มีเงินอยู่หนึ่งล้าน แบ่งลงทุนในหุ้นครึ่งหนึ่ง แล้ว...
-
- Verified User
- โพสต์: 6
- ผู้ติดตาม: 0
มีเงินอยู่หนึ่งล้าน แบ่งลงทุนในหุ้นครึ่งหนึ่ง แล้ว...
โพสต์ที่ 1
สาวโสดวัย54 บอกว่ามีเงินอยู่หนึ่งล้านบาท แบ่งมาลงทุนในหุ้นห้าแสน ที่เหลือยังอยู่ที่ธนาคาร และไม่ได้ทำงานแล้ว จะทำอะไรดีกับเงินในธนาคารดีคะจึงจะปลอดภัยและเสี่ยงนอ้ยที่สุด
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
มีเงินอยู่หนึ่งล้าน แบ่งลงทุนในหุ้นครึ่งหนึ่ง แล้ว...
โพสต์ที่ 2
เสี่ยงน้อยสุดน่าจะเป็นฝากแบงก์ต่อไปตามเดิมนะครับ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าจะมีความจำเป็นใช้เงินก้อนนี้ในอนาคตแค่ไหน ถ้าอาจจะมีความจำเป็นต้องใช้ ก็ควรจะฝากแบงก์แหละครับ ความเสี่ยงต่ำสุด แต่ return ก็ต่ำต้อยด้วยเช่นกัน
Bank of Asia นำร่องลดดอกเบี้ยไปแล้ว อาทิตย์นี้ก็คงลดตามกันเป็นพรวน ส่งสัญญาณให้แมงเม่าเอาเงินมาเข้าตลาดหุ้นอีกเยอะ
ทีนี้ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่รายการรับน้องจะเริ่ม อาจจะอาทิตย์นี้ เดือนหน้า หรือสิ้นปีก็ได้
ใครมีหูจงฟังเถิด
Bank of Asia นำร่องลดดอกเบี้ยไปแล้ว อาทิตย์นี้ก็คงลดตามกันเป็นพรวน ส่งสัญญาณให้แมงเม่าเอาเงินมาเข้าตลาดหุ้นอีกเยอะ
ทีนี้ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่รายการรับน้องจะเริ่ม อาจจะอาทิตย์นี้ เดือนหน้า หรือสิ้นปีก็ได้
ใครมีหูจงฟังเถิด
-
- Verified User
- โพสต์: 35
- ผู้ติดตาม: 0
มีเงินอยู่หนึ่งล้าน แบ่งลงทุนในหุ้นครึ่งหนึ่ง แล้ว...
โพสต์ที่ 4
5แสนที่ฝากธนาคาร น่าจะแบ่งเป็น 2-3 ส่วน
-ส่วนที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันก็ฝากออมทรัพย์ไว้
-ส่วนเกินก็อาจแบ่งฝากFixed 3เดือน6เดือนหรือ12เดือน ตามความเหมาะสม/ตามต้องการ
ณ เวลานี้ฝากธนาคารหรือเงินทุนก็เหมือนกันคือรัฐบาลยังค้ำประกันเต็มจำนวน ดังนี้ฝากบ.เงินทุนน่าจะให้ดอกเบี้ยดีกว่านะครับแต่อาจจะไม่ค่อยสะดวกเพราะไม่มีสาขาและเป็นลักษณะของตั๋วเงิน
หมายเหตุ-ตอนนี้ธ.ธนชาตสาขามาบุญครอง(เปิดใหม่ชั้นล่างสุด)กำลังมีโปรโมชั่นให้ดอกเบี้ยดีกว่าเงินทุนแต่คงเป็นเฉพาะช่วงแรกเท่านั้น
-ส่วนที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันก็ฝากออมทรัพย์ไว้
-ส่วนเกินก็อาจแบ่งฝากFixed 3เดือน6เดือนหรือ12เดือน ตามความเหมาะสม/ตามต้องการ
ณ เวลานี้ฝากธนาคารหรือเงินทุนก็เหมือนกันคือรัฐบาลยังค้ำประกันเต็มจำนวน ดังนี้ฝากบ.เงินทุนน่าจะให้ดอกเบี้ยดีกว่านะครับแต่อาจจะไม่ค่อยสะดวกเพราะไม่มีสาขาและเป็นลักษณะของตั๋วเงิน
หมายเหตุ-ตอนนี้ธ.ธนชาตสาขามาบุญครอง(เปิดใหม่ชั้นล่างสุด)กำลังมีโปรโมชั่นให้ดอกเบี้ยดีกว่าเงินทุนแต่คงเป็นเฉพาะช่วงแรกเท่านั้น
-
- Verified User
- โพสต์: 3
- ผู้ติดตาม: 0
มีเงินอยู่หนึ่งล้าน แบ่งลงทุนในหุ้นครึ่งหนึ่ง แล้ว...
