Value เปลี่ยนสี
- chakasak
- Verified User
- โพสต์: 183
- ผู้ติดตาม: 0
Value เปลี่ยนสี
โพสต์ที่ 1
จากบทความของ ดร นิเวศน์ เกี่ยวกับ Bill Miller. ไม่ทราบว่าเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ มีใครลงทุนกับหุ้นโดยไม่สนใจ p/e ในอดีตบ้างครับ แต่ใช้ ทักษะ ในการประเมินค่า p/e ในอนาคตแทน ไม่ทราบว่าท่านมีเทคนิคยังไงในการประเมิน p/e ในอนาคต เชิญมาแลกเปลี่ยนเทคนิคกัน :welcome:
ลงหุ้นหวังปันผล ได้มากกว่าดอกเบี้ยก็พอใจแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 1372
- ผู้ติดตาม: 0
Value เปลี่ยนสี
โพสต์ที่ 2
ผมว่าไม่ว่ามอง PE ในอดีตหรืออนาคต แต่บรรดา Value Investor ที่ประสบความสำเร็จจะมีวิธีเลือกธุรกิจที่คล้ายกัน คือ
1. เลือกธุรกิจที่แข็งแกร่งหรือเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนั้นๆ
2. มองธุรกิจที่ตนสนใจได้ทะลุปรุโปร่งทั้งอดีตและอนาคต
3. เลือกธุรกิจที่ตัวเองสามารถทำความเข้าใจได้
วอเร็นท์ บัฟเฟต เลือกธุรกิจที่เป็นผู้นำ เรียบง่าย แข็งแกร่ง คู่แข่งไม่สามารถเอาชนะได้ เช่น coca-cola และเขามองว่าในอนาคตอีก 10 ปี ยังไงก็ธุรกิจนี้ก็ไม่มีใครมาแทนที่ได้
Bill Miller เลือกไมโครซอฟ ซึ่งเป็นผู้นำด้านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่ขณะนี้และในอนาคตเขาเชื่อว่าคงไม่มีใครมาเอาชนะได้
ดร.นิเวศน์ เลือกธุรกิจค้าปลีกซึ่งเป็นสิ่งที่ ดร.บอกว่าเป็นธุรกิจที่เรียบง่าย และท่านใช้บริการทุกวัน บริษัทที่ดร.เลือกเป็นผู้นำด้านค้าปลีกในไทย และดร.ก็มองว่าในอนาคตอีก 5-10 ปีคงไม่มีธุรกิจค้าปลีกใดมาเทียบเท่าได้
พี่พอใจถนัดในธุรกิจประเภทอุตสาหกรรม พี่พอใจก็จะมองธุรกิจอุตสาหกรรมได้ทะลุ
1. เลือกธุรกิจที่แข็งแกร่งหรือเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนั้นๆ
2. มองธุรกิจที่ตนสนใจได้ทะลุปรุโปร่งทั้งอดีตและอนาคต
3. เลือกธุรกิจที่ตัวเองสามารถทำความเข้าใจได้
วอเร็นท์ บัฟเฟต เลือกธุรกิจที่เป็นผู้นำ เรียบง่าย แข็งแกร่ง คู่แข่งไม่สามารถเอาชนะได้ เช่น coca-cola และเขามองว่าในอนาคตอีก 10 ปี ยังไงก็ธุรกิจนี้ก็ไม่มีใครมาแทนที่ได้
Bill Miller เลือกไมโครซอฟ ซึ่งเป็นผู้นำด้านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่ขณะนี้และในอนาคตเขาเชื่อว่าคงไม่มีใครมาเอาชนะได้
