ความสำเร็จของนักลงทุน visualize กันได้ครับ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 0

ความสำเร็จของนักลงทุน visualize กันได้ครับ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

รูปภาพ

 กราบสวัสดีท่านผู้อ่านที่เคารพก่อนครับ



จากกระทู้ท่าน ...  สามดอท

   ภาพนี้หมุนได้ตามใจสั่ง

http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... sc&start=0

  ล่อ วะมึนตึบ กว่าจะเข้าใจ วิธีทำงานในสมองเรา ล่อ ซะเหนื่อยเลย  

 โชคดีจริงเลยครับ วันนี้ไปดู
   
       Davinci Code
 ฉาก the last Supper

 
  รูปภาพ

 
  " It's called Scotoma - The mind sees what it chooses to see"

  พูดจบ ผม pause ทันทีดูอีกหลายรอบ

  กลับไปที่ กระทู้ท่าน ...

    ผมต้องสร้างภาพในสมองว่ามันทวนนะ ๆ  ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

      สั่งสมองเลยว่า อยากเห้นทวน ๆๆๆ  บอกให้เขาทวน
  แล้วบอกว่าอยากเห้นมันทวน ไม่อยากเห็นมันตาม

 ทวนๆๆๆๆ

 มามองอีกที

 เออ   ....มันทวนครับ!!!!!

     
 สมองเรามันเล่นอย่างนี้เลยหรือ!!!!!!
   
   ---------------

     
   
 อ. มังเกอร์บอกว่า

รูปภาพ


  The basic neural network of the brain is there through broad genetic and cultural evolution. And its not Fermat/Pascal. It uses a very crude, shortcut ‑ type of approximation. Its got elements of Fermat/Pascal in it.  However, its not good. So you have to learn in a very usable way this very elementary math and use it routinely in life ‑ just the way if you want to become a golfer, you cant use the natural swing that broad evolution gave you. You have to learn to have a certain grip and swing in a different way to realize your full potential as a golfer.

http://www.thinkfn.com/en/content/view/52/?id=



      รูปภาพ      ผมอ่านตั้ง 5 รอบ ยังไม่เข้าใจเลย5555  ตอนจบ อ. ชาลีไปเปรียบเปรยกับการเล่นกอล์ฟ เลยถึงบางอ้อ ผมจับใจความได้ว่า


     คนเรามีหลายศักยภาพ  ศักยภาพของเราที่จะเป็น นัก อะไรก็แล้วแต่ ขอให้ได้ลอง ค้นหาตัวเอง เหมือนการจับกริฟ

         การลงทุนเน้นคุณค่าเป็นแค่เพียงวิธีหนึ่งที่เหมือนการจับกริฟเวลาเล่นกอล์ฟ  ที่เราใช้เพือหาศักยภาพของตัวเองในฐานะ นักลงทุน

 
        การลงุทนเน้นคุณค่า อาจจะพัฒนาศักยภาพของอีกคน ไม่เท่าอีกคนก็ได้

          คิดถึงตอนฝึกเล่นกอล์ฟใหม่ ๆ


         ตอนจับกริฟมันฝืนธรรมชาติของเรามาก การสวิงก็ฝืน มันฝืนไปหมดเลย เวลามีใครมาถามผม hadicrap เท่าไร  ผมคิดไปถึง ลื้อพิกลพิการขนาดไหน เพราะคำนี้ผมเห็นตอนไปจอดรถ เขามีคำนี้ ไปห้องน้ำก็มีห้องแยกให้โดยเฉพาะ บางทีทางเดินยังมีทางไว้ให้เลย มันแปลว่า  physical or mental disability  

      อ้าว.handicap เท่าไร



  เราก็ตอบไป อั้ว พิการทั้งตัวเลยวะ



   เพราะมันฝืนธรรมชาติของร่างกายไปทั้งตัวเลย..555555

 

     ใครอยากอ่านที่มา Golf handicap

   http://en.wikipedia.org/wiki/Golf_handicap

 
    เกมนี้ใครฝืนตัวเองได้เก่งที่สุดก็ชนะไป  

        ที่ว่าเกมนี้ใครหัดเล่นตั้งแต่เด้กๆ ก็ได้เปรียบเพราะด้วยเหตุผลนี้เอง คือการฝืนสังขารตัวเอง  เด็ก ๆ เขาเก่งกว่า เขาเป็นไม่อ่อน  ร่างกายไม่ฝืนมากเท่าผู้ใหญ่  อีกอย่าง นั่นฝืนภายนอก ไอ้ฝืนภายในซิ อุปสรรคตัวเบ้งเลย สิ่งที่เป้นตัวกูของกูมันพกมาที่สนามเยอะเหลือเกิน

  อ่านมาเยอะ ทฤษกฏีแม่นเปี้ยเลย ท่านี้ผิด ท่าโน้นต้องอย่างนนี้ มันทำได้ที่ไหนละครับ หลุมนี้ได้ หลุมนั้นพลาด ไม่มีอะไรที่แน่นอนในเกมนี้ นอกจาก

    นอกจาก

    นอกจาก

   ใช่ครับ มัมมี นอกจาก เพราะ ไทเกอร์ ทำได้ ถ้าไทเกอร์ทำได้ เราก็ทำได้ เขาฝึกฝนมาอย่างดีมากและดีอย่างต่อเนื่องยาวนาน ทั้งร่างกายและจิตใจ

      ใครตีกอล์ฟจะทราบว่า

   Tiger Woods  ชอบพูดถึงพุดถึงประโยคนี้ที่ว่า

   " visualize your shot before you hit the ball"

     ผมเข้าใจว่า  เอาวิชานี้มาจาก Jack Niclaus
   
       เกมการลงทนก็ต้องฝึกฝนเหมือนกัน  

    -

   อ. มังเกอร์...


