1. โครงการซื้อหุ้นคืน
1.1 วงเงินสูงสุดที่จะใช้ในการซื้อหุ้นคืน 3,000 ล้านบาท
1.2 จำนวนหุ้นที่จะซื้อคืน 751.99 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท จำนวนหุ้นที่จะซื้อคืน คิด
เป็นร้อยละ 10 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
1.3 วิธีการในการซื้อหุ้นคืน
[? ] ซื้อในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
[ ] เสนอซื้อจากผู้ถือหุ้นเป็นการทั่วไป ในราคา - บาท/หุ้น (ต้องเป็นราคาเดียวกัน)
กำหนดระยะเวลาที่จะซื้อหุ้นคืนตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม 2551 ถึงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2552
หมายเหตุ บริษัทต้องเปิดเผยโครงการซื้อคืนหุ้นล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 14 วัน ก่อนวันซื้อหุ้น โดย
1. ซื้อใน ตลท. ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน
2. เสนอซื้อจากผู้ถือหุ้นเป็นการทั่วไป ต้องไม่น้อยกว่า 10 วัน และไม่เกิน 20 วัน
1.4 หลักเกณฑ์ในการกำหนดราคาหุ้นที่จะซื้อคืน โดยให้นำราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลัง 30 วันก่อนวันที่
บริษัทจะทำการเปิดเผยข้อมูลมาประกอบการพิจารณากำหนดราคาหุ้นด้วย
ราคาซื้อคืนจะไม่เกินกว่าร้อยละ 115 ของราคาปิดของหุ้นเฉลี่ย 5 วันทำการซื้อขายก่อนหน้าวันที่
ทำรายการซื้อหุ้นคืน
ทั้งนี้ ราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลัง 30 วันทำการ ตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2551 ถึงวันที่ 11 สิงหาคม
2551 เท่ากับ 3.57 บาทต่อหุ้น
2. ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท
2.1 ข้อมูลกำไรสะสมและสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัท
ข้อมูลจากงบการเงินสอบทานงวดล่าสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2551
- กำไรสะสมของบริษัท เท่ากับ 14,102 ล้านบาท
- หนี้สินที่ถึงกำหนดชำระภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่จะซื้อหุ้นคืน เท่ากับ - ล้านบาท
- อธิบายความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทที่ถึงกำหนดชำระภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่จะ
ซื้อหุ้นคืน โดยระบุแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการชำระหนี้คืน
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2551 บริษัทฯ มีเงินสดคงเหลือจำนวน 565 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯ
ประมาณการว่า จะมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานและเงินปันผลรับจากบริษัทย่อยในช่วง 6
เดือนหลังของปี 2551 จำนวน 2,800 ล้านบาท ดังนั้น บริษัทฯ จึงมีสภาพคล่องเพียงพอในการ
ชำระหนี้ที่จะถึงกำหนดชำระในอีก 6 เดือนข้างหน้านับแต่วันที่ซื้อหุ้นคืน และมีเงินสดคงเหลือ
เพียงพอที่จะนำมาใช้ในการซื้อหุ้นคืนตามโครงการ
2.2 จำนวนผู้ถือหุ้นสามัญรายย่อย (Free float) ณ วันปิดสมุดทะเบียนล่าสุด เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2551
เท่ากับร้อยละ 51.47 ของทุนชำระแล้วของบริษัทฯ ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้แนบแบบแสดงรายการการ
กระจายการถือหุ้นของบริษัทฯ มาพร้อมนี้
3. เหตุผลในการซื้อหุ้นคืน
เพื่อเป็นการบริหารสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัทฯ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
4. ผลกระทบภายหลังซื้อหุ้นคืน
4.1 ต่อผู้ถือหุ้น
ผู้ถือหุ้นจะได้รับเงินปันผลต่อหุ้นสูงขึ้น เนื่องจากหุ้นที่บริษัทฯ จะซื้อคืนไม่มีสิทธิได้รับเงินปันผล และ
จะ
ทำให้อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นสูงขึ้นด้วย
4.2 ต่อบริษัท
บริษัทฯ จะมีสินทรัพย์สภาพคล่อง และมูลค่าทางบัญชีของส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง และหากบริษัทฯ
