14 อรหันต์หุ้นปันผล จ่ายเกิน7%-จุดเก็บ830
--------------------------------------------------------------------------------
ทันหุ้น-ถึงจังหวะเก็บหุ้นปันผล ในช่วงตลาดหุ้นผันผวน สัปดาห์นี้ดัชนีไปไหนได้ไม่ไกล นักลงทุนรอผลตัดสินคดีประวัติศาสตร์ปตท. ศุกร์นี้ พร้อมลุ้นผลประชุมเฟดหั่นดอกเบี้ย ยิ่งลงแรงยิ่งโอกาสเหมาะ ให้จุดรับหุ้นคุ้มสุดๆที่ 830 จุด พร้อมเปิดโผ 14 หุ้นปันผลเด่นในรอบปี ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเกิน 7% นำทีม TMT ให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูงสุด 11.90% รองลงมา PSL ให้ผลตอบแทนเงินปันผล 9% หลังจ่ายระหว่างกาลไปแล้ว 5.60%
นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า จากแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์นี้ที่คาดว่าจะยังมีความผันผวน เพราะนักลงทุนยังรอความชัดเจนในเรื่องของผลการพิจารณาคดีของบริษัทปตท. จำกัด (มหาชน) PTT ในวันศุกร์ 14 ธันวาคม 2550 รวมถึงตลาดรอผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ช่วงสัปดาห์นี้ตลาดหุ้นคงยังแกว่งผันผวนรอผลของ PTT ทำให้ตลาดไปไหนไม่ไกลนัก ประกอบกับเรื่องดอกเบี้ยในต่างประเทศ หากเฟดมีการลดดอกเบี้ยก็จะทำให้ตลาดปรับฐานลงมาหลังจากรับข่าวเรื่องลดดอกเบี้ยไปก่อนหน้าแล้วนายสุกิจกล่าว
จุดเก็บหุ้น830จุด
ดังนั้นมองว่าหากดัชนีปรับตัวลงมาแรงระดับ 830 จุด จะถือเป็นจุดเข้าทยอยซื้อได้ โดยเฉพาะหุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนในรูปเงินปันสูงระดับ 7% ขึ้นไป และยังให้ผลตอบแทนในส่วนต่างกำไรจากราคาเหมาะสม เช่นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ DELTA ,CCET ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของกลุ่ม รวมถึงหุ้น ADVANC ,MCS และ DCC ที่ให้อัตราผลตอบแทนในรูปเงินปันในระดับสูง และสม่ำเสมอ
หุ้นปันผลก็ยังน่าสนใจถึงแม้ว่าในปีนี้จะไม่สูงเท่ากับช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา แต่ช่วงที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมาก็เป้นจังหวะที่จะเก็บ โดยเฉพาะกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โดยหุ้นไฮไลท์คือ DELTA และCCET เพราะนอกจากเงินปันผลสูงมากกว่า 7% แล้วยังมีกำไรจากอัพไซต์ราคาหุ้นอีกด้วยนายสุกิจกล่าว
โผ14หุ้นเด็ดปันผลงาม
นายกิตติ เหมนิลรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วงที่เหลือของปี 2550 นักลงทุนที่คาดหวังอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในช่วงประมาณต้นไตรมาส 2/2551 ถือเป็นจังหวะที่เหมาะแก่การเข้าลงทุน โดยเฉพาะหากราคาหุ้นนั้นมีการปรับตัวลดลงมา
หุ้นปันผลถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการลงทุน และใครที่คิดว่าช่วงเวลาการลงทุนในระยะเวลาที่เหลือของปีนี้เพื่อคาดหวังในเรื่องอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในช่วงต้นไตรมาส 2/2551 ของปีหน้าช่วงนี้ก็ถือเป็นจังหวะที่เหมาะสมในการเข้าลงทุนได้ โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาหุ้นลดลงมานายกิตติกล่าว
สำหรับหุ้นที่คาดการณ์ว่าจะให้ผลตอบแทนในรูปแบบของเงินปันผลสูงสุดสำหรับปี 2550 ใน 14 อันดับแรกที่ประมาณการว่าจะให้ผลตอบแทนอัตราเงินปันผลตั้งแต่ 7% ขึ้นไป ได้แก่หุ้น TMT ประมาณการอัตราเงินปันผลที่ 11.90% อันดับ 2 หุ้น PSL รวมทั้งปี 9.0% โดยบริษัทจ่ายไปแล้วในครึ่งปีแรกที่ 5.60% เหลือ 3.50% สำหรับครึ่งปีหลัง
อันดับ 3 หุ้น SPALI รวมทั้งปี 8.60% โดยจ่ายแล้วในครึ่งปีแรกที่ 3.40% เหลือ 5.1% สำหรับครึ่งปีหลัง ส่วนอันดับ 4 หุ้น MCS อัตราเงินปันผลที่ 8.0% อันดับ 5 หุ้น TISCO อัตราเงินปันผลที่ 7.50% อันดับ 6 หุ้น CSL อัตราเงินปันผลที่ 7.50% อันดับ 7 หุ้น DELTA อัตราเงินปันผลที่ 7.50%
ส่วนอันดับ 8 หุ้น HANA อัตราเงินปันผลที่ 7.40% อันดับ 9 หุ้น GMMM อัตราเงินปันผลที่ 7.0% อันดับที่ 10 หุ้น GRAMMY อัตราเงินปันผลที่ 7.0% อันดับ 10 หุ้น DCC อัตราเงินปันผลที่ 7.0% ส่วนอันดับที่ 11 หุ้น TCAP อัตราเงินปันผลที่ 6.90% อันดับที่ 12 หุ้น CCET อัตราเงินปันผลที่ 6.90% โดยจ่ายไปแล้ว 2.90% ในครึ่งปีแรก เหลือ 4% และหุ้น ADVANC อัตราเงินปันผลที่ 6.90%
ขณะที่หุ้นที่มีอัตราเงินปันผลสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดที่ 3.60% และให้ผลตอบแทนการลงทุนรวม หรือ Total Return (Capital Gain+Dividend Yield) สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 16.80% ซึ่งไม่รวมหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูงสุด 14 อันดับ ประกอบไปด้วยหุ้น TTA ,TOP , BEC , PTTCH , LPN , SAT , SVI , MAKRO ,TUF , ROJANA , PHATRA และ SCC
อย่างไรก็ตามสำหรับนักลงทุนระยะกลางถึงยาว ฝ่ายวิจัยยังคงแนะนำ ถือหุ้นในสัดส่วน 80% ของพอร์ตต่อเนื่อง และเน้นลงทุนหุ้นในกลุ่ม Domestic Play เป็นหลัก โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารพาณิชย์ อสังหาริมทรัพย์ พาณิชย์ และกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ที่ได้รับผลดีจากการขยายการลงทุนเพื่อผลิตอีโคคาร์ปีหน้า
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (11 ธ.ค.2550) ปิดที่ระดับ 840.45 จุด ลดลง 0.94 จุด หรือ 0.11% และมีมูลค่าการซื้อขายรวม 15,364.95 ล้านบาท
--------------------------------------------------------------------------------