เอาอะไรคิด... สกัด 300%
ตลาดหุ้นไทยสะเทือน เจอแนวคิดแสนบรรเจิด "ตีกรอบหุ้นไอพีโอวันแรกราคาไม่ควรเกิน 300%" อ้าง หวังสกัดไม่ให้ราคาหุ้นร้อนแรงและเกิดการเก็งกำไรมากเกินไป จนราคาบิดเบือนพื้นฐานที่แท้จริง หวั่นกระทบนักลงทุนรายย่อย วงการตลาดทุนเสียงแตก มีทั้งเห็นด้วยและคัดค้าน แต่ทุกคนโฟกัสประเด็นเดียวกันคือ เทรดวันแรกหุ้นพุ่ง 300% เป็นไปไม่ได้!
* ลือกระหึ่ม! ไอเดียบิ๊ก KEST สกัดหุ้นไอพีโอเทรดวันแรกพุ่งได้ไม่เกิน 300%
แหล่งข่าวจากวงการหลักทรัพย์ ระบุว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) (KEST) ได้เสนอแนวคิดการกำหนดเพดานความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นไอพีโอที่เข้าซื้อขายวันแรก ว่าไม่ควรปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิน 300% ต่อที่ประชุมสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ (สมาคม บล.) เพื่อเป็นการคุ้มครองนักลงทุน และไม่ให้เกิดการเก็งกำไรหุ้นเข้าใหม่มากเกินไป จนทำให้ราคาหุ้นบิดเบือนจากพื้นฐานที่แท้จริง
อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวยังไม่มีข้อสรุปในที่ประชุมสมาคม บล. เนื่องจากมีสมาชิกบางส่วนไม่เห็นด้วย เพราะเห็นว่าไม่ควรเข้ามาสกัดความร้อนแรงของหุ้นไอพีโอ ท่ามกลางภาวะตลาดฯที่ค่อนข้างซบเซาในขณะนี้ ซึ่งอาจจะเป็นการทำให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นซบเซาลงไปอีก
นอกจากนี้ หุ้นที่เข้าใหม่ ส่วนใหญ่มีบทวิเคราะห์ที่ประเมินมูลค่าทางพื้นฐาน เพื่อเป็นข้อมูลให้กับนักลงทุนอยู่แล้ว ดังนั้นในวันแรกของการเข้าซื้อขายน่าจะปล่อยให้เป็นไปตามกลไกความต้องการซื้อขายที่แท้จริงของนักลงทุน
* 'มนตรี' กิมเอ็งฯ ปฏิเสธลั่นไม่ได้เสนอไอเดีย แต่เห็นด้วยแนวทางนี้
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEST เปิดเผยว่า ไม่ได้เป็นผู้เสนอแนวคิดให้มีการกำหนดเพดานความเคลื่อนไหวราคาหุ้นไอพีโอที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันแรกที่ราคาหุ้นไม่ควรปรับเพิ่มขึ้นเกิน 300% ต่อที่ประชุมสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ โดยแนวคิดดังกล่าวมาจากการหารือร่วมกันระหว่างสมาชิกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ฯในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ในหลักการเบื้องต้น การกำหนดแนวคิดนี้เป็นการช่วยเหลือนักลงทุนรายย่อย ไม่ให้มีความความเสี่ยงจากการลงทุน หากราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอย่าหวือหวา
อย่างไรก็ดี หากมีการกำหนดเป็นหลักการที่ชัดเจนและประกาศใช้ออกมา โดยส่วนตัวก็เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว เนื่องจากเป็นการคุ้มครองนักลงทุน
'IPO เทรดวันแรก บวก 100% หรือ 200% ก็เยอะแล้ว แนวคิดไม่ให้ราคาปรับขึ้นเกิน 300% ก็เป็นการช่วยรายย่อยเหมือนการกำหนด Ceiling และ Floor หุ้นแต่ละตัว ซึ่งตอนนี้เท่าที่ทราบยังไม่มีการกำหนดเปอร์เซนต์ชัดเจน และขั้นตอนต่อไปคงอาจมีคุยกันอีก แต่ผมจำรายละเอียดไม่ได้ บอกได้เพียงหลักการเท่านั้น' นายมนตรี กล่าว
