PTT ไม่พ้นเขตอันตราย รอตัดสินเพิกถอนศุกร์นี้

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
vichit
Verified User
โพสต์: 15833
ผู้ติดตาม: 0

PTT ไม่พ้นเขตอันตราย รอตัดสินเพิกถอนศุกร์นี้

โพสต์ที่ 1

โพสต์

PTT ไม่พ้นเขตอันตราย รอตัดสินเพิกถอนศุกร์นี้

PTT เด้งรอบนี้ยังไม่พ้นเขตอันตราย เหตุยังมีเส้นตายศาลปกครองสูงสุดตัดสินคดีเพิก
ถอน ปตท.รอบแรก 30 พ.ย.นี้ นัดนี้คาดการณ์ยากเหตุตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุดออก
โรงยันไม่ฟังเสียงประชามติ การพิจารณาขึ้นอยู่กับเนื้อหาและข้อเท็จจริงของข้อมูลเท่านั้น
ส่วน ประเสริฐ บอสใหญ่ PTT เชื่อแปรรูปถูกทาง-ทำดีเพื่อประเทศชาติกว่า 5-6 ปีน่าจะส่ง
อานิสงส์ให้แคล้วคลาดคดีบ้าง 4 โบรกเกอร์เชื่อจุดจบสวย
นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย)
จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สัญญาณหุ้น PTT รอบนี้ปรับเพิ่มขึ้นทางเทคนิคเท่านั้น ยังไม่ได้สะท้อน
ข่าวดีทั้งการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มที่จะเกิดขึ้นปลายปีนี้หรือ กรณีศาลปกครองนัดฟังคำคิดเห็น
เบื้องต้นในวันศุกร์นี้ ดังนั้นถือว่าเส้นอันตรายยังคงมีอยู่ ดังนั้นการเข้าลงทุนหุ้น PTT อาจต้องรอดู
ผลการพิจารณาคดีเบื้องต้นในวันศุกร์นี้ก่อน อย่างไรก็ตามคำแนะนำเบื้องต้นคือซื้อเก็งกำไร โดย
ให้แนวรับ 360 บาท แนวต้าน 382 บาท
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ สินเอเซีย จำกัด กล่าวว่า ในวันที่ 30 พ.ย.นี้ ศาล
ปกครองสูงสุดนัดพิจารณาคดีเพิกถอนพระราชกฤษฏีกาแปรรูป ปตท.เป็นครั้งแรกและคาดว่าจะมี
การตัดสินก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งผลการตัดสินน่าจะจบลงด้วยดี และไม่น่าจะเลวร้ายถึงขั้นเพิกถอน
PTT ออกจากตลาด สำหรับผี 51 คาด PTT จะมีกำไรปกติเพิ่มขึ้น 19.5% จากปีนี้ จากการรับรู้
รายได้จากที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจก๊าซธรรมชาติและจากการรับรู้กำไรของ PTTEP ที่จะเริ่มดีขึ้นในปี
51 หลังจากที่แหล่งอาทิตย์ดำเนินการผลิตก๊าซได้ในช่วงครึ่งแรกปี 51
ขณะที่บทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่า
สัปดาห์นี้ปัจจัยที่น่าจับตาคือความเห็นของศาลปกครองที่มีต่อคดีแปรรูปของ PTT หากออกมาดีก็
จะผลักดันให้ดัชนีปรับขึ้นได้ แต่หากออกมาแย่กว่าที่คาด ดัชนีก็มีสิทธิ์อ่อนตัวอีกรอบ แต่เชื่อว่าไม่
ถึงขั้นถูกเพิกถอนออกจากตลาดแน่
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด กล่าวถึงกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
พลังงานประกาศลอยตัวราคาก๊าซหุงต้ม (LPG)ในช่วงก่อนการเลือกตั้งนี้ เนื่องจากสร้างภาระหนี้
กองทุนน้ำมันพุ่งสูงเกือบ 8 พันล้านบาท และเพื่อต้องการสกัดกลุ่มผู้บริโภคที่นิยมใช้ก๊าซ LPG
ในรถยนต์ ว่า สำหรับกลุ่มที่จะได้รับผลประโยชน์จากปัจจัยการลอยตัวราคา LPG คือ กลุ่ม
พลังงาน โดยเฉพาะ บมจ.ปตท.(PTT) ที่จะเป็นผู้ผลิตและได้รับผลประโยชน์จากขายก๊าซตาม
