ปัจจัยภายใน - ปัจจัยภายนอก by Invisible hand

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
Can do
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 544
ผู้ติดตาม: 0

ปัจจัยภายใน - ปัจจัยภายนอก by Invisible hand

โพสต์ที่ 1

โพสต์

http://www.bbznet.com/scripts3/view.php ... r=numtopic

ผมเองให้ความสำคัญกับปัจจัยภายในประเทศเรา ได้แก่ เสถียรภาพการเมือง ความเชื่อมั่นกำลังซื้อของผู้บริโภค มากกว่าปัจจัยภายนอก คือ เศรษฐกิจต่างประเทศมากกว่า เพราะสิ่งที่เกิดจากต่างประเทศแล้วมีผลต่อเศรษฐกิจประเทศเราจะกระทบตลาดการเงินมากกว่าที่จะกระทบกำลังซื้อหรือความมั่นใจของผู้บริโภค ดังนั้นสิ่งที่กระทบก็จะเป็น p/e ของหุ้นที่ลดต่ำลงมากกว่ากระทบต่อ EPS ของหุ้น ความตกต่ำของอสังหาฯ และภาคการเงินของสหรัฐอันเนื่องจาก subprime นั้นผมเชื่อว่าไม่ค่อยมีผลต่อกำลังซื้อและความมั่นใจของคนไทยส่วนใหญ่ ผมคิดว่าปีนี้ปัจจัยที่จะมีผลต่อความเชื่อมั่นและกำลังซื้อผู้บริโภคบ้านเราน่าจะเป็นปัจจัยด้านการเมืองและราคาน้ำมัน ในกรณีที่มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวนั้นก็น่าจะทำให้ราคาน้ำมันและ commodity ต่างๆ จะไม่ขึ้นสูงมากเกินไปซึ่งก็มีผลดีต่อการบริโภคเช่นกัน

การที่ตลาดหุ้นลงมาอย่างรุนแรงและรวดเร็วนั้น ผมคิดว่าในรอบนี้เราอาจจะต้องระวังหุ้นส่งออกเพราะอาจจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากเศรษฐกิจสหรัฐ และหุ้น commodity ซึ่งได้แก่ เรือ ปิโตรเคมี ฯลฯ ซึ่งผลกำไรจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลง ในขณะที่หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศนั้นมีความน่าสนใจมากขึ้นโดยเฉพาะหากการเมืองในบ้านเราเริ่มมีความแน่นอนและเสถียรภาพมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคก็น่าจะเป็นการบริโภคขั้นพื้นฐานที่มีรายได้ค่อนข้างมั่นคงแน่นอน

ตลาดหุ้นไทยตอนนี้หากดูราคาหุ้นรายตัวหลายๆ ตัวก็อาจจะยังไม่ถึงกับถูกมากนัก แม้หุ้นจะลงมามากอาจจะมีบางตัวยังแพงอยู่หน่อย หลายๆ ตัวเริ่มน่าสนใจ ดังนั้นคงจะต้องเลือกซื้อเป็นตัวๆ ไปครับ หุ้นที่มีปันผลมากกว่า 4% ต่อปีผมคิดว่าน่าสนใจเพราะยังมากกว่าเงินฝากธนาคารอยู่พอสมควรครับ


ปกติวันที่หุ้นลงมากๆ ผมจะชอบดูตาราง top loser แล้วดูว่ามีหุ้นตัวไหนที่เราเคยอยากซื้อแต่รู้สึกว่ายังแพง แต่ตอนนี้ลงมามากๆ หรือเปล่า อย่างตอนที่เขียนกระทู้นี้หุ้นลง 29 จุด ผมก็เห็นหุ้นพื้นฐานบางตัวราคาลดลงถึง 6-8% นับว่าเริ่มน่าสนใจอยู่เหมือนกันครับ

ผมคิดว่าถ้าหุ้นลงวันละ 25 จุดอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จะลงได้ถึงประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ครับ ดังนั้นหุ้นลงยังไงถ้าเศรษฐกิจไม่เป็นเหมือนปี 40 ซึ่งในปี 51 นี้ไม่มีความเสี่ยงอะไรที่จะทำให้เศรษฐกิจจะไปเป็นเหมือนปี 40 ครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mon money
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 3134
ผู้ติดตาม: 0