* บล.ฟิลลิป ค้านงานนี้เกิดยาก ระบุไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์
นายวิชา โตมานะ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า แนวคิดให้มีการกำหนดเพดานความเคลื่อนไหวราคาหุ้นไอพีโอที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันแรกไม่ควรปรับเพิ่มขึ้นเกิน 300% ต่อที่ประชุมสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ คงจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากที่ผ่านมายังไม่เคยมีผู้นำเรื่องดังกล่าวมาปฎิบัติเลย ขณะเดียวกัน ยังเชื่อว่าคงเป็นเพียงการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้เกิดขึ้นหรือเป็นเพียงทฤษฎีที่ไม่สามารถนำมาปฏิบัติได้จริง
'กำหนดราคาหุ้น IPO ไม่ให้ขึ้นไปเกิน 300% มันสูงเกินไปที่ผ่านมาหุ้น IPO ยังไม่เคยขึ้นไปถึง 300% เลย เรื่องนี้หวังเป็นการสร้างภาพลักษณ์หรือเปล่า แต่ถ้านำมาใช้ผมว่าไม่มีทางเสนอหรือทำได้จริงเกิดได้ยากแน่นอน ' นายวิชา กล่าว
ส่วนหุ้น IPO ยังคงมีจังหวะเวลาที่จะสดใส หากบรรยากาศการลงทุนดีขึ้น รวมทั้งปัจจัยทางการเมืองนิ่งและปัจจัยพื้นฐานของบริษัทนั้นๆ มีความแข็งแกร่ง มีโอกาสเติบโตในทิศทางที่ดี ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนให้เข้ามาซื้อหุ้น IPO ได้ แต่ช่วงนี้บรรยากาศการลงทุนไม่ดีนัก เพราะนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับปัจจัยทางการเมืองที่ยังไม่นิ่งและยังคงมีปัจจัยลบจากภายนอกประเทศเข้ามากระทบด้วย จึงชะลอการลงทุนออกไปก่อน
* บล.เอเซียพลัส มองเป็นเรื่องดีและไม่ใช่เรื่องแปลกที่สามารถทำได้
นายเล็ก สิขรวิท ผู้อำนวยการฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP เปิดเผยว่า แนวคิดการกำหนดเพดานความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นไอพีโอที่เข้าซื้อขายวันแรกไม่ควรปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิน 300% ถือเป็นเรื่องที่ดีและไม่ใช่เรื่องแปลกซึ่งสามารถทำได้ เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยมีหุ้น IPO ของบริษัทใด ปรับเพิ่มขึ้นในการเข้าซื้อขายวันแรกเกิน 300% เลย ขณะเดียวกันยังเชื่อว่าจะไม่กระทบธุรกิจด้านวาณิชธนกิจด้วย
'ให้หุ้น IPO วันแรกพุ่งขึ้นไม่เกิน 300% ก็จริงๆ ไม่ใช่เรื่องแปลกเป็นสิ่งที่สามารถทำได้และน่าจะเป็นเรื่องดี เพราะช่วยลดการเก็งกำไร แต่ที่ผ่านมายังไม่เคยมีหุ้นตัวไหนที่เข้าตลาดฯ วันแรกแล้วพุ่งขึ้นเกิน 300% เลย' นายเล็ก กล่าว
* บล.ซีมิโก้ มองแง่ดี ชี้ไม่สะเทือนขวัญเพราะโอกาสเกิดยาก
