XBRL
- Alastor
- Verified User
- โพสต์: 2590
- ผู้ติดตาม: 0
XBRL
โพสต์ที่ 1
eXtensible Business Reporting Language
คิดว่าจะทำให้นักลงทุนปัจจัยพื้นฐานวิเคราะห์งบการเงินได้ง่ายขึ้นไหมครับ
ผมหวังว่าเวลาเอามาทำ excel จะได้ไม่ยาก น่าจะทำให้งบกระแสเงินสดที่รายการเยอะมากกกก อ่านง่ายขึ้น
คิดว่าจะทำให้นักลงทุนปัจจัยพื้นฐานวิเคราะห์งบการเงินได้ง่ายขึ้นไหมครับ
ผมหวังว่าเวลาเอามาทำ excel จะได้ไม่ยาก น่าจะทำให้งบกระแสเงินสดที่รายการเยอะมากกกก อ่านง่ายขึ้น
Wir sind das Rar, der Stolz und der Wert
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 0
XBRL
โพสต์ที่ 2
มันคืออะไรเหรอพี่อลาสเต้อ ... :?: ไม่รู้จักอ่ะ
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
-
- Verified User
- โพสต์: 143
- ผู้ติดตาม: 0
XBRL
โพสต์ที่ 3
เป็นไฟล์แบบ XML เพื่อใช้ในการแสดงงบการเงินน่ะครับ ตั้งเป็นมาตรฐาน เพื่อที่ทุกบริษัทจะได้แสดงงบการเงินโดยใช้รูปแบบเดียวกัน
ขณะนี้งบการเงินของบริษัทในบ้านเรายังใช้เป็นไฟล์ MS Excel ซึ่งรูปแบบของแต่ละบริษัทก็จะต่างกันออกไป ถ้าหันมาใช้ XBRL ก็จะทำให้รูปแบบงบการเงินของแต่ละบริษัทเหมือนกันหมด ซึ่งนั่นก็จะทำให้ง่ายต่อการเขียนโปรแกรมเพื่อนำงบการเงินไปใช้ครับ
ขณะนี้งบการเงินของบริษัทในบ้านเรายังใช้เป็นไฟล์ MS Excel ซึ่งรูปแบบของแต่ละบริษัทก็จะต่างกันออกไป ถ้าหันมาใช้ XBRL ก็จะทำให้รูปแบบงบการเงินของแต่ละบริษัทเหมือนกันหมด ซึ่งนั่นก็จะทำให้ง่ายต่อการเขียนโปรแกรมเพื่อนำงบการเงินไปใช้ครับ

-
- Verified User
- โพสต์: 1817
- ผู้ติดตาม: 0
XBRL
โพสต์ที่ 4
XBRL คืออะไร
XBRL (หรือที่ย่อมาจากศัพท์เต็มว่า “eXtensible Business Reporting Language”) ก็คือการติดรหัสแถบ (Bar Code) บนบัญชีงบการเงิน โดยการอ้างอิงถึงภาษามาตรฐานของการรายงานงบการเงิน (Financial Reporting Standards) แต่ไม่ใช่เป็นการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานการบัญชี (Accounting Standards) แต่อย่างใด
XBRL ถือเป็นหนึ่งในนวัตกรรมการรายงานงบการเงินที่เริ่มมีการประยุกต์ใช้และกล่าวถึงในวงกว้างมากขึ้น เนื่องจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดในห่วงโซ่การจัดทำรายงานทางการเงินได้เล็งเห็นว่า XBRL จะทำให้เกิดมาตรฐาน (standards) ของการรายงานงบการเงินซึ่งจะนำไปสู่การลดต้นทุนรวมของทุกหน่วยงานหรือองค์กรที่เกี่ยวข้อง และยังช่วยสร้างความโปร่งใส ความถูกต้อง และความทันสมัยของข้อมูลงบการเงินที่เผยแพร่และนำเสนอให้แก่ผู้ใช้ข้อมูล หรือนักลงทุนได้ดียิ่งขึ้น
รหัสแถบ (Bar Code) คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไร
ในอดีตเมื่อครั้งร้านขายของชำยังเป็นแหล่งยอดนิยมในการซื้อขายของประเภทอุปโภค บริโภค หากเราต้องการจะซื้อสินค้า เช่น ยาสีฟัน แปรงสีฟัน สบู่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปากกา หรือถ่านไฟฉาย เราก็จะเดินตรงไปยังร้านขายของชำ เลือกสิ่งของที่ต้องการ ตรวจสอบราคาจากสติ๊กเกอร์ที่เจ้าของร้านนำมาติดบนสินค้า ซึ่งหลายครั้งที่เราอาจพบ ว่าสินค้าชนิดเดียวกันยี่ห้อเดียวกันแต่ติดราคาไม่เท่ากัน และเมื่อเรานำสินค้าเหล่านั้น ไปชำระเงิน เจ้าของร้านมักจะคำนวนค่าสินค้าโดยการบวกลบในกระดาษ หรือกด เครื่องคิดเลขเพื่อคำนวณค่าสินค้าทั้งหมด