รูปภาพ

     Mans imperfect, limited-capacity brain easily drifts into working with whats easily available to it. And the brain cant use what it cant remember or when its blocked from recognizing because it is heavily influenced by one or more psychological tendencies bearing strongly on it. . .

    รูปภาพ       แสดงว่า สมองคนเรารักสบาย  

        ผมชอบ อ. ชาลี ตรงนี้ละครับ ฟังท่านพูดแล้ว ทำให้เราโยงไปประยุกก์คิดเรื่องการลงทุนของได้หมด

       มิน่า ธุรกิจ อาบ อบ นวด ถึงเป็นธุรกิจชั้นยอดเลยครับ  

           นวดแผนโบราณนี่ก็ใช่

     พูดถึงเรื่อง ความสบาย  วันก่อนผ่านไปแถวแหล่งธุรกิจในเมือง เห็นร้านขายยาร้านหนึ่งมีร้านหนังสือวางในร้าน มีมุมกาแฟให้ลุกค้าอ่าน

     สมองรักสบาย

  แล้ว หนังสือ คือ สมอง

  ยา คือ แก้ความไม่สบายให้สบายขึ้น

 พออยู่ด้วยกันแล้ว model นี้  คิดอย่างนี้ ก็ดูมีศักยภาพขึ้นมาทันที    

ขอแนะนำหนังสือการลงทุนควรจะมี รูปโป๊ ให้ดูสบายตา สอดแสกไว้ตลอดเล่ม

   สมองรักสบายไงครับ.55555
ภาพประจำตัวสมาชิก
SEHJU
Verified User
โพสต์: 1238
ผู้ติดตาม: 0

ครับ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ดีวีดีไทยวีไอมีตติ้งครั้งต่อไป

ผมเสนอแนะว่า ควรมีหนัง AV คั่นกลางครับ.....
MindTrick
Verified User
โพสต์: 1289
ผู้ติดตาม: 0

ความสำเร็จของนักลงทุน visualize กันได้ครับ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

อ่านคำ ชาลี มังเกอ แล้ว คนนี้ชักน่าสนใจ ต้องด้อมมองๆ ดูซะแล้ว

the last supper  มันได้สองแบบยังไงหรอครับ ผมคุ้นๆ แต่ลืมไปแล้ว
^
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
iceberg
Verified User
โพสต์: 258
ผู้ติดตาม: 0

ความสำเร็จของนักลงทุน visualize กันได้ครับ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ถ้าสนใจการทำงานของสมองลองอ่านเล่มนี้ดูครับ

Your money & Your brain

แต่งโดย Jason Zweig (คนนี้เป็น editor หนังสือ The Intelligent investor)

ยกตัวอย่างความขัดแย้งระหว่าง "การคิด(thinking)" กับ  "การรู้สึก (feeling)"
สมมติว่ามีขวดโหลอยู่สองใบ ใบแรกมีลูกแก้วสีขาวอยู่ 9 ลูก สีแดง 1 ลูก
ใบที่สองมีลูกแก้วสีขาวอยู่ 91 ลูก สีแดง 9 ลูก
ถ้าต้องการหยิบลูกแก้วสีแดง คำถาม คือ คิดว่าเราจะหยิบจากขวดโหลใบไหน


คำตอบ โดยส่วนใหญ่จะหยิบจากใบที่สอง เพราะเค้า "รู้สึก"
มันมีโอกาสมากกว่าเนื่องจากมีลูกแก้วสีแดงตั้ง 9 ลูก (คงได้สักลูกน่า)

แต่โดยความจริงแล้ว โอกาสที่จะหยิบลูกแก้วสีแดงได้จากขวดโหลใบที่สอง คือ 9% ในขณะที่ขวดโหลใบแรกมีโอกาสอยู่ 10%  :D  :D

ยังมีรายละเอียดอีกเยอะครับ
MindTrick
Verified User
โพสต์: 1289
ผู้ติดตาม: 0

ความสำเร็จของนักลงทุน visualize กันได้ครับ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

iceberg เขียน:ถ้าสนใจการทำงานของสมองลองอ่านเล่มนี้ดูครับ

Your money & Your brain

แต่งโดย Jason Zweig (คนนี้เป็น editor หนังสือ The Intelligent investor)

ยกตัวอย่างความขัดแย้งระหว่าง "การคิด(thinking)" กับ  "การรู้สึก (feeling)"
สมมติว่ามีขวดโหลอยู่สองใบ ใบแรกมีลูกแก้วสีขาวอยู่ 9 ลูก สีแดง 1 ลูก
ใบที่สองมีลูกแก้วสีขาวอยู่ 91 ลูก สีแดง 9 ลูก
ถ้าต้องการหยิบลูกแก้วสีแดง คำถาม คือ คิดว่าเราจะหยิบจากขวดโหลใบไหน


คำตอบ โดยส่วนใหญ่จะหยิบจากใบที่สอง เพราะเค้า "รู้สึก"
มันมีโอกาสมากกว่าเนื่องจากมีลูกแก้วสีแดงตั้ง 9 ลูก (คงได้สักลูกน่า)

แต่โดยความจริงแล้ว โอกาสที่จะหยิบลูกแก้วสีแดงได้จากขวดโหลใบที่สอง คือ 9% ในขณะที่ขวดโหลใบแรกมีโอกาสอยู่ 10%  :D  :D

ยังมีรายละเอียดอีกเยอะครับ
ขอบคุณจากใจครับ   :D
ข้างบนผมตอบใบแรกอะ เพราะ เห็นเลข 91 มันมากกว่า 90 และก็ คิดว่า หยิบ1จาก 10ใบ มัน focus ได้ง่ายกว่าเยอะ :lol:
^
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
โพสต์โพสต์