ดร.นิเวศน์ เลือกธุรกิจค้าปลีกซึ่งเป็นสิ่งที่ ดร.บอกว่าเป็นธุรกิจที่เรียบง่าย และท่านใช้บริการทุกวัน บริษัทที่ดร.เลือกเป็นผู้นำด้านค้าปลีกในไทย และดร.ก็มองว่าในอนาคตอีก 5-10 ปีคงไม่มีธุรกิจค้าปลีกใดมาเทียบเท่าได้
พี่พอใจถนัดในธุรกิจประเภทอุตสาหกรรม พี่พอใจก็จะมองธุรกิจอุตสาหกรรมได้ทะลุ
สติมา ปัญญาเกิด
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
Value เปลี่ยนสี
โพสต์ที่ 9
ไม่รู้ว่าสำหรับคนที่ซื้อหุ้นลักษณะที่ว่านี้ จะเป็น นักลงทุน หรือว่า นักเก็งกำไรรายไตรมาส ดีกว่ากัน[L] เขียน:Value Investor ส่วนใหญ่ ผมว่า มากกว่า 90% จึงมักซื้อแต่หุ้น Value PE ต่ำ
และเท่าที่สังเกตุจากในเวปนี้
สไตล์ที่นิยมสูงสุด เพราะที่ผ่านมาได้กำไรสูงและเร็ว คือ
หุ้น PE ต่ำ มี Growth story ในระยะ 1-2 ปี นี้ แบบเห็นชัดๆ (นานกว่านี้จะไม่ชอบเพราะต้องการกำไรเร็วๆ) เช่น กำลังผลิตเพิ่ม ,ราคาขายเพิ่ม , order มา , ประมูลงานได้ etc. (แต่หลังจาก 2 ปี เป็นยังไง? ไม่รู้ และเค้าคิดว่าคงไม่จำเป็นต้องรู้ เพราะกะขายออกไปก่อนอยู่แล้ว)
หุ้นแบบนี้จะลุ้นงบการเงินเป็นรายไตรมาส เมื่องบการการเงินออกมายืนยัน หลายๆ Q เข้า ราคาหุ้นมักจะวิ่งพร้อมกับมุมมองที่สดใส คนจะเข้ามาในกระทู้ของหุ้นตัวนั้นเยอะมากขึ้น หุ้นวิ่งขึ้นไปอีก ถึงระดับนึง คนที่ซื้อไว้ตั้งแต่ช่วงแรกก็มักจะขายออกไป ด้วยเหตุผลประมาณว่า เต็มมูลค่าแล้ว ไปหาหุ้นตัวใหม่จะคุ้มกว่า
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
Value เปลี่ยนสี
โพสต์ที่ 11
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ไม่รู้ว่าสำหรับคนที่ซื้อหุ้นลักษณะที่ว่านี้ จะเป็น นักลงทุน หรือว่า นักเก็งกำไรรายไตรมาส ดีกว่ากัน
vi รายไตรมาส กะ นักเก็งกำไรระยะยาว อิอิ
ล้อเล่นครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
Value เปลี่ยนสี
โพสต์ที่ 12
สำหรับนักลงทุนแล้ว ผมว่าไม่เกี่ยวกับระยะเวลาที่ถือลงทุน
ไม่มีนักลงทุนระยะสั้น และก็ไม่มีนักลงทุนระยะยาว ครับ
จะเป็นนักลงทุน หรือ นักเก็งกำไร อยู่ที่เหตุผลตอนตัดสินใจซื้อมากกว่าครับ
ไม่มีนักลงทุนระยะสั้น และก็ไม่มีนักลงทุนระยะยาว ครับ