โพสต์ที่ 5
ค่อนข้างเห็นด้วยนะค่ะว่าควรจะแบ่งเงินออกเป็นหลาย ๆ ส่วน แต่การที่คุณนิดหน่อยลงทุนในตลาดถึง 50% แสดงว่าคุณเป็นคนที่ยอมรับความเสี่ยงได้เยอะเหมือนกัน
ดังนั้น อีกประมาณ 25% ก็ควรเอาไว้เป็นเงินฉุกเฉิน ไว้กินไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน แปลว่า ฝากแบงค์กินดอก 1% นั้นแหละค่ะ ส่วนที่เหลืออยากแนะนำให้นำไปลงทุนในสถานที่ที่มีความเสี่ยงน้อยเช่น Mutual fund ที่รับประกันเงินต้น หรือซื้อประกันชีวิตประเภทออมทรัพย์ที่ในปัจจุบันให้ผลตอบแทนสูงสุดถึง 6% และไม่เสียภาษี หากต้องการหลายละเอียดเพิ่มเติม e-mail มาคุยกันได้นะค่ะพอดี ดิฉันก็ศึกษาเรื่องนี้อยู่ที่ [email protected]
ดังนั้น อีกประมาณ 25% ก็ควรเอาไว้เป็นเงินฉุกเฉิน ไว้กินไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน แปลว่า ฝากแบงค์กินดอก 1% นั้นแหละค่ะ ส่วนที่เหลืออยากแนะนำให้นำไปลงทุนในสถานที่ที่มีความเสี่ยงน้อยเช่น Mutual fund ที่รับประกันเงินต้น หรือซื้อประกันชีวิตประเภทออมทรัพย์ที่ในปัจจุบันให้ผลตอบแทนสูงสุดถึง 6% และไม่เสียภาษี หากต้องการหลายละเอียดเพิ่มเติม e-mail มาคุยกันได้นะค่ะพอดี ดิฉันก็ศึกษาเรื่องนี้อยู่ที่ [email protected]
อยากเห็นคนไทยลงทุนแบบ value investor ยกมือขึ้น
-
- ผู้ติดตาม: 0
มีเงินอยู่หนึ่งล้าน แบ่งลงทุนในหุ้นครึ่งหนึ่ง แล้ว...
โพสต์ที่ 7
แนะนำให้เอาส่วนที่ฝากแบงค์ไปลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ กับพวก บลจ นั่นแหละครับ เลือกกองทุน (ตราสารหนี้) ดี ๆ ก็มีเยอะ ไม่เสียง/หรือขาดทุนหรอกครับ แต่ช่วงนี้คงจะได้ส่วนต่างสักราว ๆ 5% ต่อปี ครับ แต่ต้องลงเป็นปีครับถึงจะดี
-
- Verified User
- โพสต์: 1
- ผู้ติดตาม: 0
มีเงินอยู่หนึ่งล้าน แบ่งลงทุนในหุ้นครึ่งหนึ่ง แล้ว...
โพสต์ที่ 8
เห็นด้วยอีก 1 เสียงครับ ศึกษาให้ดีก่อนลงทุนในตลาด อย่าพลีพลาม ผมเองก็เพิ่งเข้ามาร่วมที่ web นี้ (เพราะ คุณปรัชญา คุณครรชิต ลุงขวด ย้ายบ้าน )
-
- ผู้ติดตาม: 0
มีเงินอยู่หนึ่งล้าน แบ่งลงทุนในหุ้นครึ่งหนึ่ง แล้ว...
โพสต์ที่ 11
แบ่งเงินครึ่งหนี่งของเงินออมเย็นๆไปลงทุนในตลาดหุ้นถือเป็นความเสี่ยงมากหรือครับ? เอ..ผมก็ทำเช่นนั้นนะครับแต่ลงทุนจริงๆไม่ใช่เก็งกำไร ท่านอื่นๆแบ่ง % ของเงินออมมาลงทุนแค่ไหนกันบ้างครับ?
-
- Verified User
- โพสต์: 6
- ผู้ติดตาม: 0
มีเงินอยู่หนึ่งล้าน แบ่งลงทุนในหุ้นครึ่งหนึ่ง แล้ว...
โพสต์ที่ 13
คุณaorAor เขียน:ค่อนข้างเห็นด้วยนะค่ะว่าควรจะแบ่งเงินออกเป็นหลาย ๆ ส่วน แต่การที่คุณนิดหน่อยลงทุนในตลาดถึง 50% แสดงว่าคุณเป็นคนที่ยอมรับความเสี่ยงได้เยอะเหมือนกัน
ดังนั้น อีกประมาณ 25% ก็ควรเอาไว้เป็นเงินฉุกเฉิน ไว้กินไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน แปลว่า ฝากแบงค์กินดอก 1% นั้นแหละค่ะ ส่วนที่เหลืออยากแนะนำให้นำไปลงทุนในสถานที่ที่มีความเสี่ยงน้อยเช่น Mutual fund ที่รับประกันเงินต้น หรือซื้อประกันชีวิตประเภทออมทรัพย์ที่ในปัจจุบันให้ผลตอบแทนสูงสุดถึง 6% และไม่เสียภาษี หากต้องการหลายละเอียดเพิ่มเติม e-mail มาคุยกันได้นะค่ะพอดี ดิฉันก็ศึกษาเรื่องนี้อยู่ที่ [email protected]
ขอบคุณมากค่ะ ต้องขอบคุณไว้ตรงนี้ก่อนนะคะ น่าสนใจค่ะแต่ต้องขอเวลาตัดสินใจอีกหน่อย
นิดหน่อย(เจ้าเก่า)
-
- ผู้ติดตาม: 0
มีเงินอยู่หนึ่งล้าน แบ่งลงทุนในหุ้นครึ่งหนึ่ง แล้ว...