ปัจจัยภายใน - ปัจจัยภายนอก by Invisible hand

โพสต์ที่ 2

โพสต์

อยากจะมาสนับสนุนสักหน่อยว่าคุณ IH แกว่าไว้ได้ดี

หากเรายังเชื่อใน globalization หรือเชื่อว่าโลกนี้มันแบน ก็อาจจะคิดได้ว่า งานนี้เดือดร้อนกันไปทั่วโลกแน่ แต่ขอให้ข้อมูลหน่อยว่า หลายปีมานี้เราโครงสร้างเศรษฐกิจโลกแยกเป็นสองขั่ว(Global decoubling) เราอยู่ในเอเซียค้าขายกันเองมากขึ้น พึ่งพิงUSAน้อยลง ฐานะการคลังเราก็ยังดี ส่งออกก็ยังไปได้ดี แม้ว่าคาดว่าจะลดลงบ้างในปีนี้เพราะเรายังส่งออกไปUSAประมาณ 12-15% เมื่อ10ปีที่แล้วมันมาซื้อของถูกๆจากเอเซีย คราวนี้เอเซียขอเอาคืนบ้างนะ

มาบอกนี่ก็เพื่อให้เตรียมตัวกันไว้ จะได้ไม่ตื่นไปตามอารมณ์ ตอนนี้ต่างชาติต้องขายลูกเดียวแหละ ก็เงินไม่พอใช้นี่หว่า
เป็นบุญหนักหนาเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย เป็นคนไทยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ
hot
Verified User
โพสต์: 6853
ผู้ติดตาม: 0

ปัจจัยภายใน - ปัจจัยภายนอก by Invisible hand

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ผมคิดว่าถ้าหุ้นลงวันละ 25 จุดอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จะลงได้ถึงประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์
7+15 วัน

อืม22 วัน


ไปเที่ยวดีกว่าคับ
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

ปัจจัยภายใน - ปัจจัยภายนอก by Invisible hand

โพสต์ที่ 4

โพสต์

นั่นดิ เห็นกัวกันจัง ผมเห็นด้วยกะคุณ IH นะ ตอนนี้ก็ยังเต็มพอร์ท แดงเถือกอยู่ คริๆ เพราะเชื่อมั่นพื้นฐาน และเชื่อมันประเทศไทย

และเชื่อมั่น รัฐบาลใหม่ ต้องดีกว่าเดิมแน่นอน
frontosa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 460
ผู้ติดตาม: 0

ปัจจัยภายใน - ปัจจัยภายนอก by Invisible hand

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ขอบคุณครับช่วงนี้ทยอยเก็บเพิ่ม แต่ในใจชักกลัวๆนิดหน่อย

กลัวว่าตัวเราเองไม่รู้ตัวว่าเรากำลังอยู่ในความไม่รู้อยู่รึเปล่า
key
Verified User
โพสต์: 259
ผู้ติดตาม: 0

ปัจจัยภายใน - ปัจจัยภายนอก by Invisible hand

โพสต์ที่ 6

โพสต์

เมื่อรายย่อยเริ่มหมดกำลังใจ  เมื่อทุกคนคิดว่าหุ้นต้องลง cut loss เมื่อนั้นแสดงว่าเริ่มเห็นแสงสว่าง  
(ทฤษฎีมั่วมั่ว คิดเอาเองครับ)
007-s
Verified User
โพสต์: 2496
ผู้ติดตาม: 0

ปัจจัยภายใน - ปัจจัยภายนอก by Invisible hand

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ขอบคุณค่ะ

เต็มปอดเหมือนกันแหละ แดงเถือกอยู่เป็นปกติ :lol:

ตังค์สดแทบไม่เหลือค่ะ ก็ไม่ใช่ปัญหา
ไม่มีเงิน หุ้นก็เงิน อันไหนน่าแลกก็แลก อันไหนไม่ควรแลกก็อม

ไม่ซีเรียส :lol:
kimkrub1
Verified User
โพสต์: 126
ผู้ติดตาม: 0

ปัจจัยภายใน - ปัจจัยภายนอก by Invisible hand

โพสต์ที่ 8

โพสต์

แดงปี๊ดดดดดดดดดดดดด แดงจนเสียสติ ไปเชียร์ให้มานลงอีกซะงั้น ติงต๊องไปซธแว้ว เรา
...
Verified User
โพสต์: 1817
ผู้ติดตาม: 0

ปัจจัยภายใน - ปัจจัยภายนอก by Invisible hand

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ตอนนี้ panic ถือครับ  :oops:
แมงเม่าบินเข้ากลางใจ
plearn
Verified User
โพสต์: 33
ผู้ติดตาม: 0

ปัจจัยภายใน - ปัจจัยภายนอก by Invisible hand

โพสต์ที่ 10

โพสต์

เชื่อมั่น รัฐบาลใหม่ ต้องดีกว่าเดิมแน่นอน

:?:  :roll:  :?:
ภาพประจำตัวสมาชิก
akkhapon
Verified User
โพสต์: 212
ผู้ติดตาม: 0

ปัจจัยภายใน - ปัจจัยภายนอก by Invisible hand

โพสต์ที่ 11

โพสต์

พานิคถือ...เอิ้กๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
david
Verified User
โพสต์: 852
ผู้ติดตาม: 0