พฤติกรรมของผู้ซื้อที่พบบ่อยครั้งคือการถามเจ้าของร้านอีกครั้งว่าสินค้าชิ้นนี้ราคาเท่าไร เพื่อจะได้ตรวจสอบว่าเจ้าของร้านค้าคำนวณค่าสินค้าถูกหรือไม่ และหากเราซื้อสินค้าเป็นจำนวนมากชิ้น ก็อาจจะต้องใช้เวลาที่ร้านขายของชำนานขึ้นเพียงเพื่อรอการคำนวณค่าสินค้าของเจ้าของร้านด้วยวิธีดั้งเดิม นอกจากนี้ หากคุณเคยเป็นผู้เข้าแถว (Queuing) เพื่อรอเจ้าของร้านคิดเงินค่าสินค้าให้แก่ลูกค้าหลายๆ ราย คุณเคยรู้สึกหงุดหงิดใจที่ต้องรอเพื่อซื้อและชำระราคาสินค้าเป็นเวลานานเช่นนี้หรือไม่
ด้วยพัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศ ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์เปลี่ยนแปลงไปมาก ทำให้มีการพัฒนาคิดค้นสิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่อการดำเนินชีวิตที่ดีขึ้น ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นชัดคือการนำเอารหัสแถบ (Bar Code) มาใช้ติดบนสินค้าที่วางขายกันตามร้านค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต หรือห้างสรรพสินค้าทั่วไป
รหัสแถบ (Bar Code) เป็นแถบเส้นดำยาวพิมพ์เรียงเป็นแถบบนตัวสินค้า สิ่งซึ่งแถบดำเหล่านี้หมายถึงมักจะเป็น "ข้อความ" ที่ใช้บ่งบอกความเป็นสินค้านั้นๆ อาทิเช่น ยาสีฟัน สบู่ แปรงสีฟัน ปากกา เป็นต้น รหัสแถบที่อยู่บนสินค้าจะทำให้เจ้าของร้านค้าสามารถคำนวณเงินค่าสินค้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำขึ้นถึงแม้ว่าจะเป็นการซื้อของจำนวนหลายๆชิ้น เพียงแต่ใช้เครื่องมืออ่านรหัสแถบรูดผ่านรหัสแถบ ก็จะทราบว่าสินค้าชนิดนั้นเป็นสินค้าอะไร และหากมีการเขียนโปรแกรมราคาสินค้าเข้ากับเครื่องคำนวนราคาสินค้า ความผิดพลาดในการคำนวณราคาสินค้าก็จะไม่เกิดขึ้น ผู้ซื้อก็ไม่ต้องใช้เวลารอมากนักในการเข้าแถวชำระราคาสินค้า นอกจากนี้ เมื่อร้านค้าใช้รหัสแถบ ร้านค้าก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องติดราคาลงบนสินค้าทุกตัวอีกต่อไป ซึ่งทำให้สะดวกต่อการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าเมื่อใดก็ตามที่เจ้าของร้านค้าต้องการ
การใช้รหัสแถบ (Bar Code) เพื่อประโยชน์ในการรายงานข้อมูลทางการเงิน
เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว นายชาลี ฮอฟแมนน์ (Charlie Hoffman) ผู้ตรวจสอบบัญชีในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกาได้เกิดแนวคิดในการนำเอารูปแบบและวิธีการใช้รหัสแถบ (Bar Code) มาประยุกต์ใช้กับข้อมูลบัญชีทางการเงิน โดยนายชาลีมองว่าบัญชีการเงินก็เหมือนสินค้าประเภทหนึ่ง ซึ่งเมื่อติดรหัสแถบเพื่อบ่งบอก “ข้อความ” แล้ว ก็จะเป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่าข้อความนี้หมายถึงบัญชีทางการเงินใด และเมื่อมีการเขียนโปรแกรมเพื่อให้อ่านข้อมูลของบัญชีการเงินนั้นๆ เช่น ให้รวมยอดเงินสด หรือให้จัดทำอัตราส่วนทางการเงิน (financial ratios) ก็จะสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการนำเสนอข้อมูลที่มีคุณภาพสูงเพื่อใช้ต่อในการวิเคราะห์ข้อมูลของนักลงทุน