โพสต์ที่ 14
ผมแนะนำให้อ่าน"ออมก่อน รวยกว่า" ของนวพร เรืองสกุล และปฏิบัติตามก่อนจะลงสนามหุ้นครับ เพราะเค้าแนะนำไว้ดีมากเรื่องการเตรียม"หลังบ้าน"ให้แข็งแรง เวลาลงทุนหุ้นแล้วถ้าไม่พร้อมทั้งหน้าบ้านและหลังบ้านถ้าการลงทุนไม่เป็นตามความคาดหมายก็จะหายนะ แต่ถ้าพร้อมทั้งหน้าบ้านและหลังบ้านถึงติดหุ้นก็ร้องเพลงรอได้นานๆ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
มีเงินอยู่หนึ่งล้าน แบ่งลงทุนในหุ้นครึ่งหนึ่ง แล้ว...
โพสต์ที่ 16
ใครแก่ครับ เฮีย Mon?
ผมน่ะวัยรุ่นกว่าเฮียอีกนะ ไม่เชื่อเดี๋ยวจะ post รูปไปให้ดู
ส่วนคุณสาวโสด ผมเองจัดการกับเงินลงทุนประมาณนี้ครับ
5% ออมทรัพย์
10% ประกัน
40% อสังหาริมทรัพย์
ที่เหลือเล่นหุ้น
ผมน่ะวัยรุ่นกว่าเฮียอีกนะ ไม่เชื่อเดี๋ยวจะ post รูปไปให้ดู
ส่วนคุณสาวโสด ผมเองจัดการกับเงินลงทุนประมาณนี้ครับ
5% ออมทรัพย์
10% ประกัน
40% อสังหาริมทรัพย์
ที่เหลือเล่นหุ้น
-
- Verified User
- โพสต์: 6
- ผู้ติดตาม: 0
อีกหกปีจะเป็นเท่าไหร่
โพสต์ที่ 17
ยินดีรับฟัง
ข้อคิดเห็นน่าสนใจทั้งนั้น โดยเฉพาะของคุณ CK หมายถึงเงินทั้งหมดหรือว่าครึ่งหนึ่งในธนาคารคะ
กำลังคิดว่าจะปรึกษาน้องที่เป็นคนขายประกันอยู่ค่ะ ยังไม่มีไอเดียว่าจะแบบไหนดี ถ้าเอาประกันก็เท่ากับเราได้ช่วยน้องด้วยใช่ใหมคะ
เห็นทุกคนเป็นผู้เชี่ยวชาญในการลงทุนทั้งนั้น สมมุตว่า เงินที่ลงทุนในหุ้นห้าแสนถ้าเป็นคุณ ภายในหกปี(ครบห้ารอบพอดี) จะทำให้ได้ผลตอบแทนเท่าไรคะ โดยส่วนตัวคิดว่ายังใหม่ต่อการลงทุนมากจึงต้องพยายามศึกษาอยู่
ข้อคิดเห็นน่าสนใจทั้งนั้น โดยเฉพาะของคุณ CK หมายถึงเงินทั้งหมดหรือว่าครึ่งหนึ่งในธนาคารคะ
กำลังคิดว่าจะปรึกษาน้องที่เป็นคนขายประกันอยู่ค่ะ ยังไม่มีไอเดียว่าจะแบบไหนดี ถ้าเอาประกันก็เท่ากับเราได้ช่วยน้องด้วยใช่ใหมคะ
เห็นทุกคนเป็นผู้เชี่ยวชาญในการลงทุนทั้งนั้น สมมุตว่า เงินที่ลงทุนในหุ้นห้าแสนถ้าเป็นคุณ ภายในหกปี(ครบห้ารอบพอดี) จะทำให้ได้ผลตอบแทนเท่าไรคะ โดยส่วนตัวคิดว่ายังใหม่ต่อการลงทุนมากจึงต้องพยายามศึกษาอยู่
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
มีเงินอยู่หนึ่งล้าน แบ่งลงทุนในหุ้นครึ่งหนึ่ง แล้ว...
