ผลประกอบการปี 46 ...ความหวัง กับ ความจริง
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
ผลประกอบการปี 46 ...ความหวัง กับ ความจริง
โพสต์ที่ 1
ส่วนใหญ่ตอนนี้ทุึกบริษัทในตลาดก็คงประกาศ
ผลประกอบการปี 46 ไปหมดแล้วนะครับ
ไม่ทราบว่าผลประกอบการ เป็นอย่างที่เพื่อนๆ หวังไว้หรือเปล่า
เพราะเท่าที่ดู หลายบริษัทที่เพื่อนๆ นิยมก็มีผลประกอบการดี
และก็มีอีกหลายบริษัทที่มีผลการดำเินินงานที่แย่ลงมาก
หุ้นที่ผมถือทั้ง 5 ตัว ก็ประกาศผลประกอบการแล้วครับ
-มี 3 ตัว ที่ผลดำเนินงานเป็นไปตามคาด กำไรเพิ่มขึ้น
-มี 2 ตัว ที่ผลดำเนินงานต่ำกว่าที่คาดการณ์
-ไม่มีสักตัว ที่ผลดำเนินงาน ดีกว่าที่คาด
และหากให้คาดการณ์ ผลประกอบการปี 47 ของบริษัทส่วนใหญ่
ผมก็คิดว่าคงจะไม่ดีมากเพราะมีปัจจัยลบค่อนข้างมากคือ
-ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น เพราะน้ำมัน วัตถุดิบหลายชนิด (ปิโตรเคมี พลาสติก วัสดุก่อสร้าง โลหะ) ค่าขนส่ง ค่าระวาง ต่างปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ราคาขาย ปรับตัวขึ้นได้น้อยกว่า
-เงินบาทยังคงมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ทำให้บริษัทที่ผลิตเพื่อการส่งออก ได้รับผลกระทบในทางลบ
-มีหลายบริษัท ที่มีเงินลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้กำไรปีที่ผ่านมาสูงขึ้น
(เพราะตลาดหุ้นปีทีผ่านมา ปรับตัวสูงขึ้นมาก) แต่ดูแนวโน้มตลาดหลักทรัพย์ปีนี้ อาจจะไม่ร้อนแรงเหมือนปีที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะส่งผลให้กำไรของหลายบริษัทลดลง
แต่ในไม่ดี ก็ยังมีดี หลายบริษัทก็ยังมีแนวโน้มการดำเินินงานที่ดี และไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยข้างต้นครับ
สรุปว่าปีนี้ เรื่องผลประกอบการณ์
ผมคงไม่หวังมากครับ เพราะหวังมากก็ผิดหวังมาก
คงต้องเผื่อใจเอาไว้บ้างครับ
ผลประกอบการปี 46 ไปหมดแล้วนะครับ
ไม่ทราบว่าผลประกอบการ เป็นอย่างที่เพื่อนๆ หวังไว้หรือเปล่า
เพราะเท่าที่ดู หลายบริษัทที่เพื่อนๆ นิยมก็มีผลประกอบการดี
และก็มีอีกหลายบริษัทที่มีผลการดำเินินงานที่แย่ลงมาก
หุ้นที่ผมถือทั้ง 5 ตัว ก็ประกาศผลประกอบการแล้วครับ
-มี 3 ตัว ที่ผลดำเนินงานเป็นไปตามคาด กำไรเพิ่มขึ้น
-มี 2 ตัว ที่ผลดำเนินงานต่ำกว่าที่คาดการณ์
-ไม่มีสักตัว ที่ผลดำเนินงาน ดีกว่าที่คาด
และหากให้คาดการณ์ ผลประกอบการปี 47 ของบริษัทส่วนใหญ่
ผมก็คิดว่าคงจะไม่ดีมากเพราะมีปัจจัยลบค่อนข้างมากคือ
-ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น เพราะน้ำมัน วัตถุดิบหลายชนิด (ปิโตรเคมี พลาสติก วัสดุก่อสร้าง โลหะ) ค่าขนส่ง ค่าระวาง ต่างปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ราคาขาย ปรับตัวขึ้นได้น้อยกว่า
-เงินบาทยังคงมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ทำให้บริษัทที่ผลิตเพื่อการส่งออก ได้รับผลกระทบในทางลบ
-มีหลายบริษัท ที่มีเงินลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้กำไรปีที่ผ่านมาสูงขึ้น
(เพราะตลาดหุ้นปีทีผ่านมา ปรับตัวสูงขึ้นมาก) แต่ดูแนวโน้มตลาดหลักทรัพย์ปีนี้ อาจจะไม่ร้อนแรงเหมือนปีที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะส่งผลให้กำไรของหลายบริษัทลดลง
แต่ในไม่ดี ก็ยังมีดี หลายบริษัทก็ยังมีแนวโน้มการดำเินินงานที่ดี และไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยข้างต้นครับ
สรุปว่าปีนี้ เรื่องผลประกอบการณ์
ผมคงไม่หวังมากครับ เพราะหวังมากก็ผิดหวังมาก
คงต้องเผื่อใจเอาไว้บ้างครับ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
ผลประกอบการปี 46 ...ความหวัง กับ ความจริง
โพสต์ที่ 2
ปีที่แล้ว หลายๆ บริษัทก็เหมือนกับคนที่เล่นหุ้นครับ ไม่ต้องใช้ฝีมือมากนักก็สามารถสร้างกำไรได้มากกว่าเดิม แต่ปีนี้สิ ของจริงครับ ใครยังสามารถ live the expectation ได้ละก้อ ถือว่ายอดเยี่ยมครับ
สถานการณ์เดียวกันเลย คุณ ลูกอีสาน ผมเองก็อกหักดังเป๊าะไปหลายเป๊าะเหมือนกัน คือผลประกอบการประเภทเข็มขัดสั้น (น้อยกว่าคาด) และประเภทที่พอดีกับการคาดการณ์ แต่ที่ผลประกอบการแบบเข็มขัดยาว (เกินคาด) มิมีให้เห็นเลยครับ
อ้อ ผมเห็นด้วยเรื่องการประกาศผลประกอบการนะครับ ว่ามันไม่บูรณาการเลย ต่างคนต่างทำ มั่วๆ กันไปเรื่อยครับ
สถานการณ์เดียวกันเลย คุณ ลูกอีสาน ผมเองก็อกหักดังเป๊าะไปหลายเป๊าะเหมือนกัน คือผลประกอบการประเภทเข็มขัดสั้น (น้อยกว่าคาด) และประเภทที่พอดีกับการคาดการณ์ แต่ที่ผลประกอบการแบบเข็มขัดยาว (เกินคาด) มิมีให้เห็นเลยครับ
อ้อ ผมเห็นด้วยเรื่องการประกาศผลประกอบการนะครับ ว่ามันไม่บูรณาการเลย ต่างคนต่างทำ มั่วๆ กันไปเรื่อยครับ
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
ผลประกอบการปี 46 ...ความหวัง กับ ความจริง
โพสต์ที่ 3
พอดีวันนี้ว่างๆเวปเงียบๆเลยมาขอแจมกับคุณลูกอีสานหน่อย
เรื่องผลประกอบการคือ
ผมไม่ค่อยหวังกับผลประกอบการมากครับ
ผมคิดว่า
บางทีดูผลประกอบการรายไตรมาสก็ไม่ได้อะไรมาก
บางทีผลประกอบการหนึ่งปี อาจจะบอกอะไรมากไม่ได้