จะเป็นนักลงทุน หรือ นักเก็งกำไร อยู่ที่เหตุผลตอนตัดสินใจซื้อมากกว่าครับ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- Verified User
- โพสต์: 2496
- ผู้ติดตาม: 0
Value เปลี่ยนสี
โพสต์ที่ 13
เห็นด้วยนะคะ ระยะเวลา ไม่น่าเกี่ยวว่า vi ไม่ vi
ก็คนบางคนไม่ชอบทำอะไรเร็วๆ แต่บางคนชอบมาก ถนัดทำอะไรเร็วๆ ถ้าเคลื่อนไหวช้าๆ จะไม่ถนัด
มันเป็นแค่ วิธีการ หรือ กลยุทธ นะ ของแต่ละคนอ่ะ ดิฉันว่างั้นนะ
อย่างทำอาหารไง
บางคนชอบจังหวะ เร็วๆ ถึงจะถนัด ผักบุ้งไฟแดง จะมามัวคั่วทอดอยู่ได้ไง
แต่บางคนก็สลักสลวยอยู่นั่นอ่ะ ชาญี่ปุ่นถ้วยนึง ชงทีครึ่งชั่วโมง
มันเป็นแค่สไตล์ และก็กลยุทธ
อย่างบางคนว่า ถือยาว ลดความเสี่ยงที่ไม่คาดฝันได้
แต่อีกคนบอก สลับไปมา โดยใช้แวยู่มากน้อย เป็นตัวตัดสินสิ เป็นการบริหารความเสี่ยงในตัว
ก็เหมือนศิลปะ ระยะเวลาของการสร้างผลงาน ไม่ได้เป้นตัวบอกคุณค่าของชิ้นงาน
ก็คนบางคนไม่ชอบทำอะไรเร็วๆ แต่บางคนชอบมาก ถนัดทำอะไรเร็วๆ ถ้าเคลื่อนไหวช้าๆ จะไม่ถนัด
มันเป็นแค่ วิธีการ หรือ กลยุทธ นะ ของแต่ละคนอ่ะ ดิฉันว่างั้นนะ
อย่างทำอาหารไง
บางคนชอบจังหวะ เร็วๆ ถึงจะถนัด ผักบุ้งไฟแดง จะมามัวคั่วทอดอยู่ได้ไง
แต่บางคนก็สลักสลวยอยู่นั่นอ่ะ ชาญี่ปุ่นถ้วยนึง ชงทีครึ่งชั่วโมง
มันเป็นแค่สไตล์ และก็กลยุทธ
อย่างบางคนว่า ถือยาว ลดความเสี่ยงที่ไม่คาดฝันได้
แต่อีกคนบอก สลับไปมา โดยใช้แวยู่มากน้อย เป็นตัวตัดสินสิ เป็นการบริหารความเสี่ยงในตัว
ก็เหมือนศิลปะ ระยะเวลาของการสร้างผลงาน ไม่ได้เป้นตัวบอกคุณค่าของชิ้นงาน
-
- Verified User
- โพสต์: 70
- ผู้ติดตาม: 0
Value เปลี่ยนสี
โพสต์ที่ 14
ผมว่า ดร.ค่อนข้างแปลกนะระยะหลัง หุ้นที่ดอกเตอร์ถือก็ออกจะไม่เหมือนกับหนังสือที่ท่านแปล ถ้าท่านคิดว่าหุ้น IT ที่ถือคล้ายกับที่ท่านกล่าวในบทความผมว่าไม่น่าจะใช่ เพราะว่าที่กล่าวในบทความล้วนแล้วแต่มีการลงทุนครั้งแรกที่มากจริง และไม่ต้องลงทุนเพิ่มใหม่ใน hardware แต่หุ้นในประเทศเราที่เป็น IT ส่วนมากเป็นซื้อมาขายไปทั้งสิ้น และ Profit margin ต่ำ ซึ่งขัดกับหลักการกับหนังสือที่ท่านแปลอย่างมากเช่น The essential Buffet ท่านก็แปลออกมาว่า buffet นั้นซื้อหุ้นด้วยหลักการ และหลักการสำคัญคือ ROE ต่ำและ Profit Margin ต้องสูง