โพสต์ที่ 18
เป็นการแบ่งสัดส่วนรายรับที่เป็นเงินออมหรือลงทุนไปในสาขาต่างๆ โดยเทียบกับรายรับทั้งปี ในแต่ละเดือนก็แกว่งไปบ้าง
ที่ควบคุมยากที่สุดคือหุ้นครับ เพราะช่วงนี้พอร์ตโตเร็วมาก Index สูง ก็ไม่ค่อยอยากเอาเงินมาเพิ่มที่หุ้น เพราะกลัวติดดอย กลายเป็นเหนือฟ้ายังมีฟ้าไปซะนี่
เป้าหมาย SET ปีนี้ผมมองที่ 420 แต่ไม่นึกว่าจะถึงเร็วขนาดนี้ นึกว่าจะมีอีก 2-3 เดือน และอีก 2-3 รอบ ทีนี้เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าที่เขาบอก 440 จะเป็นความจริงได้หรือไม่ ตอนนี้ก็เริ่มมีคนฟันธงว่า 500 ชัวร์ ว่าเข้าไปนั่น
อ้อ เดี๋ยวเฮียมนจะหาว่าแก่อีก ผมกระจายเยอะเพราะมีเวลาเล่นหุ้นไม่มากครับ แล้วในระยะยาวอสังหาก็เป็นสิ่งที่น่าลงทุนมาก เป็น force saving ที่ดีครับ สร้างวินัย แต่ต้องแมเนจดีๆ ไม่งั้นอาจจะจุกได้
ถ้ามีสติปัญญาสูงส่งและหนุ่มแน่นไฟแรงแบบน้อง yoyo ลงเงินออมทั้งหมด 80% ของรายรับได้ในตลาดหุ้น อีกไม่เกิน 5 ปีน้อง yoyo ก็จะมี net worth ที่ 8 หลักแล้วครับ เอ๊ะ หรือว่า 8 แล้ว
ที่ควบคุมยากที่สุดคือหุ้นครับ เพราะช่วงนี้พอร์ตโตเร็วมาก Index สูง ก็ไม่ค่อยอยากเอาเงินมาเพิ่มที่หุ้น เพราะกลัวติดดอย กลายเป็นเหนือฟ้ายังมีฟ้าไปซะนี่
เป้าหมาย SET ปีนี้ผมมองที่ 420 แต่ไม่นึกว่าจะถึงเร็วขนาดนี้ นึกว่าจะมีอีก 2-3 เดือน และอีก 2-3 รอบ ทีนี้เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าที่เขาบอก 440 จะเป็นความจริงได้หรือไม่ ตอนนี้ก็เริ่มมีคนฟันธงว่า 500 ชัวร์ ว่าเข้าไปนั่น
อ้อ เดี๋ยวเฮียมนจะหาว่าแก่อีก ผมกระจายเยอะเพราะมีเวลาเล่นหุ้นไม่มากครับ แล้วในระยะยาวอสังหาก็เป็นสิ่งที่น่าลงทุนมาก เป็น force saving ที่ดีครับ สร้างวินัย แต่ต้องแมเนจดีๆ ไม่งั้นอาจจะจุกได้
ถ้ามีสติปัญญาสูงส่งและหนุ่มแน่นไฟแรงแบบน้อง yoyo ลงเงินออมทั้งหมด 80% ของรายรับได้ในตลาดหุ้น อีกไม่เกิน 5 ปีน้อง yoyo ก็จะมี net worth ที่ 8 หลักแล้วครับ เอ๊ะ หรือว่า 8 แล้ว
-
- ผู้ติดตาม: 0
มีเงินอยู่หนึ่งล้าน แบ่งลงทุนในหุ้นครึ่งหนึ่ง แล้ว...
โพสต์ที่ 19
ผมลงทุนในตลาดหุ้นแค่ 10% เลยเพิ่งรู้ว่าเป็นการลงทุนแบบคนแก่ ผมจะเพิ่มเป็น 20% เร็วๆ นี้ครับ จะได้ดูหนุ่มขึ้น
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
มีเงินอยู่หนึ่งล้าน แบ่งลงทุนในหุ้นครึ่งหนึ่ง แล้ว...
โพสต์ที่ 21
ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร
จะลงทุนอะไรดี.....???
ถึงแม้ว่าหลายท่านจะมองว่าอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำ แต่เชื่อว่า ปีนี้ดอกเบี้ยอาจจะปรับตัวลดลงไปได้อีก และเศรษฐกิจอาจไม่ขยายตัวเท่ากับปีที่แล้ว ซึ่งค่อนข้างดี และเติบโตถึง 5%
ถ้าเราดูเศรษฐกิจโลก อย่างในญี่ปุ่น อเมริกา หรือยุโรปก็ดี ผลของสงครามอ่าวเปอร์เซีย จะทำให้เศรษฐกิจโลกไม่ดีเท่าไร และไทยเองยังพึ่งการส่งออกถึง 60% ในเมื่อเศรษฐกิจโลกไม่ดี การส่งออกของเราก็คงจะดีได้ยากเหมือนกัน นะครับ
ผมมีข้อแนะนำสำหรับท่านที่มีเงินออม และฝากไว้กับธนาคาร
มีแนวโน้มว่าดอกเบี้ยจะลดลงไปอีก ไม่ว่าจะเป็นเงินออมหรือเงินกู้ ก็ตาม ผู้อ่านที่อาศัยดอกเบี้ยเป็นค่าใช้จ่าย ท่านอาจจะต้องรัดเข็มขัดมากกว่านี้ ครับ
เพราะนอกจากดอกเบี้ยจะลงแล้ว เมื่อฝากเงินกับธนาคาร ยังจะถูกหักภาษีอีก 15% อีกด้วย
ทางออกของเงินออม ก็คือ ควรจะซื้อ "กองทุนตราสารหนี้" ครับ!!