ถ้าเรายังมั่นใจในศักยภาพของบริษัท
อนาคตยังไปได้สวย
ถึงแม้ผลประกอบการจะไม่ได้ดีมากอย่างที่คิด
ราคายังไม่เวอร์มากเกินพื้นฐาน
ก็ยังถือได้ครับ
มีหุ้นหลายตัวที่ผมถืออยู่
ผลประกอบการก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด
แต่ผมดูๆแล้ว ศักยภาพของบริษัทในระยะยาวถูกบั่นทอนไป
ทั้งจากการแข่งขันในอุตสาหกรรม คู่แข่ง หรือ กฏระเบียบต่างๆ
ซึ่งอยู่นอกเหนือจากสมมุติฐานที่เราตั้งเอาไว้แต่แรก
ผมก็เปลี่ยนบริษัทครับ
บางบริษัท ผลประกอบการแย่ลง
แต่อนาคตบริษัทยังดี ผมก็ถืออยู่ครับ
หรือไม่ก็เล็งหาบริษัทดีๆที่ถูกเทขายเพราะกำไรลดลงในระยะสั้น
เรียกว่า เป็นทั้งข่าวดีและข่าวร้ายในตัว
ตลาดช่วงนี้ ผมว่าเป็นวันของ VI ครับ
เพราะนักเก็งกำไรคง"ขยาด"ตลาดหุ้นช่วงนี้ (แต่คงไม่"เข็ด")
อย่าง"เซียน"ที่บริษัทผมหลายคน บ่นกันให้แซดว่า"เล่น"ยากช่วงนี้
พวกเลยกลับมาตั้งหน้าตั้งตา"ทำมาหากิน" ทำงานเหมือนเดิม
ส่วน VI ก็นั่งตีขิมรอเก็บของดีราคาเลหลังกัน ใช่มั๊ยครับ
เรื่องผลประกอบการคือ
ผมไม่ค่อยหวังกับผลประกอบการมากครับ
ผมคิดว่า
บางทีดูผลประกอบการรายไตรมาสก็ไม่ได้อะไรมาก
บางทีผลประกอบการหนึ่งปี อาจจะบอกอะไรมากไม่ได้
ถ้าเรายังมั่นใจในศักยภาพของบริษัท
อนาคตยังไปได้สวย
ถึงแม้ผลประกอบการจะไม่ได้ดีมากอย่างที่คิด
ราคายังไม่เวอร์มากเกินพื้นฐาน
ก็ยังถือได้ครับ
มีหุ้นหลายตัวที่ผมถืออยู่
ผลประกอบการก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด
แต่ผมดูๆแล้ว ศักยภาพของบริษัทในระยะยาวถูกบั่นทอนไป
ทั้งจากการแข่งขันในอุตสาหกรรม คู่แข่ง หรือ กฏระเบียบต่างๆ
ซึ่งอยู่นอกเหนือจากสมมุติฐานที่เราตั้งเอาไว้แต่แรก
ผมก็เปลี่ยนบริษัทครับ
บางบริษัท ผลประกอบการแย่ลง
แต่อนาคตบริษัทยังดี ผมก็ถืออยู่ครับ
หรือไม่ก็เล็งหาบริษัทดีๆที่ถูกเทขายเพราะกำไรลดลงในระยะสั้น
เรียกว่า เป็นทั้งข่าวดีและข่าวร้ายในตัว
ตลาดช่วงนี้ ผมว่าเป็นวันของ VI ครับ
เพราะนักเก็งกำไรคง"ขยาด"ตลาดหุ้นช่วงนี้ (แต่คงไม่"เข็ด")
อย่าง"เซียน"ที่บริษัทผมหลายคน บ่นกันให้แซดว่า"เล่น"ยากช่วงนี้
พวกเลยกลับมาตั้งหน้าตั้งตา"ทำมาหากิน" ทำงานเหมือนเดิม
ส่วน VI ก็นั่งตีขิมรอเก็บของดีราคาเลหลังกัน ใช่มั๊ยครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
ผลประกอบการปี 46 ...ความหวัง กับ ความจริง
โพสต์ที่ 5
หนังสือพิมพ์ ข่าวหุ้นธุรกิจ รายวัน ฉบับประจำวันพุธที่ 3 มีนาคม 2547 ยืนหยัดนำเสนอข้อมูลข่าวสารเพื่อนักลงทุนอย่างเป็นอิสระและตรงไปตรงมา