ฟังแล้วแปลกๆ
ฟังแล้วแปลกๆ
- gnomeller
- Verified User
- โพสต์: 425
- ผู้ติดตาม: 0
Value เปลี่ยนสี
โพสต์ที่ 15
ตรงประเด็น !!![L] เขียน: และเท่าที่สังเกตุจากในเวปนี้
สไตล์ที่นิยมสูงสุด เพราะที่ผ่านมาได้กำไรสูงและเร็ว คือ
หุ้น PE ต่ำ มี Growth story ในระยะ 1-2 ปี นี้ แบบเห็นชัดๆ (นานกว่านี้จะไม่ชอบเพราะต้องการกำไรเร็วๆ) เช่น กำลังผลิตเพิ่ม ,ราคาขายเพิ่ม , order มา , ประมูลงานได้ etc. (แต่หลังจาก 2 ปี เป็นยังไง? ไม่รู้ และเค้าคิดว่าคงไม่จำเป็นต้องรู้ เพราะกะขายออกไปก่อนอยู่แล้ว)
หุ้นแบบนี้จะลุ้นงบการเงินเป็นรายไตรมาส เมื่องบการการเงินออกมายืนยัน หลายๆ Q เข้า ราคาหุ้นมักจะวิ่งพร้อมกับมุมมองที่สดใส คนจะเข้ามาในกระทู้ของหุ้นตัวนั้นเยอะมากขึ้น หุ้นวิ่งขึ้นไปอีก ถึงระดับนึง คนที่ซื้อไว้ตั้งแต่ช่วงแรกก็มักจะขายออกไป ด้วยเหตุผลประมาณว่า เต็มมูลค่าแล้ว ไปหาหุ้นตัวใหม่จะคุ้มกว่า
หลังจากนั้น หุ้นตัวนี้ดูเหมือนจะเป็นหุ้นที่ "พื้นฐานเปลี่ยน" ในทันที่ ราคาหุ้นและความนิยมก็ตกลง หลังจากนั้นก็จะมีหุ้น PE ต่ำตัวใหม่ story ใหม่มาอีก วนเวียนอยู่แบบนี้
- chakasak
- Verified User
- โพสต์: 183
- ผู้ติดตาม: 0
เออ ขอเปลี่ยนประเด็นกลับมาได้ไหมครับ
โพสต์ที่ 16
คือผมตั้งกระทู้นี้อยากให้เพื่อนๆเข้ามาแชร์เทคนิคการประเมิน p/e ในอนาคตน่ะครับ และถ้าเป็นไปได้อยากได้ตัวอย่างพร้อมวิธีประเมินน่ะครับ ไม่อยากให้กระทู้นี้กลายเป็นกระทู้ว่ากระทบกระทั้งกันนะครับ
ขอความกรุณาด้วยนะครับ
ขอความกรุณาด้วยนะครับ
ลงหุ้นหวังปันผล ได้มากกว่าดอกเบี้ยก็พอใจแล้ว
- crazyrisk
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4549
- ผู้ติดตาม: 0
Value เปลี่ยนสี
โพสต์ที่ 17
ผมอ่านดู ก็ไม่รู้สึกเป็นการกระทบกระทั่งกันนะครับ
กระทู้นี้ แสดงความเห็นกันอยากถึงกึ๋น ดีเหมือนกัน
ผมว่า คุณ L เล่าภาพ vi ณ.ปัจจุบัน ได้ค่อนข้างแม่น
แม้กระทั่ง ดร. นิเวศ ก็เคย พูดถึงเรื่องพวกนี้เหมือนกัน
ส่วน การที่ ดร. ถือหุ้นแบบไหน
ไม่เหมือนในหนังสือหรือเหมือน
คนเรา เวลาเปลี่ยน ความรู้ก็เพิ่มขึ้น มุมมองก็เพิ่มขึ้นครับ
แกถึงได้เคยเขียนไง ว่า มันเป็น ขบวนการ วิวัฒนาการ..