ราคา ส่วนกลุ่มที่เสียผลประโยชน์จากประเด็นนี้คือ กลุ่มปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ อย่าง บมจ.ปตท.
เคมิคอล (PTTCH) ที่จะต้องใช้ LPG ในการผลิตอุตสาหกรรมปิโตรเคมี แต่คาดการณ์ว่าจะไม่
ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะมีสัดส่วนการแบ่งผลกำไรกับ PTT อยู่แล้ว
             ส่วนกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มกับขนส่งและโลจิสติกส์นั้น ไม่ค่อยได้รับผลกระทบมากนัก
เนื่องจากเป็นปรับราคาเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย อีกทั้งกลุ่มขนส่งส่วนใหญ่มีการใช้น้ำมันเป็นหลักไม่
ใช่ LPG
    จริงๆแล้วผลกระทบหลัก น่าจะตกอยู่ที่ผู้บริโภคทั่วไปมากกว่า เพราะจะมีการปรับ
ราคาก๊าซเพิ่มขึ้น รวมทั้งกลุ่มคนขับรถแท็กซี่จะปรับราคาค่าโดยสารเพิ่มขึ้นตาม ซึ่งมองว่าทาง
รัฐต้องพยายามให้คนหันมาใช้ NGV มากกว่า LPG ให้ได้ เพราะปริมาณ LPG ที่ต้องแบ่งไปให้
กับผู้ใช้รถนั้น หากนำไปประกอบในธุรกิจปิโตรเคมีจะสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศเป็น
จำนวนมากนักวิเคราะห์ กล่าว
ทั้งนี้จากประเด็นข่าวดังกล่าว แนะนำให้นักลงทุนซื้อในหุ้น PTT-PTTCH เนื่องจากทั้ง
สองบริษัทมีผลการดำเนินงานในปีนี้ค่อนข้างดี และมีอัตราการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดย
ประเมินราคาพื้นฐาน PTT ที่ 436 บาท และ PTTCH ที่ 139 บาท ปี 51 ที่ 167 บาท
    นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ
PTT เปิดเผยถึงการพิจารณาเพื่อตัดสินคดีแปรรูป ปตท. ของศาลปกครองในที่ 30 พ.ย.นี้ ว่า
บริษัทได้ให้ข้อมูลกับศาลฯไปหมดแล้ว ซึ่งก็แล้วแต่ศาลฯจะพิจารณาว่าจะมีผลสรุปออกมาอย่างไร
    ตอนนี้อย่าเพิ่งคาดเลยว่าจะมีผลออกมาแบบไหน แต่มั่นใจว่าตั้งแต่แปรรูปฯที่ผ่านมา
บริษัทก็ทำประโยชน์ให้ชาติมาตั้ง 5-6 ปีก็น่าจะส่งผลดีมาบ้าง นายประเสริฐ กล่าว
สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมันในปัจจุบัน ยอมรับว่าราคาขายปลีกยังไม่ได้สะท้อนถึงต้น
ทุนที่แท้จริง ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วต้องบวกจากราคาหน้าปั๊มไปอีก 1.50 บาท ส่งผลให้บริษัท
ต้องแบกภาระไปวันละ 40 ล้านบาท
    นายประเสริฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับราคาเอ็นจีวีนั้นคาดว่าจะตรึงไว้ที่ 8.5 บาทต่อ
กิโลกรัมจนถึงปีหน้า เพื่อเป็นการกระตุ้นผู้บริโภคให้หันมาใช้เอ็นจีวีแทนการใช้น้ำมันที่ผันผวน
มากกว่า ส่วนแนวโน้มการปรับราคานั้นจะพิจารณาจากจำนวนผู้ใช้อีกครั้งว่าจะมีมากแค่ไหน
สำหรับปัญหาในตอนนี้คือจำนวนปริมาณปั๊มที่ให้บริการไม่พอเพียงก็เตรียมแก้ไขโดยการขยาย
ปั๊มถึง 553 แห่งภายในสิ้นปี 54 โดยปัจจุบันมีอยู่แล้ว 163 แห่ง
อย่างไรก็ตามคาดว่ากำไรในไตรมาส 4/50 น่าจะทรงตัวต่อจากไตรมาส 3 แต่ทั้งนี้ยัง
ให้รายละเอียดไม่ได้ ส่วนทั้งปีก็น่าจะมีกำไรใกล้เคียงกับปีก่อน

ที่มา : น.ส.พ. กระแสหุ้น
โพสต์โพสต์