นายภานุ คงแท่น ผู้จัดการฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.ซีมิโก้ เปิดเผยถึงแนวคิด การกำหนดเพดานความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นไอพีโอที่เข้าซื้อขายวันแรกให้มีกรอบเพิ่มขึ้นได้ไม่เกิน 300%ว่า เนื่องจากแนวคิดดังกล่าวยังไม่ได้ถูกกำหนด และมีรายละเอียดอย่างชัดเจน ผลกระทบในทางลบมากหรือน้อย จึงอาจจะคาดการณ์ได้ไม่ชัดเจนนักกับหุ้นที่กำลังจะเข้าซื้อขายในขณะนี้
อีกทั้งมองว่าในอดีตที่ผ่านมาหุ้นที่เข้าซื้อขาย เป็นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ไทย แม้จะมีหลายตัวปรับขึ้นมากกว่าราคาจอง แต่ก็ยังไม่มีตัวใดเพิ่มขึ้นถึงระดับดังกล่าว ดังนั้นในอนาคตโอกาสที่จะเกิดขึ้นจึงเชื่อว่าจะมีน้อยมากเช่นกัน
"ยังคงประเมินอะไรไม่ได้มาก แต่อย่างก็ตาม การที่จะออกมาตรการอะไรมา ผู้ที่ทำก็ต้องมีการศึกษาให้ละเอียดถี่ถ้วนเต็มที่อยู่แล้ว แต่เท่าที่จำได้ผมยังไม่เห็นหุ้นตัวไหนมีราคาปรับสูงขนาดที่จะกำหนดนี้เลย" นายภานุ กล่าว
* บล.เคทีบี รับได้ กรอบ IPO พุ่งได้แค่ 300% ระบุเป็นระดับที่ไม่ได้แคบเกินไป
นายชาญชัย กุลถาวรากร ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี จำกัด KTBS กล่าวถึงการที่มีแนวคิดการกำหนดเพดานความเคลื่อนไหวราคาหุ้นไอพีโอที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันแรก โดยราคาหุ้นไม่ควรปรับเพิ่มขึ้นเกิน 300% ว่า เป็นระดับกรอบเพดานราคาที่กว้างมากพอ
ทั้งนี้ มองว่าหากอนาคตมีการนำแนวคิดมาใช้จริง ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมีเหตุและผลที่เหมาะสมอธิบายได้มารองรับ ซึ่งกฏเกณฑ์ที่จะเพิ่มเติมออกมาเชื่อว่าผู้กำหนดจะทำเพื่อให้เกิดประโยชน์กับการลงทุน โดยระมัดระวังให้มีผลกระทบกับทุกฝ่ายน้อยที่สุด
'300% นี่เยอะมากนะ ซึ่งถ้าใครจะออกกฎอะไรออกมา ก็คงต้องมีเหตุและผลที่เหมาะสมไว้อยู่แล้ว' นายชาญชัย กล่าว
เขายังกล่าวอีกว่า แนวคิดดังกล่าว แม้จะดูเหมือนเป็นการทำให้หุ้นไม่สามารถปรับเพิ่มขึ้นสูงได้ในระยะสั้น แต่ในความเป็นจริงของการลงทุน หุ้นที่ได้รับความสนใจจนมีแรงซื้อจากนักลงทุนเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ปรับขึ้นภายในวันเดียว อีกทั้ง การกำหนดราคาขายไอพีโอของที่ปรึกษาทางการเงิน ไม่ว่าจะต่ำหรือสูง แต่ในที่สุดราคาหุ้นก็ย่อมจะเป็นไปตามกลไกของตลาด
'ที่ปรึกษาทางการเงินก็ย่อมจะกำหนดราคาขายที่เหมาะสมอยู่แล้ว แต่ถ้านักลงทุนเห็นว่าราคาต่ำไป และหุ้นดีจริงในที่สุดราคาก็จะขึ้นได้เอง อาจจะเป็นการค่อยปรับขึ้นต่อนื่อง ไม่จำเป็นต้องขึ้นแรงๆ ทีเดียวตั้งแต่แรก' นายชาญชัย กล่าว
พร้อมกันนี้ ยังประเมินว่าการที่ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยยังคงปรับลดลงต่อเนื่อง รวมถึงยังมีแนวคิดที่จะออกมาตรการชะลอการปรับเพิ่มของราคาหุ้นไอพีโอนั้น จะไม่ส่งผลลบกับภาพรวมงานด้านวาณิชธนกิจในปีนี้
อย่างไรก็ดี เชื่อว่าใน 1 รอบปีตลาดหุ้นจะต้องมีทั้งช่วงที่ดีและไม่ดี การระดมทุนก็เช่นกัน ผู้ต้องการระดมทุนที่ชำนาญย่อมจะสามารถกำหนดจังหวะเวลาที่เหมาะสมได้เสมอ ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ตาม