เพราะกองทุนแบบนี้ไม่ต้องเสียภาษี จะทำให้ท่านประหยัดค่าดอกเบี้ยไปได้ถึง 15% ถึงแม้ว่าจะต้องเสียค่าบริหารอยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าน้อยทีเดียว
สำหรับท่านที่อยากเอาเงินไปลงทุนอย่างอื่นนะครับ ในปีนี้ท่านจะต้องระมัดระวังให้มากขึ้น
โดยเฉพาะ "เงินต้น" นี้ จะต้องระวัง อย่าให้สูญหายเป็นอันขาด
ส่วนดอกเบี้ยจะได้มากได้น้อยเป็นประเด็นรอง ครับ
หลายท่านอาจจะมองว่า ปีนี้อสังหาริมทรัพย์น่าจะดีขึ้น เอาเงินไปซื้อที่ดิน ซื้อบ้าน คอนโดหรือห้องชุด จะดีหรือไม่...??
ผมขอเรียนว่า การที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ดีขึ้นนี่ ก็มีธุรกิจต่อเนื่องบางอย่างได้รับอานิสงส์ที่ดีขึ้นไปด้วย
อาทิ ผู้รับเหมาก่อสร้าง ก็จะมีงานทำมากขึ้น ผู้ขายวัสดุก่อสร้าง เช่น ปูนซีเมนต์ กระเบื้อง หรือกระจกสำหรับสร้างบ้าน ก็จะขายได้ดีขึ้นด้วย
ฉะนั้น การที่ท่านจะเอาเงินไปซื้ออสังหาริมทรัพย์นี่ ก็อยู่ในขอบข่ายที่น่าสนใจ ครับ
ผมมีข้อแนะนำอย่างนี้
กรุงเทพฯ นี่ถือเป็นฐานเศรษฐกิจใหญ่ของประเทศ มีแหล่งรายได้ และแหล่งภาษีอากรถึง 77% ของทั้งประเทศ หากจะซื้ออสังหาริมทรัพย์
ผมแนะนำว่า ควรจะซื้อในกรุงเทพฯ หรือบริเวณชานเมือง ดีที่สุด
หากท่านจะซื้อไกลๆ หรือในต่างจังหวัด โอกาสที่ราคาจะเพิ่มขึ้น ผมว่าจะช้ากว่าที่กรุงเทพฯ มากเลยทีเดียว เพราะกรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวง มีการเติบโตค่อนข้างเร็วกว่าต่างจังหวัด น่ะครับ
ประเด็นที่สอง การไปซื้อบ้านหรือห้องชุดต่างๆ ไว้ ถ้าตัวเองไม่ได้ไปอยู่แล้ว ใครจะดูแล อาจจะต้องเสียค่าเฝ้าหรือค่าจัดการ และทรัพย์สินที่ไม่ได้ใช้ มันจะเสื่อมโทรมไปตามสภาพได้
แต่ก็มี 'ทางเลือก' ครับ!!
บางท่านที่อยากลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ก็เอาเงินไปซื้อหุ้นในบริษัทที่ประกอบกิจการอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหุ้น ซึ่งมีอยู่ 10-20 บริษัท บางบริษัทผลประกอบการดี บางบริษัทผลประกอบการเริ่มจะดีขึ้น
แต่ท่านจะต้องระมัดระวังพื้นฐานของหุ้นแต่ละตัวว่า มันจะดีขึ้นต่อเนื่องแค่ไหน....