นายชาลีได้ตั้งชื่อแนวคิดนี้ว่าเทคโนโลยี XBRL (หรือที่ย่อมาจากคำว่า eXtensible Business Reporting Language) โดยได้นำเอาเทคโนโลยี XML (eXtensible Markup Language) ซึ่งเป็นภาษาโปรแกรมมิ่งที่รู้จักและนิยมใช้งานกันอย่างแพร่หลายของนักพัฒนาระบบงานโดยทั่วไป มาผนวกรวมกับแนวคิดการจัดทำคู่มือรหัสแถบสำหรับบัญชีการเงิน (ซึ่งนายชาลีเรียกมันว่า “Taxonomy”) และได้เริ่มแนะนำเทคโนโลยี XBRL กับผู้เกี่ยวข้องจำนวน 13 รายซึ่งเห็นชอบร่วมกันที่จะผลักดันแนวคิดนี้ให้ขยายขอบเขตการใช้งานให้กว้างขวางต่อไป

องค์กรหรือหน่วยงานในระดับสากลเริ่มใช้ XBRL มากขึ้นเพื่อสร้างมาตรฐานให้กับการรายงานข้อมูลการเงิน
จนถึงวันนี้ XBRL เริ่มเป็นที่รู้จักกันและมีการประยุกต์ใช้ในองค์กรที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลทางการเงินมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตลาดหลักทรัพย์ องค์กรกำกับสถาบันการเงิน องค์กรกำกับตลาดหลักทรัพย์และธุรกิจหลักทรัพย์ กรมสรรพากร หรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนบริษัท ดังตัวอย่างโดยสังเขปดังนี้
* ตลาดหลักทรัพย์ : ตลาดหลักทรัพย์โตเกียว (Tokyo Stock Exchange) ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ (Shanghai Stock Exchange) ตลาดหลักทรัพย์แห่งสเปน (Spain Stock Exchange) ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค (New York Stock Exchange) เป็นต้น
* องค์กรกำกับสถาบันการเงิน : US Federal Deposit Insurance Corporation (FDIC) แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา, ธนาคารแห่งประเทศสเปน (Bank of Spain), ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น (Bank of Japan) เป็นต้น
* องค์กรกำกับตลาดหลักทรัพย์และธุรกิจหลักทรัพย์ : สำนักงานกลต. แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (US SEC) องค์กรกำกับหลักทรัพย์แห่งประเทศจีน (China Securities Regulatory Commission – CSRS) องค์กรกำกับหลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์แห่งประเทศฮ่องกง (HK Securities and Future Commission) เป็นต้น
* องค์กรจัดเก็บภาษี : กรมสรรพากรแห่งประเทศญี่ปุ่น (National Tax Agency) กรมสรรพากรแห่งประเทศแคนาดา (Canada Tax Agency) กรมสรรพากรแห่งประเทศไอร์แลนด์ (The Irish Revenue Commission) กรมสรรพากรแห่งประเทศเนเธอร์แลนด์ (Dutch Tax Authority) เป็นต้น
* องค์กรที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานการรายงานข้อมูลทางการเงิน: International Accounting Standard Board (IASB), Financial Accounting Standard Board (FASB), CFA Institute เป็นต้น
