งของเจ้าครับ
ถ้าเจ้าต้องการแรงหนุนจากการกระหน่ำขาย ก็แค่กดลงให้ถึงจุด force sell ก็จะมีแรงมาช่วยกดหุ้นอีกมากมาย
ใครไม่เชื่อลองถามคุณประชาย เลี่ยวไพโรด ดูสิครับ
ตัวไหนครับ คุณ anakinnet สงสัยเป็นตัวเดียวกับที่ผมติดอยู่แน่เลย ลงซะยังกับ บ.จะเจ๊งซะนี่ :lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 2509
- ผู้ติดตาม: 0
การฟอร์ซเซลล์ ไม่กระทบตลาดหุ้น หรือ
โพสต์ที่ 4
force buy ก็มีครับ กรณีที่มีข่าวดีอย่างแรงเข้ามา พวกที่ทำ short selling ไว้ก็ cover หนีตายกันเหมือนกันanakinnet เขียน: จริงๆน่าจะมี force buy บ้างเนอะ เวลาใครจะดึงขึ้นจะได้มีคนช่วยซื้อ อิอิ
ตัวอย่าง ตอนที่ US ประกาศห้าม naked short ครั้งที่ 1-2 ดัชนี DOW เด้งเกือบ 500 จุดได้มั้งครับตอนนั้น