ผมแนะนำว่า ในเมื่อเศรษฐกิจปีนี้ยังต้องระวังตัวอยู่ ถ้าหากว่าหุ้นที่ท่านซื้อไว้ ราคามันดีขึ้นไป 10-15% ก็ควรขายทำกำไรไปก่อนบ้าง ถ้ายังถือต่อไป อาจจะมีคนขายก่อนหน้าท่าน จะทำให้หุ้นกลับลงมาก็ได้
หรือหากไม่แน่ใจ มีผู้เชี่ยวชาญบางคนแนะนำว่า ถ้าท่านซื้อหุ้นไว้หนึ่งพันหุ้น และเห็นว่ามีกำไรพอสมควร ก็อาจจะขายไปครึ่งหนึ่งก็ได้ เพราะเมื่อใดที่หุ้นขึ้นไปต่อ อย่างน้อยท่านจะอุ่นใจได้ว่า ยังมีหุ้นเหลืออยู่อีกครึ่งหนึ่งที่พอจะทำกำไรได้อีก
ทางตรงกันข้าม ถ้าขายไปแล้วครึ่งหนึ่ง เกิดราคาลดลง ท่านก็ยังอุ่นใจได้ว่า อย่างน้อยท่านก็ทำกำไรไปแล้วครึ่งหนึ่ง
เป็นวิธีการที่เขาทำกันในตลาดหุ้นทั่วโลก
อย่างตลาดหุ้นทั่วโลก ทั้งนิวยอร์กหรือยุโรป ก็ตาม เวลาหุ้นขึ้นมา 10-15% ผู้ลงทุนส่วนใหญ่ก็จะทำกำไรกัน
แต่หากว่าลงทุนในหุ้นแล้ว ท่านยังไม่ชำนาญ ก็สามารถซื้อ 'กองทุนหุ้น' โดยให้มืออาชีพเขาบริหารแทนก็ได้
แต่กองทุนหุ้น ก็มี 'ข้อเสีย' บางประการ
เช่น ซื้อแล้วก็มีโอกาสขาดทุน ถ้าหากดัชนีตลาดลงมา หรือมีค่าจัดการสูงกว่าถ้าเทียบกับกองทุนตราสารหนี้
อันนี้ท่านต้องตัดสินใจเอาเอง นะครับ
บางท่านก็บอกว่า ไม่อยากจะฝากเงิน หรือซื้อหุ้น ซื้อเป็นของ 'มีค่า' อย่างทองคำดีกว่า อย่างในปีที่ผ่านมานี่ บางท่านซื้อทองคำตั้งแต่ต้นปีได้กำไรค่อนข้างสูง เพราะต้นปีราคาอยู่ที่ 5-6 กว่าพันบาท พอสิ้นปีก็ขึ้นไปถึงบาทละ 7 พันกว่าบาท
แต่ว่าตอนนี้โอกาสที่ทองคำจะไปสูงกว่านี้ คงเป็นไปได้ยากแล้ว ทั้งในตลาดอเมริกา ยุโรป หรือฮ่องกง
ดังนั้น ไม่ว่าท่านจะลงทุนอะไรในปีนี้ ก็ขอให้ใช้ความระมัดระวังให้มากๆ กว่าปีที่ผ่านมา
สัปดาห์หน้า "พ่อรวย สอนลูก" จะกลับมาคุยกันใหม่
Money Pro : Biz& money : กรุงเทพธุรกิจ วันจันทร์ที่ 9/6/46
จะลงทุนอะไรดี.....???
ถึงแม้ว่าหลายท่านจะมองว่าอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำ แต่เชื่อว่า ปีนี้ดอกเบี้ยอาจจะปรับตัวลดลงไปได้อีก และเศรษฐกิจอาจไม่ขยายตัวเท่ากับปีที่แล้ว ซึ่งค่อนข้างดี และเติบโตถึง 5%
ถ้าเราดูเศรษฐกิจโลก อย่างในญี่ปุ่น อเมริกา หรือยุโรปก็ดี ผลของสงครามอ่าวเปอร์เซีย จะทำให้เศรษฐกิจโลกไม่ดีเท่าไร และไทยเองยังพึ่งการส่งออกถึง 60% ในเมื่อเศรษฐกิจโลกไม่ดี การส่งออกของเราก็คงจะดีได้ยากเหมือนกัน นะครับ
ผมมีข้อแนะนำสำหรับท่านที่มีเงินออม และฝากไว้กับธนาคาร
มีแนวโน้มว่าดอกเบี้ยจะลดลงไปอีก ไม่ว่าจะเป็นเงินออมหรือเงินกู้ ก็ตาม ผู้อ่านที่อาศัยดอกเบี้ยเป็นค่าใช้จ่าย ท่านอาจจะต้องรัดเข็มขัดมากกว่านี้ ครับ
เพราะนอกจากดอกเบี้ยจะลงแล้ว เมื่อฝากเงินกับธนาคาร ยังจะถูกหักภาษีอีก 15% อีกด้วย
ทางออกของเงินออม ก็คือ ควรจะซื้อ "กองทุนตราสารหนี้" ครับ!!
เพราะกองทุนแบบนี้ไม่ต้องเสียภาษี จะทำให้ท่านประหยัดค่าดอกเบี้ยไปได้ถึง 15% ถึงแม้ว่าจะต้องเสียค่าบริหารอยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าน้อยทีเดียว
สำหรับท่านที่อยากเอาเงินไปลงทุนอย่างอื่นนะครับ ในปีนี้ท่านจะต้องระมัดระวังให้มากขึ้น
โดยเฉพาะ "เงินต้น" นี้ จะต้องระวัง อย่าให้สูญหายเป็นอันขาด
ส่วนดอกเบี้ยจะได้มากได้น้อยเป็นประเด็นรอง ครับ
หลายท่านอาจจะมองว่า ปีนี้อสังหาริมทรัพย์น่าจะดีขึ้น เอาเงินไปซื้อที่ดิน ซื้อบ้าน คอนโดหรือห้องชุด จะดีหรือไม่...??
