เมอร์ริล ลินช์ แอนด์ โค บริษัทหลักทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการขาดทุนสุทธิช่วงไตรมาสสุดท้ายปีที่แล้ว 9,800 ล้านดอลลาร์ หรือ 12.01 ดอลลาร์ต่อหุ้น
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : การขาดทุนครั้งนี้ ถือเป็นครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์บริษัท และเพิ่มขึ้นอย่างมากจากการขาดทุน 2,300 ล้านดอลลาร์เมื่อไตรมาสก่อนหน้านั้น ขณะที่บริษัทเคยมีกำไร 2,300 ล้านดอลลาร์ หรือ 2.41 ดอลลาร์ต่อหุ้นในช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนหน้านั้น
การขาดทุนดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากบริษัทปรับลดมูลค่าทรัพย์สินในบัญชี 14,100 ล้านดอลลาร์ จากการลงทุนในสินเชื่อการเคหะสำหรับผู้มีความน่าเชื่อถือต่ำ (ซับไพร์ม) และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่บีบให้บริษัทต้องแบ่งขายกิจการให้กับนักลงทุนต่างชาติเพื่อระดมทุนเพิ่มเติม ขณะที่รายรับติดลบ 8,190 ล้านดอลลาร์ จากที่เคยมีรายรับ 8,390 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนหน้านั้น
นายจอห์น เธน ประธานและหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ของเมอร์ริล ลินช์ กล่าวในแถลงการณ์ว่า ผลประกอบการของบริษัทในปีที่แล้วเป็นเรื่องที่รับไม่ได้อย่างยิ่ง แต่ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา บัญชีงบดุลและสภาพคล่องของบริษัทแข็งแกร่งขึ้นมาก และบริษัทเพิ่งแถลงเมื่อต้นสัปดาห์ว่าจะได้รับเงินทุนก้อนใหม่ 6,600 ล้านดอลลาร์ จากกลุ่มทุนต่างชาติ 3 ราย เพื่อช่วยสร้างความมั่นคงแก่บัญชีงบดุลบริษัท
มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส และสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ประกาศยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือของเมอร์ริล ลินช์ โดยมูดี้ส์ระบุว่า อันดับความน่าเชื่อถือหุ้นบุริมสิทธิ์ไม่มีหลักประกันของเมอร์ริล ลินช์ ยังคงอยู่ที่ A1 ส่วนอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวติดลบ ขณะที่ประวัติสภาพคล่องของบริษัทยังแข็งแกร่ง
ด้านเอสแอนด์พีแถลงยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือของเมอร์ริล ลินช์ ที่ A+/A-1 แนวโน้มแง่ลบ แต่เชื่อว่ามีโอกาสเสี่ยงเพียงเล็กน้อยที่บริษัทหลักทรัพย์ยักษ์ใหญ่รายนี้จะปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ในบัญชีครั้งใหญ่อีก เมื่อพิจารณาปริมาณการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อซับไพร์มที่เหลืออยู่ไม่มากนัก การลงทุนที่ผิดพลาดในธุรกิจเฉพาะกลุ่มไม่ก่อให้เกิดข้อสงสัยต่อความแข็งแกร่งโดยรวมของเมอร์ริล ลินช์ บริษัทจะยังคงได้ประโยชน์จากฐานะผู้นำในตลาด และรายรับที่หลากหลายจากธุรกิจวาณิชธนกิจ เทรดดิ้ง และการบริหารความมั่งคั่ง
เมอร์ริล ลินช์ ถือเป็นวาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่รายที่สามของวอลล์สตรีทที่รายงานการขาดทุนในช่วงไตรมาสสี่ หลังจากปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ในบัญชีครั้งใหญ่ สืบเนื่องจากหลักทรัพย์ที่มีสินเชื่อซับไพร์มหนุนหลังมีมูลค่าลดลง
+'เมอร์ริล ลินช์'ขาดทุนเฉียดหมื่นล้านดอลลาร์+
-
- Verified User
- โพสต์: 3345
- ผู้ติดตาม: 0
+'เมอร์ริล ลินช์'ขาดทุนเฉียดหมื่นล้านดอลลาร์+
โพสต์ที่ 1
-
- Verified User
- โพสต์: 1992
- ผู้ติดตาม: 0
+'เมอร์ริล ลินช์'ขาดทุนเฉียดหมื่นล้านดอลลาร์+
โพสต์ที่ 6
ที่โดนหนักก็ BT ที่เหลือก็มีเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น BBL, TMB, BAY ไม่กี่ล้าน
เรื่อง subprime ผมกลัวว่ามันจะไม่ใช่ vicious cycle แต่เป็น spiral effect ที่จะควงสว่านลงไปจนกว่าจะถึงจุดหนึ่ง คิดว่าอาจจะมี national recession แต่จะมากน้อยอันนี้แล้วแต่ aggressiveness ของ FED
ส่วน local recession อันนี้มีแล้วในบางที่ เช่นฟลอริดา
เรื่อง subprime ผมกลัวว่ามันจะไม่ใช่ vicious cycle แต่เป็น spiral effect ที่จะควงสว่านลงไปจนกว่าจะถึงจุดหนึ่ง คิดว่าอาจจะมี national recession แต่จะมากน้อยอันนี้แล้วแต่ aggressiveness ของ FED
ส่วน local recession อันนี้มีแล้วในบางที่ เช่นฟลอริดา
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
+'เมอร์ริล ลินช์'ขาดทุนเฉียดหมื่นล้านดอลลาร์+
โพสต์ที่ 7
นั่นสิครับ อยากทราบเหมือนกัน สงสัยต้องถามคุณ WEB เขาจะทราบไหมเอ่ยlieu เขียน:อยากรู้จัง ตอนนี้ บัฟเฟตต์ คิดอะไรอยู่
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