กระทู้นี้ แสดงความเห็นกันอยากถึงกึ๋น ดีเหมือนกัน
ผมว่า คุณ L เล่าภาพ vi ณ.ปัจจุบัน ได้ค่อนข้างแม่น
แม้กระทั่ง ดร. นิเวศ ก็เคย พูดถึงเรื่องพวกนี้เหมือนกัน
ส่วน การที่ ดร. ถือหุ้นแบบไหน
ไม่เหมือนในหนังสือหรือเหมือน
คนเรา เวลาเปลี่ยน ความรู้ก็เพิ่มขึ้น มุมมองก็เพิ่มขึ้นครับ
แกถึงได้เคยเขียนไง ว่า มันเป็น ขบวนการ วิวัฒนาการ..
"Champions aren't made in gyms. Champions are made from something they have deep inside them: A desire, a dream, a vision.
- tattoo_thai
- Verified User
- โพสต์: 291
- ผู้ติดตาม: 0
Value เปลี่ยนสี
โพสต์ที่ 19
เห็นด้วยกับคุณ [L] ครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1284
- ผู้ติดตาม: 0
Value เปลี่ยนสี
โพสต์ที่ 20
เท่าที่ผมสังเกตุ หุ้นที่วนเวียนที่ผ่านมาน่าจะหมายถึงgnomeller เขียน: ตรงประเด็น !!!
FANCY
PSL
MINT
TICON
KH
ILINK
IT
TNH
TRC
DEMCO
AIT
STPI
SNC
UEC
UMS
BROCK
TEAM
TR
PTL
ไม่รู้ครบหรือเปล่า
In search of super stocks
-
- Verified User
- โพสต์: 307
- ผู้ติดตาม: 0
Value เปลี่ยนสี
โพสต์ที่ 21
โดนอย่างแรง :lol:007-s เขียน:ก็เหมือนศิลปะ ระยะเวลาของการสร้างผลงาน ไม่ได้เป้นตัวบอกคุณค่าของชิ้นงาน
- Luty97
- Verified User
- โพสต์: 1520
- ผู้ติดตาม: 0
Value เปลี่ยนสี
โพสต์ที่ 23
เปิดอกคุยกันดีจังเลยครับ.... ชอบจังเลย :Pgnomeller เขียน: ตรงประเด็น !!!
อยากเสนอมุมมองหน่อยครับว่า
- ถ้ามีหุ้นตัวหนึ่งที่คุณคิดว่าอีกสองปีข้างหน้ากำไรโตแน่ๆ ปีละ40% หลังจากนั้นไม่มั่นใจมากนัก และ PE ต่ำ 10 งบดี ผู้บริหารไม่สีเทา>>> เป็นคุณ คุณซื้อไหม???
-ถ้ามีหุ้นตัวหนึ่งที่ดีในระยะยาวมากๆ แต่อีก2 ปีคุณคิดว่าจะกำไรน่าจะหล่นลงบ้าง หลังจากนั้นน่าจะกลับมาโตได้ >>> คุณจะขายก่อนไหม
-คุณถือหุ้นตัวหนึ่ง ราคามันขึ้นมาเรื่อยๆ จนสูงกว่าที่คุณประเมินไว้มาก >>> คุณจะขายไหม
ทำอย่างนี้เป็นนักเก็งกำไรไหม.... ถ้าใช่ ผมก็คงเป็นนักเก็งกำไร :oops:
หลักของความสมดุล
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3645
- ผู้ติดตาม: 0
Value เปลี่ยนสี
โพสต์ที่ 24
โพสท์ของคุณ [L] โดนจริงๆเลย ผมก็ว่าผมนี่ต้องไม่ใช่ vi แน่ๆ แค่เก็งกำไรระยะยาวหน่อยเท่านั้นเอง
แต่อย่าลืมนะครับ ไม่มีอะไรผลักดันราคาหุ้นได้ดีเท่ากับผลประกอบการ(ผมเล่นหุ้นหวังส่วนต่างนะครับ ปันผลคือผลพลอยได้เท่านั้น) จะมีใครที่จะมั่นใจว่าจะคาดการณ์อนาคตระดับ 5 ปี 10 ปีได้แม่นยำ ก็แล้วแต่มุมมองครับ