* ผู้สอบบัญชีชั้นนำ: Price Waterhouse Coopers, KPMG International, Ernst & Young, Deloitte Touche Tohmatsu เป็นต้น
เทคโนโลยี XBRL กับมาตรฐานการรายงานงบการเงินในประเทศไทย
สำหรับประเทศไทย เทคโนโลยี XBRL ยังคงเป็นเรื่องใหม่ที่จะต้องแสวงหาความรู้เพิ่มเติมกันต่อไป อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่ผ่านมาได้เกิดความร่วมมือระหว่างองค์กรสำคัญๆ เช่น สำนักงานกลต. ธนาคารแห่งประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กรมสรรพากร กรมพัฒนาธุรกิจ (กระทรวงพาณิชย์) บริษัทผู้สอบบัญชี ฯลฯ ในการผลักดันและประยุกต์ใช้เทคโนโลยี XBRL อย่างจริงจังในประเทศไทย โดยโครงการแรกที่จะเป็นตัวพิสูจน์ถึงประโยชน์ของเทคโนโลยี XBRL กับการรายงานงบการเงินในประเทศไทย คือโครงการ XBRL นำร่อง (XBRL Pilot Project) ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่จะเริ่มใช้ในกลางปี 2550 ที่จะถึงนี้
ทั้งนี้ ผลสำเร็จของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี XBRL คงจะต้องมาจากการจัดโครงสร้างของคู่มือรหัสแถบสำหรับบัญชีการเงินไทย (Taxonomy) ที่ดีและมีมาตรฐานซึ่งทุกหน่วยงานจะสามารถนำไปใช้งานร่วมกันในอนาคต รวมถึงประโยชน์ที่เกิดขึ้นและพิสูจน์ได้จริงจากโครงการ XBRL นำร่องในครั้งนี้
http://xbrl.set.or.th/th/about/about.html
XBRL (หรือที่ย่อมาจากศัพท์เต็มว่า “eXtensible Business Reporting Language”) ก็คือการติดรหัสแถบ (Bar Code) บนบัญชีงบการเงิน โดยการอ้างอิงถึงภาษามาตรฐานของการรายงานงบการเงิน (Financial Reporting Standards) แต่ไม่ใช่เป็นการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานการบัญชี (Accounting Standards) แต่อย่างใด
XBRL ถือเป็นหนึ่งในนวัตกรรมการรายงานงบการเงินที่เริ่มมีการประยุกต์ใช้และกล่าวถึงในวงกว้างมากขึ้น เนื่องจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดในห่วงโซ่การจัดทำรายงานทางการเงินได้เล็งเห็นว่า XBRL จะทำให้เกิดมาตรฐาน (standards) ของการรายงานงบการเงินซึ่งจะนำไปสู่การลดต้นทุนรวมของทุกหน่วยงานหรือองค์กรที่เกี่ยวข้อง และยังช่วยสร้างความโปร่งใส ความถูกต้อง และความทันสมัยของข้อมูลงบการเงินที่เผยแพร่และนำเสนอให้แก่ผู้ใช้ข้อมูล หรือนักลงทุนได้ดียิ่งขึ้น
รหัสแถบ (Bar Code) คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไร
ในอดีตเมื่อครั้งร้านขายของชำยังเป็นแหล่งยอดนิยมในการซื้อขายของประเภทอุปโภค บริโภค หากเราต้องการจะซื้อสินค้า เช่น ยาสีฟัน แปรงสีฟัน สบู่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปากกา หรือถ่านไฟฉาย เราก็จะเดินตรงไปยังร้านขายของชำ เลือกสิ่งของที่ต้องการ ตรวจสอบราคาจากสติ๊กเกอร์ที่เจ้าของร้านนำมาติดบนสินค้า ซึ่งหลายครั้งที่เราอาจพบ ว่าสินค้าชนิดเดียวกันยี่ห้อเดียวกันแต่ติดราคาไม่เท่ากัน และเมื่อเรานำสินค้าเหล่านั้น ไปชำระเงิน เจ้าของร้านมักจะคำนวนค่าสินค้าโดยการบวกลบในกระดาษ หรือกด เครื่องคิดเลขเพื่อคำนวณค่าสินค้าทั้งหมด