Re: ปัจจัยภายใน - ปัจจัยภายนอก by Invisible hand

โพสต์ที่ 12

โพสต์

Can do เขียน:http://www.bbznet.com/scripts3/view.php ... r=numtopic

ผมเองให้ความสำคัญกับปัจจัยภายในประเทศเรา ได้แก่ เสถียรภาพการเมือง ความเชื่อมั่นกำลังซื้อของผู้บริโภค มากกว่าปัจจัยภายนอก คือ เศรษฐกิจต่างประเทศมากกว่า เพราะสิ่งที่เกิดจากต่างประเทศแล้วมีผลต่อเศรษฐกิจประเทศเราจะกระทบตลาดการเงินมากกว่าที่จะกระทบกำลังซื้อหรือความมั่นใจของผู้บริโภค ดังนั้นสิ่งที่กระทบก็จะเป็น p/e ของหุ้นที่ลดต่ำลงมากกว่ากระทบต่อ EPS ของหุ้น ความตกต่ำของอสังหาฯ และภาคการเงินของสหรัฐอันเนื่องจาก subprime นั้นผมเชื่อว่าไม่ค่อยมีผลต่อกำลังซื้อและความมั่นใจของคนไทยส่วนใหญ่- NOT AGREE,If the US market collapse,all bourses will follow(Pls look back the BLACK MONDAY period,Thai economy was still good,but SET down from 459 to 244,or 47%.That time he sentiment n the confidence were erased.
ผมคิดว่าปีนี้ปัจจัยที่จะมีผลต่อความเชื่อมั่นและกำลังซื้อผู้บริโภคบ้านเราน่าจะเป็นปัจจัยด้านการเมืองและราคาน้ำมัน ในกรณีที่มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวนั้นก็น่าจะทำให้ราคาน้ำมันและ commodity ต่างๆ จะไม่ขึ้นสูงมากเกินไปซึ่งก็มีผลดีต่อการบริโภคเช่นกัน

การที่ตลาดหุ้นลงมาอย่างรุนแรงและรวดเร็วนั้น ผมคิดว่าในรอบนี้เราอาจจะต้องระวังหุ้นส่งออกเพราะอาจจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากเศรษฐกิจสหรัฐ และหุ้น commodity ซึ่งได้แก่ เรือ ปิโตรเคมี ฯลฯ ซึ่งผลกำไรจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลง-AGREE
ในขณะที่หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศนั้นมีความน่าสนใจมากขึ้นโดยเฉพาะหากการเมืองในบ้านเราเริ่มมีความแน่นอนและเสถียรภาพมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคก็น่าจะเป็นการบริโภคขั้นพื้นฐานที่มีรายได้ค่อนข้างมั่นคงแน่นอน

ตลาดหุ้นไทยตอนนี้หากดูราคาหุ้นรายตัวหลายๆ ตัวก็อาจจะยังไม่ถึงกับถูกมากนัก แม้หุ้นจะลงมามากอาจจะมีบางตัวยังแพงอยู่หน่อย หลายๆ ตัวเริ่มน่าสนใจ ดังนั้นคงจะต้องเลือกซื้อเป็นตัวๆ ไปครับ หุ้นที่มีปันผลมากกว่า 4% ต่อปีผมคิดว่าน่าสนใจเพราะยังมากกว่าเงินฝากธนาคารอยู่พอสมควรครับ


ปกติวันที่หุ้นลงมากๆ ผมจะชอบดูตาราง top loser แล้วดูว่ามีหุ้นตัวไหนที่เราเคยอยากซื้อแต่รู้สึกว่ายังแพง แต่ตอนนี้ลงมามากๆ หรือเปล่า อย่างตอนที่เขียนกระทู้นี้หุ้นลง 29 จุด ผมก็เห็นหุ้นพื้นฐานบางตัวราคาลดลงถึง 6-8% นับว่าเริ่มน่าสนใจอยู่เหมือนกันครับ

ผมคิดว่าถ้าหุ้นลงวันละ 25 จุดอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จะลงได้ถึงประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ครับ ดังนั้นหุ้นลงยังไงถ้าเศรษฐกิจไม่เป็นเหมือนปี 40 ซึ่งในปี 51 นี้ไม่มีความเสี่ยงอะไรที่จะทำให้เศรษฐกิจจะไปเป็นเหมือนปี 40 ครับ
pLS KEEP IN MIND THAT NOT ONLY set decrease more than 10%,the other makets do too,so the comparative P/E is still in the same as it did be4 the plunge.When the investors loose the confidence,they need cheaper n safer.
1.My Facebook page, https://www.facebook.com/pages/Kitichai ... 5514051589.
2.U may follow my stock comment via http://twitter.com/value_talk
3.กระทู้ที่โพสท์นี้เป็นความเห็นส่วนตัว การซื้อขายหุ้นขึ้นอยู่กับการใช้วิจารณญาณของแต่ละคน
โพสต์โพสต์