หุ้นที่กำไรโตดีมากๆในอีก 1-2 ปีข้างหน้าและมีความแข็งแกร่งก็มีมากครับ หุ้นที่กำไรโต 1-2 ปีข้างหน้าแล้วปีต่อไปอาจจะเจ๊งก็มีไม่น้อย ต้องดูกันดีๆ แต่ถ้าให้เลือกบริษัที่แข็งแกร่งสองบริษัท บริษัทที่กำไรโตมากในระยะใกล้ๆ กับบริษัทที่โตไปเรื่อยๆในระยะไกล ผมว่าให้เลือกอีกกี่ทีผมก็เลือกหุ้นแบบแรกครับ ถ้าราคาสมเหตุสมผล
ป.ล. อีกไม่กี่ปีภัยพิบัติที่รุนแรงมากๆก็อาจจะมาแล้ว จะมองอะไรกันยาวมากมายครับ เดี๋ยวไม่ได้ใช้เงินพอดี อิอิ ล้อเล่นนะครับ
แต่อย่าลืมนะครับ ไม่มีอะไรผลักดันราคาหุ้นได้ดีเท่ากับผลประกอบการ(ผมเล่นหุ้นหวังส่วนต่างนะครับ ปันผลคือผลพลอยได้เท่านั้น) จะมีใครที่จะมั่นใจว่าจะคาดการณ์อนาคตระดับ 5 ปี 10 ปีได้แม่นยำ ก็แล้วแต่มุมมองครับ
หุ้นที่กำไรโตดีมากๆในอีก 1-2 ปีข้างหน้าและมีความแข็งแกร่งก็มีมากครับ หุ้นที่กำไรโต 1-2 ปีข้างหน้าแล้วปีต่อไปอาจจะเจ๊งก็มีไม่น้อย ต้องดูกันดีๆ แต่ถ้าให้เลือกบริษัที่แข็งแกร่งสองบริษัท บริษัทที่กำไรโตมากในระยะใกล้ๆ กับบริษัทที่โตไปเรื่อยๆในระยะไกล ผมว่าให้เลือกอีกกี่ทีผมก็เลือกหุ้นแบบแรกครับ ถ้าราคาสมเหตุสมผล
ป.ล. อีกไม่กี่ปีภัยพิบัติที่รุนแรงมากๆก็อาจจะมาแล้ว จะมองอะไรกันยาวมากมายครับ เดี๋ยวไม่ได้ใช้เงินพอดี อิอิ ล้อเล่นนะครับ
It's earnings that count
- tok
- Verified User
- โพสต์: 833
- ผู้ติดตาม: 0
Value เปลี่ยนสี
โพสต์ที่ 26
Portfolio ล่าสุดของ Berkshire ครับ
http://www.stockpickr.com/port/Warren-Buffett/
ล่าสุดนี่เพิ่งซื้อหุ้นของบริษัทผลิตอาหาร KRAFT
http://stocks.us.reuters.com/stocks/rat ... symbol=KFT
-P/E Ratio (TTM) 19.72
-Sales - 5 Yr. Growth Rate 4.95
-Gross Margin - 5 Yr. Avg. 36.30
-Net Profit Margin (TTM) 6.95
-Return On Assets (TTM) 4.19
-Return On Investment (TTM) 5.40
-Return On Equity (TTM) 9.27
คิดว่าเป็นไงครับ
http://www.stockpickr.com/port/Warren-Buffett/
ล่าสุดนี่เพิ่งซื้อหุ้นของบริษัทผลิตอาหาร KRAFT
http://stocks.us.reuters.com/stocks/rat ... symbol=KFT
-P/E Ratio (TTM) 19.72
-Sales - 5 Yr. Growth Rate 4.95
-Gross Margin - 5 Yr. Avg. 36.30
-Net Profit Margin (TTM) 6.95
-Return On Assets (TTM) 4.19
-Return On Investment (TTM) 5.40
-Return On Equity (TTM) 9.27
คิดว่าเป็นไงครับ