* นายกสมาคม บล. แนะแนวคิดการกำหนดเพดานหุ้นไอพีโอควรทำอย่างรอบคอบ
นายกัมปนาท โลหเจริญวนิช กรรมการผู้อำนวยการ บล.ทรีนีตี้ และในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการดำหนดเพดานความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นไอพีโอที่เข้ามาซื้อขายวันแรกไม่ควรปรับตัวเกิน 300% ว่า ในส่วนตัวมองว่าในประเด็นดังกล่าวควรจะมีการพิจารณาอย่างรอบคอบและพิจารณาถึงข้อดี-ข้อเสียทีละประเด็น หากพิจารณาแล้วพบว่าเหมาะสมทางสมาคมฯ ก็พร้อมให้ความร่วมมือ เพราะที่ผ่านมาได้ให้ความร่วมมือในการปรับปรุงระบบวิธีการต่างๆ อยู่อย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว
'จริงๆ ปัญหาการเทรดวันแรกของหุ้นไอพีโอไม่ได้มีการกำหนดเปอร์เซ็นต์ว่าราคาหุ้นควรจะขึ้นลงเท่าใด แต่ประเด็นส่วนใหญ่ที่ผู้ที่เกี่ยวข้องกังวล คือ เกรงว่าราคาหุ้นที่เข้าซื้อขายในวันแรกอาจจะปรับตัวลดลงจากราคาจองมากเกินไปหากภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวย แต่สำหรับหุ้นที่ซื้อขายอยู่ในกระดานแล้วจะมีกำหนดเพดานไว้ที่ 30% ซึ่งถือว่าเหมาะสมเพราะมองว่าจะช่วยส่งในเรื่องของราคาไม่ให้ขึ้นลงมากเกินไป' นายกัมปนาท กล่าว
* ขาใหญ่วงการหุ้นหนุนสุดตัว ชี้ส่งผลดี-ป้องกัน นลท.รายย่อยติดยอดดอย
แหล่งข่าวนักลงทุนรายใหญ่ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า แนวคิดให้มีการกำหนดเพดานความเคลื่อนไหวราคาหุ้นไอพีโอที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันแรกที่ราคาหุ้นไม่ควรปรับเพิ่มขึ้นเกิน 300% เป็นแนวคิดที่ดีและน่าสนับสนุน เนื่องจากเป็นการป้องกันความเสี่ยงและสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนรายย่อยที่จะเข้ามาซื้อขายหุ้นในวันแรก นอกจากนี้ ยังเป็นการป้องกันไม่ให้นักลงทุนรายย่อยติดยอดดอยอีกด้วย
'เป็นเรื่องที่ดี เพราะจะได้ป้องกันไม่ให้นักลงทุนรายย่อยที่จะเข้าไปซื้อขายหุ้นที่เป็นหุ้นเก็งกำไรในวันแรกต้องรับความเสี่ยงหรือติดดอย น่าสนับสนุนถ้านำมาใช้คงจะส่งดี ส่วนผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนตรงหรือตลาดหุ้นนี้พูดยาก ไม่ขอออกความคิดเห็น' แหล่งข่าวรายเดิม กล่าว
* "เสี่ยป๋อง" ระบุไม่มีทางเห็นหุ้นบวก 300% ย้ำประวัติศาสตร์ไม่เคยมีมาก่อน
นายวัชระ แก้วสว่าง นักลงทุนรายใหญ่ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า แนวคิดการกำหนดเพดานความเคลื่อนไหวราคาหุ้นไอพีโอที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันแรกที่ราคาหุ้นไม่ควรปรับเพิ่มขึ้นเกิน 300% หากนำมาใช้จริงคงจะไม่ส่งผลกระทบต่อหุ้น IPO หรือบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เนื่องจากคงจะไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยมีหุ้น IPO ตัวไหนที่เข้าซื้อขายในตลาดฯ วันแรกปรับเพิ่มขึ้นถึง 300% เลย