ดำเนินการซื้อหุ้นคืนได้ครบตามวงเงินที่ได้ระบุได้ทั้งหมด จำนวน 3,000 ล้านบาท เมื่อสิ้นสุดโครงการ
การซื้อหุ้นคืน บริษัทฯ จะมีสินทรัพย์สภาพคล่อง และมูลค่าทางบัญชีของส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงเป็น
จำนวน 3,000 ล้านบาท
5. การจำหน่ายและการตัดหุ้นที่ซื้อคืน
- วิธีการจำหน่ายหุ้น และการกำหนดระยะเวลาจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน
คณะกรรมการบริษัทฯ จะพิจารณาวิธีการจำหน่ายหุ้นอีกครั้งภายหลัง 6 เดือนนับแต่วันที่ซื้อหุ้นคืนเสร็จ
สิ้น แต่ต้องไม่เกิน 3 ปี
- หลักเกณฑ์ในการกำหนดราคาที่จะจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน
ราคาจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 85 ของของราคาปิดของหุ้นเฉลี่ย 5 วันทำการซื้อ
ขายก่อนหน้าวันที่ทำรายการจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน
คำถามคือ
1. ถ้าซื้อในตลาดหลักทรัพย์ ภายใน 6 เดือน ราคาต้องไม่เกินร้อยละ 115 ของราคาปิดของหุ้นเฉลี่ย 5 วันทำการซื้อขายก่อนหน้าวันที่
ทำรายการซื้อหุ้นคืน
คือวันไหนคะ หรือว่าจะประกาศอีกครั้งว่าจะเริ่มซื้อคืนวันไหน
2. ราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลัง 30 วันทำการ ตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2551 ถึงวันที่ 11 สิงหาคม 2551 เท่ากับ 3.57 บาทต่อหุ้น
เอาราคา 3.57 บาทมาพิจารณา ถ้าวันที่จะซื้อหุ้นคืนราคาช่วงนั้นอยู่ที่ 4.5 บาท บริษัทจะซื้อคืนอยู่ไหมคะ
3. คณะกรรมการบริษัทฯ จะพิจารณาวิธีการจำหน่ายหุ้นอีกครั้งภายหลัง 6 เดือนนับแต่วันที่ซื้อหุ้นคืนเสร็จสิ้น แต่ต้องไม่เกิน 3 ปี
ซื้อคืนแล้วก็นำมาจำหน่ายอีก แล้วจะซื้อคืนทำไมคะ
4. VI หลาย ๆ คน ชอบบริษัทที่ซื้อหุ้นคืน กรณีซื้อคืนแล้วจำมาจำหน่ายอีกนี่มีความเห็นอย่างไรบ้างคะ
เพิ่งเริ่มเล่นหุ้นได้ไม่กี่เดือนค่ะ รบกวนผู้รู้ด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
คำถามเรื่อง CPF ซื้อหุ้นคืน แล้วจะเอามาจำหน่ายอีก
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
คำถามเรื่อง CPF ซื้อหุ้นคืน แล้วจะเอามาจำหน่ายอีก
โพสต์ที่ 2
ข้อ 1 นี่กลับไปอ่านเอกสารของบริษัทน่าจะเคลียร์น่าครับ
เพราะว่ามีช่วงระยะเวลาการซื้อคืนระบุไว้ชัดเจนและเงื่อนไขอยู่แล้ว
ซึ่งหากบริษัทซื้อคืน ต้องรายงานแจ้งแก่ตลาดหลักทรัพย์ ในวันทำการถัดไปช่วงก่อนเปิดตลาด ว่าซื้อจำนวนเท่าไร ราคาเฉลี่ยเท่าไร
ข้อ2 ตามเงื่อนไข ลองคูณดูก็รู้ครับว่าเกินหรือไม่ (ไม่ตอบล่ะกัน คูณเองน่ารู้น่าครับ)
ข้อ3 อันนี้ไปอ่านกฏหมายประกอบก็น่าจะดีน่าครับ
ที่รู้คือ บริษัทที่ซื้อหุ้นคืน ถ้าหากไม่ทำการขายคืนในตลาดภายในเวลาสองปี
หุ้นที่ซื้อคืน ต้องไปจดทะเบียนลดลงทุน ตามจำนวนหุ้นที่ซื้อคืน
ข้อ4 เป็นการบริหารทางการเงินประเภทหนึ่ง
คือเงินมันเหลือ ซื้อหุ้นคืนเพื่อดูสภาพคล่องส่วนเกินออก ทำให้หุ้นน้อยลง
ราคาก็ขึ้นตามกฏอุปสงค์และอุปทาน
แล้วเมื่อปันผล ก็ไม่ต้องปันผลให้แก่หุ้นที่บริษัทซื้อคืนด้วย
อย่างนี้เงินก็ไม่ต้องไหลออกด้วย
เพราะว่ามีช่วงระยะเวลาการซื้อคืนระบุไว้ชัดเจนและเงื่อนไขอยู่แล้ว
ซึ่งหากบริษัทซื้อคืน ต้องรายงานแจ้งแก่ตลาดหลักทรัพย์ ในวันทำการถัดไปช่วงก่อนเปิดตลาด ว่าซื้อจำนวนเท่าไร ราคาเฉลี่ยเท่าไร
ข้อ2 ตามเงื่อนไข ลองคูณดูก็รู้ครับว่าเกินหรือไม่ (ไม่ตอบล่ะกัน คูณเองน่ารู้น่าครับ)
ข้อ3 อันนี้ไปอ่านกฏหมายประกอบก็น่าจะดีน่าครับ
ที่รู้คือ บริษัทที่ซื้อหุ้นคืน ถ้าหากไม่ทำการขายคืนในตลาดภายในเวลาสองปี
หุ้นที่ซื้อคืน ต้องไปจดทะเบียนลดลงทุน ตามจำนวนหุ้นที่ซื้อคืน
ข้อ4 เป็นการบริหารทางการเงินประเภทหนึ่ง
คือเงินมันเหลือ ซื้อหุ้นคืนเพื่อดูสภาพคล่องส่วนเกินออก ทำให้หุ้นน้อยลง
ราคาก็ขึ้นตามกฏอุปสงค์และอุปทาน
แล้วเมื่อปันผล ก็ไม่ต้องปันผลให้แก่หุ้นที่บริษัทซื้อคืนด้วย
อย่างนี้เงินก็ไม่ต้องไหลออกด้วย