พฤติกรรมของผู้ซื้อที่พบบ่อยครั้งคือการถามเจ้าของร้านอีกครั้งว่าสินค้าชิ้นนี้ราคาเท่าไร เพื่อจะได้ตรวจสอบว่าเจ้าของร้านค้าคำนวณค่าสินค้าถูกหรือไม่ และหากเราซื้อสินค้าเป็นจำนวนมากชิ้น ก็อาจจะต้องใช้เวลาที่ร้านขายของชำนานขึ้นเพียงเพื่อรอการคำนวณค่าสินค้าของเจ้าของร้านด้วยวิธีดั้งเดิม นอกจากนี้ หากคุณเคยเป็นผู้เข้าแถว (Queuing) เพื่อรอเจ้าของร้านคิดเงินค่าสินค้าให้แก่ลูกค้าหลายๆ ราย คุณเคยรู้สึกหงุดหงิดใจที่ต้องรอเพื่อซื้อและชำระราคาสินค้าเป็นเวลานานเช่นนี้หรือไม่
ด้วยพัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศ ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์เปลี่ยนแปลงไปมาก ทำให้มีการพัฒนาคิดค้นสิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่อการดำเนินชีวิตที่ดีขึ้น ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นชัดคือการนำเอารหัสแถบ (Bar Code) มาใช้ติดบนสินค้าที่วางขายกันตามร้านค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต หรือห้างสรรพสินค้าทั่วไป
รหัสแถบ (Bar Code) เป็นแถบเส้นดำยาวพิมพ์เรียงเป็นแถบบนตัวสินค้า สิ่งซึ่งแถบดำเหล่านี้หมายถึงมักจะเป็น "ข้อความ" ที่ใช้บ่งบอกความเป็นสินค้านั้นๆ อาทิเช่น ยาสีฟัน สบู่ แปรงสีฟัน ปากกา เป็นต้น รหัสแถบที่อยู่บนสินค้าจะทำให้เจ้าของร้านค้าสามารถคำนวณเงินค่าสินค้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำขึ้นถึงแม้ว่าจะเป็นการซื้อของจำนวนหลายๆชิ้น เพียงแต่ใช้เครื่องมืออ่านรหัสแถบรูดผ่านรหัสแถบ ก็จะทราบว่าสินค้าชนิดนั้นเป็นสินค้าอะไร และหากมีการเขียนโปรแกรมราคาสินค้าเข้ากับเครื่องคำนวนราคาสินค้า ความผิดพลาดในการคำนวณราคาสินค้าก็จะไม่เกิดขึ้น ผู้ซื้อก็ไม่ต้องใช้เวลารอมากนักในการเข้าแถวชำระราคาสินค้า นอกจากนี้ เมื่อร้านค้าใช้รหัสแถบ ร้านค้าก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องติดราคาลงบนสินค้าทุกตัวอีกต่อไป ซึ่งทำให้สะดวกต่อการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าเมื่อใดก็ตามที่เจ้าของร้านค้าต้องการ
การใช้รหัสแถบ (Bar Code) เพื่อประโยชน์ในการรายงานข้อมูลทางการเงิน
เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว นายชาลี ฮอฟแมนน์ (Charlie Hoffman) ผู้ตรวจสอบบัญชีในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกาได้เกิดแนวคิดในการนำเอารูปแบบและวิธีการใช้รหัสแถบ (Bar Code) มาประยุกต์ใช้กับข้อมูลบัญชีทางการเงิน โดยนายชาลีมองว่าบัญชีการเงินก็เหมือนสินค้าประเภทหนึ่ง ซึ่งเมื่อติดรหัสแถบเพื่อบ่งบอก “ข้อความ” แล้ว ก็จะเป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่าข้อความนี้หมายถึงบัญชีทางการเงินใด และเมื่อมีการเขียนโปรแกรมเพื่อให้อ่านข้อมูลของบัญชีการเงินนั้นๆ เช่น ให้รวมยอดเงินสด หรือให้จัดทำอัตราส่วนทางการเงิน (financial ratios) ก็จะสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการนำเสนอข้อมูลที่มีคุณภาพสูงเพื่อใช้ต่อในการวิเคราะห์ข้อมูลของนักลงทุน