"จะนำมาใช้หรือไม่นำมาใช้ก็ได้ ผมรับได้ทั้งนั้นและยอมรับ ซึ่งมองว่าไม่มีผลกระทบอะไรที่รุนแรงต่อหุ้น IPO ถ้าหุ้นตัวไหนพุ่งขึ้นวันแรก 300% ก็สุดยอดแล้ว" นายวัชระ กล่าว
* โบรกเกอร์ เล็งดัน IPO เข้าตลาดหุ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
นายมนตรี จาก บล.กิมเอ็งฯ กล่าวด้วยว่า ปีนี้บริษัทฯ มีดีล IPO จำนวน 3 - 4 บริษัทฯ มูลค่าระดมทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งยังไม่อยากเปิดเผยรายละเอียดมากนัก โดยจากภาวะตลาดฯหุ้นไม่ค่อยดีนักช่วงไตรมาส 1/2551 ทำให้คาดว่ายังไม่เห็นการเสนอซื้อขายหุ้น IPO ดังกล่าวในไตรมาสนี้
สำหรับภาวะดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยช่วงนี้มีปัจจัยลบหลายด้านกดดันการลงทุน ทำให้ดัชนีฯ ผันผวนและแกว่งตัวกรอบกว้าง โดยประเมินแนวรับดัชนีฯ อยู่ที่ 700 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1 พันจุด
อย่างไรก็ดี แนะนำนักลงทุนให้ถือเงินสดสัดส่วน 50% ของพอร์ตลงทุน ขณะเดียวกัน หาจังหวะรอซื้อหุ้นพื้นฐานดี และราคาอ่อนตัวลง โดยประเมินว่าหุ้นกลุ่มพลังงานน่าสนใจ เนื่องจากราคาน้ำมันยังทรงตัวระดับสูง ขณะที่ราคาหุ้นก็ปรับลดลง
ด้านนายวิชา จาก บล.ฟิลลิป กล่าวต่อไปว่า เตรียมที่จะนำบริษัทแห่งใหม่เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai จำนวน 3 แห่ง มูลค่ารวมประมาณ 600 ล้านบาท ในครึ่งปีหลัง 2551 โดยบริษัทฯ ดังกล่าวประกอบธุรกิจบริการ 2 แห่ง และอีก 1 แห่งประกอบธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนสาเหตุที่เลือกนำเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ครึ่งปีหลัง เพราะคาดว่าบรรยากาศการลงทุนจะดีขึ้นรวมทั้งปัจจัยทางการเมืองคงจะนิ่ง ซึ่งจะส่งผลดีต่อหุ้นเข้าใหม่ดังกล่าว
อย่างไรก็ดี ส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ณ เดือนมกราคม 2551 ของบริษัทฯ อยู่ที่ 3.3% อยู่ในอันดับที่ 11 ของผู้ประกอบการธุรกิจหลักทรัพย์ นอกจากนี้ เป้าหมายในการดำเนินงานของบริษัทฯ ด้าน IB ปีนี้ จะพยายามเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมและตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุดรวมทั้งขยายช่องทางเพิ่มรายได้อีกด้วย
นายเล็ก จาก บล.เอเซียพลัส กล่าวด้วยว่า ประเมินว่าธุรกิจวาณิชธนกิจปีนี้มีโอกาสที่จะเติบโตได้ลำบาก เพราะแนวโน้มของหุ้น IPO ในปี 2551 มีโอกาสที่จะโดดเด่น เหมือนปีก่อนน้อยมาก เนื่องจากในปีนี้ภาวะตลาดหุ้นไทยค่อนข้างผันผวน ขณะเดียวกันตลาดหุ้นในช่วงต้นปีที่ผ่านมายังไม่ดีอีกด้วย นอกจากนี้ ปัจจัยการเมืองที่ไม่ชัดเจนยังกดดันบรรยากาศการลงทุนซึ่งอาจจะทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุน
'ปีนี้หุ้น IPO คาดเดาลำบากว่าจะไปทางไหน เพราะต้นปีตลาดหุ้นก็ไม่ไดี มีปัจจัยลบทั้งในประเทศและนอกประเทศ ส่วนของ ASP เอง ก็มีหุ้น IPO หลายตัว แต่ยังบอกรายละเอียดไม่ได้ คงต้องรอแถลงแผนงานในปีนี้ก่อน' นายเล็ก กล่าว