* สถานการณ์เรื่องม็อบสหภาพรัฐวิสาหกิจนำโดย กฟผ. เริ่มคลี่คลายมากขึ้นเมื่อ นายกรัฐมนตรี ยินยอมให้ตัวแทน สหภาพฯกฟผ.เข้าพบเพื่อหารือกัน ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับบ้านเมือง * จากเดิมข้อเรียกร้องที่สุดขั้วของสหภาพฯกฟผ. ถือเป็นเงื่อนตายที่รัฐบาลยอมรับไม่ได้ เพราะไม่ยอมให้มีการแปรรูปหน่วยงานนี้ ในขณะที่รัฐบาลประกาศเป็นนโยบายให้ทราบกันมาตั้งแต่ต้น และนักลงทุนทั่วโลกก็รับทราบเรื่องนี้ดี ทำให้รัฐบาลยืนยันหัวชนฝาว่าตราบใดที่ยังมีการพูดเรื่องนี้ จะไม่ยอมพูดกับตัวแทนสหภาพฯ
* ก็ถือเป็นเรื่องคลายกังวลกันไปได้เปลาะหนึ่ง "เกียรติก้อง"ถือคติส่วนตัวว่า คุยกัน ดีกว่าด่ากัน ส่วนข้อแตกต่างจะพบกันได้หรือไม่ ก็เป็นเรื่องว่ากันไป
* เรื่องที่สำคัญกว่าเรื่องขายหุ้น กฟผ.ให้ใครนั้น จริงๆแล้ว กลับเป็นเรื่องการปฏิรูประบบบริหารภายในของ กฟผ.เพื่อให้หายจากสภาพเทอะทะ เละเทะ และเล่นการเมืองภายใน อันเป็นกิจที่รัฐวิสาหกิจไทยไม่อาจสลัดหลุดได้มานานหลายทศวรรษ จนเป็นจารีตไปแล้วตะหาก
* ระบบบริหาร กฟผ.ในปัจจุบัน เต็มไปด้วยความซับซ้อน และลูบหน้าปะจมูก ดังจะเห็นได้จากโครงสร้างการจัดการที่มีเทอะทะ และ งุ่มง่าม โดยที่ไม่มีใครคิดจะทำการปรับปรุงเหมือนดังเช่นที่ ปตท.ได้กระทำมานานหลายปี ก่อนจะเข้าตลาดหุ้น
* นี้ยังไม่นับสินทรัพย์ที่ไม่สร้างรายได้จำนวนมหาศาลของ กฟผ.ที่ถือไว้ในมือ ซึ่งจะมีคำถามมากมายที่ฝ่ายบริหารต้องมีคำอธิบาย ไม่ใช่ให้ราชการหรือนักการเมืองฟังเท่านั้น แต่จะต้องอธิบายให้นักลงทุนไทยและต่างชาติรับทราบอย่างโปร่งใส เมื่อเวลาทำโรดโชว์ขายเข้าตลาดหุ้น ไม่ใช่เรื่องอยากจะแปรรูปก็เร่งทำกันไปส่งเดช *กลับมาเรื่องตลาดหุ้นต่อ "เกียรติก้อง"เริ่มมองเห็นวิชามารของบรรดาโบรกเกอร์และนักวิเคราะห์ต่างชาติมากขึ้นเรื่อยๆในการให้ข่าวเพื่อ"ทุบเอาของ"ในช่วงหุ้นปรับฐานครั้งนี้ ไม่สวยครับ...ไม่สวย
* มีอย่างที่ไหน วันนี้ค่า P/E ตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ระดับแค่ 12.4 เท่าเหตุเพราะราคาหุ้นตกลงมาทั่วหน้า แต่ผลประกอบการของบมจ.ในตลาดกลับดีขึ้นโดยเฉลี่ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ที่เคยขาดทุนกลับมากำไร ที่เคยกำไรน้อยกลับมากำไรมาก ที่เคยกำไรผิดปกติเพราะปรับหนี้ ก็กลับมากำไรเพราะผลประกอบการจริง มีส่วนน้อยที่กำไรลด หรือ ต่ำกว่าเป้า ดันมีหน้ามาดันทุรังบอกว่า ตลาดหุ้นมาเลเซียที่ค่า P/E มากกว่า 17 เท่า น่าสนใจกว่า ตลาดหุ้นไทย..ฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลย(ว่ะ)
* ทีตลาดหุ้นนิวยอร์ก NYSE ซึ่งค่าP/E อยู่ที่ระดับ 26 เท่า แนสแดกที่ 35 เท่า กลับไม่ยอมพูดถึง อย่างนี้อคตินี่หว่า * ไม่เพียงเท่านั้น ช่วงไหนที่พวกนี้บอกว่าจะลดพอร์ตในไทยลง มักจะเป็นช่วงที่ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิทุกครั้ง จะให้เข้าใจเป็นอย่างอื่นๆได้อย่างไรว่า ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน....ให้ตายเถอะ
* เรื่องวิชามารอย่างนี้ ไม่เพียงนักลงทุนจะต้องเข้าใจอย่างรู้ทันเท่านั้น หากตลาดฯจะต้องออกมาช่วยทำประชาสัมพันธ์เชิงรุก ไม่ใช่ปล่อยให้นักปล่อยข่าวลวงออกมาขยำขยี้ ดัชนีตลาดเล่นๆ เพื่อหวังผลประโยชน์จากจิตวิทยามหาชนของนักลงทุนที่มักจะอ่อนไหวสำหรับความเห็นของต่างชาติเป็นพิเศษ
* มองจากภาพเศรษฐกิจมหภาค ดัชนีชี้ภาวะเศรษฐกิจทุกตัวยังคงสดใส ดุลการค้า ดุลบัญชีเงินสะพัด เงินคงคลัง ทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ เงินทุนไหลเข้าทั้งเก็งกำไรและลงทุนโดยตรง ตลอดจนการจ้างงาน และอื่นๆ ยังคงสดใส มองไม่เห็นภาพของฟองสบู่เศรษฐกิจโผล่ขึ้นมากมายดังที่หลายคนหวั่นวิตกแต่อย่างใด แล้วอย่างนี้ จะมองว่าตลาดหุ้นไทยหมดเสน่ห์แล้วได้อย่างไร * เมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นรีบาวด์กลับขึ้นมา โดยไล่ราคาในกลุ่มที่เข้าเขตขายมากเกินอย่างสื่อสาร พลังงาน และหลักทรัพย์เป็นรายตัว แม้จะทำให้ดัชนีวิ่งขึ้นไม่ได้ไกล แต่ก็เห็น สัญญาณทางเทคนิคที่ดูดีขึ้นมา ว่า การแกว่งตัวของดัชนีตลาดหุ้นเริ่มแคบลงๆ ก่อนที่จะมีการตัด สินใจสำคัญในอีก 3 สัปดาห์ข้างหน้าว่าจะมุ่งไปทางไหน
* อานิสงส์จากกองทุนวายุภักดิ์ 1 หรือ VAYU1 ที่เข้าซื้อขายในตลาดมาหลายวันแล้ว ทำให้ราคาหุ้นการบินไทย THAI พุ่งทำนิวไฮในรอบ 4 เดือน ที่เหนือ 60 บาท และถือเป็นครั้งที่ 2 นับแต่เข้าเทรดในตลาดหุ้นไทย ส่งสัญญาณสวย แต่ก็เข้าเขตซื้อมากเกินไปอย่างนี้ ไม่กล้ารับประกันอะไรได้เลยว่าจะไปต่ออีกหรือไม่ *วันนี้ จับตาหุ้นสื่อสารให้ดี โดยเฉพาะกลุ่มชินทั้งแผง มีเซอร์ไพร้ซครับ สัญญาณมันบอก ไม่ได้มีลัลลมคมนัยอะไร
-
- ผู้ติดตาม: 0
ผลประกอบการปี 46 ...ความหวัง กับ ความจริง
โพสต์ที่ 6
มี pl mbk se-ed ดีกว่าเป้าหมาย ahc ตามเป้า ogc ram csc แย่กว่าที่คิด
โดยเฉพาะ csc ดันไปรับกลับมาที่ 26 บาท นึกว่าไตรมาส 4 จะได้กำไรสัก 1บาท
โดยเฉพาะ csc ดันไปรับกลับมาที่ 26 บาท นึกว่าไตรมาส 4 จะได้กำไรสัก 1บาท