นายชาลีได้ตั้งชื่อแนวคิดนี้ว่าเทคโนโลยี XBRL (หรือที่ย่อมาจากคำว่า eXtensible Business Reporting Language) โดยได้นำเอาเทคโนโลยี XML (eXtensible Markup Language) ซึ่งเป็นภาษาโปรแกรมมิ่งที่รู้จักและนิยมใช้งานกันอย่างแพร่หลายของนักพัฒนาระบบงานโดยทั่วไป มาผนวกรวมกับแนวคิดการจัดทำคู่มือรหัสแถบสำหรับบัญชีการเงิน (ซึ่งนายชาลีเรียกมันว่า “Taxonomy”) และได้เริ่มแนะนำเทคโนโลยี XBRL กับผู้เกี่ยวข้องจำนวน 13 รายซึ่งเห็นชอบร่วมกันที่จะผลักดันแนวคิดนี้ให้ขยายขอบเขตการใช้งานให้กว้างขวางต่อไป

องค์กรหรือหน่วยงานในระดับสากลเริ่มใช้ XBRL มากขึ้นเพื่อสร้างมาตรฐานให้กับการรายงานข้อมูลการเงิน
จนถึงวันนี้ XBRL เริ่มเป็นที่รู้จักกันและมีการประยุกต์ใช้ในองค์กรที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลทางการเงินมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตลาดหลักทรัพย์ องค์กรกำกับสถาบันการเงิน องค์กรกำกับตลาดหลักทรัพย์และธุรกิจหลักทรัพย์ กรมสรรพากร หรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนบริษัท ดังตัวอย่างโดยสังเขปดังนี้
* ตลาดหลักทรัพย์ : ตลาดหลักทรัพย์โตเกียว (Tokyo Stock Exchange) ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ (Shanghai Stock Exchange) ตลาดหลักทรัพย์แห่งสเปน (Spain Stock Exchange) ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค (New York Stock Exchange) เป็นต้น
* องค์กรกำกับสถาบันการเงิน : US Federal Deposit Insurance Corporation (FDIC) แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา, ธนาคารแห่งประเทศสเปน (Bank of Spain), ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น (Bank of Japan) เป็นต้น
* องค์กรกำกับตลาดหลักทรัพย์และธุรกิจหลักทรัพย์ : สำนักงานกลต. แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (US SEC) องค์กรกำกับหลักทรัพย์แห่งประเทศจีน (China Securities Regulatory Commission – CSRS) องค์กรกำกับหลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์แห่งประเทศฮ่องกง (HK Securities and Future Commission) เป็นต้น
* องค์กรจัดเก็บภาษี : กรมสรรพากรแห่งประเทศญี่ปุ่น (National Tax Agency) กรมสรรพากรแห่งประเทศแคนาดา (Canada Tax Agency) กรมสรรพากรแห่งประเทศไอร์แลนด์ (The Irish Revenue Commission) กรมสรรพากรแห่งประเทศเนเธอร์แลนด์ (Dutch Tax Authority) เป็นต้น
* องค์กรที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานการรายงานข้อมูลทางการเงิน: International Accounting Standard Board (IASB), Financial Accounting Standard Board (FASB), CFA Institute เป็นต้น
* ผู้สอบบัญชีชั้นนำ: Price Waterhouse Coopers, KPMG International, Ernst & Young, Deloitte Touche Tohmatsu เป็นต้น
เทคโนโลยี XBRL กับมาตรฐานการรายงานงบการเงินในประเทศไทย