ผมขอเรียนว่า การที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ดีขึ้นนี่ ก็มีธุรกิจต่อเนื่องบางอย่างได้รับอานิสงส์ที่ดีขึ้นไปด้วย
อาทิ ผู้รับเหมาก่อสร้าง ก็จะมีงานทำมากขึ้น ผู้ขายวัสดุก่อสร้าง เช่น ปูนซีเมนต์ กระเบื้อง หรือกระจกสำหรับสร้างบ้าน ก็จะขายได้ดีขึ้นด้วย
ฉะนั้น การที่ท่านจะเอาเงินไปซื้ออสังหาริมทรัพย์นี่ ก็อยู่ในขอบข่ายที่น่าสนใจ ครับ
ผมมีข้อแนะนำอย่างนี้
กรุงเทพฯ นี่ถือเป็นฐานเศรษฐกิจใหญ่ของประเทศ มีแหล่งรายได้ และแหล่งภาษีอากรถึง 77% ของทั้งประเทศ หากจะซื้ออสังหาริมทรัพย์
ผมแนะนำว่า ควรจะซื้อในกรุงเทพฯ หรือบริเวณชานเมือง ดีที่สุด
หากท่านจะซื้อไกลๆ หรือในต่างจังหวัด โอกาสที่ราคาจะเพิ่มขึ้น ผมว่าจะช้ากว่าที่กรุงเทพฯ มากเลยทีเดียว เพราะกรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวง มีการเติบโตค่อนข้างเร็วกว่าต่างจังหวัด น่ะครับ
ประเด็นที่สอง การไปซื้อบ้านหรือห้องชุดต่างๆ ไว้ ถ้าตัวเองไม่ได้ไปอยู่แล้ว ใครจะดูแล อาจจะต้องเสียค่าเฝ้าหรือค่าจัดการ และทรัพย์สินที่ไม่ได้ใช้ มันจะเสื่อมโทรมไปตามสภาพได้
แต่ก็มี 'ทางเลือก' ครับ!!
บางท่านที่อยากลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ก็เอาเงินไปซื้อหุ้นในบริษัทที่ประกอบกิจการอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหุ้น ซึ่งมีอยู่ 10-20 บริษัท บางบริษัทผลประกอบการดี บางบริษัทผลประกอบการเริ่มจะดีขึ้น
แต่ท่านจะต้องระมัดระวังพื้นฐานของหุ้นแต่ละตัวว่า มันจะดีขึ้นต่อเนื่องแค่ไหน....
ผมแนะนำว่า ในเมื่อเศรษฐกิจปีนี้ยังต้องระวังตัวอยู่ ถ้าหากว่าหุ้นที่ท่านซื้อไว้ ราคามันดีขึ้นไป 10-15% ก็ควรขายทำกำไรไปก่อนบ้าง ถ้ายังถือต่อไป อาจจะมีคนขายก่อนหน้าท่าน จะทำให้หุ้นกลับลงมาก็ได้
หรือหากไม่แน่ใจ มีผู้เชี่ยวชาญบางคนแนะนำว่า ถ้าท่านซื้อหุ้นไว้หนึ่งพันหุ้น และเห็นว่ามีกำไรพอสมควร ก็อาจจะขายไปครึ่งหนึ่งก็ได้ เพราะเมื่อใดที่หุ้นขึ้นไปต่อ อย่างน้อยท่านจะอุ่นใจได้ว่า ยังมีหุ้นเหลืออยู่อีกครึ่งหนึ่งที่พอจะทำกำไรได้อีก
ทางตรงกันข้าม ถ้าขายไปแล้วครึ่งหนึ่ง เกิดราคาลดลง ท่านก็ยังอุ่นใจได้ว่า อย่างน้อยท่านก็ทำกำไรไปแล้วครึ่งหนึ่ง
เป็นวิธีการที่เขาทำกันในตลาดหุ้นทั่วโลก
อย่างตลาดหุ้นทั่วโลก ทั้งนิวยอร์กหรือยุโรป ก็ตาม เวลาหุ้นขึ้นมา 10-15% ผู้ลงทุนส่วนใหญ่ก็จะทำกำไรกัน
แต่หากว่าลงทุนในหุ้นแล้ว ท่านยังไม่ชำนาญ ก็สามารถซื้อ 'กองทุนหุ้น' โดยให้มืออาชีพเขาบริหารแทนก็ได้
แต่กองทุนหุ้น ก็มี 'ข้อเสีย' บางประการ
เช่น ซื้อแล้วก็มีโอกาสขาดทุน ถ้าหากดัชนีตลาดลงมา หรือมีค่าจัดการสูงกว่าถ้าเทียบกับกองทุนตราสารหนี้
อันนี้ท่านต้องตัดสินใจเอาเอง นะครับ
บางท่านก็บอกว่า ไม่อยากจะฝากเงิน หรือซื้อหุ้น ซื้อเป็นของ 'มีค่า' อย่างทองคำดีกว่า อย่างในปีที่ผ่านมานี่ บางท่านซื้อทองคำตั้งแต่ต้นปีได้กำไรค่อนข้างสูง เพราะต้นปีราคาอยู่ที่ 5-6 กว่าพันบาท พอสิ้นปีก็ขึ้นไปถึงบาทละ 7 พันกว่าบาท
แต่ว่าตอนนี้โอกาสที่ทองคำจะไปสูงกว่านี้ คงเป็นไปได้ยากแล้ว ทั้งในตลาดอเมริกา ยุโรป หรือฮ่องกง
ดังนั้น ไม่ว่าท่านจะลงทุนอะไรในปีนี้ ก็ขอให้ใช้ความระมัดระวังให้มากๆ กว่าปีที่ผ่านมา
สัปดาห์หน้า "พ่อรวย สอนลูก" จะกลับมาคุยกันใหม่
Money Pro : Biz& money : กรุงเทพธุรกิจ วันจันทร์ที่ 9/6/46
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
มีเงินอยู่หนึ่งล้าน แบ่งลงทุนในหุ้นครึ่งหนึ่ง แล้ว...
โพสต์ที่ 22
ขอเสริมนิดนึงครับ ผมติดตามเรื่องกองทุนตราสารหนี้มาพักใหญ่ เคยคิดจะ move เงินออมที่เคยเป็นตั๋ว P/N ไปด้วยซ้ำ
ข้อเสียของกองทุนตราสารหนี้คือคุณต้องทำการบ้านว่าเขาซื้อตราสารหนี้ของรัฐหรือเอกชน ซึ่งส่วนใหญ่ก็ปนๆกันครับ ถ้าเอกชนมีความเสี่ยงนิดหน่อยที่จะ default คือคืนเงินต้นให้ไม่ได้ ถ้า default จะเป็นความเสียหายอย่างหนัก คือเงินต้นเสียไปด้วย เพราะฉะนั้นที่บอกว่าซื้อตราสารหนี้แล้วเงินต้นปลอดภัย 100% ไม่เป็นความจริงครับ
กองทุนตราสารหนี้ที่เน้นความปลอดภัยสูงสุดก็มี แต่ return ต่ำทีเดียว (สูงกว่าฝากออมทรัพย์) แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีความเสี่ยง เพียงแต่ความเสี่ยงต่ำมากๆเท่านั้นเอง
ปีที่แล้วผมใช้พวกสินมัธยะของบัวหลวงครับ ได้ดอกเกือบ 5% และไม่ต้องเสียภาษี แต่ต้องฝากทุกเดือนๆละเท่าๆกัน return ไม่ดีหรอกครับ แต่ค่อนข้างปลอดภัย ตอนนี้มาอยู่ในพอร์ตหุ้นหมดแล้ว
ข้อเสียของกองทุนตราสารหนี้คือคุณต้องทำการบ้านว่าเขาซื้อตราสารหนี้ของรัฐหรือเอกชน ซึ่งส่วนใหญ่ก็ปนๆกันครับ ถ้าเอกชนมีความเสี่ยงนิดหน่อยที่จะ default คือคืนเงินต้นให้ไม่ได้ ถ้า default จะเป็นความเสียหายอย่างหนัก คือเงินต้นเสียไปด้วย เพราะฉะนั้นที่บอกว่าซื้อตราสารหนี้แล้วเงินต้นปลอดภัย 100% ไม่เป็นความจริงครับ
กองทุนตราสารหนี้ที่เน้นความปลอดภัยสูงสุดก็มี แต่ return ต่ำทีเดียว (สูงกว่าฝากออมทรัพย์) แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีความเสี่ยง เพียงแต่ความเสี่ยงต่ำมากๆเท่านั้นเอง
ปีที่แล้วผมใช้พวกสินมัธยะของบัวหลวงครับ ได้ดอกเกือบ 5% และไม่ต้องเสียภาษี แต่ต้องฝากทุกเดือนๆละเท่าๆกัน return ไม่ดีหรอกครับ แต่ค่อนข้างปลอดภัย ตอนนี้มาอยู่ในพอร์ตหุ้นหมดแล้ว
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 0
มีเงินอยู่หนึ่งล้าน แบ่งลงทุนในหุ้นครึ่งหนึ่ง แล้ว...
โพสต์ที่ 23
พี่ ck ก็ชมเกินไปครับ
ตอนนี้เพิ่ง 6 หลักเองครับ ไม่เกินปีนี้น่าจะเพิ่มได้อีกหลัก
แต่จะถึงแปดหลักนั้นคงต้องอีกนานครับ
ผมเพิ่งเข้ามาใหม่ อาจจะพลาดได้เหมือนกัน
เพราะไม่เคยผ่านมรสุมเลย
ลงทุนปีแรกเศรษฐกิจก็กำลังโตพอดี มันเลยมีกำไร
ต้องวัดกันยาวๆครับ กลัวเหลิง
ตอนนี้เพิ่ง 6 หลักเองครับ ไม่เกินปีนี้น่าจะเพิ่มได้อีกหลัก
แต่จะถึงแปดหลักนั้นคงต้องอีกนานครับ
ผมเพิ่งเข้ามาใหม่ อาจจะพลาดได้เหมือนกัน
เพราะไม่เคยผ่านมรสุมเลย
ลงทุนปีแรกเศรษฐกิจก็กำลังโตพอดี มันเลยมีกำไร
ต้องวัดกันยาวๆครับ กลัวเหลิง