สำหรับประเทศไทย เทคโนโลยี XBRL ยังคงเป็นเรื่องใหม่ที่จะต้องแสวงหาความรู้เพิ่มเติมกันต่อไป อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่ผ่านมาได้เกิดความร่วมมือระหว่างองค์กรสำคัญๆ เช่น สำนักงานกลต. ธนาคารแห่งประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กรมสรรพากร กรมพัฒนาธุรกิจ (กระทรวงพาณิชย์) บริษัทผู้สอบบัญชี ฯลฯ ในการผลักดันและประยุกต์ใช้เทคโนโลยี XBRL อย่างจริงจังในประเทศไทย โดยโครงการแรกที่จะเป็นตัวพิสูจน์ถึงประโยชน์ของเทคโนโลยี XBRL กับการรายงานงบการเงินในประเทศไทย คือโครงการ XBRL นำร่อง (XBRL Pilot Project) ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่จะเริ่มใช้ในกลางปี 2550 ที่จะถึงนี้
ทั้งนี้ ผลสำเร็จของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี XBRL คงจะต้องมาจากการจัดโครงสร้างของคู่มือรหัสแถบสำหรับบัญชีการเงินไทย (Taxonomy) ที่ดีและมีมาตรฐานซึ่งทุกหน่วยงานจะสามารถนำไปใช้งานร่วมกันในอนาคต รวมถึงประโยชน์ที่เกิดขึ้นและพิสูจน์ได้จริงจากโครงการ XBRL นำร่องในครั้งนี้
http://xbrl.set.or.th/th/about/about.html
แมงเม่าบินเข้ากลางใจ
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
XBRL
โพสต์ที่ 6
... โชว์เทพ ก็คราวนี้แหละ :lol:
มากัดนะจ๊ะ
ขอบคุณมากๆนะครับคุณ alaster
มากัดนะจ๊ะ
ขอบคุณมากๆนะครับคุณ alaster

อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
- Little Boy
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1318
- ผู้ติดตาม: 0
XBRL
โพสต์ที่ 7
ว้าว พี่จุดทั้งสาม ... เปี๊ยนไป๋ 
ความรู้..อาจมีขอบเขตจำกัด แต่จินตนาการ..ไร้ขีดจำกัด
- crazyrisk
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4549
- ผู้ติดตาม: 0
XBRL
โพสต์ที่ 11
ผมหมายถึง... เขียน:หมอเคพิสูจน์มาแล้วเหรอครับ :mrgreen:
homosapiens. ครับ .... แหม คิดมากไปได้...

จริงๆ ผมอ่าน ของ พี่ สามจุดมานานแล้ว
ผมว่าแก ระดับ ต้นๆ ของเวปเหมือนกัน
เพียงแต่ว่า คนเก่งๆ มักไม่ค่อยแสดงว่าตัวเก่ง
อันนี้แหละปัญหาของผมเลยครับ ... ว่าจะขอสูตรลงทุนสักหน่อย...
"Champions aren't made in gyms. Champions are made from something they have deep inside them: A desire, a dream, a vision.
-
- Verified User
- โพสต์: 1817
- ผู้ติดตาม: 0
XBRL
โพสต์ที่ 12
ผมก็หมายถึงcrazyrisk เขียน:ผมหมายถึง
homosapiens. ครับ .... แหม คิดมากไปได้...
:oops: :oops:
homosapiens เหมือนกันครับ .... แหม คิดมากไปได้...

crazyrisk เขียน:จริงๆ ผมอ่าน ของ พี่ สามจุดมานานแล้ว
ผมว่าแก ระดับ ต้นๆ ของเวปเหมือนกัน
เพียงแต่ว่า คนเก่งๆ มักไม่ค่อยแสดงว่าตัวเก่ง
อันนี้แหละปัญหาของผมเลยครับ ... ว่าจะขอสูตรลงทุนสักหน่อย...
ผมก็ก๊อบเค้ามาทั้งนั้นแหล่ะครับ
หมอเคปากหวานแบบนี้ มิน่าสาวๆถึงได้ระทวย :oops:
แมงเม่าบินเข้ากลางใจ
-
- Verified User
- โพสต์: 1289
- ผู้ติดตาม: 0
XBRL
โพสต์ที่ 13
ถ้ามันเอาไปใช้ได้ทุกองค์กรขนาดนั้น ปัญหา น่าจะเป็นเพราะ พี่ไทย ทำบัญชี3-4อัน ไว้สับขาหลอก...ซึ่งภาษานี้คงเกิดยากในไทย 

^
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง